คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ในห้องบรรทม...(อ๊ะๆ รู้นะ คิดอะไรอยู่ อิๆ^^)
3.
ณ พระราชวังหินอ่อนใจกลางนครซาฮาลอันอุดมสมบูรณ์ ขณะนี้ ในห้องส่วนพระองค์ของเจ้าชายเฟรซา เหล่านางสนมกำนัลกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องเพื่อเตรียมต้อนรับการกลับมาของเจ้าชายเจ้าของห้องอย่างขะมักเขม้น โดยมีเจ้าหญิงเซรียา ญาติผู้น้องของเจ้าชายเป็นผู้คุมการทำงานของเหล่านางในด้วยตัวเอง
ในห้องบรรทมของเฟรซา มีภาพวาดขนาดใหญ่ของเจ้าชายประดับอยู่ เซรียาซึ่งเดินเข้ามาเห็นเข้า ถึงกับยกมือลูบคลำภาพนั้น ราวกับว่ามันมีชีวิต
ใช่ ทั้งปากคอคิ้วคาง ทั้งหมดที่กอปรขึ้นเป็นเจ้าชายเฟรซานั้น ราวกับเทพเจ้าปั้นแต่ง ในโลกนี้ คงมีแต่เซรียาคนนี้เท่านั้น ที่คู่ควรกับพระองค์
หญิงสาวยิ้มให้ตัวเอง มั่นใจนัก ว่าเธอเท่านั้นที่เหมาะสม คู่ควรกับตำแหน่งราชินีของเขา หาใช่เจ้าหญิงเมเดเซียอย่างที่เสด็จลุงต้องการไม่
ขณะที่กำลังตกอยู่ในมนต์ตราแห่งภาพวาดของเฟรซาอยู่นั้นเอง เสียงเอะอะของสาวใช้ข้างหลังก็ดังขึ้น
“นี่รูปใครกัน ช่างงามจริง”
“อะไรกัน มีอะไร?” เจ้าหญิงเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับนางในสองคน ซึ่งกำลังพินิจกระดาษขนาดครึ่งเอสี่แผ่นหนึ่งอยู่อย่างสนอกสนใจ พอเข้าไปถึง เธอก็คว้ากระดาษแข็งสีขาวแผ่นนั้นมาจากมือของนางกำนัลคนที่ถืออยู่
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าในรูปวาดนั้น เจ้าหญิงเซรียาก็ถึงกับตะลึงตาพองโตอย่างน่ากลัว เพราะในกระดาษขาวอย่างดีแผ่นนั้น คือรูปวาดของหญิงสาว ซึ่งมีใบหน้างดงามราวกับรูปสลักของเทพธิดาทีเดียว
คำถามพลันเกิดพร้อมกับริษยา
“นังแพศยานี่เป็นใคร ใครบังอาจเอารูปบ้าๆนี่มาวางในห้องท่านพี่เฟรซาหา?”
เมื่อหาทางออกให้กับริษยาที่ลุกโพลงของตนเองไม่ได้ เธอก็ลงกับสาวใช้แทน ทุกคนก้มหน้างุด เนื้อตัวสั่น
“พวกเราไม่ทราบจริงๆเจ้าค่ะ ข้าเห็นก็เมื่อมันอยู่บนโต๊ะทำงานของเจ้าชายแล้ว ”
“เจ้าจะบอกว่า ภาพนี้เป็นของเสด็จพี่เฟรซางั้นหรือ บ้าแล้ว” เซรียากรีดเสียง แม้ไม่อยากยอมรับความจริง แต่ใจส่วนลึกของเธอกลับยอมรับเช่นนั้น
นังคนนี้เป็นใคร ทำไมเฟรซาถึงต้องเก็บรูปวาดของมันไว้ในห้องส่วนตัวของเขาด้วยเล่า
ความโกรธแค้นแน่นอกหาทางระบายไม่ได้ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจฉีกภาพนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท่ามกลางความตื่นตกใจของสาวใช้ทั้งหมดในห้อง
“เอาไปทิ้ง อย่าให้เหลือแม้เศษซักชิ้นเดียว” เซรียาสำทับทุกคนในห้อง ด้วยเสียงเกรี้ยวกราด น่ากลัว “และถ้าท่านเฟรซาถามหา ก็บอกไม่รู้ไม่เห็นไปซะ เข้าใจไหม?”
“เพคะ”
ทุกนางในที่นั้นก้มหน้าก้มตารับคำพร้อมกันโดยไม่มีใครกล้าขัดแย้ง
ท่านหญิงเซรียาอารมณ์ร้ายกาจ เอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครจะกล้าขัดคำสั่งเธอเล่า ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ว่าโทษทัณฑ์นั้น คงไม่แคล้วเท่ากับตกนรก ตายทั้งเป็น!!!
+++++++++++++++++++++++++
เย็นย่ำทีเดียว เมื่อขบวนเสด็จของเจ้าชายรัชทายาทกลับมาถึงวังหลวง เจ้าหญิงเซรียาพร้อมด้วยพระญาติพระวงศ์หลายพระองค์เสด็จออกมาต้อนรับเฟรซาถึงที่หน้าวังที่ประทับ ทว่า เจ้าชายซึ่งเป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่แล้ว กลับทำเรื่องให้ยิ่งเป็นจุดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยการลงจากรถมาพร้อมร่างเล็กๆบอบบางของเด็กหนุ่มผิวขาวผิดแผกจากชาวทะเลทรายทั้งหลายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์
เจ้าหญิงเซรียาอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น ส่วนปาลนั้นก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาใครทั้งนั้น
เขารู้ว่างานนี้ เขาต้องหนีความซวยไม่พ้นแน่ๆก็ดูเจ้าชายเถอะ จะปกปิดความต้องการของตนเองบ้างหรือก็เปล่าเลย
หลังจากที่เด็กคนนั้นหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าแล้ว เจ้าชายก็กกอดร่างมันไม่ยอมปล่อย ทรงทำราวกับลุ่มหลงเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้จริงๆจังๆโอ๊ย เขาอยากจะบ้า ทั่วราชวังซาฮาล คงลุกเป็นไฟหนนี้ล่ะ!!
“เด็กนี่ ใครกันเพคะเสด็จพี่?”
เจ้าหญิงเซรียาอดรนทนไม่ไหว กิริยาโอบอุ้มเจ้าหนุ่มน้อยคนนั้นอย่างสุดแสนจะถนอมของเจ้าชายที่เธอมอบหัวใจให้ ทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องเอ่ยปากถาม
“เป็นแขกของเรา เขาชื่อริซ ตอนนี้ไม่ค่อยสบาย แล้วพี่จะพาไปแนะนำให้เจ้ารู้จักที่หลังก็แล้วกันนะ”
เสียงตอบยิ้มแย้มใจดี ทว่าเพียงแค่นั้นเองที่เขาสนใจเธอและญาติๆหลังจากนั้น เจ้าชายก็ขอตัวจากทุกคน อุ้มร่างบางของริซเดินเข้าไปในปราสาทด้วยตัวเอง ราวกับฝ่ายที่หลับอยู่นั้น เป็นเจ้าหญิงสูงส่งอย่างไรอย่างนั้น
เซรียากัดริมฝีปากแน่น มองตามแผ่นหลังร่างสูงไปด้วยความโกรธแค้น เสียงซุบซิบของเหล่าพระญาติพระวงศ์เริ่มดังขึ้นในทิศทางที่เธอไม่อยากได้ยิน ด้วยความแสลงใจเอาเสียเลย
“ข้าไม่เคยเห็นเฟรซาเอาใจใส่ใครอย่างนี้มาก่อนเลย”
“นั่นสิ สงสัยว่าเจ้าหนูคนนี้จะสำคัญกับเฟรซาไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น”
“ไม่จริงเพคะ” เจ้าหญิงเซรียาหันไปกรีดเสียงแหลมใส่ญาติผู้ใหญ่ ที่พูดจาไม่เข้าหูเธอ “เสด็จพี่ไม่มีทางสนใจอะไรเจ้าเด็กคนนั้นมากมายหรอกค่ะ ท่านก็แค่ห่วงที่มันไม่สบาย ก็เท่านั้นเอง”
เธอหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองสบายใจ ทว่าก็ยังรู้สึกเจ็บใจลึกๆอยู่ดี
เสด็จพี่เฟรซา ทำไมต้องแกล้งเธอขนาดนี้ด้วย ท่านจะรู้หรือไม่ ว่าหัวใจของเซรียาเจียนจะแตกสลาย เพราะการกระทำของท่านอยู่แล้ว!!!
+++++++++++++++++++++++++++++
ปาลยิ่งพูดไม่ออกหนักขึ้นไปอีก เมื่อเห็นเจ้าชายของตน พาร่างไร้สติของริซเข้ามาในห้องบรรทมส่วนพระองค์เองต่อหน้าต่อตา
มันเกินไป คราวนี้เขาทนอยู่เฉยโดยไม่ทักท้วงไม่ได้แล้ว
“เจ้าชายครับ เด็กนี่ไม่คู่ควรจะอยู่ในห้องนี้ ”
“ทำไมล่ะ?”
เฟรซาวางร่างเล็กๆลงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มของเขา ก่อนจะหันมาถามคนสนิทยิ้มๆไม่ทุกข์ร้อนกับอาการโวยวายเป็นเรื่องใหญ่โตของอีกฝ่าย
“มันเป็นแค่เด็กสกปรกมอมแมม ไม่คู่ควรครับ” ปาลตอบจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึมอย่างที่เจ้านายมองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเครียดจัด
“เจ้าคิดว่าเราทำเรื่องที่ไม่เหมาะงั้นใช่ไหม?”
“กระหม่อมไม่กล้า ”
“แต่เจ้าก็คิดอย่างนั้นจริงๆ” เฟรซาไม่ยอมเชื่อ เขาเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆร่างบางของอมริสา ก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มนวลลออของอีกฝ่ายเล่น “เอาเถอะ เราเข้าใจ เราคงทำให้เขาต้องคิดมาก เกินไปจริงๆ ปาล เจ้ากำลังคิดว่าเราวิปริตผิดเพศ หลงรักผู้ชายด้วยกันอยู่ใช่ไหม?”
“กระหม่อมไม่กล้า” ปาลปฎิเสธแค่ปาก แต่ตาของเขาน่ะ บอกให้รู้ว่าใช่เลย ไม่ผิดหรอกฝ่าบาท!!
เจ้าชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก อมยิ้มขำๆเอื้อมมือไปกระตุกหมวกที่อมริสาสวมอูยู่ทีเดียวเท่านั้น กลุ่มผมยาวสลวย สีน้ำตาลก็สยายออกมาอวดความงามส่งให้กรอบหน้าเรียวรูปไข่นั้นยิ่งเด่นชัดและอ่อนหวานสุดใจ
ราชองครักษ์หนุ่มตาเบิกกว้าง จ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน
“เจ้าชายครับ นี่มัน อะไรกันเนี่ย?” เขาครางอ่อนระโหย “กระหม่อมงงไปหมดแล้ว เจ้าหนูนี่เป็นผู้หญิงหรือครับ?”
“ใช่ ผู้หญิง เรามองปราดเดียวก็รู้แล้ว เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?” เฟรซายักคิ้วให้คนสนิท นัยน์ตาคมพราวระยับขบขัน
“กระหม่อมขอประทานอภัย ที่เข้าใจผิดครับ เจ้าชายโปรดอภัยให้ด้วย” ปาลคุกเข่าลงขอโทษเจ้านาย อีกฝ่ายโบกมือว่อน หัวเราะเบาๆในลำคอ
“เราอภัยให้เจ้า ที่นี้ เราให้ริซพักผ่อนในห้องนี้ได้แล้วสินะ”
“ไม่ได้ครับ” ปาลลุกขึ้น แต่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ดี “ถึงนางจะเป็นสตรี แต่ก็เป็นผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า นางไม่คู่ควรที่จะพักอยู่ในห้องของเจ้าชายรัชทายาทครับ”
เฟรซาส่ายหน้ากับความคิดของคนสนิท
“เราจะเป็นคนตัดสินเอง ว่าใครคู่ควรหรือไม่ เจ้าออกไปได้แล้ว ถ้าท่านพ่อถาม ก็บอกไป ว่าเรากลับมาเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะไปเข้าเฝ้าท่านพ่อเอง”
เขาโบกมือไล่คนสนิทให้ออกไป เป็นการไม่สนใจคำเตือนของปาลอยู่ในที ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่รู้จะคัดค้านเจ้าชายอย่างไรได้ ในเมื่อรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าบทจะเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา ท่านไม่เคยฟังองครักษ์อย่างเขาหรอก
แล้วแม่สาวน้อยริซคนนี้ ก็ช่างงดงามราวกับตุ๊กตาเจียระไน สมควรแล้ว ที่เจ้าชายจะลุ่มหลง
ปาลเดินออกจากห้องบรรทมของเจ้าชาย รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีของราชวังซาฮาล เพราะเขาก็ทราบดี ว่าเจ้าหญิงเซรียานั้น ไม่ธรรมดา
เธอหรือจะยอมให้มีหญิงสาวคนไหนเข้ามาแย่งความรักความสนใจจากเจ้าชายเฟรซาไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่ทำอะไรเลย มันเป็นไปไม่ได้
แค่นึกถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มสงสารแม่สาวน้อยริซขึ้นมาตงิดๆแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++
ท่ามกลางกลุ่มหมอกหนาที่ลงปกคลุมทั่วผืนทราย ทุกอย่างรอบตัวของอมริสาขณะนี้จึงหนาวเย็น และขาวโพลนราวกับเธอติดอยู่ในแดนหิมะ
เท้าเปล่าเปลือยของหญิงสาวก้าวเดินไปเรื่อยๆกลางทะเลทรายเวิ้งว้างไร้ซึ่งผู้คน เม็ดทรายละเอียดที่ใต้ฝ่าเท้าของเธออ่อนนุ่มจนหญิงสาวแทบไม่รู้สึก จวบจนเธอเดินไปเหยียบเข้ากับของเหลวบางอย่างที่เหนียวหนืดและอุ่นจนรู้สึกได้
อมริสาชะงัก ก้มลงมองที่ปลายเท้าทั้งสองข้างของตัวเอง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึงสุดขีด
เลือด มันมาจากไหนมากมายอย่างนี้?
หญิงสาวผงะถอยหลัง เริ่มหวาดกลัวที่จะเดินต่อไปตามทางที่เต็มไปด้วยเลือดแดงฉานนั่น ทว่าเมื่อถอยหลังไป แล้วกระแทกเข้ากับแผงอกกว้างของใครคนหนึ่ง เธอก็หันขวับไปมองอย่างตกใจ
พลันนั้น ดวงตาตระหนกของอมริสาก็แปรเปลี่ยนเป็นยินดีนัก
“ท่านพ่อ” เธอโผเข้ากอดคอกษัตริย์จาฟาเอาไว้แน่น รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยขึ้นมาทันทีที่เห็นใบหน้าคร้ามคมเปี่ยมด้วยเมตตาของพระบิดา
“ท่านพ่อไปไหนมาคะ รู้ไหมว่าริซคิดถึงท่านมาก อย่าไปไหนอีกนะคะ อยู่กับริซ ริซไม่มีใครอีกแล้วนอกจากท่านพ่อ ”
หญิงสาวสะอื้น น้ำตาไหลพราก ความกดดันทั้งมวลหลังจากที่พระบิดาสิ้น หลั่งไหลออกมาเป็นหยดน้ำตา มากมาย ราวกับทำนบเขื่อนกั้นน้ำได้พังทลายลงเสียสิ้น
“ไม่ต้องกลัว ถึงพ่อไม่อยู่ ลูกก็ยังมีราเอลและเขา พ่อเชื่อว่าราเอลและเขา...จะปกป้องคุ้มครองลูกได้ ”
“แต่ริซไม่อยากให้ราเอลต้องเดือดร้อน เขาดีกับลูกมาก แต่ถ้าท่านพี่รู้ว่าเขาช่วยลูก ท่านพี่จะต้องลงโทษเขาแน่ๆ ริซป็นห่วงเขาเหลือเกินเพคะท่านพ่อ ”
มือหนาของท่านพ่อที่กอดรักเธอไว้แข็งกระด้างขึ้นมาทันทีนั้นเอง แรงกอดรัดของพระบิดาดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นราวกับจะหักกระดูกเธอให้ป่นคามือ อมริสาตกใจจนต้องร้องลั่นดิ้นรนขัดขืนอ้อมแขนนั้น
“ท่านพ่อ จะทำอะไรเพคะ ริซเจ็บ ”
“ดี ให้เจ็บเสียบ้าง ต่อไปจะได้ไม่กล้าพูดถึงคนอื่นอีก”
ใครกัน เสียงนี้ไม่ใช่เสียงท่านพ่อของเธอนี่นา!!
หญิงสาวขมวดคิ้ว ยังไม่ยอมลืมตา เปลือกตาอ่อนบางเต้นยุกยิกก่อนที่จะเปิดขึ้น เพ่งมองเจ้าของอ้อมแขนรัดรึงแน่นหนาราวกับจะแกล้งกันอย่างตกใจ
แน่นอน ว่านี่ไม่ใช่อ้อมแขนของพระบิดาอย่างที่เธอฝันเอาไว้ อมริสาตื่นตระหนก อ้าปากค้าง ไม่คาดฝัน ว่าจะตื่นนอนขึ้นมาในอ้อมแขนของชายที่เธอหวาดกลัวจับใจเมื่อตอนเย็น
“ท่าน เจ้าชายเฟรซา!!”
“ผิดหวังหรือเปล่า ที่เราไม่ใช่เจ้าราเอลอะไรของเธอนั่น?”
เขาย้อนถามเหมือนจะประชด หากดวงตาคมกริบนั้น ไม่มีแววเล่นหัวแม้แต่น้อย
“ฉันไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร ปล่อยนะ!!?” อมริสาพยายามจะหนีจากอ้อมแขนของชายหนุ่มแต่ไม่เป็นผล ลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ยังคงอบอวนลอยอยู่โดยรอบใบหน้าเธอ หญิงสาวหัวใจเต้นระทึกราวกับจะโลดออกมานอกทรวงอก กับความใกล้ชิดที่ส่อเค้าอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ไม่ได้ เธออยู่กับเขาในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!!
“หยุดดิ้น“ เขาสั่ง ตาคมเป็นประกายวาว อย่างที่อีกฝ่ายเห็นแล้วผวานัก ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว ชายหนุ่มก็ดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว “ถ้าตื่นแล้วก็มานี่”
“ท่านจะพาฉันไปไหน?”
อมริสาโวยวาย เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะสู้กับคนตัวโตกว่า แต่ยิ่งดิ้น ก็เหมือนยิ่งใกล้ชิด เปิดโอกาสให้เขาเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอมากขึ้นอย่างน่าตกใจ
อ้อมแขนแข็งแรงของเฟรซาโอบกระหวัดรัดร่างเธอแนบอก กึ่งลากกึ่งจูงพาเธอเดินผ่านประตูทรงโค้งลายสวย เข้ามาสู่สถานที่ซึ่งเห็นปราดเดียว หญิงสาวก็รู้ได้ทันที ว่ามันคือห้องอาบน้ำ
อมริสาหน้าเผือดสี ตระหนกแทบหัวใจวาย
“ท่าน ” เธอครางเสียงหลง ดวงหน้าหวานแดงก่ำน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้
“อาบน้ำซะ” เสียงห้าวทุ้มสั่งออกมาเบาๆทำเอาคนที่กำลังคิดในแง่ร้ายตาโตค้าง
“ท่าน ว่าไงนะ?”
“เราบอกให้เธออาบน้ำอาบท่าได้แล้ว ตัวมอมแมมเหลือเกินนี่ นั่น เราสั่งคนเตรียมชุดใหม่มาให้เธอแล้ว” เขาอธิบายอีกครั้งอย่างละเอียดมากขึ้น พร้อมกับชี้นิ้วไปยังชุดสีฟ้าอ่อนๆซึ่งถูกพับวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย เหนืออ่างอาบน้ำหรูหรา กว้างใหญ่ ประดับด้วยหินก้อนใหญ่สีส้มเรียงเป็นแนวยาวเหมือนสระน้ำธรรมชาติ รายล้อมด้วยดอกไม้และไม้พุ่มนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมหวานราวกับอยู่ในสวนสรวรรค์ก็ไม่ปาน
มันคล้ายๆกับอ่างน้ำในห้องของเธอที่จาดีล ต่างกันแต่ที่นั่น ไม่หรูหราเท่านี้
ทันทีที่ลับหลังร่างสูงใหญ่ของเฟรซา หญิงสาวก็ถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกจากตัว ก้าวลงไปแช่น้ำใสสะอาดกรุ่นกลิ่นหอมชื่นใจนั้นอย่างรวดเร็ว ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ตรากตรำทั้งกายและใจมาเนิ่นนานค่อยจางหายไปราวกับติดปีก สายน้ำเย็นกำลังดีโอบล้อมให้เธอสดชื่นร่าเริง อมริสาแทบลืมไปด้วยซ้ำ ว่าเธอกำลังอยู่ในห้องส่วนพระองค์ของเจ้าชายรัชทายาทผู้น่าเกรงขามแห่งซาฮาล
หญิงสาวเอื้อมมือไปช้อนดอกมะลิที่ลอยฟ่องอยู่ในน้ำ นึกแปลกใจนัก ใครหนอ ช่างรู้ใจ เอามาใส่ให้ เธอชอบดอกไม้ชนิดนี้เป็นที่สุด
อมริสาก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมสดชื่นนั้น อดไม่ได้จะคิดถึงเมืองไทย บ้านเกิดของแม่ คุณอมเรศ ปรียาโสภา มารดาแท้ๆผู้ให้กำเนิดเธอ
เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ครั้งหนึ่งที่แม่พาเธอไปเที่ยวบ้านคุณยายที่เมืองไทย แล้วก็แนะนำให้เธอรู้จักเจ้าดอกไม้ชนิดนี้
แม่บอกว่าคุณยายชอบมันมาก ที่บ้านของคุณยาย จึงมีเจ้าดอกไม้ชนิดนี้อยู่เต็มไปหมดทีเดียว
คิดถึงคุณยายแล้วหญิงสาวก็น้ำตาซึม ในโลกนี้ นอกจากคุณยายแล้ว เธอก็คงไม่เหลือใครที่จะรักและหวังดีกับเธอเท่าท่านอีกแล้ว
อมริสาถอนหายใจยาว ตัดสินใจขึ้นจากน้ำ สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งชายหนุ่มสั่งเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว ตั้งใจมุ่งมั่นกับตัวเอง
เธอต้องไปเมืองไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!!
+++++++++++++++++++++++++++++
“เสร็จแล้วหรือ?”
เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเธอก้าวผ่านประตูห้องอาบน้ำออกมา อมริสายืนนิ่งอึ้ง ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่อย่างตกใจ ความผ่อนคลายแสนสบายเมื่อครู่เลือนหายไปเกือบจะทันทีที่เธอนึกถึง ‘ ปัญหา’ ขึ้นมาได้
เจ้าชายเฟรซา ยังไม่รู้เลย ว่าเขาจะมาไม้ไหนกับเธอกันแน่?
“ชุดใหญ่ไปหน่อยนะ”
เจ้าของห้องออกความเห็น เพียงแค่สำรวจร่างบางปราดเดียวเท่านั้น หญิงสาวจำต้องค้อมตัว ซ่อนหน้าอกของตัวเองไม่ให้เขาเห็นชัด
“ครับ แต่ไม่เป็นไร ผมชอบอย่างนี้ ”
“ถ้าเสร็จเรื่องแล้วก็ขึ้นไปนอนซะ” เจ้าชายสั่งที่ทำให้อีกฝ่ายต้องอ้าปากค้าง มองตามมือชี้ของเขาอย่างงงงวย
ก็เขาชี้ให้เธอขึ้นเตียงนอนกว้างสีขาวสะอาดอ่อนนุ่มของเขา มันคงไม่แปลกอะไรเลย หากว่าเธอจะเป็นอะไรกับเขามากกว่าแค่เด็กหนุ่มไร้หัวนอนปลายเท้า
“ท่าน ท่านต้องล้อผมเล่นแน่” อมริสาส่ายหน้า พยายามฝืนยิ้มมองเขา พร้อมกับถอยหลังกรูด “นั่นมันเตียงนอนของท่าน ผมจะเข้าไปในนอนได้ยังไงกัน”
“เราอนุญาต อย่าเรื่องมากสิ เราสั่งก็ทำตามเถอะ”
เขายังคงยืนกรานด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ดุจจะไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่แล้วจริงๆอมริสาหน้าแดงสลับกับซีดเผือด เมื่อกี้ แค่ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเธอยังกลัวแทบสิ้นสติ ตอนนี้จะให้เธอยอมเข้าไปสู่ “อันตราย” อย่างเมื่อครู่อีกหรือ
ไม่!!!
“ผม ผมพอใจที่จะนอนข้างล่าง หน้าเตียงนอนของท่านมากกว่าครับ กรุณาเถอะ” เธอเว้าวอนเขา ทั้งสีหน้าและแววตา เฟรซาเกือบระเบิดเสียงหัวเราะขบขันออกมาแทนที่ดวงตาพราวระริกของตนเอง
“เธอกลัวเราหรือ?” เสียงห้าวย้อนถามราวกับจะท้าทาย ถ้าเป็นอมริสาคนเดิมคงพยักหน้าหงึกๆยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข
ก็เขาเป็นผู้ชายแปลกหน้า ไม่กลัวก็คงโกหกแล้ว ทว่า
เวลานี้เธอเป็นแค่เด็กหนุ่มริซเท่านั้น..ริซสมควรจะกลัวผู้มีพระคุณไหมนะ?
“ผม ผมไม่มีวันกลัวท่าน เพราะท่านสัญญาแล้วว่าจะช่วยผม ท่านเป็นคนมีสัจจะ มีศีลธรรม ท่านคงไม่ทำอะไรที่ไม่ดี”
“พอเถอะ อย่าเยินยอเราขนาดนั้นเลย” ชายหนุ่มกางมือห้าม เสียงเข้มขึ้นอย่างรำคาญใจ “เราเบื่อคำสรรเสริญเยินยอที่หาความจริงไม่ได้ แล้วก็ไม่สนใจด้วย มานี่สิ”
เขานั่งลงบนเตียงนอนหนานุ่ม ตบมือเรียวยาวลงกับผ้าปูเตียงตรงหน้า
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปนั่งลงตรงหน้าชายหนุ่มอย่างที่เขาต้องการ ดวงตากลมโตของเธอ มิได้คลาดคลาจากวงหน้าคมสันของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของเธอเต้นแรงจนเจ้าตัวรู้สึก และอับอายเหลือเกิน หากว่าเขาจะได้ยินมันด้วย
เฟรซายกมือขึ้นมาเก็บลูกผมที่ยาวลงมาปรกหน้าของเธอเข้าไปทัดหูให้อย่างอ่อนโยน ราวกับทะนุถนอมเธออย่างเหลือเกิน อมริสานั่งตัวแข็งทื่อ ตะลึงกับอากัปกิริยาของเขา
“เจ้าชาย ท่าน ”
“เราไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอเจอกับอะไรมาบ้าง” เสียงทุ้มชิงเอ่ยขึ้นก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อไป มือเรียวสะอาดสีน้ำตาลอ่อนไล้เรื่อยจากข้างแก้มนวล จนมาหยุดที่คางมน “เราอยากให้เธอไว้ใจเรานะริซ เธอไว้ใจเราได้เสมอ ”
“ท่าน?”
เธอจ้องหน้าเขาราวกับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ดวงตากลมโตตระหนกงุนงง ไม่เข้าใจ ใช่ เธอไม่เข้าใจอะไรเลย เกี่ยวกับเจ้าชายเฟรซาคนนี้
เขาทำราวกับรู้จักเธอมากกว่าที่เธอรู้จักเขา มันยังไงกันแน่?
“เรา เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” หญิงสาวครางเสียงแผ่ว เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ในความคิดอันสับสนวุ่นวาย เธอแน่ใจว่า ไม่มีภาพของชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้สง่างามทรงเสน่ห์เช่นเขาบันทึกอยู่ในความทรงจำของเธอมาก่อนแน่ๆ
“ เราจะพบกันมาก่อนหรือไม่ สำหรับเธอไม่สำคัญ ตอนนี้เราอยากให้เธอพักผ่อนก่อนมากกว่า” เขาไม่สนใจคำถามของเธอ กลับรั้งไหล่บอบบางให้ล้มลงนอน อมริสาทำท่าจะดิ้นรนลุกขึ้น ก็กลับถูกร่างสูงใหญ่ตามเข้าไปกอดกระชับไว้แน่น ไม่ปล่อยให้เธอได้ดิ้นหนีไปไหนได้เลย
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ว่าอมริสาหนาววูบ ก่อนจะร้อนจนแทบละลายกับอ้อมกอดของเจ้าชายแปลกหน้าคนนี้
แต่เธอไม่กล้าขยับ ราวกับว่าเนื้อตัวเธอ มันแข็งเป็นท่อนหินไปหมดแล้ว
“นอนซะริซ อย่าฝืนตัวเอง เราบอกแล้ว ว่าตราบใดที่เราอยู่ จะไม่มีใครทำอันตรายเธอได้ ไม่ต้องกลัว ”
น้ำเสียงอบอุ่นปลุกปลอบอย่างอ่อนโยน เอาใจ หญิงสาวกะพริบตาปริบๆความกดดันทั้งหลายดูจะพังทลายลงไปเพราะเสียงอาทรห่วงใยของเขานี่เอง
ถ้าราเอลรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะประณามว่าเธอเป็นหญิงใจง่ายหรือเปล่านะ?
เธอชอบราเอลต่างหาก ไม่ใช่เขาคนนี้ แล้วทำไม ทำไมจึงอบอุ่นนักกับการได้อยู่ในอ้อมแขนของเฟรซา?
++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น