ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงอธิฏฐาน

    ลำดับตอนที่ #8 : งานเลี้ยงโรแมนติก มาอ่านต่อนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นนนนน^^

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 54


    8.

    หญิงสาวสำรวจชุดสวยที่สวมใส่ วันนี้โยสิตาอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสั้นสีขาว ช่วงเอวเป็นผ้าซีทรู ท่อนล่างเป็นกระโปรงลูกไม้สั้นโชว์เรียวขาได้รูป เข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสุภาพสีเดียวกัน และเพื่อไม่ให้ดูโป๊จนเกินไป หญิงสาวก็สวมทับไว้อีกทีด้วยเสื้อกั๊กผ้าลูกไม้บางๆ เท่านี้ก็ดูเรียบร้อยขึ้นเป็นกอง

    เจ้าของร่างบอบบางกลมกลึงหมุนตัวดูความพร้อมอยู่หน้ากระจก แล้วก็สะดุดกับกำไลข้อมือหยกของตัวเอง นั่นเพราะหยกสีมรกตที่เคยสดใสเป็นประกาย วันนี้ดูสีคล้ำ หม่นหมองไปอย่างไรชอบกล

    เธออดนึกไปถึงความเชื่อของหยก อย่างที่เคยได้ยินมาไม่ได้

    เขาว่า หยกเป็นเครื่องรางบอกเหตุล่วงหน้าได้ หากเจ้าของมีเคราะห์หามยามร้าย หยกที่เคยสดใสก็จะหม่นหมองลงไป และหยกสีเขียวสวยบนข้อมือซ้ายของเธอเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้กลับหม่นสีลงไปผิดตา

    โยสิตาไม่สบายใจวูบ หนักอึ้งในหัวอกอย่างบอกไม่ถูก หากหญิงสาวพยายามปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป เธอไม่มีเวลามานั่งกังวลเรื่องไร้สาระหรอก

    ค่ำคืนนี้ที่รอคอยมาถึงแล้ว วันนี้ทุกอย่างจะกระจ่างเสียที!

    “ก๊อกๆ”

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ส่วนตัว เสียงของบิดาที่ดังตามเข้ามาทำให้โยสิตาค่อยยิ้มออกมาได้

    “แต่งตัวเสร็จหรือยังลูกโย”

    “เสร็จแล้วค่ะคุณพ่อ”

    โยสิตาวิ่งไปเปิดประตูห้องต้อนรับบิดา ใบหน้าหวานแจ่มใสเปี่ยมรอยยิ้มละมุน หากทว่าสีหน้าของคุณอธินกลับไม่แช่มชื่น หนำซ้ำยังติดจะบูดบึ้งเสียด้วยซ้ำ

    “ลูกนัดให้เขามารับหรือ” จู่ๆคนเป็นบิดาก็เอ่ยถามเช่นนั้น ทำเอาลูกสาวขมวดคิ้วมุ่น

    “เขาไหนหรือคะคุณพ่อ”

    “ก็ลูกชายคนเล็กของนายกสินทร์นั่นไง เขามารอรับลูกอยู่ที่ห้องรับแขกแน่ะ” คุณอธินขยายความต่อน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่สบายใจ เท่านี้โยสิตาก็ทราบแล้วว่าคุณพ่อของเธอโมโหเรื่องอะไร

    “หนูเปล่านะคะ หนูไม่ได้สนใจอะไรคุณกฤตธรเขาเสียหน่อย แล้วหนูกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย...หนูไม่ได้นัดให้เขามาที่บ้านเราจริงๆนะคะ สาบานได้”

    “เอาเถอะๆ จวนจะได้เวลาแล้ว รีบไปทำงานของลูกเถอะ เราต่างคนต่างทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ดูแลตัวเองนะลูก”

    คุณอธินตัดบท เขาเชื่อลูกสาว และรู้สึกเป็นห่วงโยสิตาอย่างประหลาด

    หัวใจของเขามันหนักอึ้ง หดหู่ชอบกล เขาควรจะดีใจที่จะได้มีโอกาสเข้าไปตรวจสอบจารึกจันทปุระที่หายสาบสูญไปถึงสิบปีต่างหาก...แต่ไม่รู้ทำไมใจจึงกระวนกระวายสับสนตั้งแต่ที่เห็นกฤตธรในชุดสูทสีขาวสะอาดอย่างกับเจ้าชายมารอรับลูกสาวเมื่อครู่นี่แล้ว

    ความจริงกฤตธรก็เป็นชายหนุ่มที่ดีพร้อม ดูน่าไว้วางใจ หากฝ่ายนั้นจะไม่ใช่ลูกกชายของคนคดโกงอย่างนายกสินทร์ คุณอธินคงสบายใจมากกว่านี้

    หนุ่มใหญ่มองตามหลังร่างบางในชุดราตรีสั้นแสนสวยอย่างกับนางฟ้าน้อยๆไป อดเป็นกังวลไม่ได้

    เขาอยากให้ เรื่องระหว่างโยสิตากับกฤตธร มันจะไม่จบสิ้นลงในค่ำคืนนี้...แต่ไม่แน่ใจจริงๆ ว่ามันจะเป็นการจบสิ้น หรือ “เริ่มต้น”ใหม่ กันแน่


    ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าขาวคมสัน ในชุดสูทสีขาวสะอาดเสริมบุคลิกของเขาให้ยิ่งเด่นจับตาทำเอาหญิงสาวซึ่งก้าวออกมาถึงกับหยุดชะงัก นิ่งมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตะลึง

    โยสิตาหวนนึกไปถึงวันแรกที่เจอเขา เธอตื่นขึ้นมาจากอาการสลบแล้วก็พบใบหน้าเรียวคมสันของอีกฝ่ายลอยเด่นอยู่เต็มสองตา หัวใจดวงน้อยพลันเต้นถี่ระรัว ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงใบหน้านวลลออจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

    แก้มเธอร้อนวูบวาบ แม้จะตบแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสำอางบางๆมาแล้ว แต่ใช่ว่าโยสิตาจะสามารถปกปิดความทึ่งแกมชื่นชมที่มีต่อคนตัวโตตรงหน้าได้

    “คุณ...คุณมาทำอะไร ฉัน...ไม่ได้นัดคุณเอาไว้นี่คะ” ดูเถอะ เสียงเธอยังกุกกัก ติดขัดไปหมดจนน่ารำคาญตัวเอง

    เย็นไว้ยายโย...ก็แค่ผู้ชายหล่อและดูมีอำนาจ น่าทึ่งอย่างกับเจ้าชาย ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูดี ความจริงแล้วกฤตธรก็ต้องนิสัยไม่ดีเหมือนนายกสินทร์พ่อของเขานั่นล่ะ!

    “ผมมารับคุณไปทำงานไง วันนี้คุณสวยมากเลยนะครับ” กฤตธรยิ้มละไม มองเธอด้วยแววตาบ่งบอกความชื่นชมโดยไม่ปิดบัง คนตัวเล็กเลยยิ่งเขิน แทบก้าวขาไม่ออก

    คนบ้า เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งสวยอวดเขาเสียหน่อย ที่ต้องแต่งตัวดีอย่างนี้ก็เพราะเห็นว่าเป็นงานในโรงแรมหรูระดับโยธกาธานีหรอก ไม่อย่างนั้นอย่าหวังเลยย่ะ!

    “ขอบคุณที่กลั้นใจชมค่ะ” โยสิตาเกลื่อนความเขินด้วยการแขวะอีกฝ่าย พร้อมทำหน้างอง้ำ

    “ใครว่าผมกลั้นใจ มารู้ใจผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย” กฤตธรหัวเราะ สดใส ทำเอาอีกฝ่ายหน้าม้าน ต้องรีบเดินดุ่มๆผ่านร่างสูงของเขาไปอย่างรวดเร็ว

    อยู่ต่อหน้าดวงตาคมกริบพริบพราวคู่นั้นของกฤตธร เธอใจสั่นหวั่นไหว ไม่เป็นปกติเลย โยสิตาโกรธตัวเองที่เหมือนจะเอนเอียงเข้าข้างศัตรูโดยใช่เหตุ

    ไม่นะ เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิดเดียว

    “ไม่ต้องรู้ใจก็เดาได้ค่ะ ไม่เห็นจะยากเลย”

    “คุณโย เดี๋ยวสิครับ” กฤตธรก้าวตามมาทันและคว้ามือบางของหญิงสาวกุมกระชับเอาไว้ ทำเอาคนที่กำลังก้าวเดินดุ่มๆสะดุดกึ้ก หันขวับมามองอย่างเสียมิได้

    เป็นการประจันหน้ากันในระยะใกล้ชิดที่ยิ่งทำให้เธอตื่นตระหนก ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างกันแค่คืบ เด่นชัดกระจ่างแก่สายตาและความทรงจำส่วนลึกของเธอ โยสิตาเหมือนเห็นภาพซ้อนทับระหว่างกฤตธรและเจ้าชายอริยะ ชายหนุ่มในความฝันของเธอคนนั้น

    “คุณโย เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” กฤตธรรีบถาม เมื่อแลเห็นคนตัวเล็กหลับตาลง หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน

    “เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” เธอรีบลืมตาขึ้นมาพร้อมส่ายหน้า

    “ไม่จริงหรอก หน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย ไหน...มีไข้หรือเปล่า” กฤตธรถือวิสาสะแตะฝ่ามืออุ่นอีกข้างหนึ่งของตัวเองเข้ากับหน้าผากเนียนของหญิงสาว เธอหยุดยืนให้เขาวัดความร้อนอย่างเผลอไผล อบอุ่นกับกิริยาห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ กระทั่งเสียงกระแอมกระไอของคุณอธินดังขึ้น

    “อะแฮ้ม”

    “คุณพ่อ” โยสิตาสะดุ้งน้อยๆ รีบดึงมือและถอยหลังหนีออกห่างจากกฤตธรทันควัน แต่ก็ช้าไปเสียแล้วกับสายตาดุเข้มของบิดาที่มองมาอย่างตำหนิ

    “คุณโยแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว งั้นผมขออนุญาตพาคุณโยไปที่งานก่อนนะครับคุณอา” กฤตธรส่งยิ้มผูกมิตรให้ผู้อาวุโสกว่ามาก ใช้ความจริงใจเป็นที่ตั้ง แม้ว่าท่าทางคุณอธินจะ “หวง” ลูกสาวเพียงใด แต่เขาก็จะไม่ย่อท้อ

    ภาษิตว่าไว้ ด้านได้อายอด อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ!

    “เชิญครับ...ผมฝากยายโยด้วย อีกสักชั่วโมงแล้วผมจะตามไปสมทบนะครับ”

    คุณอธินจำต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อน เขายกมือรับไหว้กฤตธรก่อนจะมองดูลูกสาวคนเดียวเดินเคียงคู่ไปด้วยกันกับอีกฝ่าย

    ดูเหมาะสมกันอย่างกับเทพอุ้มสม ใครที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็คงอดคิดไม่ได้ว่าลูกสาวของเขาเป็นแขกคนสำคัญของกฤตธร

    หนุ่มใหญ่ถอนหายใจเฮือก พยายามบอกตัวเองให้เชื่อมั่นในตัวลูกเข้าไว้ โยสิตาเป็นเด็กฉลาด ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวังมาก่อนเลยสักครั้ง และครั้งนี้เขาก็เชื่อว่า ลูกฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร


    หญิงสาวกระชับกล้องถ่ายวิดีโอในมือเตรียมพร้อมตั้งแต่ที่ประตูไม้บานใหญ่ สลักลวดลายสวยวิจิตรบรรจงค่อยๆ เปิดออกให้เห็นส่วนจัดงานด้านใน ซึ่งครั้งนี้จัดเต็มรูปแบบ ตบแต่งประณีตตระการตา ทั้งช่อดอกไม้ละลานตามากมายเป็นซุ้มทั่วห้อง และผ้าม่านจับจีบเป็นโบสีชมพูหวานสลับขาวลออสะอาดตา ใต้ตู้กระจกโชว์ของโบราณมีหลอดไฟดวงเล็กๆส่องสว่างให้เห็นของที่อยู่ด้านในชัดเจนขึ้น แลดูโดดเด่นท่ามกลางแสงสลัวของบรรยากาศอ่อนหวาน กรุ่นอวลไปทั่วด้วยกลิ่นกุหลาบและบุหงาหอมละมุน

    ถัดจากจากห้องจัดนิทรรศการออกไป มีบันไดปูพรมกำมะหยี่สีแดงทอดลงไปสู่สวนกว้างซึ่งบัดนี้ประดับแสงไฟดวงน้อยสีครามสลับขาววิบวับพริบพรายอย่างกับงานเฉลิมฉลอง ตามจุดต่างๆทั่วสวนมีโคมไฟดีไซน์เป็นรูปดอกบัวกำลังแย้มกลีบประดับเอาไว้ ยิ่งดูอ่อนหวานละมุนละไม สายลมโชยเอื่อยเย็นสดชื่นแสนผ่อนคลาย ช่างเป็นงานเลี้ยงที่สุดแสนโรแมนติกราวกับอยู่ในภาพฝันของจิตรกรเลื่องชื่อ

    “ไม่ต้องตะลึงขนาดนั้นก็ได้คุณ งานนี้ที่เราต้องจัดให้โรแมนติกหน่อย ก็เพราะพี่ชายผมเขาจะขอคุณเมคนรักเขาแต่งงานน่ะ”

    กฤตธรอมยิ้ม พลางก้มลงไปกระซิบกระซาบบอกหญิงสาว ที่ยังคงนิ่งมองทุกอย่างด้วยตาโตตื่นเต้น

    เธอสังเกตเห็นโคมกระดาษสาใบหนึ่ง แขวนอยู่ที่มุมตรงกลางห้องจัดนิทรรศการ ลักษณะโคมใบนั้นช่างคุ้นตา จนอดเอ่ยปากถามไม่ได้

    “นั่นโคมอะไรคะคุณกฤต”

    “โคมเสี่ยงทายน่ะ” เขาตอบยิ้มแย้ม เต็มอกเต็มใจ “คุณเกรียงเขาเป็นคนเสนอความคิดให้เอาโคมนี้มาประดับน่ะ เขาบอกว่า กษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในอาณาจักรจันทปุระ จะเลือกคู่ด้วยการทำพิธีเสี่ยงทายด้วยโคมลอย หากโคมลอยไปตกลงต่อหน้าสตรีใด และสตรีผู้นั้นเป็นคนเก็บโคมเสี่ยงทายได้ ที่โคมก็จะปรากฏชื่อของนางขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ และนางก็คือคู่บุญบารมีของผู้เป็นเจ้าของโคมเสี่ยงทายนั้น”

    โยสิตาเหลียวมองกฤตธรตาโตแป๋ว ยิ่งฟังเขาเล่า ก็ยิ่งประหลาดใจ ทำไมช่างเหมือนความฝันของเธอเหลือเกิน

    แถมเขายังรู้จักอาณาจักรจันทปุระด้วย...

    “จันทปุระงั้นเหรอคะ...”

    “คุณคงไม่รู้จัก คุณเกรียงเขาเชื่อว่า จันทปุระเป็นนครโบราณที่สาบสูญไปเมื่อประมาณหนึ่งพันปีก่อน เป็นอาณาจักรเก่าแก่สมัยเดียวกับฟูนันหรือเจนละ ก็น่าจะราวๆ พุทธศตวรรษที่๖-๑๖นั่นเลยล่ะ”

    “อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าก็ได้นี่คะ” เธอติงเสียงเบา

    “อาจจะเป็นความจริงก็ได้นะครับ เพราะมีศิลาจารึกที่ไม่มีใครอ่านภาษาออกตกทอดกันมา ขนาดของจำลองที่คุณพ่อผมท่านได้มายังดูแล้วเก่าแก่มากเลย ไม่แน่หรอก บางที...จันทปุระอาจมีอยู่จริงก็ได้”

    โยสิตาเอียงคอมองอีกฝ่าย ดูเขาจะเชื่อมั่นเหลือเกินว่าของที่บิดาตัวเองมีอยู่เป็นแค่ “ของจำลอง”

    นี่เขาจะรู้เรื่องผิดกฎหมายที่คุณกสินทร์ทำด้วยหรือเปล่านะ

     “ก็...อาจจะเป็นอย่างนั้น...แต่ว่า กับแค่ลอยโคมออกไป อย่างนี้ถ้าผู้หญิงคนไหนเกิดรู้ล่วงหน้าก็มาดักเก็บโคม ได้แต่งงานกับพวกเชื้อพระวงศ์ สบายไปเลยสิคะ”

    “ชาวจันทปุระเชื่อว่า...เนื้อคู่ของแต่ละคน มาจากโองการของเทพเจ้า หากไม่ใช่คู่กันแล้ว ยังไงก็ต้องพลัดพราก”

    “เทพเจ้าหรือคะ คุณหมายถึง...”

    “พวกเขานับถือศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย ลัทธิที่ถือกันว่า พระศิวะเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ใต้อำนาจของพระศิวะเจ้าทั้งสิ้น”

    โยสิตาหลุบตาลงต่ำ ยิ้มนิดๆที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่ากฤตธรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของอาณาจักรจันทปุระไม่น้อยเลย

    “ถึงจะว่าเป็นโองการของเทพเจ้าก็เถอะค่ะ แต่ความจริงแล้วมันไม่ยุติธรรมอยู่ดี ผู้ชายสมัยก่อนมีเมียได้ตั้งหลายคน อะไรๆก็ต้องผู้ชายที่ได้เปรียบมากกว่าทั้งนั้น ทีผู้หญิงไม่เห็นมีใครสนใจ พ่อแม่ให้แต่งกับใครก็ต้องก้มหน้ารับชะตา แล้วก็ต้องทนอยู่กับสามีไปจนตลอดชีวิต”

    เสียงใสของโยสิตาแผ่วเศร้า หญิงสาวหลุบเปลือกตาลงต่ำ รันทดกับชะตาของผู้หญิงในสมัยก่อน

    “มันผ่านมาแล้วคุณโย ตอนนี้ผู้หญิงก็มีสิทธิ์เลือกได้เท่าๆกับผู้ชาย...ไม่ต้องโชคร้ายอย่างสมัยก่อนอีกแล้วนี่” กฤตธรปลอบเสียงนุ่มนวล

    “นั่นสิ สมัยนี้ผู้หญิงอยู่เป็นโสดตั้งเยอะแยะไป ไม่ต้องพึ่งผู้ชายอีกแล้วนี่เนอะ” หญิงสาวค่อยยิ้มออกมาได้ ต่างจากคนปลอบ ที่หน้ามุ่ยลงนิดๆ

    “คุณคิดอย่างนั้นไม่ได้สิ ผู้ชายดีๆมีให้คุณเลือกอยู่ทั้งคน ไม่เลือกล่ะเสียดายแย่นะคุณ”

    “ไหนกันผู้ชายดีๆ ทำไมฉันไม่เห็นเลยล่ะ” โยสิตาแสร้งเหลียวมองหาไปทั่ว แล้วก็ต้องสะดุดกึ้ก กระพริบตาปริบๆ เมื่อคนตัวโตขยับมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้า เสนอตัวเองโจ่งแจ้ง

    “ยืนอยู่ต่อหน้าคุณทั้งคน มองคุณตาหวานขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกหรือครับคุณโย”

    ไม่เพียงแค่ตาของเขาที่หวานหยด แต่เสียงทุ้มก็ยังหวานพอกัน

    โยสิตาอดยิ้มไม่ได้ แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าไม่เหมาะสม เจ้าตัวก็รีบหุบยิ้มฉับ ทำหน้าบึ้งกลบเกลื่อน

    “ไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันต้องทำงาน”

    เธอตัดบทแล้วทำท่าจะเดินผ่านเขาไปทำงานของตัวเอง นั่นคือถ่ายภาพเคลื่อนไหวในงานให้ครบถ้วนทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มยันจบงาน หากมือใหญ่ของชายหนุ่มกลับรั้งต้นแขนของหญิงสาวเอาไว้อีก

    โยสิตาเหลียวมามองอีกฝ่าย คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม

    “คุณไม่ต้องทำงานแล้วล่ะ คุณพ่อผมท่านให้คนของท่านมาทำหน้าที่บันทึกภาพงานนี้แล้ว ถือเสียว่า ผมจ้างคุณมาเป็นเพื่อนผมก็แล้วกันนะ”

    เขาบอกง่ายดาย หากคนฟังถึงกับหน้ามุ่ย ไม่พอใจ

    “ได้ไง ฉันมาทำงานนะคุณ ถ้าไม่ได้ทำงาน ฉันก็จะกลับ”

    “อุตส่าห์แต่งตัวสวยมาแล้ว อย่าเพิ่งกลับเลยนะคุณ ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิ ” กฤตธรคว้ามือเธอไปกุมไว้พลางออดอ้อนหน้าตาเฉย โยสิตาพยายามบิดมือบางของตัวเองให้หลุดจากอุ้งมือหนา แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอเลย

    หญิงสาวขึงตาดุใส่คนตัวโต โกรธที่ถูกกฤตธรหลอกให้มาร่วมงาน เขาไม่เห็นความสามารถของเธอเลย ก็แค่จะ “จีบ” อย่างนี้เท่ากับดูถูกกันชัดๆ!

    “น่า...นะคุณ...ถือว่า สงสารที่ผมไม่มีใครเป็นเพื่อนก็ได้”

    เขาอ้อนอีกแล้ว ทำหน้าจ๋อย น่าสงสารเสียด้วย

    “อย่างคุณน่ะเหรอไม่มีใครเป็นเพื่อน คุณจงใจจะแกล้งฉันมากกว่า”

    “เปล่านะ ทำไมคุณชอบมองผมในแง่ร้ายจัง” กฤตธรโอดครวญ จ้องหน้าหวานละมุนของหญิงสาวอย่างชื่นชมเปิดเผย มือใหญ่กุมกระชับมือบางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นลื่นของสิ่งที่อยู่บนข้อมือหญิงสาว

    กฤตธรนึกถึงข้ออ้างข้อใหม่ขึ้นมาได้ในพลัน

    “เอางี้นะคุณโย ถือว่า คุณช่วยอยู่งานนี้เป็นเพื่อนผม เพื่อตอบแทนกำไลหยกของคุณพ่อผม...ได้ไหม”

    “อย่าเอาเรื่องกำไลมาอ้าง ฉันไม่ได้อยากได้ของคุณสักหน่อย มันถอดไม่ออกต่างหาก” เธอเถียงเสียงเบาลง เริ่มไม่มั่นคงอย่างแต่แรก

    “ถึงถอดออก ผมก็ไม่เอาคืนหรอก มันเหมาะกับคุณออก รับไว้เถอะนะ ยังไงคุณพ่อผมท่านก็จำไม่ได้แล้ว ว่ามีเจ้ากำไลชิ้นนี้อยู่ด้วย”

    “หมายความว่ายังไงคะ” โยสิตาชะงักกึก นิ่วหน้ามองเขาอย่างฉงน

    “ก็ผมไปถามคุณพ่อท่านเรื่องกำไลหยกแล้ว แต่ท่านจำไม่ได้”

    “ของตัวเองก็จำไม่ได้หรือคะ”

    “คุณพ่อท่านสะสมของเก่าเยอะแยะมากครับ ที่เอามาแสดงในงานนี้เป็นแค่บางส่วนนิดหน่อยเท่านั้น คุณไม่รู้อะไร คุณพ่อผมท่านมีห้องเก็บของเก่าเป็นห้องห้องเลย ไม่แปลกหรอก หากท่านจะหลงๆลืมๆของไปบ้าง”

    “แต่ฉันก็ต้องคืนให้คุณพ่อคุณอยู่ดี” เธอรีบบอก กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด

    ใครจะอยากได้ของโจร นายกสินทร์เป็นนักสะสมของเก่าตัวยง ใครจะรู้ กำไลหยกที่อยู่กับเธอตอนนี้ก็อาจเป็นของจากตลาดมืดหนึ่งในจำนวนมากมายที่นายกสินทร์ซื้อมาสะสมก็ได้

    พวกเศรษฐีขี้โอ่ ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย!

    “หายไปไหนมาเจ้าเล็ก”

    ไม่ทันไร คุณกสินทร์ก็เดินเข้ามาทักทายลูกชายคนเล็ก สุ้มเสียงแช่มชื่น สดใส

    โยสิตาจำต้องหันไปเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเป็นครั้งแรก คุณกสินทร์เป็นชายสูงวัยร่างสูงเพรียวมีเค้าโครงหน้าเรียว ตาเล็กไม่คมสันเท่ากฤตธร แต่บุคลิกลักษณะของเขาดูมีอำนาจน่าเกรงขามไม่ต่างจากลูกชายของเจ้าตัวเลย

    “ผมไปรับคุณโยมาน่ะครับคุณพ่อ” กฤตธรบอกบิดาตามตรงไม่ปิดบัง และหันไปทางหญิงสาว รีบแนะนำให้เธอรู้จักกับบุพการีของเขาอย่างเป็นทางการ

    “คุณโย นี่คุณพ่อของผมเอง เจ้าของโยธกาธานีครับ”

    “สวัสดีค่ะ” โยสิตากระดาก ร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าขณะก้มลงยกมือไหว้คุณกสินทร์ตามมารยาท

    “ตามสบายนะหนู ถือว่าเป็นงานของตัวเอง ลุงฝากหนูดูแลเจ้าเล็กมันด้วยนะ ลุงต้องรับแขกเยอะ ไม่มีเวลา” คุณกสินทร์มองหญิงสาวหน้าหวานอ่อนเยาว์ด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู นึกถูกชะตา เขาเชื่อสายตาลูกชายอยู่แล้ว กฤตธรไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อนเลย

    “เอ่อ...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ...อีกเดี๋ยวหนูก็ต้องกลับแล้วละค่ะ”

    “ทำไมจะรีบกลับเสียล่ะ อยู่รอทานดินเนอร์ด้วยกันก่อนสิหนู...เจ้าเล็ก ไม่ชวนหนูโยสิตาอยู่ดินเนอร์ด้วยกันก่อนหรือ” บิดาหันไปเล่นงานลูกชายคนเล็กอย่างไม่พอใจ ซึ่งชายหนุ่มก็รับลูกในทันที

    “ผมต้องชวนอยู่แล้วล่ะครับคุณพ่อ แต่คุณโยคงไม่ไว้ใจผม ไม่รู้กลัวอะไร จะรีบกลับบ้านท่าเดียวเลย”

    “ฉันไม่ได้กลัวนะ” โยสิตาค้อนขวับ หน้ามุ่ย อีตา “คุณเล็ก” ทำไมไม่บอกคุณพ่อของเขาไปล่ะ ว่าตัวเองหลอกเธอมาน่ะ คนหน้าด้าน!

    “ถ้าหนูไม่มีธุระที่ไหน ลุงอยากให้อยู่จนถึงอาหารค่ำเลยนะ งานนี้มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายเลยนะ” คุณกสินทร์เอ็นดูหนุ่มสาวทั้งคู่ เขามองปราดเดียวก็รู้ว่ากฤตธรมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับหญิงสาวคนนี้

    ลูกชายคนโตก็กำลังจะแต่งงาน ส่วนคนเล็กก็มีคนรักแล้ว คุณกสินทร์รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

    “คุณพ่อ...นายเล็ก”

    เสียงทักของชายหนุ่มอีกคนดังเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา และโยสิตาก็ยิ่งอึดอัดขึ้นเป็นทบทวี เมื่อหันไปมองตามเสียงทักแล้วพบชายหนุ่มหน้าเรียวผิวขาวจัดรูปร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่ากฤตธรเสียอีก ข้างๆเขาก็มีหญิงสาวหน้าคมสวยแต่งหน้าจัด ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงเนื้อผ้ามันเงาระยิบระยับยิ่งเสริมให้หญิงสาวคนนั้นสวยเด่นดุจนางพญา

    “มาพอดีนายใหญ่ หนูเม มารู้จักกับหนูโยสิตา เพื่อนสนิทของนายเล็กก่อนสิ” คุณกสินทร์เปิดช่องขนาดนี้ ลูกชายคนเล็กจึงรีบรับลูกต่อทันควัน

    “คุณโย นี่พี่ชายผม พี่ใหญ่ กวินทร์ กับคุณเม เมธาวี ว่าที่เจ้าสาวของพี่กวินทร์ครับ”

    โยสิตาจึงไม่มีทางอื่น นอกจากจะต้องยกมือไหว้สองหนุ่มสาวที่คาดว่าอายุมากกว่าเธออย่างจำใจ

    ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ อย่างกับญาติพี่น้องของกฤตธรกำลัง “ดูตัว” เธออยู่อย่างนั้นล่ะ

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณโย...” กวินทร์รับไหว้หญิงสาว แอบพิจารณาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

    สวย...หวาน ดูบอบบางน่ารัก...เจ้าเล็กชอบผู้หญิงแบบนี้เองหรอกหรือ...

    “โยสิตาค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

    “คุณโยสิตาเป็นแฟนคุณเล็กหรือคะ” เมธาวีเอ่ยถามขึ้นตรงๆ ใบหน้างามเคร่งเครียด ตาคมดุฉาบสีสันวาววะวับซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด

    “เอ่อ...ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ดิฉันกับคุณกฤตธร...เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน เราเป็นเพื่อนกันมากกว่าค่ะ” โยสิตาตอบอ้อมๆ ความจริงอยากบอกว่า เธอกับกฤตธร ยังไม่เรียกว่า “เพื่อน” กันเลยด้วยซ้ำ!

    “เอาเถอะ จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ยังไงคืนนี้หนูต้องอยู่กินอาหารค่ำ ฉลองวันเกิดให้ลุงก่อน ตกลงนะ” คุณกสินทร์เอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ ท่าทางเขาดูเต็มอกเต็มใจต้อนรับจนโยสิตาไม่รู้จะเลี่ยงอย่างไร

    “เอ่อ...ได้ค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณลุง” หญิงสาวยกมือไหว้คุณกสินทร์อีกครั้ง พร้อมอวยพรสั้นๆ หากชายสูงวัยกลับยิ้มรับหน้าตาแช่มชื่น

    “ขอบใจจ้ะ พาหนูโยไปหาของว่างรองท้องก่อนสิเจ้าเล็ก” คุณกสินทร์หันไปส่งลูกชาย ซึ่งฝ่ายนั้นก็รีบตามน้ำไม่มีเก้อเขิน

    “งั้นผมกับคุณโย ขอตัวก่อนนะครับคุณพ่อ พี่ใหญ่...คุณเม”

    “ไปเถอะ” คุณกสินทร์เอ่ยปากอนุญาตลูกชายคนเล็ก แล้วนิ่งมองกฤตธรจูงมือโยสิตาเดินไปที่ซุ้มของว่างและเครื่องดื่มที่มุมซ้ายมือทางด้านนอกของสวนสวย ก่อนจะหันมาทางกวินทร์

    “เป็นยังไงบ้าง ว่าที่น้องสะใภ้ของแก ลองให้คะแนนสิเจ้าใหญ่”

    “นายเล็กเขาตกลงจะแต่งงานกับคุณโยสิตาแล้วหรือครับคุณพ่อ” กวินทร์ย้อนถามบิดาอย่างงุนงง เขาเพิ่งเคยพบโยสิตาเป็นครั้งแรก จึงยังไม่อาจฟันธงอะไรลงไปได้ แต่บิดากลับมีท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างประหลาด

    “ลองพามาแนะนำกับพ่ออย่างนี้ ก็แสดงว่าคงจริงจังด้วยล่ะ”

    “ยังไม่แน่หรอกนะคะคุณลุง” เมธาวีขัดขึ้นมากลางครัน “คุณเล็กเลือกมากจะตาย เมว่า...คุณเล็กคงไม่ยอมแต่งงานง่ายๆหรอกค่ะ”

    “หนูเมว่าอย่างนั้นหรือ” คุณกสินทร์หรี่ตามองสาวสวยตรงหน้า ดูออกว่าเจ้าหล่อนไม่ชอบหน้าโยสิตา

    “เมคิดอย่างนั้นค่ะ อย่างน้อยก็ต้องดูให้ดีก่อนว่าเทือกเถาเหล่ากอของคุณโยสิตาเธอเป็นใครมาจากไหน เหมาะสมกับคุณเล็กหรือเปล่า ไม่ใช่แค่หน้าตาท่าทางดีอย่างเดียว...นี่เมยังไม่ทราบเลยนะคะ ว่าคุณโยสิตาเธอทำงานอะไร เป็นเชื้อสายตระกูลไหน”

    “ลุงก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” คุณกสินทร์โคลงศีรษะยิ้มๆ ไม่ทุกข์ร้อน ต่างกับเมธาวีที่อุทานอื้ออึง

    “อ้าว คุณลุงยังไม่รู้จักครอบครัวของคุณโยสิตาหรอกหรือคะ”

    “ยังเลย ลุงก็เพิ่งเจอหน้าหนูโยสิตาก่อนเราสองคนไม่กี่นาทีเอง”

    “อ้าว แล้วอย่างนั้นคุณพ่อรู้ได้ยังไงว่าเจ้าเล็กจะแต่งงานกับคุณโยสิตาละครับ” กวินทร์เองก็งุนงง ท่าทางเชื่อมั่นเอามากๆของบิดา

    “ถามอย่างนี้ พ่อก็ไม่รู้จะตอบแกยังไงดีนะเจ้าใหญ่” คุณกสินทร์ถอนหายใจ อมยิ้มในหน้าอย่างผู้ทรงภูมิ “เอาเป็นว่า พ่อสังหรณ์ใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน ถ้าแกไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไปเถอะ”

    ผู้เป็นบิดาทิ้งท้ายเอาไว้เช่นนั้นก่อนจะขอตัวเดินไปต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติซึ่งเริ่มทยอยเข้ามาในงานแล้ว ทิ้งให้หนุ่มสาวคู่รักมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

    อะไรทำให้คุณกสินทร์มั่นอกมั่นใจได้ถึงขนาดนั้น กับกวินทร์ยังไม่เท่าไหร่ แต่เมธาวีสิที่ไม่มีความสุขเอาเลย

    กฤตธรจะมีคนรักได้อย่างไร...เขาไม่เห็นหรือไรว่าเธอต่างหากที่สนใจเขามาตั้งนานแล้ว

    เมธาวีคิดว่ากฤตธรเองก็ต้องสนใจเธอบ้างไม่มากก็น้อย เพียงแต่เขาติดพี่ชายตัวเอง จึงไม่กล้าแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา ที่เขาหันไปคว้ายายโยสิตาอะไรนั่น ก็เพียงเพื่อต้องการจะปกปิดความรู้สึกที่มีต่อเธอ

    เพราะกวินทร์...ถ้าไม่มีกวินทร์สักคน กฤตธรคงกล้ายอมรับ ว่าความจริงแล้วเขาชอบเธอต่างหาก ไม่ใช่ยายโยสิตาอะไรนั่น!!

    ----------------------------------------------------------


    *******นางร้ายเริ่มโผล่มาอีกแล้ว ช่วยเป็นกำลังใจให้พระนางของเราด้วยนะคะ จุ๊บๆ^^


    ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามามากเลยนะคะ^^


    ษาค่ะ

    -----------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×