ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ----- ดั่งผืนทราย ใต้ดวงดาว ------

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 ราเอลก็น่าสงสารนะคะ อิๆ มีเลิฟซีนด้วย แง้ววววว

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 50


    4.

    ยามดึกสงัดเงียบสงบ ไกลออกไปยังแคว้นที่อมริสาจากมา ภายในห้องบรรทมขณะนี้ เจ้าหญิงเมเดเซีย กำลังอาบน้ำภายในห้องส่วนพระองค์อย่างไร้ความสุข

    หลังจากที่ส่งแขกจนหมดแล้ว ก็ต้องผจญกับเรื่องอันเลวร้าย เมื่อทหารเข้ามารายงานว่าน้องสาวต่างมารดาของเธอ หนีออกไปจากคุกที่คุมขังเสียแล้ว

    มันน่าเจ็บใจนัก ตรงที่เธอเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่าใครช่วยนังนั่น แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

    ดวงตาคมคู่สวยเงยขึ้นจากผิวนวลเนียนของตนเองใต้น้ำนมสีขาวขุ่น เพราะเห็นเงาคนวูบเข้ามาทางประตูหน้าห้อง ริมฝีปากอิ่มสวยเย้ายวนขยับยิ้มเยื้อนอย่างสมใจ ทันทีที่เดาได้ว่าเขาเป็นใคร

    ก็จะใครเสียที่ไหนอีกเล่า นอกจากราเอล เดอเรล องครักษ์คู่ใจของเธอ…

    “ทหารบอกว่า ท่านหญิงต้องการพบข้า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆเขารีรอหยุดยืนอยู่ต่อหน้าม่านบังตาสีขุ่น ไม่ยอมก้าวผ่านเข้ามาในที่ส่วนตัวของเธอ

    “ข้าเรียกท่านเอง เข้ามาสิราเอล” เสียงทรงอำนาจพยายามปั้นให้หวานที่สุด ไม่ช้าหลังจากที่เธอออกคำสั่ง ร่างสูงสง่าประดุจเจ้าชายจากแว่นเคว้นอันเกรียงไกรของราชองครักษ์หนุ่มผู้เย็นชาก็ก้าวผ่านม่านบังตาเข้ามา

    เขาได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอเต็มสองตา ทว่า…ภายใต้นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้น กลับไม่มีร่องรอยของอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่เธอต้องการได้เห็นจากเขาแม้แต่น้อย

    เขาเย็นชากับเธอเสมอ ไม่เหมือนกับนังนั่น ที่ราเอลจะยิ้มหัวด้วย เขาเมินเธอซึ่งเป็นที่หนึ่ง ไปหานังเด็กที่ไม่มีอะไรเลยอย่างอามาริซาเสมอ…เขาน่าจะรู้แล้วนะ ว่าเขาโง่เง่าเพียงไร!!!

    “เรียกหาข้า ต้องการสิ่งใดหรือท่านหญิง?” เสียงเรียบเอ่ยไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง เขาไม่รู้หรอกว่าการที่เขาทำเย็นชาเฉยเมยใส่เธอเช่นนี้ เท่ากับยิ่งเป็นการปลุกเร้าให้เมเดเซียกระหายใคร่อยากได้ลิ้มรสชัยชนะทั้งจากหัวใจและ ‘ เรือนร่าง’ ของเขามากมายเพียงใด

    เธอเกลียดนังนั่น เลยรังแกกลั่นแกล้งน้องสาวสารพัดมาแล้ว ไม่เห็นจะได้ผล คราวนี้ นังเด็กนั่นหนีไปเป็นตายอย่างไรก็ไม่รู้ เธอภาวนาขอให้มันแห้งตายคาทะเลทรายอันร้อนระอุ เพื่อว่าเขาจะได้ตาสว่าง เลิกงมงายกับมันเสียที

    …แต่เอ๊ะ…ไม่ได้สิ นังอามาริซาจะตายตอนนี้ไม่ได้ …เธอยังต้องการดแผนที่ที่อยู่กับมันก่อน…

    “ข้าต้องการถามท่านสักหน่อย เรื่องการหายตัวไปของริซซา…ท่านคงยังไม่รู้กระมัง ว่านางหนีไปจากที่คุมขังแล้ว”

    น้ำเสียงตอนท้ายนั้น เจ้าหล่อนประชดประชันเขาชัดๆมีหรือที่ชายหนุ่มจะฟังไม่ออก

    แต่ราเอลไม่สนใจ ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนเข้าไปช่วยเจ้าหญิงแล้วจะทำไม อยากฆ่าก็ฆ่าสิ ชีวิตที่ต้องอยู่โดยปราศจากอามาริซาไม่มีความหมายสำหรับเขาอยู่แล้ว

    “ข้าย่อมรู้ ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับอามาริซาที่ข้าจะไม่รู้ ตราบใดที่นางยังคงอยู่ในเมืองนี้”

    ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้น ความผยองเย็นชาของเขา จุดโทสะร้อนแรงของหญิงสาวในอ่างน้ำนมได้ราวกับน้ำมันที่ราดไปบนกองเพลิง

    “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงหักคำสั่งของข้า อย่านึกนะว่าข้ารักแล้วจะทำอะไรก็ได้ !!” หญิงสาวทะลึ่งพรวดขึ้นยืนไม่สนใจสภาพเปล่าเปลือยของตนเอง โทสะพุ่งสูงจนใบหน้าเกือบเป็นสีคล้ำ

    เธอเยื้องย่างอย่างนางพญาหงส์เดินขึ้นบันไดสระก้าวเข้ามาหยุดต่อหน้าเขา เรือนร่างสีน้ำตาลนั้นงดงามราวกับรูปสลัก

    ทว่าเป็นความงามที่ชายตรงหน้ากลับไม่เคยนึกอภิรมย์!!

    “จำไว้นะราเอล ข้าไม่เคยยอมให้ใครเล่นงานแต่ฝ่ายเดียวมาช้านานแล้ว” เธอชี้นิ้วกราดมาต่อหน้าเขา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ข้างในนั้น “ใครก็ตามที่มันบังอาจเป็นศัตรูของข้า มันต้องไม่ตายดี …ไม่มีข้อยกเว้น แม้จะเป็นเจ้าที่ข้ารักยิ่งดวงใจก็ตาม…อย่าบังอาจท้าทายอำนาจของข้า เพราะถ้าวันใด ข้าหมดความอดทนขึ้นมา เจ้าจะทนทรมานยิ่งกว่าตกนรก จำไว้”

    เธอคาดโทษก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปหยิบผ้าแพรแสีแดงสดเนื้อบางเบาขึ้นมาพันตัวไว้ลวกๆแทบไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งนั้น หญิงสาวทำท่าจะเดินออกจากห้องอาบน้ำไป แต่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็เดินย้อนกลับมาหาชายหนุ่มที่เอาแต่ยื่นนิ่งเงียบอยู่กับที่

    มือเรียวคว้าแขนของเขาเอาไว้แน่น ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนที่พยายามข่มกลั้นอารมณ์เต็มที่

    แต่ที่สุดเมเดเซียก็ต้องพ่ายแพ้หัวใจตัวเอง…

    หญิงสาวโผเข้าสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น แทรกหน้าลงกับทรวงอกแข็งตึงของเขา มือไม้เปะปะกอดรัด เร่งเร้าให้ชายหนุ่มยอมตอบสนองอย่างที่เธอต้องการ

    ทว่าราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน

    “ราเอล…จงปรนนิบัติข้า ซึ่งเป็นเจ้าชีวิตของท่าน” เธอกระซิบสั่งเสียงสั่นพร่า เร้าอารมณ์ ริมฝีปากหนาเผยอออกเชื้อเชิญ หากร่างสูงใหญ่ยังยืนนิ่ง…

    ถ้าเป็นไปได้…ถ้าฝันของเขาจะเป็นจริง เขาปรารถนาอยากให้หญิงสาวแสนสวยที่กอดเขาอยู่ตอนนี้ เป็นอามาริซาเหลือเกิน…

    ถ้าเป็นเธอคนนั้น …แต่นี่…

    “ราเอล !!” เจ้าหญิงสั่งซ้ำอย่างฉุนเฉียว เขาชักช้าไม่ทันใจเธอเลยนั่นเอง

    ชายหนุ่มจำต้องเลื่อนมือไปโอบกอดร่างระหงเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปหาริมฝีปากอิ่มเต็มสีสวยของเธอแต่โดยดี

    ด้วยจุมพิตนั้นเมเดเซียแทบลืมสิ้นหมดทุกสิ่ง นอกจากเขา…

    “ท่านจะเป็นของข้าตลอดกาลราเอล…ข้าสาบาน”

    เธอบอกอย่างนั้น ก่อนที่จะดึงทึ้งเสื้อผ้าของชายหนุ่มออกไปให้พ้นตัวเขาอย่างไม่แยแส…

    ++++++++++++++++++++++++++++++++

    แสงอาทิตย์ยามสายสาดเข้ามาทางหน้าต่าง แม้ผ้าม่านเนื้อหนาจะช่วยป้องกันแสงร้อนแรงเอาไว้ได้มาก หากบางส่วนก็ยังสาดกระจายเข้ามาทำให้ความเย็นสบายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาให้อุ่นร้อนขึ้น และหญิงสาวซึ่งนอนหลับอยู่อย่างเหนื่อยอ่อน ก็ค่อยๆรู้สึกตัว

    อย่างแรกที่อมริสาต้องทำก็คือสำรวจเนื้อตัวของตัวเองอย่างละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย หรือแสดงให้เห็นร่องรอยผิดปกติก็ค่อยโล่งใจ

    และเมื่อมองไปรอบๆห้อง…บัดนี้เจ้าชายไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้วก็อดจะถอนใจยาวตามมาไม่ได้

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆก่อนที่สาวน้อยนางหนึ่งในชุดสีขาวสะอาดจะเดินนวยนาด ในมือถือถาดอาหารและยาบำรุงเข้ามาด้วย

    “เจ้าชายรับสั่งให้ท่านหญิงเสวยอาหารและโอสถได้แล้วเพคะ”

    สาวน้อยคนนั้นบอกเธอ กิริยานพนอบที่อีกฝ่ายมอบให้ สร้างความงุนงงแก่อมริสายิ่งนัก

    “ท่านหญิงอะไรกัน ใครให้เธอเรียกฉันอย่างนั้น?”

    “เจ้าชายสั่งเพคะ”

    อมริสาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทำหน้านิ่วอย่างลืมตัว

    นี่แสดงว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิง…ขอบคุณพระ ที่เมื่อคืนช่วยให้เธอรอดปลอดภัยจากเจ้าชายเฟรซามาได้ ไม่อย่างนั้น…

    หญิงสาวก้มลงมองตัวเองอย่างเผลอไผล หนาวเยือกไปทั้งหัวอก กับอ้อมแขนรัดรึงอบอุ่นของเจ้าของห้องเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกเบี่ยงเบนอยู่ตั้งนาน…ที่แท้ก็…

    แก้มนวลเป็นสีเข้มขึ้นมาเพราะอาการร้อนวูบวาบของเจ้าตัว หน้าแดงๆของอมริสานี่เอง ที่ทำให้สาวน้อยข้างๆต้องเอ่ยถามอย่างฉงน

     “เป็นอะไรหรือเพคะ?”

    “ไม่..ไม่มีอะไร” อมริสาบอกปัด …”ว่าแต่ว่า…ที่นี่ที่ไหนกัน?”

    “ที่นี่คือราชวังชั้นในของซาฮาล ห้องบรรทมของเจ้าชายเฟรซาเพคะ” สาวน้อยตอบกลับมาชัดเจน ทำเอาอมริสาชะงัก

    “ว่าไงนะ…ห้องบรรทมของเจ้าชายเฟรซางั้นเหรอ?”

    เธอยังตั้งตัวรับกับเหตุการณ์ที่แปรผันไปโดยไม่อาจหยั่งรู้ได้…เจ้าชายเฟรซาพาเธอเข้ามาที่นี่ทำไม…เขาต้องการอะไร…เธองงไปหมดแล้ว?

    “ฉัน…ฉันอยากพบเจ้าชาย..พาฉันไปพบเขาหน่อยได้ไหม?”

    “เจ้าชายกำลังคุยธุระอยู่กับฝ่าบาทเพคะ อีกเดี๋ยวท่านก็คงจะเสด็จมาเอง ทรงประทานชุดสำหรับให้ท่านหญิงใส่เปลี่ยนมาด้วย ฟาร่าเตรียมไว้ให้ในห้องสรงน้ำแล้วเพคะ”

    “งั้นเหรอ” อมริสาพยักหน้ารับรู้ เริ่มใช้สมองทำงานอีกครั้ง

    ตอนนี้เฟรซาไม่อยู่ ก็น่าจะเป็นโอกาสให้เธอหาทางหนีได้ไม่ใช่หรือ…

    ถ้าเพียงแต่เธอสามารถออกไปจากวังนี้ จนถึงท่าเรือได้ คงไม่ยากหรอก ที่จะหาทางไปประเทศไทย

    หญิงสาวรอจนสาวใช้คนนั้นเก็บถ้วยชามออกไปจากห้องแล้ว จึงค่อยเดินออกมาที่หน้าต่างห้อง

    ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาปะทะวงหน้าเนียนใส กลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นมาจมูกช่วยให้สดชื่นอย่างประหลาด อมริสาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าห้องนอนของเฟรซาอยู่สูงเท่ากับชั้นสองของตึกทั่วๆไป ซึ่งคงเป็นปัญหาอยู่บ้างทีเดียว หากว่าเธอจะปีนต้นไม้ไม่เป็น

    แต่เสียใจ เจ้าชายเฟรซา ท่านดูผิดฉันมากไปหน่อยแล้ว!!!

    ++++++++++++++++++++++++++++

    “มันเป็นผู้หญิงงั้นหรือรายาเจ้าแน่ใจนะ ว่าได้ข่าวมาไม่ผิดพลาด”

    เสียงเข้ม เดือดดาลไปด้วยไฟริษยาของเจ้าหญิงเซรียากรีดก้องไปทั่วห้องส่วนพระองค์ของเธอ  สาวใหญ่นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ ชื่อว่ารายา ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่ไม้ห่างจากนายหญิงของตนเองนัก พยักหน้ารับยืนยันอย่างมั่นใจ

    “เพคะ นังฟาร่า ที่เจ้าชายสั่งให้คอยรับใช้นังเด็กนั่น เป็นคนบอกกระหม่อมเอง แถมเจ้าชายยังเตรียมชุดสำหรับเจ้าหญิงให้มันใส่ด้วยนะคะ”

    “ชุดของเจ้าหญิง…” เซรียาครางราวกับโลกกำลังจะแตกดับ “เจ้าพี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ชุดเจ้าหญิง ก็ต้องให้เจ้าหญิงแต่งสิ นั่งนั่นเป็นแค่สามัญชน เจ้าพี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

    “เจ้าชายกำลังหลงมัน” รายาแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เจ้านายสาวสวยของตนเองเจ็บร้าวไปทั้งหัวอก “ไม่แน่ อาจจะทรงหวังถึงขั้นอภิเษกสมรสกับมัน ถึงได้รับรองมันด้วยเกียรติยศสูงสุดเช่นนี้”

    “ไม่จริง จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านพี่ต้องแต่งงานกับข้าต่างหาก ไม่ใช่นังไพร่นั่น” เจ้าหญิงกรีดเสียงร้องโหยหวนน่าสงสาร รายามองอาการจะเป็นจะตายของเจ้านายแล้ว ก็พลอย “เจ็บ” ตามไปด้วย

    นางขยับเข้ามาใกล้กับเจ้าหญิง เอ่ยเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า

    “เรื่องนี้ขอทรงวางพระทัย ศัตรูของเจ้าหญิง ก็เหมือนศัตรูของหม่อมฉัน ใครก็ตามที่บังอาจเป็นอริกับเจ้าหญิง หม่อมฉันจะทำทุกทางเพื่อกำจัดมันเองเพคะ”

    “เจ้าหมายความว่า…” เซรียาเงยหน้านองน้ำตาขึ้นจ้องข้ารับใช้คนสนิท พี่เลี้ยงของเธออย่างฉงน แกมไม่แน่ใจ  “เจ้าจะช่วยกำจัดนังนั่นให้ข้าหรือรายา?”

    “เพคะ” นางพี่เลี้ยงยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียม “มันผู้ใดก็ตามที่บังอาจสร้างความเศร้าเสียใจให้เจ้าหญิงของหม่อมฉัน มันผู้นั้นจะต้องไม่ตายดี…ทรงวางพระทัยเถิดเพคะ”

    รายาให้คำมั่นสัญญาซึ่งฟังแล้วชวนขนลุก หากเจ้าหญิงเซรียากลับแย้มยิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจ

    “ขอบใจเจ้ามากรายา เจ้าเป็นมิตรแท้ของเข้าจริงๆ…ถ้าข้าได้ขึ้นเป็นราชินีของซาฮาลเมื่อไหร่ เจ้าจะได้ในทุกสิ่งที่ปรารถนา”

    รายาก้มหน้ารับอย่างนอบน้อม…

    “หม่อมฉันไม่เคยต้องการสิ่งใด นอกจากความสุขขององค์หญิงเพคะ…”

    +++++++++++++++++++++++++++++++

    พระเจ้าราฮาลทอดพระเนตรมองหน้าบุตรชายองค์เดียวอย่างหนักพระทัย จากคำบอกเล่ารายงานของราชองครักษ์ปาลเมื่อเช้านี้ ทำให้พระองค์ต้องเรียกหาเจ้าลูกชายตัวดีเป็นการด่วน

    ก็ใครจะทนอยู่เฉยได้เล่า มันเอาสาวที่ไหนเข้ามาถึงในวัง เจ้าลูกคนนี้ชักจะตามใจตัวเองใหญ่แล้ว

    “ท่านพ่อต้องการพบลูกเป็นการด่วน มีธุระสำคัญอะไรใช่ไหมครับ?”

    มาถึงเจ้าชายก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ถามขึ้นก่อน คนเป็นพระบิดาซึ่งนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดถึงกับถลึงตาคมกริบเข้าใส่ลูกชายฉุนๆ

    “อย่าเลย เจ้าก็รู้ว่าพ่อเรียกเจ้ามาด้วยเรื่องอะไร ไหน อธิบายมาสิเฟร เหตุใดเจ้าจึงพาตัวเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นเข้ามาถึงในวัง แถมยังให้อยู่ในห้องของเจ้าเองอีกด้วย?”

    “ที่แท้ท่านพ่อไม่พอใจที่ริซไม่มีหัวนอนบปลายเท้า…ถ้าเป็นเรื่องนี้ ลูกอธิบายได้นะครับ” เฟรซาเอ่ยตอบโต้น้ำเสียงเรียบเอื่อย

    “ว่ามา พ่อกำลังฟังเจ้าอยู่”

    “ริซไม่ใช่ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างที่ท่านพ่อเข้าใจหรอกครับ…เธอเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทอีกองค์หนึ่งของจาดีล ชื่ออามาริซา…เจ้าหญิงอามาริซา จาเดล รูน  คือชื่อจริงๆของเธอครับท่านพ่อ”

    สีหน้าของพระเจ้าราฮาลแลดูตกพระทัย

    “เจ้าว่าไงนะ เจ้าหญิงอามาริซาน่ะนะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?”

    “มันเป็นไปแล้วท่านพ่อ” เจ้าชายยืนยันหนักแน่นมั่นอกมั่นใจเป็นล้นพ้น “ลูกจำเธอได้”

    “เจ้าเคยเจอนางด้วยหรือ…?”

    องค์ราฮาลทั้งตระหนกและประหลาดพระทัย เท่าที่พระองค์จดจำได้ เฟรซาไม่เคยไปจาดีลเลยซักครั้ง…

    แล้วลูกชายของเขา ไปรู้จักเจ้าหญิงน้อยผู้แสนจะเก็บตัวของจาดีลได้อย่างไรกัน

    “ลูกมั่นใจว่าลูกจำไม่ผิด แต่ท่านพ่อคงตอบความมั่นใจนี้ได้ดีกว่าลูก เพราะท่านพ่อเคยเห็นอามาริซามาก่อน เดี๋ยวลูกจะให้เธอมาเข้าเฝ้าให้ท่านพ่อทอดเนตรกับตาองค์เองก็ได้นะครับ”

    เจ้าลูกชายไม่ยอมตอบคำถามของเขา กลับเสไปทางอื่นแทนอย่างน่าเจ็บใจ

    ทว่าองค์ราฮาลมิได้ใส่พระทัย…พระองค์อยากเห็นหน้าของเจ้าหญิงน้อยผู้เลอโฉมมากกว่า …เพราะถ้าเป็นอามาริซาจริงๆ…เขาคงไม่สามารถกีดกันอะไรเจ้าเฟรซาได้…ด้วยศักดิ์และศรีของเจ้าหญิง อามาริซาย่อมคู่ควรที่ลูกชายของพระองค์จะแต่งงานด้วย

    “ถ้าเจ้ามั่นใจอย่างนั้น ก็จงไปนำนางมา พ่ออยากพบอามาริซาของเจ้าเต็มแก่แล้ว”

    องค์ราฮาลอนุญาต และเจ้าชายก็ยิ้มรับอย่างมั่นใจ

    “ท่านพ่อกรุณารอซักครู่ เดี๋ยวลูกจะพาเธอมาพบท่านด้วยตนเองเลยทีเดียว”

    เจ้าชายรัชทายาททิ้งท้ายไว้อย่างนั้นก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องของพระบิดาไป แน่นอนว่าเป้าหมายของเขานั่น ต้องอยู่ที่ตำหนักส่วนพระองค์นั่นเอง

    ++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×