คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 ราเอลก็น่าสงสารนะคะ อิๆ มีเลิฟซีนด้วย แง้ววววว
4.
ยามดึกสงัดเงียบสงบ ไกลออกไปยังแคว้นที่อมริสาจากมา ภายในห้องบรรทมขณะนี้ เจ้าหญิงเมเดเซีย กำลังอาบน้ำภายในห้องส่วนพระองค์อย่างไร้ความสุข
หลังจากที่ส่งแขกจนหมดแล้ว ก็ต้องผจญกับเรื่องอันเลวร้าย เมื่อทหารเข้ามารายงานว่าน้องสาวต่างมารดาของเธอ หนีออกไปจากคุกที่คุมขังเสียแล้ว
มันน่าเจ็บใจนัก ตรงที่เธอเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่าใครช่วยนังนั่น แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ดวงตาคมคู่สวยเงยขึ้นจากผิวนวลเนียนของตนเองใต้น้ำนมสีขาวขุ่น เพราะเห็นเงาคนวูบเข้ามาทางประตูหน้าห้อง ริมฝีปากอิ่มสวยเย้ายวนขยับยิ้มเยื้อนอย่างสมใจ ทันทีที่เดาได้ว่าเขาเป็นใคร
ก็จะใครเสียที่ไหนอีกเล่า นอกจากราเอล เดอเรล องครักษ์คู่ใจของเธอ
“ทหารบอกว่า ท่านหญิงต้องการพบข้า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆเขารีรอหยุดยืนอยู่ต่อหน้าม่านบังตาสีขุ่น ไม่ยอมก้าวผ่านเข้ามาในที่ส่วนตัวของเธอ
“ข้าเรียกท่านเอง เข้ามาสิราเอล” เสียงทรงอำนาจพยายามปั้นให้หวานที่สุด ไม่ช้าหลังจากที่เธอออกคำสั่ง ร่างสูงสง่าประดุจเจ้าชายจากแว่นเคว้นอันเกรียงไกรของราชองครักษ์หนุ่มผู้เย็นชาก็ก้าวผ่านม่านบังตาเข้ามา
เขาได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอเต็มสองตา ทว่า ภายใต้นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้น กลับไม่มีร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่เธอต้องการได้เห็นจากเขาแม้แต่น้อย
เขาเย็นชากับเธอเสมอ ไม่เหมือนกับนังนั่น ที่ราเอลจะยิ้มหัวด้วย เขาเมินเธอซึ่งเป็นที่หนึ่ง ไปหานังเด็กที่ไม่มีอะไรเลยอย่างอามาริซาเสมอ เขาน่าจะรู้แล้วนะ ว่าเขาโง่เง่าเพียงไร!!!
“เรียกหาข้า ต้องการสิ่งใดหรือท่านหญิง?” เสียงเรียบเอ่ยไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง เขาไม่รู้หรอกว่าการที่เขาทำเย็นชาเฉยเมยใส่เธอเช่นนี้ เท่ากับยิ่งเป็นการปลุกเร้าให้เมเดเซียกระหายใคร่อยากได้ลิ้มรสชัยชนะทั้งจากหัวใจและ ‘ เรือนร่าง’ ของเขามากมายเพียงใด
เธอเกลียดนังนั่น เลยรังแกกลั่นแกล้งน้องสาวสารพัดมาแล้ว ไม่เห็นจะได้ผล คราวนี้ นังเด็กนั่นหนีไปเป็นตายอย่างไรก็ไม่รู้ เธอภาวนาขอให้มันแห้งตายคาทะเลทรายอันร้อนระอุ เพื่อว่าเขาจะได้ตาสว่าง เลิกงมงายกับมันเสียที
แต่เอ๊ะ ไม่ได้สิ นังอามาริซาจะตายตอนนี้ไม่ได้ เธอยังต้องการดแผนที่ที่อยู่กับมันก่อน
“ข้าต้องการถามท่านสักหน่อย เรื่องการหายตัวไปของริซซา ท่านคงยังไม่รู้กระมัง ว่านางหนีไปจากที่คุมขังแล้ว”
น้ำเสียงตอนท้ายนั้น เจ้าหล่อนประชดประชันเขาชัดๆมีหรือที่ชายหนุ่มจะฟังไม่ออก
แต่ราเอลไม่สนใจ ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนเข้าไปช่วยเจ้าหญิงแล้วจะทำไม อยากฆ่าก็ฆ่าสิ ชีวิตที่ต้องอยู่โดยปราศจากอามาริซาไม่มีความหมายสำหรับเขาอยู่แล้ว
“ข้าย่อมรู้ ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับอามาริซาที่ข้าจะไม่รู้ ตราบใดที่นางยังคงอยู่ในเมืองนี้”
ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้น ความผยองเย็นชาของเขา จุดโทสะร้อนแรงของหญิงสาวในอ่างน้ำนมได้ราวกับน้ำมันที่ราดไปบนกองเพลิง
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงหักคำสั่งของข้า อย่านึกนะว่าข้ารักแล้วจะทำอะไรก็ได้ !!” หญิงสาวทะลึ่งพรวดขึ้นยืนไม่สนใจสภาพเปล่าเปลือยของตนเอง โทสะพุ่งสูงจนใบหน้าเกือบเป็นสีคล้ำ
เธอเยื้องย่างอย่างนางพญาหงส์เดินขึ้นบันไดสระก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าเขา เรือนร่างสีน้ำตาลนั้นงดงามราวกับรูปสลัก
ทว่าเป็นความงามที่ชายตรงหน้ากลับไม่เคยนึกอภิรมย์!!
“จำไว้นะราเอล ข้าไม่เคยยอมให้ใครเล่นงานแต่ฝ่ายเดียวมาช้านานแล้ว” เธอชี้นิ้วกราดมาต่อหน้าเขา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ข้างในนั้น “ใครก็ตามที่มันบังอาจเป็นศัตรูของข้า มันต้องไม่ตายดี ไม่มีข้อยกเว้น แม้จะเป็นเจ้าที่ข้ารักยิ่งดวงใจก็ตาม อย่าบังอาจท้าทายอำนาจของข้า เพราะถ้าวันใด ข้าหมดความอดทนขึ้นมา เจ้าจะทนทรมานยิ่งกว่าตกนรก จำไว้”
เธอคาดโทษก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปหยิบผ้าแพรแสีแดงสดเนื้อบางเบาขึ้นมาพันตัวไว้ลวกๆแทบไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งนั้น หญิงสาวทำท่าจะเดินออกจากห้องอาบน้ำไป แต่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็เดินย้อนกลับมาหาชายหนุ่มที่เอาแต่ยื่นนิ่งเงียบอยู่กับที่
มือเรียวคว้าแขนของเขาเอาไว้แน่น ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนที่พยายามข่มกลั้นอารมณ์เต็มที่
แต่ที่สุดเมเดเซียก็ต้องพ่ายแพ้หัวใจตัวเอง
หญิงสาวโผเข้าสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น แทรกหน้าลงกับทรวงอกแข็งตึงของเขา มือไม้เปะปะกอดรัด เร่งเร้าให้ชายหนุ่มยอมตอบสนองอย่างที่เธอต้องการ
ทว่าราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน
“ราเอล จงปรนนิบัติข้า ซึ่งเป็นเจ้าชีวิตของท่าน” เธอกระซิบสั่งเสียงสั่นพร่า เร้าอารมณ์ ริมฝีปากหนาเผยอออกเชื้อเชิญ หากร่างสูงใหญ่ยังยืนนิ่ง
ถ้าเป็นไปได้ ถ้าฝันของเขาจะเป็นจริง เขาปรารถนาอยากให้หญิงสาวแสนสวยที่กอดเขาอยู่ตอนนี้ เป็นอามาริซาเหลือเกิน
ถ้าเป็นเธอคนนั้น แต่นี่
“ราเอล !!” เจ้าหญิงสั่งซ้ำอย่างฉุนเฉียว เขาชักช้าไม่ทันใจเธอเลยนั่นเอง
ชายหนุ่มจำต้องเลื่อนมือไปโอบกอดร่างระหงเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปหาริมฝีปากอิ่มเต็มสีสวยของเธอแต่โดยดี
ด้วยจุมพิตนั้นเมเดเซียแทบลืมสิ้นหมดทุกสิ่ง นอกจากเขา
“ท่านจะเป็นของข้าตลอดกาลราเอล ข้าสาบาน”
เธอบอกอย่างนั้น ก่อนที่จะดึงทึ้งเสื้อผ้าของชายหนุ่มออกไปให้พ้นตัวเขาอย่างไม่แยแส
++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงอาทิตย์ยามสายสาดเข้ามาทางหน้าต่าง แม้ผ้าม่านเนื้อหนาจะช่วยป้องกันแสงร้อนแรงเอาไว้ได้มาก หากบางส่วนก็ยังสาดกระจายเข้ามาทำให้ความเย็นสบายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาให้อุ่นร้อนขึ้น และหญิงสาวซึ่งนอนหลับอยู่อย่างเหนื่อยอ่อน ก็ค่อยๆรู้สึกตัว
อย่างแรกที่อมริสาต้องทำก็คือสำรวจเนื้อตัวของตัวเองอย่างละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย หรือแสดงให้เห็นร่องรอยผิดปกติก็ค่อยโล่งใจ
และเมื่อมองไปรอบๆห้อง บัดนี้เจ้าชายไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้วก็อดจะถอนใจยาวตามมาไม่ได้
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆก่อนที่สาวน้อยนางหนึ่งในชุดสีขาวสะอาดจะเดินนวยนาด ในมือถือถาดอาหารและยาบำรุงเข้ามาด้วย
“เจ้าชายรับสั่งให้ท่านหญิงเสวยอาหารและโอสถได้แล้วเพคะ”
สาวน้อยคนนั้นบอกเธอ กิริยานพนอบที่อีกฝ่ายมอบให้ สร้างความงุนงงแก่อมริสายิ่งนัก
“ท่านหญิงอะไรกัน ใครให้เธอเรียกฉันอย่างนั้น?”
“เจ้าชายสั่งเพคะ”
อมริสาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทำหน้านิ่วอย่างลืมตัว
นี่แสดงว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิง ขอบคุณพระ ที่เมื่อคืนช่วยให้เธอรอดปลอดภัยจากเจ้าชายเฟรซามาได้ ไม่อย่างนั้น
หญิงสาวก้มลงมองตัวเองอย่างเผลอไผล หนาวเยือกไปทั้งหัวอก กับอ้อมแขนรัดรึงอบอุ่นของเจ้าของห้องเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกเบี่ยงเบนอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็
แก้มนวลเป็นสีเข้มขึ้นมาเพราะอาการร้อนวูบวาบของเจ้าตัว หน้าแดงๆของอมริสานี่เอง ที่ทำให้สาวน้อยข้างๆต้องเอ่ยถามอย่างฉงน
“เป็นอะไรหรือเพคะ?”
“ไม่..ไม่มีอะไร” อมริสาบอกปัด ”ว่าแต่ว่า ที่นี่ที่ไหนกัน?”
“ที่นี่คือราชวังชั้นในของซาฮาล ห้องบรรทมของเจ้าชายเฟรซาเพคะ” สาวน้อยตอบกลับมาชัดเจน ทำเอาอมริสาชะงัก
“ว่าไงนะ ห้องบรรทมของเจ้าชายเฟรซางั้นเหรอ?”
เธอยังตั้งตัวรับกับเหตุการณ์ที่แปรผันไปโดยไม่อาจหยั่งรู้ได้ เจ้าชายเฟรซาพาเธอเข้ามาที่นี่ทำไม เขาต้องการอะไร เธองงไปหมดแล้ว?
“ฉัน ฉันอยากพบเจ้าชาย..พาฉันไปพบเขาหน่อยได้ไหม?”
“เจ้าชายกำลังคุยธุระอยู่กับฝ่าบาทเพคะ อีกเดี๋ยวท่านก็คงจะเสด็จมาเอง ทรงประทานชุดสำหรับให้ท่านหญิงใส่เปลี่ยนมาด้วย ฟาร่าเตรียมไว้ให้ในห้องสรงน้ำแล้วเพคะ”
“งั้นเหรอ” อมริสาพยักหน้ารับรู้ เริ่มใช้สมองทำงานอีกครั้ง
ตอนนี้เฟรซาไม่อยู่ ก็น่าจะเป็นโอกาสให้เธอหาทางหนีได้ไม่ใช่หรือ
ถ้าเพียงแต่เธอสามารถออกไปจากวังนี้ จนถึงท่าเรือได้ คงไม่ยากหรอก ที่จะหาทางไปประเทศไทย
หญิงสาวรอจนสาวใช้คนนั้นเก็บถ้วยชามออกไปจากห้องแล้ว จึงค่อยเดินออกมาที่หน้าต่างห้อง
ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาปะทะวงหน้าเนียนใส กลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นมาจมูกช่วยให้สดชื่นอย่างประหลาด อมริสาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าห้องนอนของเฟรซาอยู่สูงเท่ากับชั้นสองของตึกทั่วๆไป ซึ่งคงเป็นปัญหาอยู่บ้างทีเดียว หากว่าเธอจะปีนต้นไม้ไม่เป็น
แต่เสียใจ เจ้าชายเฟรซา ท่านดูผิดฉันมากไปหน่อยแล้ว!!!
++++++++++++++++++++++++++++
“มันเป็นผู้หญิงงั้นหรือรายาเจ้าแน่ใจนะ ว่าได้ข่าวมาไม่ผิดพลาด”
เสียงเข้ม เดือดดาลไปด้วยไฟริษยาของเจ้าหญิงเซรียากรีดก้องไปทั่วห้องส่วนพระองค์ของเธอ สาวใหญ่นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ ชื่อว่ารายา ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่ไม้ห่างจากนายหญิงของตนเองนัก พยักหน้ารับยืนยันอย่างมั่นใจ
“เพคะ นังฟาร่า ที่เจ้าชายสั่งให้คอยรับใช้นังเด็กนั่น เป็นคนบอกกระหม่อมเอง แถมเจ้าชายยังเตรียมชุดสำหรับเจ้าหญิงให้มันใส่ด้วยนะคะ”
“ชุดของเจ้าหญิง ” เซรียาครางราวกับโลกกำลังจะแตกดับ “เจ้าพี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ชุดเจ้าหญิง ก็ต้องให้เจ้าหญิงแต่งสิ นั่งนั่นเป็นแค่สามัญชน เจ้าพี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“เจ้าชายกำลังหลงมัน” รายาแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เจ้านายสาวสวยของตนเองเจ็บร้าวไปทั้งหัวอก “ไม่แน่ อาจจะทรงหวังถึงขั้นอภิเษกสมรสกับมัน ถึงได้รับรองมันด้วยเกียรติยศสูงสุดเช่นนี้”
“ไม่จริง จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านพี่ต้องแต่งงานกับข้าต่างหาก ไม่ใช่นังไพร่นั่น” เจ้าหญิงกรีดเสียงร้องโหยหวนน่าสงสาร รายามองอาการจะเป็นจะตายของเจ้านายแล้ว ก็พลอย “เจ็บ” ตามไปด้วย
นางขยับเข้ามาใกล้กับเจ้าหญิง เอ่ยเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“เรื่องนี้ขอทรงวางพระทัย ศัตรูของเจ้าหญิง ก็เหมือนศัตรูของหม่อมฉัน ใครก็ตามที่บังอาจเป็นอริกับเจ้าหญิง หม่อมฉันจะทำทุกทางเพื่อกำจัดมันเองเพคะ”
“เจ้าหมายความว่า ” เซรียาเงยหน้านองน้ำตาขึ้นจ้องข้ารับใช้คนสนิท พี่เลี้ยงของเธออย่างฉงน แกมไม่แน่ใจ “เจ้าจะช่วยกำจัดนังนั่นให้ข้าหรือรายา?”
“เพคะ” นางพี่เลี้ยงยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียม “มันผู้ใดก็ตามที่บังอาจสร้างความเศร้าเสียใจให้เจ้าหญิงของหม่อมฉัน มันผู้นั้นจะต้องไม่ตายดี ทรงวางพระทัยเถิดเพคะ”
รายาให้คำมั่นสัญญาซึ่งฟังแล้วชวนขนลุก หากเจ้าหญิงเซรียากลับแย้มยิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจ
“ขอบใจเจ้ามากรายา เจ้าเป็นมิตรแท้ของเข้าจริงๆ ถ้าข้าได้ขึ้นเป็นราชินีของซาฮาลเมื่อไหร่ เจ้าจะได้ในทุกสิ่งที่ปรารถนา”
รายาก้มหน้ารับอย่างนอบน้อม
“หม่อมฉันไม่เคยต้องการสิ่งใด นอกจากความสุขขององค์หญิงเพคะ ”
+++++++++++++++++++++++++++++++
พระเจ้าราฮาลทอดพระเนตรมองหน้าบุตรชายองค์เดียวอย่างหนักพระทัย จากคำบอกเล่ารายงานของราชองครักษ์ปาลเมื่อเช้านี้ ทำให้พระองค์ต้องเรียกหาเจ้าลูกชายตัวดีเป็นการด่วน
ก็ใครจะทนอยู่เฉยได้เล่า มันเอาสาวที่ไหนเข้ามาถึงในวัง เจ้าลูกคนนี้ชักจะตามใจตัวเองใหญ่แล้ว
“ท่านพ่อต้องการพบลูกเป็นการด่วน มีธุระสำคัญอะไรใช่ไหมครับ?”
มาถึงเจ้าชายก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ถามขึ้นก่อน คนเป็นพระบิดาซึ่งนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดถึงกับถลึงตาคมกริบเข้าใส่ลูกชายฉุนๆ
“อย่าเลย เจ้าก็รู้ว่าพ่อเรียกเจ้ามาด้วยเรื่องอะไร ไหน อธิบายมาสิเฟร เหตุใดเจ้าจึงพาตัวเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นเข้ามาถึงในวัง แถมยังให้อยู่ในห้องของเจ้าเองอีกด้วย?”
“ที่แท้ท่านพ่อไม่พอใจที่ริซไม่มีหัวนอนบปลายเท้า ถ้าเป็นเรื่องนี้ ลูกอธิบายได้นะครับ” เฟรซาเอ่ยตอบโต้น้ำเสียงเรียบเอื่อย
“ว่ามา พ่อกำลังฟังเจ้าอยู่”
“ริซไม่ใช่ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างที่ท่านพ่อเข้าใจหรอกครับ เธอเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทอีกองค์หนึ่งของจาดีล ชื่ออามาริซา เจ้าหญิงอามาริซา จาเดล รูน คือชื่อจริงๆของเธอครับท่านพ่อ”
สีหน้าของพระเจ้าราฮาลแลดูตกพระทัย
“เจ้าว่าไงนะ เจ้าหญิงอามาริซาน่ะนะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“มันเป็นไปแล้วท่านพ่อ” เจ้าชายยืนยันหนักแน่นมั่นอกมั่นใจเป็นล้นพ้น “ลูกจำเธอได้”
“เจ้าเคยเจอนางด้วยหรือ ?”
องค์ราฮาลทั้งตระหนกและประหลาดพระทัย เท่าที่พระองค์จดจำได้ เฟรซาไม่เคยไปจาดีลเลยซักครั้ง
แล้วลูกชายของเขา ไปรู้จักเจ้าหญิงน้อยผู้แสนจะเก็บตัวของจาดีลได้อย่างไรกัน
“ลูกมั่นใจว่าลูกจำไม่ผิด แต่ท่านพ่อคงตอบความมั่นใจนี้ได้ดีกว่าลูก เพราะท่านพ่อเคยเห็นอามาริซามาก่อน เดี๋ยวลูกจะให้เธอมาเข้าเฝ้าให้ท่านพ่อทอดเนตรกับตาองค์เองก็ได้นะครับ”
เจ้าลูกชายไม่ยอมตอบคำถามของเขา กลับเสไปทางอื่นแทนอย่างน่าเจ็บใจ
ทว่าองค์ราฮาลมิได้ใส่พระทัย พระองค์อยากเห็นหน้าของเจ้าหญิงน้อยผู้เลอโฉมมากกว่า เพราะถ้าเป็นอามาริซาจริงๆ เขาคงไม่สามารถกีดกันอะไรเจ้าเฟรซาได้ ด้วยศักดิ์และศรีของเจ้าหญิง อามาริซาย่อมคู่ควรที่ลูกชายของพระองค์จะแต่งงานด้วย
“ถ้าเจ้ามั่นใจอย่างนั้น ก็จงไปนำนางมา พ่ออยากพบอามาริซาของเจ้าเต็มแก่แล้ว”
องค์ราฮาลอนุญาต และเจ้าชายก็ยิ้มรับอย่างมั่นใจ
“ท่านพ่อกรุณารอซักครู่ เดี๋ยวลูกจะพาเธอมาพบท่านด้วยตนเองเลยทีเดียว”
เจ้าชายรัชทายาททิ้งท้ายไว้อย่างนั้นก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องของพระบิดาไป แน่นอนว่าเป้าหมายของเขานั่น ต้องอยู่ที่ตำหนักส่วนพระองค์นั่นเอง
++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น