ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงอธิฏฐาน

    ลำดับตอนที่ #4 : คุณกฤตเดินหน้าจีบค่า ^^

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 54



    4.

    กฤตธรแวะมาหาโยสิตาที่ร้านถ่ายรูป แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคนที่อยู่เฝ้าร้านวันนี้ มิใช่หญิงสาวคนที่เขาตั้งใจมาพบดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องเบนเข็มไปที่บ้านของเธอแทน ซึ่งนั้นก็ไม่เป็นปัญหาเลย เมื่อเขา “รีด” เอาข้อมูลของฝ่ายนั้นมาจากปารมีแล้วเรียบร้อย

    รถสปอร์ตคันหรูของชายหนุ่มแล่นมาจอดเทียบอยู่หน้าประตูรั้วบ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัด รอบๆตัวบ้านมีสนามหญ้าและสวนเล็กๆปลูกไม้ดอกไม้ประดับเอาไว้สวยงาม มุมสวนด้านในติดกับทางเข้าบ้าน มีต้นปีปกำลังออกดอกสีขาวน่ารักดกเต็มต้น และใต้ต้นปีปนั้นมีชุดเก้าอี้ม้าหินเข้าชุดกันตั้งไว้สำหรับให้สมาชิกในบ้านได้พักผ่อนหย่อนใจ

    ดูเป็นบ้านที่น่าอยู่ถึงแม้ว่าจะเล็กมากหากเทียบกับบ้านของเขา

    กฤตธรลงจากรถ หันไปกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ไม่ช้าหญิงวัยกลางคนรูปร่างเจ้าเนื้อก็เดินเร็วๆตรงเข้ามาหา

    “คุณโยอยู่หรือเปล่าครับ”

    “อยู่ค่ะ จะให้บอกว่าใครมาหาดีคะ” คุณป้าย้อนถามกลับมายิ้มๆ ปิดความตื่นเต้นในแววตาที่มองมาไม่มิด

    “ผมชื่อกฤตครับ”

    “รอสักครู่นะคะ” คุณป้าหายเข้าไปในบ้าน ครู่หนึ่งคนที่เขาต้องการพบก็วิ่งออกมาหน้าตาตื่น

    “คุณกฤตธร มาทำไมเนี่ย”

    ดูเจ้าหล่อนถามเข้า คนฟังคิ้วกระตุกทันที

    “ก็จะเอาบัตรเชิญเข้างานมาให้คุณกับคุณพ่อคุณน่ะสิ หรือลืมงานแซยิดคุณพ่อผมเสียแล้ว”

    “เปล่าค่ะ ไม่ได้ลืม” หญิงสาวรีบส่ายหน้าหวือ ตากลมโตสีน้ำตาลใสเป็นประกายกระตือรือร้น จนคนมองอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

    “งั้นก็มาเปิดประตูรั้วต้อนรับผมเร็วๆเข้าสิ” ชายหนุ่มเร่งยิ้มๆ

    คราวนี้โยสิตาไม่อิดออดอีก หญิงสาวก้าวไปเปิดประตูเล็กข้างรั้วต้อนรับอีกฝ่ายแต่โดยดี

    “เข้าไปนั่งในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้เอาน้ำมาให้” เธอเดินนำชายหนุ่มขึ้นไปบนบ้าน พาเขาไปนั่งพักในห้องนั่งเล่นซึ่งผนังด้านข้างเปิดโล่งรับลมเย็นสบายที่พัดผ่านเข้ามาจากในสวน

    บ้านของโยสิตาไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็ตบแต่งดูดีแบบเรียบง่าย เน้นเข้ากับธรรมชาติ วัสดุหลายอย่างเป็นของพื้นบ้านเก๋ๆ เช่นแจกันดอกไม้ลายสวยที่วางไว้บนโต๊ะกลางห้องนี้ ก็ทำมาจากไม้ไผ่ทาเช็คแล็คขึ้นมันเงา

    ที่รองแก้วบ้านนี้ก็ใช้แผ่นไม้เล็กๆนำมากลึงเข้ารูปดูแปลกตา มองเลยไปที่ข้างฝาผนังบ้านก็แลเห็นพวกภาพวาดสมัยโบราณของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยหลายต่อหลายแห่ง ทั้งพระนครศรีอยุธยา สุโขทัย ลพบุรี หรือกระทั่งเชียงใหม่ และลำปาง

    “เข้ามาบ้านคุณ อย่างกับได้ไปเที่ยวทั่วไทยเลยนะเนี่ย”

    เขาชวนคุย หลังจากรับน้ำดื่มสะอาดเย็นจัดมาแล้ว

    “ค่ะ คุณพ่อต้องย้ายไปประจำหลายที่ ฉันเองก็ต้องตามท่านไปด้วยเสมอ พวกเราอยู่ไม่ค่อยเป็นที่หรอกค่ะ จนไม่กี่ปีหลังมานี่ คุณพ่อถึงได้กลับเข้ามาประจำที่กอง ไม่ต้องออกพื้นที่อย่างแต่ก่อน ก็เลยค่อยสบายหน่อย”

    โยสิตาเล่าเรื่องของตัวเองและบิดา อดโล่งใจไม่ได้ที่หัวหน้าของบิดายอมให้ท่านกลับเข้าประจำที่ส่วนกลางเสียที ตอนนี้อายุคุณพ่อก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อน สุขภาพของท่านไม่แข็งแรงมากนัก ไหนจะต้องกลุ้มใจเรื่องจารึกของจันทปุระที่หายสาบสูญไปอีก...โยสิตาอยากให้บิดาพบจารึกแผ่นนั้นเร็วๆ เพื่อท่านจะได้หลุดพ้นจากความรู้สึกผิดที่เกาะกินจิตใจมานานนับสิบปีนี่เสียที

    “ดีแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้พบกัน” กฤตธรอมยิ้ม นัยน์ตาพริบพราวระยับ

    “อะไรของคุณ พูดดีๆเลยนะ ใครพบกับใคร”

    “ก็คุณกับผม...” เขาโต้กลับมาไม่มีเขินอาย คนฟังเสียอีกที่ทำหน้าไม่ถูก

    นายกฤตธรตัวแสบ ร้ายนักนะว!

    “ฉันกับคุณพบกันแล้วทำไม ไม่เห็นมีอะไรเลย เอ๊ะ ไม่สิ มีแต่เรื่องแย่ๆที่คุณดันตาถั่ว มากล่าวหาว่าฉันจะเป็นขโมยขโจรน่ะสิไม่ว่า”

    “แหมคุณ...เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่ารื้อฟื้นเลยน่า”

    “แต่คุณถือวิสาสะดูรูปของฉันด้วย” ยิ่งคิดถึงตรงนี้โยสิตาก็ยิ่งฉุนกึ้ก อีตากฤตธรร้ายกาจไม่มีใครเกิน ดูเถอะ ขนาดนี้แล้วยังไม่มีสลดเลยนะ!

    “โธ่คุณ ผมไม่ได้ตั้งใจนี่ ใครจะรู้ว่าคุณจะถ่ายรูปอย่างนั้นเอาไว้ด้วย...”

    “คุณยังไม่ได้ขอโทษฉันเลยนะ” เจ้าของบ้านทวงคำขอโทษ หน้างอเง้า และยิ่งโมโหกรุ่นเพราะอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตามองมา

    “หน้ามุ่ยเชียวนะคุณ เอาเถอะ...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ภาพของโบราณที่โรงแรม ผมไม่ถือวิสาสะเอามาดูแน่ครับ” คนตัวโตยังยืนยันมั่นเหมาะอย่างนั้น

    “แต่คุณก็ดูไปแล้วนี่ ช่างเถอะ ฉันเรียกอะไรคืนมาไม่ได้แล้ว ได้การ์ดเชิญเข้างานของคุณพ่อคุณมาก็ยังดี ถือว่าพอจะชดเชยกันได้บ้าง…เอามาสิคะ” โยสิตาเอาเรื่องร้ายของตัวเองพลิกกลับมาเข้าที่ต้องการ หญิงสาวยื่นมือออกไปรอรับการ์ดเชิญที่ต้องการจากอีกฝ่าย และเขาก็ดึงออกมาจากเสื้อสูทด้านใน ส่งให้ไม่อิดเอื้อน

    “นี่ครับ ของคุณกับคุณพ่อ”

    “ขอบคุณ” โยสิตายิ้มตาหยี เปิดซองสีขาวออกดูการ์ดเชิญด้านใน เป็นรูปวัตถุโบราณรูปเล็กๆหลายภาพถูกนำมาย่อเรียงรายประกอบตัวอักษรเดินดิ้นทองนูนเป็นมันเงาวับ เนื้อหาเป็นการเชิญเข้าสู่งานเลี้ยงแซยิดครบรอบหกสิบปีของคุณกสินทร์ เจ้าของโรงแรมโยธกาธานีผู้โด่งดัง

    งานนี้เป็นงานใหญ่ของโรงแรมโยธกาธานี นั่นเพราะคุณกสินทร์เป็นคนกว้างขวางมีเพื่อนฝูงผู้ยิ่งใหญ่ในหลายวงการ โดยเฉพาะในวงการการเมือง เพื่อนสนิทของคุณกสินทร์หลายคน ก็ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองอยู่ในเวลานี้

    “งานจะเริ่มจริงๆประมาณทุ่มตรง คุณพ่อคุณจะไปตอนเริ่มงานก็ได้ แต่สำหรับคุณ...ต้องไปก่อนเริ่มงานสักชั่วโมงเป็นอย่างช้า เพราะผมอยากให้คุณบันทึกภาพทุกคนในครอบครัวของผมเอาไว้ก่อนถึงเวลางานด้วย” กฤตธรอธิบายเสียงนุ่มระรื่น

    “โอเคค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่มีปัญหา” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ มั่นอกมั่นใจ ถ้าเป็นเรื่องงานเธอไม่มีบ่นอยู่แล้ว ถึงไหนถึงกัน

    “…แล้ว…ทำไมวันนี้คุณถึงไม่ไปทำงานละ ไม่สบายหรือเปล่า”

    คนตัวโตหาเรื่องชวนคุย อยาก “ล้วง” ส่วนตัวของอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “เปล่าหรอก แต่ฉันจะสลับกันเฝ้ากับเพื่อนน่ะ เผื่อใครรับจ๊อบหรืออะไร ก็จะสลับวันกันทำงานด้วยไง” เธออธิบาย หากดวงตากลมโตคู่สวยยังจับจ้องมองอยู่ที่การ์ดเชิญทั้งสองในมือ

    คุณพ่อต้องดีใจมากแน่นอน...คราวนี้คงได้รู้ความจริงกันแล้ว ว่านายกสินทร์ฮุบเอาสมบัติชาติไปเก็บไว้เป็นของตัวเองหรือเปล่า

    คิดมาถึงตรงนี้ก็อดเงยหน้ามองผู้ชายตัวโตที่ฝั่งตรงข้ามอย่างรู้สึกผิดนิดๆ

    กฤตธรอุตส่าห์ให้การ์ดเชิญมา...หากคุณพ่อของเธออาศัยงานนี้ เข้าไปหาหลักฐานเอาผิดกับคุณพ่อของเขา มันจะโหดร้ายกับกฤตธรเกินไปไหม...

    เธอช้อนตามองเขาเงียบๆ แล้วก็ต้องรีบหลบวูบ เพราะอีกฝ่ายดันมองตรงมาพอดี

    ทำไมต้องสนใจความรู้สึกของเขาด้วยก็ไม่รู้นะโยสิตา แปลกจริง

    “แล้วนี่ วันนี้คุณจะไปไหนอีกหรือเปล่า” เขาเปลี่ยนเรื่องถามอีก

    “ก็ว่า เดี๋ยวจะออกไปซื้อของแห้งเข้าบ้านค่ะ”

    “งั้นผมไปเป็นเพื่อนนะ วันนี้ผมฟรีทั้งวันเลย”

    “เอ่อ...ไม่ดีมั้งคะ ฉันกับคุณ เรา...” โยสิตาเบิกตาโพลงมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก นี่เขาจะจีบเธอจริงๆหรือ

    “น่าคุณ ผมอุตส่าห์เอาการ์ดเชิญมาให้คุณด้วยตัวเองเลยนะ ไหนจะเสนอตัวช่วยคุณซื้อของเข้าบ้านอีก ผมเป็นคนแสนดีอย่างนี้ คุณยังไม่ไว้ใจอีกหรือ” กฤตธรยิ้มละไม อารมณ์ดี กลั้นยิ้มขันท่าทางอึกอักทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่าย

    ดูเจ้าหล่อนทำตาโตน่ารักอย่างกับเด็กเล็กๆ

    “ไม่เกี่ยวกับไม่ไว้ใจเสียหน่อย คุณกับฉัน เพื่อนกันก็ยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ” เธอค่อนว่าอีกฝ่ายตรงๆ

    “ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ารู้สึกคุ้นเคยกับคุณ นี่คุณอย่าบอกนะว่าลืมไปแล้วน่ะ” กฤตธรเตือนความจำให้หญิงสาว หากอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไปมา

    “มุขเก่าๆของคุณน่ะเหรอ” เธอเบ้ปาก ตวัดตาค้อน

    “มุขเก่าแต่ใช้ได้ทุกยุคสมัยนะคุณ...เชื่อเถอะ ผมมั่นใจว่าเราต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่”

    กฤตธรส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว โยสิตามองเขานิ่ง หากเพียงแวบเดียวก็นิ่วหน้ามุ่ย

    ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็ดันนึกถึงความฝันเมื่อหลายคืนที่แล้วขึ้นมาเสียได้ บ้าจริงยายโย!

    “ฉันไม่มีความสามารถจำอดีตเมื่อชาติที่แล้วได้เสียด้วย สงสัยว่า...คุณคงมีญาณวิเศษนะคะ” เธอแขวะเขากลับไป กลบเกลื่อนพิรุธในใจ

    ต้องไม่คิดลึกสิยายโย นายคนนี้ก็แค่ทางผ่านให้เธอเข้าไปล้วงเอาข้อมูลจากนายกสินทร์บิดาของเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

    “ไม่ต้องมีญาณวิเศษอะไร ผมก็จำคุณได้ จริงๆนะ” เสียงทุ้มมั่นคงของกฤตธรทำให้คนที่กำลังคิดวุ่นวายพลันชะงักงัน จ้องชายหนุ่มตาค้าง เต็มตื้นในใจขึ้นมาอย่างโดยอัตโนมัติ

    “ไม่ต้องมาหวานเลย ฉันไม่เชื่อคุณง่ายๆหรอก” ปากเธอแขวะเขากลับไปเช่นนั้น หากใบหน้าขาวนวลกลับจุดสีแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อยๆ

    ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจตัวเอง ทำไมจึงเอนเอียงไปในทางที่จะเชื่อเขาเหลือเกิน

    “วันนี้ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณเชื่อสักวันนั้นละ” กฤตธรไม่ถือสากับท่าทางต่อต้านของหญิงสาว เขากลับชอบใจด้วยซ้ำที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเธอเช่นนี้

    โยสิตาจำต้องพ่วงทายาทเจ้าของโรงแรมดังไปเดินชอปปิ้งเป็นเพื่อนอย่างเสียมิได้ ความจริงกฤตธรก็เป็นผู้ช่วยที่ดีอยู่หรอก แต่ที่เธอไม่สบายใจเลยก็คือสายตาเข้าใจผิดของใครต่อใครที่มองมา

    เธอพยายามถอยออกห่างเขาเข้าไว้ เพื่อไม่ให้ดูสนิทสนมกันเกินความเป็นจริงนัก แต่อีกฝ่ายก็ยังตามมาตีซี้ ถามโน่นนี่ ดูสนุกกับการชอปปิ้งอาหารแห้งอย่างกับเด็กเพิ่งเคยเข้าห้าง

    “เดี๋ยวนี้มันมีเสต็กปลาในกระป๋องด้วยเหรอ ไม่ยักรู้” ชายหนุ่มหยิบปลากระป๋องซึ่งทำเป็นเสต็กปลาทูน่าในน้ำสลัดสำเร็จรูปมาพินิจพิจารณาอย่างสนใจ

    เขาไม่เคยเข้ามาเดินห้างสรรพสินค้าแผนกนี้มาก่อนเลย มีของแปลกๆหลายอย่าง กระทั่งข้าวหอมมะลิอัดกระป๋องก็ยังมี

    “คุณนี่เชยจัง” เธอแขวะอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ “เอาแต่ทำงานอยู่ในโรงแรมอย่างเดียวน่ะสิ ถึงไม่รู้เลยว่าโลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว”

    “งั้นผมคงต้องมาเป็นเพื่อนคุณเดินซื้อของบ่อยๆแล้ว จะได้ทันโลก” ชายหนุ่มลดเลี้ยวเข้าทางตัวเองหน้าตาเฉย คนตัวเล็กค้อนขวับ ทำหน้าบึ้ง

    “นี่คุณจะจีบฉันเหรอ” เธอถามตรง

    “งั้นสิ ห้ามหรือเปล่าละ” เขาก็ตอบตรงจนคนถามสะอึกไปเล็กน้อย

    “แล้วห้ามได้หรือเปล่าละ”

    “ต้องดูก่อน ว่าห้ามเพราะอะไร” ชายหนุ่มอมยิ้ม ทำตาเจ้าเล่ห์ “หรือว่า...คุณมีแฟนแล้ว”

    เขาหยอดทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว จากที่จับปารมีมา “รีด” เรื่องโยสิตาจนหมดเปลือก

    “สวยๆอย่างฉันจะเหลือเหรอ” โยสิตาฉีกยิ้ม ตีขลุม หวังว่าเขาจะได้เลิกตอแยเธอเสียที อยู่ใกล้ๆอีกฝ่ายแล้ว เธออึดอัดหายใจหายคอไม่ค่อยออกชอบกล

    “นั่นสิ ผมก็ยังสงสัย สวย...น่ารักอย่างคุณ ทำไมถึงยังไม่มีแฟน”

    “คุณกฤตธร ฉันบอกว่ามีแฟนแล้วไง” หญิงสาวหน้ามุ่ย ขัดใจ เขาไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลยหรืออย่างไร

    “แฟนในฝันหรือครับ…ถ้าอันนั้นผมไม่ถือ”

    “คุณ...” เธอตั้งท่าจะเล่นงานอีกฝ่าย หากเมื่อนึกขึ้นได้ว่ากฤตธรเคยล้วงข้อมูลเธอมาจากปารมี ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ ที่เขาจะรู้เรื่องส่วนตัวของเธอมาจากปารมีด้วย

    มิน่า อีตากฤตธรถึงอมยิ้มยียวนกวนประสาทอย่างนี้ ยายผักบุ้งต้ม หล่อนขายเพื่อนรักหมดเกลี้ยงไม่เหลือตับไตไส้พุงเลยใช่ไหม!!

    หญิงสาวส่งตาขุ่นคลั่กมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ ก่อนจะแย่งรถเข็นจากเขามาเข็นเสียเอง จัดแจงรีบตรงไปที่แคชเชียร์ รู้สึกเหม็นหน้าคนตัวโต ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดเขาอีกสักวินาทีเดียว

    คนอะไร ขี้หลีไม่มีใครเกิน ยังไม่เคยเจอใครกล้ามาจีบกันโต้งๆอย่างเขามาก่อนเลย

    “เอาละ คุณช่วยฉันซื้อของเสร็จแล้ว เราแยกกันตรงนี้นะคะ” โยสิตาเอ่ยบอกอย่างเป็นต่อเมื่อจ่ายเงินให้แคชเชียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็ถึงเวลาที่เธอจะได้ชิ่งหนีจากนายกฤตธรเสียที!

    “แยกกันตรงนี้ได้ยังไง ผมพาคุณมาจากที่บ้าน ก็ต้องพาส่งที่บ้านสิครับ” ไม่เพียงพูดเปล่า แต่กฤตธรยังก้มลงมาแย่งถุงใส่ข้าวของในมือเธอไปถือเอาไว้เสียเองอีก

    โยสิตาทำท่าจะแย่งของกลับมา แต่อีกฝ่ายดึงมือหนี อมยิ้มตาพราวระยับขบขัน

    “นี่คุณ นั่นมันของฉันนะ” โยสิตานิ่วหน้า ไม่พอใจ ยิ่งเธอพยายามจะแย่งของคืนแต่วืด คว้าลม คนรอบข้างที่เดินไปมาก็กลั้นยิ้มขันมองมาอยากรู้อยากเห็น

    บ้าชะมัด อยู่กับเขามีแต่เสียหน้าเสมอ ไม่มีดีเลย

    “ผมช่วยถือให้ คุณจะได้เดินสบายๆไง...ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิครับคุณโย”

    หญิงสาวเบิกตาโพลง ก่อนจะตวัดเสียงถามห้วนๆ

    “ใครอนุญาตให้คุณมาเรียกชื่อเล่นฉันไม่ทราบ”

    “ทำไมละ เรารู้จักกันแล้ว จะมัวแต่เรียกชื่อจริงยาวๆทำไม ผมอนุญาตให้คุณเรียกชื่อเล่นของผมด้วยก็ได้ ที่บ้านผมจะเรียกผมว่า ‘เล็ก’ แต่เพื่อนๆและคนอื่นๆ จะเรียกผมว่า ‘กฤต’ ครับ”

    “ฉันไม่ได้...” เธอตั้งท่าจะประท้วง แต่อีกฝ่ายถือของแล้วเดินหนีไปไม่หยุดรอฟังกันบ้างเลย

    โยสิตาได้แต่นิ่วหน้ามองตามหลังร่างสูงสง่าไปอย่างขัดอกขัดใจ ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายเอาของของเธอทั้งหมดไปแล้ว

    คอยดูนะ ถึงบ้านเมื่อไหร่จะรีบๆไล่เขาไปให้พ้นเลย ใครจะอยากรู้จักสนิทสนมกับเขากัน เธอจะเล่นงานพ่อของเขาอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก ตาบ้า!

    ----------------------------------------------------------

    ****ช่วงนี้เป็นช่วงกุ๊กกิ๊กค่ะ เครียดๆไว้ตอนหลังๆค่ะ แหะๆ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ จุ๊บๆ^^


    พิมพ์นราค่า


    ------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×