คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ต่อค่ะ ต่อความหวานของเจ้าชาย อิๆ^^
8.
แสงแดดสาดกระจายผ่านผ้าม่านเนื้อหนาเข้ามา บ่งบอกเวลาสายของวันมากแล้ว หากเจ้าหญิงเจ้าของตำหนัก ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
ฟาร่า ข้าหลวงรับใช้ใกล้ชิด ก้าวเดินอย่างเงียบกริบแผ่วเบาเข้าไปใกล้เตียงบรรทมของเจ้าหญิงจากต่างแดน พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิทหายใจเบาๆสม่ำเสมอ หากดวงหน้าอ่อนเยาว์งดงามนั้นกลับซีดเซียวลงอย่างน่าใจหาย ก็ร้อนใจชอบกล
เจ้าหล่อนกำลังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีอยู่นั้นเอง เสียงแหบแห้งของอมริสาก็ดังขึ้นมาแผ่วเบา
“ใครน่ะ?”
“หม่อมฉันเองเพคะ ฟาร่า ” เด็กสาวก้มหน้า ถวายความเคารพอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะเดินเข้าใกล้เจ้าหญิงจนชิดขอบเตียงหนานุ่ม “เจ้าหญิงทรงไม่สบายหรือเปล่าเพคะ สีพระพักตร์ดูไม่ค่อยดีเลย?”
“ไม่รู้เป็นไร รู้สึกมึนๆ แล้วก็ไม่ค่อยมีแรงเลย หายใจก็ไม่สะดวกด้วย ” อมริสาบอกตามอาการที่เธอกำลังเป็นอยู่ให้อีกฝ่ายรับรู้
ช่วงหลายวันมานี้ เธอรู้สึกว่าตะครั่นตะครอตัว ไม่มีเรี่ยวแรง มึนงงอยู่บ่อยๆหากแต่วันนี้เป็นมากที่สุด ถึงขนาดแทบไม่มีแรงจะทรงตัวลุกจากเตียงนอนเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าหญิงโปรดรอซักครู่ หม่อมฉันจะรีบไปตามคุณหมอนะเพคะ”
ฟาร่าทำความเคารพเธออย่างรีบร้อนก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป อมริสาหลับตาลง นอนรอคอยฟังเสียงฝีเท้าของคุณหมอ ซึ่งคาดว่าฟาร่าจะไปตามมาพบเธอในเวลาอันใกล้ หากยิ่งรอสติของเธอก็ยิ่งเลือนลาง และเกือบดับวูบไปทีเดียว เมื่อมือหนาอบอุ่นของใครคนหนึ่งรั้งร่างเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงของเขา
อมริสาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เกือบต่อต้านขัดขืน ทว่ากลิ่นหอมคุ้นเคยที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ และกำลังอบอวลอยู่รอบๆตัวเธอ ทำให้หญิงสาวรู้สึกปลอดภัยจนไม่อยากขัดขืน
“ตัวร้อนมากเลยนะนี่ ” เสียงทุ้มพึมพำอยู่ใกล้ใบหูเธอนี่เอง “หมอเมื่อไหร่จะมาถึง ฟาร่าลองโทรไปตามอีกทีสิ”
“เพคะ”
เสียงรับคำของฟาร่าเงียบหายไปพร้อมๆกับเสียงประตูห้องที่ถูกปิดเข้าหากัน ในความเลือนลางของสติสัมปชัญญะนั้น หญิงสาวรู้สึกได้ถึงผ้าขนหนูเนื้อนุ่มชุบน้ำเย็นที่กดลงมาทั่วดวงหน้าของเธอ เพื่อช่วยขับความร้อน
เธอพยายามปรือเปลือกตาขึ้นมองเขาอย่างยากเย็น ภาพของคนตรงหน้าพร่าเลือน หากก็กระตุกหัวใจเธอให้สั่นไหว เต้นระรัวแรงขึ้นมาได้ในทันที
“เจ้าชาย ท่าน ” เสียงเธอแหบแห้งจนน่าตกใจ แต่อมริสายังไม่ทันเอ่ยอะไรต่อจากนั้น นิ้วเรียวสะอาดก็แตะลงมาบนกลีบปากนุ่มนิ่มของเธอเป็นเชิงห้ามปราม
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย พักผ่อนเถอะ เธอไม่สบายมากรู้ไหม?”
“ฉัน ฉันคงเป็นไข้น่ะค่ะ” คนป่วยยังดื้อ และแข็งขืนจะรายงาน
“ยังไงก็ต้องพักผ่อนให้มาก อีกเดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะ”
เฟรซาตอบปลอบโยนเสียงนุ่มละมุน อบอุ่นจนหญิงสาววางใจนัก ความเย็นสบายจากผ้าชุบน้ำที่เขาช่วยเช็ดหน้าให้ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด หากนั่นก็เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ
หลังจากที่คุณหมอมาตรวจอาการของเธอ และฉีดยาให้ อมริสาก็หลับยาวไปอีกถึงหนึ่งวันเต็มๆกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อกลางดึกของราตรีกาลอันหนาวเหน็บผ่านเข้ามาเยือน
ทะเลทรายในยามกลางวันแดดร้อนจัดจ้าราวกับจะเผาผลาญทุกสรรพชีวิตให้พินาศวอดวาย หากในยามกลางคืนนั้น ก็เย็นยะเยียบ บาดลึกเข้าไปทุกรูขุมขน
ความไม่พอดีของแผ่นดินแถบนี้ จำเป็นต้องอาศัยการปรับสภาพ ถ้าไม่ใช่คนพื้นเมืองที่เคยชิน ร่างกายก็จะทนทานกับความร้อนและเย็นไม่ได้
อมริสาขยับตัวอย่างเมื่อยขบ รู้สึกขมปร่าในลำคอ ร่างกายเบาหวิวไร้เรี่ยวแรง แสงไฟดวงใหญ่บนเหนือเตียงนอน ทำให้หญิงสาวซึ่งค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แลเห็นสรรพสิ่งรอบๆกายได้อย่างชัดเจนพอสมควร
หากที่เธอเห็นแล้วต้องรีบขยี้ตาใหม่ เพื่อดูให้แน่ใจอีกรอบ ก็คือร่างสูงของคนที่นั่งเท้าคางสัปหงกอยู่ข้างๆเตียงเธอนี่เอง
เจ้าชายเฟรซา!!?
อมริสาขยับลุกขึ้นนั่ง เสียงผ้าเสียดสีกันดังสวบสาบ รู้สึกได้ในความเงียบ และนี่เอง ที่ทำให้คนๆนั้นลืมตาคมกริบของเขาขึ้นมามองเธออย่างตื่นเต้น
“ริซซา เธอหายแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ ปราดเข้าไปกุมสองไหล่เล็กๆบอบบางของเธอเพื่อไถ่ถามอาการ
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตฉัน ” เจ้าหญิงจากต่างแดนก้มหน้าก้มตาตอบเสียงอ่อนเบา หากเจ้าชายเฟรซาหาได้สนใจตรงนั้นไม่
ที่เขาสนใจก็คืออาการของเธอเท่านั้น
“อืม ตัวหายร้อนแล้วนี่ ดีจริง” มือหนาแข็งแรงถูกเจ้าของใช้อังหน้าผากมนเพื่อวัดระดับไข้ “น่าจะนอนต่ออีกนะริซซา จะตื่นขึ้นมาทำไมกัน?”
“ฉัน ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ ” คนเจ็บหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีที่กลั้นใจบอกเขาไปอย่างนั้น “ฟาร่าไปไหนแล้ว เธอไม่ได้อยู่คอยดูแลฉันหรือคะ?”
“เราจะเป็นคนดูแลเธอเอง” เจ้าชายรัชทายาทขยายความจริงให้หญิงสาวได้รับรู้ เล่นเอาอมริสาตะลึงค้าง
“ว่าไงนะคะ เจ้าชาย ?” เธอร้องถามอย่างตระหนก ไม่คาดเลย ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้รับเกียรติสูงส่งจากเจ้าชายเฟรซาถึงเพียงนี้
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ เราเคยดูแลเธอมาแล้ว ลืมแล้วหรือไงกัน?”
เสียงนุ่มทุ้มกลั้วหัวเราะขบขัน ดวงตาคมกริบของเขาพราวระยับ ล้อแสงไฟ ชนิดที่คนเห็นหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเลย
จริงสิ เขาเคยดูแลเธออย่างเอาใจใส่มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว เจ้าชายองค์นี้ ทรงมีน้ำพระทัยดีต่อเธอเสมอ
หญิงสาวจำต้องปล่อยให้เขาช่วยประคองเข้าห้องน้ำ เจ้าชายทำท่าจะตามเข้าไปกับเธอด้วย ทว่าอมริสาดันอกกว้างของเขาเอาไว้สุดแรง
“ไม่ต้องเข้ามาค่ะ แค่นี้ฉันจัดการเองได้” คนเพิ่งฟื้นไข้หน้าแดงก่ำ เริ่มมีแรงขึ้นมากะทันหัน “ขะ..ขอบคุณที่มาส่งนะคะ “
เธอกลั้นใจตัดบทแล้วทำท่าจะปิดประตู แต่มือหนาของเฟรซากลับไวยิ่งกว่า
เพียงแวบเดียวเขาก็สามารถคว้ามือบางของเธอไปยึดเอาไว้ได้โดยละมุนละม่อม อมริสาดึงมือตัวเองออกจากอุ้งมืออุ่นของอีกฝ่าย ทว่าชายหนุ่มยังคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ เหมือนจะถาม หากเมื่อแลเห็นสายตาแห่งความห่วงใยของเขาที่ทอดส่งมาให้อย่างจงใจ คนตัวเล็กกว่าก็ถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่บอก
“ดูแลตัวเองดีๆนะ เราเป็นห่วง ”
ประโยคสั้นๆง่ายๆเปล่งออกมาเบาๆพร้อมกันกับที่เจ้าชายหนุ่มคลายอุ้งมือแข็งแรงของเขาออกจากมือบาง ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
อมริสารีบปิดประตูเข้าหากันทันทีที่คลายจากอาการมึนงง หวิวๆในหัวใจอย่างไรชอบกล
ราวกับว่า ถึงแม้เขาจะคลายมือจากเธอแล้ว แต่มันก็ไม่มีผลอันใดเลย
อมริสาหยิบแผนงานที่เจ้าชายเฟรซาส่งมาให้ดูตั้งแต่ก่อนจะล้มป่วยขึ้นมาศึกษาดูในระหว่างที่ยังนอนไม่หลับ อาการของเธอดีขึ้นมาก ไม่เวียนศีรษะแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงใช้เวลาระหว่างนี้ศึกษาความเป็นไปของโปรเจ็คงานตามแบบแปลนที่เจ้าชายเฟรซาเอามาให้ดูเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
เธอรู้ตัวว่าไม่ได้มีความรู้เชิงวิศวกรอะไรมากมายพอจะช่วยเขาได้ ที่ทำได้ ก็คงจะมีเพียงการเสนอความคิดเล็กๆน้อยๆที่น่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ตามแต่จะเห็นสมควรเท่านั้น
เมื่อได้อ่านรายละเอียดในแผ่นกระดาษปึกหนาตรงหน้า อมริสาจึงได้ทราบ ว่าเฟรซาคิดจะสร้างสวนสาธารณะขึ้นหลายแห่งทั่วเมือง โดยสวนสาธารณะของเจ้าชายหนุ่มในครั้งนี้ จะมีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของชาวซาฮาลรวมอยู่ด้วย ทั้งโบสถ์ วิหาร หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนของประชาชน ทุกอย่างถูกกำหนดไว้อย่างสวยงามลงตัว และคาดว่าน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่อไปในอนาคต
“ฉันว่า ที่ใจกลางสวน น่าจะมีน้ำพุ เลียนแบบน้ำพุที่อิตาลีไปเลย เธอว่าดีไหมฟาร่า?”
สาวใช้ซึ่งก้มหน้าคอยรับฟังคำสั่งอยู่ห่างๆสะดุ้งน้อยๆก่อนส่งยิ้มแหยๆให้กับเจ้านาย
“มะ ไม่ทราบเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเห็นน้ำพุที่อิตาลีนี่เพคะ”
คำตอบซื่อๆของฟาร่า ทำให้เจ้าหญิงผู้ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างอ่อนนุ่มต้องเลิกคิ้วเรียวของตนเองขึ้นสูง ดวงตากลมโตคู่หวานเหมือนเกล็ดดาวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“นั่นสินะ อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวอิตาลีเหมือนกัน”
“งั้นก็ขอให้เจ้าชายพาไปสิคะ เจ้าชายเคยไปมาแล้วหลายหน ถ้าเจ้าหญิงขอ เจ้าชายต้องพาเจ้าหญิงไปเที่ยวแน่ๆเลยค่ะ” สาวใช้เสนอความคิดอย่างลืมตัว ทว่าครู่ต่อมาเมื่อนึกถึงความเหมาะสมขึ้นมาได้ เจ้าหล่อนก็รีบก้มหน้างุด เอ่ยต่อมาด้วยเสียงสั่นเทา
“เอ่อ หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะสอนเจ้าหญิงนะเพคะ”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอซักหน่อย” เจ้าหญิงจากต่างแดน มองคนรับใช้ใกล้ชิดด้วยดวงตาที่อ่อนโยนเจือรอยขำ “ตรงข้าม ฉันอยากจะถามเธอต่างหาก”
“จะทรงถามอะไรหม่อมฉันหรือเพคะ?” ฟาร่าสุดแสนจะโล่งอก ที่เจ้านายไม่เอาเรื่อง นี่ถ้าเป็นเจ้าหญิงเซรียา เธอคงไม่พ้นโดนลงโทษตบปากเจ่อกินอะไรไม่ได้ไปหลายวันทีเดียว
เพราะเหตุนี้ ไม่ว่าเจ้าหญิงอมริสาต้องการจะถามอะไร ฟาร่าก็ยินดีและเต็มใจจะตอบท่านทั้งนั้น!!
“เธอ ” เสียงหวานใส จู่ๆก็เงียบหายไป ไม่ยอมถามต่อให้จบ สร้างความฉงนให้กับคนที่ตั้งใจรอฟังอยู่เป็นยิ่งนัก
ฟาร่าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหญิงอมริสา แล้วก็ต้องตาโตแป๋ว กับใบหน้าแดงระเรื่อ และท่าทีเก้อกระดากของเจ้าหญิง
“เธอแน่ใจได้ยังไง ว่าเจ้าชายจะพาฉันไปด้วย ?” ในที่สุด เจ้าหญิงจากจาดีลก็หลุดเสียงถามออกมาเขินๆฟาร่าได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้นมาในทันที
“ไม่ใช่แค่หม่อมฉันเท่านั้นที่ทราบหรอกเพคะ” ข้าหลวงส่วนตัวของเธอตอบกลับมาด้วยเสียงฉาดฉานมั่นใจ “หากแต่ทั่วทั้งซาฮาล ใครบ้างจะไม่ทราบ ว่าเจ้าชายของพวกเรา ดีต่อเจ้าหญิงเพียงไร”
อมริสาเบือนหน้าไปทางอื่นซ่อนความอาย ที่เธอรู้ดีว่ามันพวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำเดือด ร้อนไปหมดทั้งใบหน้าและลำคอเหมือนไข้จะกลับ กับคำพูดซื่อๆมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งของข้ารับใช้
ขนาดฟาร่ายังดูออก งั้นเสด็จลุงก็ต้องทรงรับรู้เรื่องนี้ด้วยแน่ๆ
หญิงสาวคิดในใจอย่างสับสนวุ่นวาย ตรองไม่ตก ไม่แน่ใจแล้ว ว่าควรจะทำอย่างไรกับตัวเองต่อไปดี
ประตูห้องโถงใหญ่ ประดับตกแต่งอย่างประณีตวิจิตรบรรจงสมฐานะแห่งท้องพระโลงแคว้นจาดีลถูกเปิดออกช้าๆตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ หนาแบบทหารที่ได้รับการฝึกฝนมานานที่เดินตัวตรงผ่านเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าร่างระหงส์ของผู้เป็นเจ้าเหนือชีวิต
ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้มศีรษะ เป็นการทำความเคารพเมเดเซีย หญิงสาวเจ้านครผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์หนังเสือแสนสง่างาม
“มาแล้วเหรอทรีฟ ว่ายังไง เรื่องที่ข้าให้ไปสืบ ได้ความไปถึงไหนแล้ว?” เสียงหวานทรงอำนาจเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เข้าเรื่องโดยไม่มีการทักทายเขาก่อนเลยแม้ซักคำ
หัวจิตหัวใจของหญิงสาวร้อนรุ่มอยู่ที่เรื่องของคนๆเดียวเท่านั้น อามาริซา
“เจ้าหญิงอามาริซาไปอยู่กับเจ้าชายเฟรซาครับ เจ้าชายทรงให้ความสนิทสนมกับเจ้าหญิงมาก เป็นที่คาดหมายไปทั่ว ว่า ทั้งสองพระองค์จะอภิเษกกันเร็วๆนี้ ”
มือเรียวซึ่งจับแก้วไวน์ชั้นเลิศอยู่เบาๆเมื่อครู่กดหนักขึ้นจนก้านแก้วหัก ไวน์สีขาวไหลเปรอะไปทั่วกระโปรงยาวเนื้อเนียนลื่นที่เธอสวมอยู่ ทว่าเมเดเซียจะสนใจซักนิดก็หาไม่
หญิงสาวจ้องตรงมาที่ข้ารับใช้คนสนิท หากแววตาคมกริบนั้น ไม่ได้หยุดอยู่ที่ทรีฟ เธอมองเลยลึกผ่านเขาไป ก่อนจะคำรามเสียงเหี้ยมเกรียม
“แต่งงานงั้นเหรอ มันคงอยากจะได้เป็นว่าที่ราชินีของซาฮาลจนตัวซีดตัวสั่น คงคิดอยากจะมาเทียบรัศมีกับข้ากระมัง นังโง่ ไม่รู้จักเจียมตัว ข้าจะให้บทเรียนที่มันกล้าบังอาจฮุบเอาแผนที่ขุมทรัพย์ไปเอง!!”
ทรีฟกลืนน้ำลายลงคอ ดูว่าราชินีของเขาจะชิงชังน้องสาวตัวเองเป็นอันมาก
“ท่านหญิงทรงแน่ใจได้อย่างไรครับ ว่าแผนที่จะอยู่ที่เจ้าหญิงอามาริซา?” เขากลั้นใจถามด้วยความอยากรู้ ปกติเขาก็รู้อยู่แล้วว่าองค์ราชินีฉลาดหลักแหลมและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าใคร ทว่าเหตุใด คนฉลาดอย่างพระนางจึงปล่อยให้แผนที่ที่ต้องการหลุดมือไปอยู่ในความครอบครองของเจ้าหญิงองค์น้องได้?
“ข้าคิดว่าท่านพ่อคงยกแผนที่อันนั้นให้นังอามาริซาเก็บรักษาไว้นานแล้ว ถ้าท่านพ่อเพิ่งยกให้มัน มีหรือจะรอดพ้นจากสายตาของข้าไปได้” เสียงเข้มกังวานโกรธแค้น ยังเจ็บใจตัวเองไม่หาย ที่เสียรู้พระบิดากับนังน้องตัวแสบในเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นนี้
พระบิดาทรงยกแผนที่ขุมทรัพย์สำคัญของจาดีลให้นังน้องทรยศของเธอ ทรงยกให้มัน ทั้งๆที่ทรงทราบดีว่ามันจะไม่มีวันได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากพระองค์เป็นอันขาด ท่านพ่อช่างเขลานัก ท่านทำอย่างนี้เพื่ออะไร จนบัดนี้เมเดเซียก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เธอต้องการนำขุมทรัพย์มาใช้พัฒนาประเทศ เพื่อให้จาดีลก้าวขึ้นสู่ความเกรียงไกร เป็นหนึ่งในดินแดนแทบนี้ ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อของเธอ ว่าเป็นราชินีหญิงเพียงคนเดียว ที่นำพาประเทศสู่ความยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับมหาอำนาจของโลกตะวันตก
“ถ้าแผนที่อยู่ที่เจ้าหญิงอามาริซาจริงๆ เราก็คงชิงจากท่านหญิงมายาก เจ้าชายเฟรซาทรงอยู่กับนางแทบตลอดเวลาเลยนะครับ” ลูกน้องคนสนิทรายงานต่อ คราวนี้คิ้วเรียวเข้มของหญิงสาวขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง
ใครจะนึกเล่าว่านังลูกไก่ในกำมือคนนั้น บัดนี้กลับมีราชสีห์คอยปกป้องคุ้มครองภัย การจะจับตัวมันมารีดความจริงเรื่องแผนที่ ไม่ง่ายอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว
นี่เป็นเพราะแผนที่ปลอมที่ทำให้เธอตายใจครั้งก่อนแท้ๆ!!
ยิ่งคิดเมเดเซียก็ยิ่งเจ็บใจนัก ทั้งหมดเป็นเพราะราเอลคอยยื่นมือช่วยเหลือนังอามาริซาเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ป่านนี้เธอคงได้แผนที่ของจริงมาอยู่ในกำมือไปนานแล้ว!!!
“มันต้องมีวิธีสิ อย่างน้อย ข้าก็เชื่อว่า คนในวังนั้น คงไม่ทั้งหมดหรอกที่พอใจกับการเข้าไปอยู่ของอามาริซา เจ้าจงหาช่องทาง ทำยังไงก็ได้ จ้างคนข้างในวังซาฮาล ให้หลอกล่อพานังอามาริซาออกมานอกวัง แล้วจับตัวมันมาให้ข้าให้ได้”
หญิงสาวสั่งเสียงกร้าว นัยน์ตาเดือดดาล ดุร้าย ราชองครักษ์คนสนิทรับคำอย่างแข็งขัน ก่อนจะขอตัวรีบไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป” เมเดเซียเรียกเขาไว้ก่อนที่ทรีฟจะเดินไปถึงประตู เขาหันกลับมาก้มศีรษะให้เจ้านาย รอรับฟังคำสั่งของเธออย่างจงรักภักดียิ่ง “อย่าให้ราเอลรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าเขารู้ แผนทุกอย่างของข้าคงพังทลายไม่มีเหลือ..เข้าใจใช่ไหม?”
“ครับ กระหม่อมจะจัดการให้เงียบเชียบ ชนิดที่ราเอลไม่มีทางรู้เด็ดขาด”
เขารับคำมั่นอกมั่นใจ สร้างความพึงพอใจแก่เมเดเซียยิ่งนัก
ลับหลังร่างสูงใหญ่ของทรีฟ หญิงสาวก็ก้มลงสนใจกับรอยเปื้อนบนกระโปรงตัวสวยของตนเองอย่างอารมณ์ดีขึ้น
อามาริซา อีกไม่นานหรอก เราคงได้พบกันอีกครั้ง
เมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อให้สิบเจ้าชายเฟรซา ก็อย่าหมายเลย ว่าจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นไปจากเงื้อมมือของข้าได้!!!
++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น