--- "แก้ว...กลางใจ" ----- - --- "แก้ว...กลางใจ" ----- นิยาย --- "แก้ว...กลางใจ" ----- : Dek-D.com - Writer

    --- "แก้ว...กลางใจ" -----

    รักใสๆ ร้ายๆ น่ารักน่าหยิกของพี่น้องบอย (พระเอกเรื่องปฏิบัติการรักฉบับร้ายเดียงสา) ตอนเจ็ดขวบที่อ่านแล้วคุณต้อง...รัก (มั้ง) ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    2,805

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    2.8K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 53 / 07:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      แก้ว…กลางใจ

      1.
      วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าเป็นสีครามสด อบอวลไปด้วยไอระอุของเปลวแดดที่แรงจัดจ้า กลุ่มเมฆสีขาวสว่างราวกับปุยนุ่นลอยละล่องเอื่อยอ่อยราวกับไม่อยากจะเคลื่อนที่ไปไหน เป็นสีสันที่ตัดกันอย่างสวยงามและชวนให้ใครก็ตามที่มองเห็นแล้ว น่าจะรู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่าแห่งพลังชีวิตจากสิ่งที่ธรรมชาติบรรจงแต่งแต้มสร้างสรรมาให้มวลมนุษย์ได้ชื่นชมกันอย่างไม่ยาก

      หากแต่สำหรับตติยะแล้ว วันนี้ไม่ต่างอะไรกับฝันร้าย!

      มือเรียวสะอาดถูกเจ้าตัวยกขึ้นทึ้งผมสั้นๆดกดำของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ดวงตาสีดำจัดเป็นมันเงาวะวับ จับจ้องตรงแหน่วไปยังร่างเล็กๆของเด็กชายวัยไม่เกินเจ็ดขวบตรงหน้าอย่างตรองไม่ตก ริมฝีปากได้รูปถูกยกขึ้นเล็กน้อยเกือบกลายเป็นแสยะ ขณะเอ่ยถามเสียงคำรามเหี้ยมแบบข่มขวัญเด็กออกมา

      “ทำไมไม่กินข้าวหาเจ้าบอย?”

      ‘เจ้าบอย ‘ หรือเด็กชายรภัทร พองลมเข้าปากแก้มป่อง ปรายตามองอาหารบนโต๊ะซึ่งได้แก่ขาหมูต้มยำ ผัดผักรวมมิตรและ แกงจืดวุ้นเส้นด้วยท่าทางแง่งอนเอาเรื่อง

      “น้องบอยไม่ชอบ ก็ไม่กิน พี่ซีอยากกินก็กินไปคนเดียวสิ”

      เสียงเล็กๆนั่นวางท่าอวดผยองได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นญาติผู้น้องที่อาระรินดา น้องสาวแท้ๆของพ่อเขาเอามาฝากไว้ให้ดูแลในช่วงที่เธอไปดูงานที่ต่างประเทศกับสามีถึงหนึ่งเดือน เขาคงเขกกะโหลก(ที่คาดว่าจะหนากว่าวัย) ของเจ้าตัวเล็กไปแล้ว

      “เป็นเด็กเป็นเล็ก เลือกกินได้ยังไง กินๆเข้าไปเถอะน่า ของอร่อยทั้งนั้น”

      ชายหนุ่มพยายามชี้ชวนเด็กชายเสียงห้วน แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าพรืด ทำปากจู๋บู้บี้ หยิ่ง เริ่ด เชิด ผยอง

      “ระดับน้องบอย ไม่ต้องมาทนกินของที่ไม่อยากกินร้อก”

      “เฮอะ แกไม่กินนี่แล้วจะไปกินที่ไหนไม่ทราบวะ ไอ้คุณบอย “ ตติยะอดไม่ได้ที่จะแสดงความเหนือกว่าให้เด็กได้รับรู้ซะบ้าง “บอกให้รู้เลยนะ ว่านอกจากฉันที่ดวงซวยต้องรับดูแลแกแล้วเนี่ย พวกพี่ๆของแกคนอื่นๆไม่มีใครเขาใยดีแกแล้วรู้ไว้ด้วย”

      เขาหมายถึงพี่ชายของเขาอีกสองคนที่ต่างก็ต้องทำงานไม่มีเวลามาคอยดูแลเด็กเล็กอย่างรภัทร์ ส่วนน้องสาวคนเดียวของเขา คือศศรินทร์ก็กำลังยุ่งๆวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว

      ทั้งบ้านก็มีแต่เขานี่แหละที่ว่างที่สุด เพราะกำลังเรียนปริญญาโท มีเวลาว่างมากพอที่จะช่วยดูแลเด็กอย่างรภัทร์ได้บ้าง

      นี่ถ้าไม่ติดว่าทั้งพ่อทั้งอาฝากฝังกำชับกำชาแน่นหนา จ้างให้เขาก็ไม่มีทางมานั่งทนเป็นพี่เลี้ยงเจ้าเด็กบ้านี่แน่ๆ

      ‘ดีเลย ได้ซีช่วยดูแลบอยอย่างนี้อาก็สบายใจ ยังกลัวๆอยู่เลยนะ ว่าลูกอาออกอาการคล้ายผู้หญิงเกินไป ซีช่วยดูน้องแทนอาหน่อยนะ ได้แบบแมนๆอย่างซีก็ยิ่งดีที่สุดเลย’

      อาระรินดาฝากฝัง กำชับกำชาเขาเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนบางอย่างของลูกชายมาด้วย ตติยะจึงคิดว่าต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม สอนความแข็งกระด้างของผู้ชายให้เจ้ารภัทร์มันซึมซับเข้าไว้บ้าง แต่เจ้าเด็กแสบมันก็ช่างกวนโมโหเขาไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องห้องนอนเป็นต้นมา

      ‘น้องบอยไม่นอนเตียงเดียวกะพี่ซีแล้วนะ กรนเสียงดังหนวกหูชะมัด’

      เจ้าเด็กแสบโวยวาย หลังจากที่นอนห้องเดียวกับเขาไปหนึ่งคืน ตื่นเช้ามามันก็หัวฟู สะลึมสะลือขึ้นมาแหกปากป่าวประกาศอย่างมุ่งมั่น ทำเอาคนเป็นพี่ ที่อายุมากกว่าถึงสิบหกปีต้องเอื้อมมือมากดหัวมันลงไปเพื่อเป็นการลงโทษอย่างอดใจไม่ไหว

      แต่แทนที่เจ้าตัวเล็กจะรู้ซึ้งซะมั่งว่าใครใหญ่กลับแหกปากร้องลั่นหนักกว่าเดิม ผลก็คือเขาเลยถูกคนทั้งบ้าน รุมบ่นเสียกระบุงโกยโทษฐานรังแกเด็ก เออหนอ…ไอ้เจ้าบอยนี่ มันมีตรงไหนที่เป็นตุ้ดเป็นแต๋วกันนะ ที่เขาเห็นๆนี่ มีแต่ความเจ้าเล่ห์แสนกล รู้มากเกินกว่าวัยของมันทั้งนั้น

      “ระดับน้องบอยไม่ต้องรอการใยดีของพวกพี่ร้อก…”เสียงเล็กๆตอกกลับมาอย่างอหังการ ดวงตาสองชั้น ยาวรีมีแววว่าโตขึ้นจะเป็นหนุ่มหล่อคมเข้มคนหนึ่ง ถูกเจ้าตัวหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งชวนฉงนแก่ชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามยิ่งนัก

      เจ้าบอยมันหมายความว่ายังไง…เด็กเล็กอย่างนี้ อย่าบอกนะ ว่ามันจะมีปัญญาทำกับข้าวกินเองเป็นน่ะ?

      “น้องบอยมีคนมาทำให้กิน แค่โทรเรียกกริ๊งเดียวเอง เร็วกว่าสั่งปิซซ่าอีก”

      มันบอกต่อเสียเองอย่างต้องการอวด คนเป็นพี่นั่งหน้าเหรอ ตาโตค้างอึ้งๆ

      “เฮ้ย ล้อเล่นน่าเจ้าบอย มีบริการเดริเวอรรี่เอ็งขนาดนี้ด้วยเรอะ?”

      “ฮ้า พี่ซีไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นมา เดี๋ยวน้องบอยจะสำแดงให้ดู”

      มันว่าแล้วก็กระโดดตุ้บลงจากเก้าอี้ วิ่งตื๋อเข้าไปคว้าโทรศัพท์ไร้สายในห้องนั่งเล่นมากดเบอร์ กรอกเสียงหวานแจ่มๆสุดฤทธิ์ของมันลงไป

      “ฮัลโหล…คุณครูแก้วหรือค้าบ…ผมน้องบอยนะครับครูค้าบ…มาช่วยน้องบอยด้วย น้องบอยกะลังจะอดตายแหล่ว…”

      ตติยะ(แอบ)ฟังได้ความว่า มันกำลังทำเสียงออดอ้อนออเซาะแอเลาะคุณครูของมันให้มาส่งข้าวส่งน้ำให้ …ชะหนอยแน่ะ ตัวเท่าเมี่ยง ริอ่านจีบสาวข้ามรุ่นเชียวเรอะเอ็ง?

      แล้วตกลงว่ามันจะเป็นตุ๊ดหรือจะเป็นเสือผู้หญิงกันแน่ล่ะเนี่ย?

      ++++++++++++++++++++++++

      ร่างเล็กบางที่วิ่งลงมาจากแท็กซี่อย่างรีบร้อนนั่น ทำให้คนที่ยืนมองมาจากในบ้านต้องขมวดคิ้วเข้มหนาของตัวเองเข้าหากันก่อนจะคลายออกด้วยอาการประหลาดใจ

      ถ้าตาเขาไม่ฝาด นั่นยัยหนูน้อย เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้องสาวเขานี่นา…

      ตั้งแต่ที่เธอกับศศรินทร์น้องสาวของเขาเรียนจบ หนูน้อยก็ไม่ค่อยมาที่บ้านของเขาบ่อยอย่างแต่ก่อนอีก รูปลักษณ์ของเธอเป็นอะไรที่เฉิ่มเชยจนกลายเป็นเอกลักษณ์เห็นแค่แว่บเดียวก็จำได้ไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

      ขายาวๆของเขาก้าวไม่กี่ทีก็มาถึงหน้าประตูรั้วบ้าน ใบหน้าขาวจัดของเธอซีดเซียวราวกับไม่มีสีเลือด กระนั้นแก้มกับริมฝีปากบางก็ยังเป็นสีแดงตามธรรมชาติอย่างน่ามอง…

      แต่ก็แค่นั้น เครื่องหน้าเจ้าหล่อนไม่ค่อยเด่นนัก ตาก็ชั้นเดียว จมูกก็ไม่โด่ง แถมยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะไว้ตลอดเวลาราวกับเป็นยาเสพติด

      เขาไม่เคยเห็นวันไหนที่เธอจะไม่ใส่แว่นเลย นัยว่าสายตาเธอจะสั้นเอามากๆนั่นเอง

      “มาหายัยดีหรือหนูน้อย เขาไม่อยู่หรอกวันนี้”

      เขาบอกโดยที่ยังไม่ทันเปิดประตูรับหญิงสาว เพราะเข้าใจว่าเธอคงจะมาหาน้องสาวของเขา ทว่าอีกฝ่ายสั่นหน้าจนผมยาวสีดำสนิทของตัวเองสะบัดพลิ้วไปมา

      “เปล่าค่ะ น้อยไม่ได้มาหายัยดี” เธอสอดส่ายสายตาเข้าไปในบ้านอย่างเป็นกังวลก่อนจะกล่าวต่อเสียงเรียบ “น้อยมาหาน้องบอยต่างหากล่ะคะ”

      “หา?” หนุ่มหน้าคมตาเข้มร้องเสียงหลง อ้าปากค้าง “อย่าบอกนะ ว่าครูที่เจ้าบอยมันโทรไปเรียกมาน่ะ คือเรา?”

      เขาชี้นิ้วไปที่เธอทำท่าเหมือนไม่อยากเชื่อว่าหน้าตาอย่างเธอจะเป็นครูของน้องชายเขาไม่ได้อย่างนั้น?

      แก้วอาภากัดริมฝีปากตัวเอง ข่มความไม่พอใจเอาไว้มิดเม้น ก่อนจะยอมรับออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

      “ใช่ค่ะ น้อยเป็นครูของน้องบอยเอง ขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้พี่ซีทราบก่อน…น้อยไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้น”

      “พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หนุ่มหล่อเสยผมตัวเองอย่างยุ่งยากใจ ท่าทางของเขาสร้างความขุ่นใจให้กับฝ่ายตรงข้ามไม่น้อยทีเดียว

      ร่างสูงหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินก้มหน้าเข้ามา แม้ว่าดวงหน้าขาวๆนั้นจะแดงระเรื่อขึ้นเพราะแรงอารมณ์ภายใน แต่แก้วอาภาก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่ปริปากอะไรง่ายๆ หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ

      เธอเดินนำหน้าเขาเข้ามาในบ้านหลังใหญ่นั้นอย่างคุ้นชินดี เจ้าตัวเล็กที่ชะเง้อคอยาวมองเธออยู่แล้วรีบวิ่งแจ้นเข้ามาโถมตัวกอดเธอเอาไว้แน่น กระดี๊กระด๊าอย่างน่าหมั่นไส้

      ชายหนุ่มที่เดินตามมา นึกอยากเขกกะโหลกน้อยๆของเจ้าตัวแสบเป็นกำลัง

      “น้องบอยหิวจะแย่อยู่แล้วค๊าบครูแก้ว…ทำอะไรให้น้องบอยหม่ำหน่อยนะค๊าบ…..”

      มันฉอเลาะ ตีหน้าหิวโซ ราวกับอดอยากมาแต่ชาติปางไหน คนเป็นครูก็เชื่อมันทันทีเหมือนกัน

      “เหรอคะ…โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวครูแก้วจะไปทำอาหารอร่อยๆให้น้องบอยทานเองนะจ๊ะ”

      เธอก้มลงไปบอกเด็กชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้ากลับมาสบตากับคนเป็นพี่ชายของเด็กด้วยสายตาเย็นชา

      “น้อยขออนุญาตใช้ห้องครัวของพี่ซีหน่อยนะคะ”

      “เชิญตามสบายเลย”

      เขายักไหล่ไม่สนใจ ทำเมินไม่แยแส จนอีกสิบห้านาทีต่อมา ข้าวผัดผลไม้กลิ่นหอม หน้าตาแจ๋วแหววชวนกินก็ถูกนำมาวางต่อหน้าเจ้ารภัทร์

      เด็กชายหน้าบาน ตรงเข้าจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างไม่มีอิดเอื้อน กินไปก็ชมชื่นครูสาวของมันไป ข้าวเต็มปาก

      “คุณครูทำอาหารอร่อยที่ซู้ด…น้องบอยช้อบชอบ”

      อ้อ ตกลงที่มันหลงรักยัยหนูน้อยนี่ ก็เพราะแม่สาวเจ้าขยันทำอาหารให้มันกินใช่มั้ย?

      ตติยะเหล่ตามองข้าวผัดใส่สับปะรด ใส่ลูกเกด ถั่วลันเตา ข้าวโพด และแฮมกับแครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆดูมีสีสันน่ารับประทาน กลิ่นหอมของมันยั่วน้ำลายเขาพิกล..

      เจ้าตัวเล็กตวัดตาดุเงยหน้าขึ้นมามองเขาเขม็งราวกับมีตาวิเศษ พอเห็นคนเป็นพี่ชายมองมาเท่านั้น มันก็หยิบจานเลี่ยงหนีไปอีกทางอย่างหวงกันทันที

      “น้องบอยไม่ให้พี่ซีกินหรอก อย่าหวังเลย”

      “แล้วใครอยากจะกินของๆแกกันไม่ทราบ”

      พี่ชายตัวโตชักสีหน้าเข้าใส่น้องชาย ท่าทางของเขาหงุดหงิด จนแก้วอาภานำข้าวผัดผลไม้อีกจานมาวางต่อหน้าเขานั่นแหละ ชายหนุ่มจึงเงยหน้ามองหญิงสาวแว่นโตอย่างพาลหาเรื่องต่อ

      “ใครบอกว่าพี่จะกินหา?”

      ชายหนุ่มผลักจานข้าวกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอออกห่างอย่างกลั้นใจ งอนไม่ผิดกับเด็กอย่างเจ้าบอยเท่าไหร่นัก

      “พี่ซีไม่ได้บอกว่าจะทานก็จริงค่ะ แต่น้อยให้ ในฐานะที่มาใช้ของบ้านพี่ทำไงคะ”เธอบอกด้วยสีหน้าเหมือนอย่างระอาเด็กดื้อเต็มทน ท่าทางหยิ่งๆเชิดของเขา ทำให้แก้วอาภาที่ไม่ค่อยรู้สึกหมั่นไส้ใครง่ายๆมาก่อน นึกเคืองเต็มที…

      หญิงสาวเดินปลีกตัวกลับเข้าไปในครัว เงียบๆ ลับหลังเธอเท่านั้น เจ้าบอยก็เอื้อมแขนมาหมายใจจะคว้าข้าวผัดจานที่สงบนิ่งอยู่ต่อหน้าคนเป็นพี่ชายไปกักตุนสินค้า เป็นเสบียงกรังทันที แต่ฝ่ายนั้นไวกว่า ตีมือเล็กๆป้อมๆนั้นดังเพี้ยะ

      “โอ้ย น้องบอยเจ็บนะพี่ซีอ่ะ”

      มันโวยวาย ดีว่าวันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ไม่งั้นเขาได้โดนสวด ข้อหา รังแกเด็กหูชาอีกแหงๆ

      “ริอ่านจะมาแย่งของฉันเรอะ เดี๋ยวโดนตื้บ แล้วเลิกเรียกตัวเองว่าน้องอย่างงั้นน้องอย่างนี้ซะทีเหอะ ได้ยินแล้วจะอ้วก” คนตัวโตกกว่าคำรามใส่เจ้าตัวเล็ก หน้าดุๆโหดนั่น ทำเอามันคอย่นทีเดียว

      “ฮึ ผู้ใหญ่อะไร รังแกเด็ก” เด็กมันค้อนควักๆส่งมาให้ ไม่ผิดกับสาวๆ นี่กระมังที่ทำให้อาสาวของเขากังวล กลัวว่าเจ้าลูกชายคนเดียวจะมีพฤติกรมเบี่ยงเบน “ก็แค่นี้…เดี๋ยวน้อง…เอ้ย บอย…เดี๋ยวบอยให้ครูแก้วทำมาให้อีกเป็นสิบๆจานก็ได้”

      เจ้าตัวเล็กยังไม่วายอวดดี ปากแดงๆของมันมีเมล็ดข้าวติดอยู่เกลื่อน…มันซกมกขนาดนี้ ดูยังไงก็คงเป็นตุ้ดแต๋วไม่ได้…

      ชายหนุ่มส่ายหน้าเอือมๆ

      “งั้นแกก็วิ่งไปบอกครูแกเลยไป อย่ามายุ่งกับจานนี้ ฉันจะกิน”

      “อ้าว ก็ไหนว่าไม่กินไง?”

      เด็กชายถามหน้าเหรอ ตาโตอย่างงงๆ รภัทร์ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรได้มากนัก

      “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว “ตติยะเน้นเสียงหนักๆเอาจริง “ครูแกอุตส่าห์ทำมาเอาใจฉัน ก็ต้องกินเสียหน่อย  ฉันไม่ได้อยากกินนักหรอกนะ…แต่ไม่อยากให้ครูแก้วของแกต้องเสียกำลังใจ…ก็เท่านั้น”

      +++++++++++++++++++++++

      “ครูแก้วค้าบ……”

      เจ้าตัวเล็กพาร่างกลมๆป้อมๆของมันโถมเข้าใส่ร่างบางแทบปลิวลมของหญิงสาว ที่เดินถือแก้วน้ำปั่นสีหวานในมือมาทั้งสองข้าง แก้วอาภาแทบหงายหลัง ดีแต่ว่ายังทรงตัวเองไว้ได้ทันเสียก่อน

      “อะไรจ๊ะ น้องบอย?”

      ถึงเจ้าตัวเล็กจะเกือบทำเธอล้ม แต่เสียงที่ขับขานถามไถ่ออกมานั้นกลับหวานนัก

      หวานจนคนที่เพิ่งกินข้าวหมดเกลี้ยงจานต้องแอบค่อนในใจ

      “เมื่อกี้นะครับ พี่ซีกินข้าวที่คุณครูทำมาให้ใหญ่เลยล่ะ แต่ไม่ชมว่าอร่อยซักคำ”

      มันฟ้องเอาหน้า…ไอ้เด็กนรก

      ตติยะหันมามองคนร่างบาง ที่มองมาทางเขาเช่นกัน หญิงสาวยิ้มนิดๆเมื่อเห็นจานข้าวผัดของเธอเรียบเกลี้ยงไม่เหลือซักเม็ด

      “ไม่เป็นไรจ้ะ แค่ทั้งพี่ทั้งน้องทานกันหมด ครูก็ดีใจแล้วล่ะ เอ้านี่” เธอก้มลงมายิ้มหวาน ส่งแก้วน้ำแตงโมปั่นสีแดงสดให้เด็กชาย “ของหวานตบท้ายจ้ะ”

      เจ้ารภัทร์ยิ้มร่า เห็นฟันหรอ ก่อนรับแก้วทรงสูงจากมือของครูสาว ลงมือสังหารน้ำปั่นของโปรดโดยไม่มีอิดเอื้อน

      นี่ล่ะนะเด็ก…ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคน ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ปากแข็งไม่เข้าเรื่อง

      เธอเดินตรงเข้ามา วางแก้วน้ำปั่นอีกถ้วยลงต่อหน้าชายหนุ่ม เขามองมาเหมือนจะถาม

      “น้ำสับปะรดค่ะ น้อยทำมาให้พี่ซี คงชอบนะคะ”

      เธอบอกเองเสร็จสรรพ จากนั้นก็จูงร่างเล็กๆกลมป้อมของลูกศิษย์พากันเลี่ยงไปอีกทาง

      ตติยะทำท่าจะโวยวาย แต่เมื่อหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจหรือชายตาให้เขาอย่างหญิงอื่นที่เคยเรียกร้องความสนใจของเขาด้วยวิธีต่างๆมานักต่อนัก ชายหนุ่มก็นิ่งงันไป

      ไม่ยักรู้มาก่อนเลย ว่าแก้วอาภาจะทำอาหารอร่อย เป็นแม่ศรีเรือนขนาดนี้…

      เอาเถอะ พระเจ้าคงชดเชยให้ ที่เธอเกิดมาไม่สวยเอาเสียเลยนั่นเอง…

      +++++++++++++++++++++++


      ตะติยะอิ่มจนแน่นท้องทีเดียว เมื่อเดินตามมาแล้วทันได้เห็นเจ้าน้องชายตัวแสบของเขากำลังเล่นปิดตากับแก้วอาภาอยู่ในสวนหลังบ้านกันอย่างสนุกสนาน

      แน่นอนว่าคนสนุกน่ะ ต้องเป็นเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ เพราะคนที่ถูกปิดตาด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาว ต้องเดินสะเปะสะปะ ใช้สองมือช่วยคลำทางไปทั่วไม่ต่างจากคนตาบอดเท่าไหร่นั้น ก็คือครูสาวของรภัทร์

      “ผมอยู่ทางนี้ค๊าบคุณครู”

      เด็กชายร้องบอกเมื่อเห็นครูสาวเดินเลยมาอีกทางที่ตรงกันข้ามกับเจ้าตัวยืนอยู่ แก้วอาภาชะงักเท้า รีบเปลี่ยนทิศทางทันที

      ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อของหญิงสาวปรากฎรอยยิ้มอย่างนึกสนุก ในเวลาที่เธอถอดแว่นสายตาแล้วใช้ผ้าผูกตาอยู่เช่นนี้ ทำให้ดวงหน้านั้นดูเกลี้ยงเกลาหมดจดกว่าเคย

      ตติยะหยุดมองการละเล่นของทั้งสองคนอย่างสนใจ…ดูเหมือนว่าเจ้าน้องชายตัวเล็กของเขา มันจะจงใจนำเสนอตัวเองให้ถูกอีกฝ่ายจับโดยง่าย…เพราะมันแค่หนีพอเป็นพิธีเท่านั้น

      พอมือบางแตะตัวมัน เจ้ารภัทร์ก็ร้องกรี๊ดๆหัวเราะชอบใจ โถมตัวเข้ากอดรัดซุกอกหญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์แก้มแดงแจ๊ดแจ๋ทีเดียว

      ไอ้เด็กเวร มันหลอกแต๊ะอั๋งหนูน้อยชัดๆ…

      “เอาล่ะ คราวนี้ตาน้องบอยไล่จับครูบ้างล่ะค่ะ”

      คุณครูแก้ผ้าเช็ดหน้าอออก หยีตามองไปยังโต๊ะหินอ่อนไม่ไกลกันนัก ก่อนจะเดินตรงไปเพื่อหยิบแว่นสายตากลับมาสวมใส่

      แต่ไม่ทันไรเจ้าตัวก็สะดุดเข้ากับรากไม้ หน้าคะมำ ตติยะรีบเข้ามาดูอาการ เช่นเดียวกับน้องชายตัวเล็กของเขาที่ปราดเข้ามาทันควัน

      “ครูแก้วเป็นยังไงบ้างอ่ะค้าบ?”

      “น้อย เป็นไงบ้าง?”

      “อูย…ดั้งยุบแล้วมั้งคะ”

      หญิงสาวเงยหน้า ยกมือจับดั้งจมูกตัวเองที่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่หน้าเสียไป และทันทีกันนั้น เลือดกำเดาก็ไหลออกมา

      ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือตัวเองข้างหนึ่งประคองแก้มขาวๆของเธอให้แหงนเงยหน้าขึ้น และใช้มืออีกข้างหนึ่งกดจมูกเธอไว้อย่างลืมตัว

      คนเจ็บเองก็กำลังตกใจ จึงไม่ทันรู้สึกถึงความชิดเชื้อที่เกิดขึ้น ปล่อยให้เขาช่วยไปโดยอัตโนมัติ

      ส่วนรภัทร์ร้องหูตาตื่น

      “ต้องรีบพาคุณครูไปส่งโรงบาลค้าบพี่ซี”

      “ไม่ต้องหรอก แค่นี้เดียวก็หาย เราเข้าไปเอาทิชชูในบ้านมาเช็ดเลือดให้ครูเขาก่อนดีกว่าเจ้าบอย” คนเป็นพี่บอกเสียงเรียบ นัยน์ตาคมกริบจับจ้องดวงหน้าขาวใสในมืออย่างพินิจพิจารณาใกล้ชิดเป็นครั้งแรก…

      เขาเพิ่งเห็นนี่ล่ะ ว่ายัยน้อยผิวขาวใสเนียนละเอียดไม่ต่างจากผิวเด็กทารกเลย…แก้มเธอก็…นุ้มนุ่ม

      จมูกที่เคยเข้าใจว่าไม่มีดั้ง แท้จริงพอจับแล้วจึงรู้ว่ามันมี…ถึงจะไม่มากแต่ก็พอกล้อมแกล้ม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา กลับเป็นดวงตาชั้นเดียว สีดำสนิทอันแสนสดใส ล้อมกรอบด้วยแพขนตาไม่หนาไม่บางมาก…โดยรวมแล้ว แก้วอาภาก็ไม่เห็นจะขี้ริ้วขี้เหร่เท่าไหร่…เพียงแต่เธอไม่แต่งตัวเองเท่านั้น

      หญิงสาวหยีตามองเขา…สบตากันในระยะใกล้ชิดแล้วยิ่งใจสั่น…ตติยะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไร และเธอเองก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมองสาวเชยๆเฉิ่มๆอย่างเธอ…

      รอบๆกายเขาแวดล้อมด้วยหญิงสาวแสนสวย หน้าตาดี ถึงจะสนใจเขาแค่ไหน แต่แก้วอาภาคงไม่สามารถลุกขึ้นมาปฎิวัติตัวเองซึ่งเท่ากับเป็นการหลอกลวงตัวเองเพื่อเขาได้

      เธอไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไป…และคงไม่มีทางมีความสุขเลย หากว่าตติยะจะรักเธอที่หน้าตา มากกว่าที่จิตใจ

      ดวงตาดำมันระยับหลุบลงต่ำ เพราะเจ้าตัวเก้อเขินนักต่อสายตาของเขาที่มองมา… เธอร้อนไปทั้งหน้า หัวใจก็สะท้านหวั่นไหวระทึกตึกๆ แทบโลดออกมานอกทรวงอก…กลัวเขาจะรู้เหลือเกิน ถึงความในใจของเธอที่ซุกซ่อนมานาน

      ชายหนุ่มเผลอตัวจ้องหน้านวลเนียนนั้นนิ่งนานอยู่อย่างลืมตัว  จนเสียงเล็กๆแหลมๆของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังนั่นเองตติยะจึงสะดุ้งเล็กน้อย หันหน้ามองผู้มาเยือนทันที

      “ทำอะไรกันนะซี?”

      หญิงสาวผู้มาใหม่เน้นเสียงถามเขาอย่างไม่พอใจ ปรายตาคมของตัวเองมองเด็กสาวหน้าใสกิ๊กยิ่งกว่านางแบบโฆษณาโฟมล้างหน้า ซึ่งอยู่ในอุ้งมือของชายหนุ่มที่เธอหมายตาอย่างฉิวๆ

      แก้วอาภาก็พยายามมองหน้าหญิงสาว ที่เธอคิดว่าคงเป็นแฟนของพี่ซี เหมือนกัน แต่ให้ตายสิ มองไม่ชัดเอาเสียเลย

      ครูสาวดึงหน้าตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขาเมื่อตั้งสติได้ ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ยอมปล่อย ยังยื่นหน้าเข้ามากำชับเธอเสียอีก

      “เลือดยังไม่หยุด อย่าเพิ่งขยับสิ”

      “แต่ว่า…”

      “มาแล้วค้าบ ทิชชู” เสียงเล็กๆใสแจ๋วของเด็กชายรภัทร์ดังขึ้นมาหยุดอาการขัดขืนของหญิงสาวเสียก่อน

      ตติยะรับกระดาษเนื้อ่อนนุ่มนั้นมาจัดแจงเช็ดเลือดที่ไหลซึมลงมาให้เธอ แน่นอนว่ามือของเขาตอนนี้ก็เปื้อนเลือดของเธอเต็มไปหมดแล้วด้วย

      แต่ดูท่าว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจมือไม้ของตัวเองนัก เอาแต่จับจ้องอยู่แต่นวลหน้าบางใสของเธอ จนแก้วอาภาร้อนๆหนาวๆไม่หยุดทีเดียว

      “บอยทำแทนพี่ซีให้ก็ได้ แค่นี้บอยก็ทำเป็นนะ”

      เจ้าตัวเล็กเสนอตัวท่าทางอวดดีมาก นี่ถ้ามือว่างเขาคงเขกกะโหลกมันไปแล้ว
      มินตรา เดินกระแทกส้นเท้าเข้ามาใกล้เขาอย่างขัดใจ จนมาอยู่ในระยะที่แก้วอาภาสามารถเห็นหน้าเธอได้ถนัด ครูสาวถึงกับอุทานด้วยความตื่นใจ กับความสะสวยเฉียบขาดของหญิงสาวตรงข้าม

      เธอผู้นั้นแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงติดกันเป็นผ้ายีนแขนสั้น ยาวคลุมเข่า ดวงหน้านั้นคมสวยแบบลูกผสม ช่างดูเหมาะสมกับตติยะราวกับสวรรค์ปั้นแต่งทีเดียว

      “แม่นี่เป็นใครกันคะซี?”

      เสียงสาวตาคมผมยาวแผดถามอย่างเอาเรื่อง แก้วอาภากลืนน้ำลายลงคอ…แฟนเขาดุจังวุ้ย

      “เป็นครูของนายบอย น้องชายผมนี่ไง”

      ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ไม่ส่อเค้าความกริ่งเกรงใดๆ เพราะตาเขายังจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าขาวของครูสาวเท่านั้น

      มินตราแทบเต้น…นี่ใจคอเขาจะไม่สนใจหน้าสวยๆของเธอเลยหรือ..เอาแต่จ้องหน้าซีดๆเซียวๆของแม่ครูนั่น ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสาวงามล้ำในปฐพีทั้งๆที่ไม่เห็นว่าจะเจริญหูเจริญตาที่ตรงไหนเลยซักนิด

      แบบนี้เท่ากับหยามศักดิ์ศรีของเธอชัดๆ

      “แล้วคุณทำอะไรกัน…ต้องถึงขนาดประคองหน้าเข้ามาใกล้ๆจนแทบจูบกันอย่างนั้นด้วยเหรอ?”

      ถ้อยประชดของหญิงสาวทำเอาทั้งสามสะดุ้งโหยง แก้วอาภาผงะจะดึงหน้าหนีมือของเขาอีกครั้ง

      ทว่าตติยะไม่ยอม พร้อมๆกันนั้นเสียงแหกปากโวยวายด้วยความหึงหวง (มั้ง)ของเด็กชายก็ดังกระหึ่มขึ้น

      “ไม่เอานะ ห้ามพี่ซีจู่จุ๊บคุณครูแก้วเด็ดขาด บอยม่ายยอมอ่ะ ม่ายยอมๆๆ”

      “มินต์ก็ไม่ยอม คุณเห็นยัยหน้าจืดนี่ดีกว่ามินต์ได้ยังไงกันหา?”

      มินตราผสมโรงเข้ากับเด็กเป็นปี่เป็นขลุ่ย ตติยะถอนหายใจยาวเซ็งสุดขีด ปรายตามองหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่ยืนกระทืบเท้าตัวเองเร่าๆอยู่ไม่ห่างด้วยสายตาเย็นชา

      “ผมไม่เคยคิดว่าใครจะมีค่ากว่าใครแค่ที่หน้าตานะครับมินต์ คุณเข้าใจผิดแล้ว”

      “หมายความว่ายังไงคะซี…คุณ…คุณเห็นแม่นี่สำคัญกว่ามินต์งั้นเหรอ?”

      มินตราไม่อาจทำใจยอมรับได้ ให้ต้องต่อสู้ฟาดฟันกับสาวสวยที่ไหนเพื่อช่วงชิงเขามา เธอยังยินดีกว่าที่จะต้องมาเป็นคู่แข็งสาวหน้าจืดขาวซีดตรงหน้า…เพราะมันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากว่าเสน่ห์ของเธอดาวน์ลงยังไงไม่รู้…

      “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

      “ไม่อย่างนี้แล้วอย่างไหน…เรายังเป็นแฟนกันอยู่หรือเปล่าคะนี่?”

      คำถามของหญิงสาวเกือบทำให้เขาหัวเราะ … จริงอยู่ว่ารอบตัวเขามีสาวๆมากหน้าหลายตาเวียนกันเข้ามา…แต่ยังไม่มีซักคนที่เขาแต่งตั้งตำแหน่ง”แฟน” ให้เลย…

      มินตรานี่ก็อยู่แค่ขั้นทดลองคบหากัน ยังไม่ใช่”แฟน” ในความรู้สึกของเขา

      “คุณกลับไปก่อนดีกว่ามินต์ วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดี ไว้ผมจะอธิบายให้ฟังที่หลังแล้วกัน”

      เขาตัดบทที่ทำให้หญิงสาวต้องกรี๊ดสนั่น ดวงหน้าคมสวยบิดเบี้ยวเหยเก

      “คนบ้า คุณเห็นนั่งนั่นดีกว่าฉัน…ก็ได้ นับแต่นี้เราขาดกัน ฉันจะไม่ทนกับคนไม่มีหัวคิดอย่างคุณอีกแล้ว”

      เจ้าหล่อนประกาศก่อนจะกระแทกส้นเท้าเดินจากไปแบบไม่ห่วงเจ็บ

      “รีบตามเธอไปอธิบายความจริงสิคะ เดี๋ยวไม่ทันนะ”

      แก้วอาภารีบเตือนก่อนที่มินตราจะทันเดินหน้าหงิกหน้างอไปถึงประตูรั้วบ้าน ทว่าชายหนุ่มส่ายหน้า

      “ช่างเขาเถอะ เดี๋ยวก็หายเองแหละ”

      “แต่เธอ…”

      “เงียบเถอะน่า” เขาดุเสียงเข้ม ท่าทางรำคาญจัด “พูดมากอยู่อย่างนี้เลือดก็ไม่หยุดซักทีน่ะสิ”

      “ก็บอยบอกแล้วว่าจะทำเอง พี่ซีก็ไม่เชื่อ” เจ้าตัวเล็กยื่นปากจู๋ อารมณ์ไม่ดี  “แต่ว่า…แฟนพี่ซีไม่เห็นสวยเลยนะ ตาดุ ปากแบะแดงแปร๊ด ผมงี้ยาวยังกะแม่นาก สู้ครูแก้วของบอยก้อไม่ได้”

      ตติยะเห็นท่าทางเขินๆที่ถูกลูกศิษย์ตัวจิ๋วชมของครูแก้วแล้ว อดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้

      อาจจะจริงอย่างที่เจ้าบอยมันว่าก็ได้…ครูแก้วของมันไม่คมเข้มบาดตาก็จริง…แต่ดูเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวาจริงๆ ไม่ใช่สวยแบบพลาสติกที่ต้องการการปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา

      ชายหนุ่มไหววูบกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมาจับใจ … นี่เขาเห็นดีเห็นงามไปกับเจ้าเด็กแสบตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ…มันต้องไม่เป็นอย่างนั้นสิ

      ขืนให้ใครรู้ว่าเขาชอบสาวหน้าจืดอย่างแก้วอาภาเข้า ได้ขายหน้าพวกพี่น้องตายเลย

      ก็เคยนินทาเจ้าหล่อนเอาไว้ตั้งเยอะนี่นา…

      +++++++++++++++++++++++

      “มา ขึ้นรถ พี่จะไปส่ง”

      ตติยะจัดแจงวิ่งเหยาะๆมาเปิดประตูรถให้เธอ…เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านหลังจากที่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว

      เธอชะงัก มองเขาเหมือนไม่แน่ใจ นวลแก้มนุ่มเป็นสีระเรื่องามตาอย่างน่ามองยิ่งนักในยามที่เจ้าตัวเขินอาย

      “ไม่ต้องรบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ น้อยกลับเองได้”

      เธอจำต้องเลี่ยงเขาให้มากที่สุด เห็นแก่หัวใจเปราะบางของตัวเอง…แค่เรื่องวันนี้ ก็ทำเอาเธอแทบตื่นเต้นตายอยู่แล้ว

      “พี่จะไปส่งให้ “ เขายืนยันความตั้งใจของตัวเองเสียงเน้นหนักแน่น ท่าทางไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ขึ้นมาเถอะน่า พี่ไม่ชอบคนเรื่องมากนะ”

      เขาจะชอบยังไงไม่เกี่ยวกับเธอซักหน่อย…

      แก้วอาภาเม้มริมฝีปากบางของตัวเองเข้าหากัน แต่ก็ยอมนั่งคู่กับเขาไปในรถแต่โดยดี

      เธอเข้าใจว่าเขาจะไปส่งเธอที่บ้าน แต่แทนที่เขาจะไปส่งเธอที่บ้าน กลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านแทน

      “มาที่นี่ทำไมกันคะพี่ซี?”

      หญิงสาวข้างกายเขาถามอย่างฉงน อีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสวยเป็นระเบียบ

      “มาซื้อของจ้ะ น้อยช่วยพี่เลือกหน่อยนะ”

      นับจากวันนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะชวนเธอไปช่วยซื้อข้าวของสับเพเหระอีกบ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชิน ว่าเป็นธรรมดาแล้วที่เธอกับเขาจะต้องเจอกัน

      และเมื่อถึงวันแต่งงานของศศรินทร์น้องสาวของตติยะ ชายหนุ่มก็ขันอาสามารับแก้วอาภาด้วยตัวเองเหมือนเคย

      หญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีส้มหวานมาสายรัดไขว้ไปผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่ที่ท้ายทอย ดูน่ารักมีชีวิตชีวาเสียจนร่างสูงทียืนพิงรถรออยู่หน้าบ้านต้องยิ้มกว้าง

      รอยยิ้มของเขา ทำให้เธอประหม่าขัดเขินไปหมด…ต้องอดทนแทบแย่ที่จะบังคับตัวเองไม่ให้เดินขาพันกัน กว่าจะมายืนต่อหน้าเขาได้อย่างไม่หน้าแตก

      วันนี้ตติยะสวมชุดสูทสีควันบุหรี่…ดูสง่างามผึ่งผาย และเช่นเคย ที่เขาจะต้องเด่นสะดุดตาอยู่เสมอ…

      “ยังจะใส่แว่นอยู่อีก” เขาแซวขำๆ เลื่อนไปดึงแว่นสายตาของเธอออกมาถือเล่น อีกฝ่ายรีบตามมาคว้าเอาไว้โดยอัตโนมัติ

      ผลที่ได้ก็คือ ร่างบอบบางนั้น ถลาเข้าไปในอกอุ่นของคนตัวใหญ่กว่าโดยไม่ตั้งใจ

      “ขะ…ขอโทษค่ะ…น้อยไม่…” เธอพยายามตะกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น แต่แรงโอบกระชับที่เพิ่มมากขึ้นของเขา ดูจะเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง “…พี่ซี…ปล่อยน้อยสิคะ”

      เธอประท้วงเสียงสั่น…หัวจิตหัวใจเต้นสะท้านราวกับจะประทุ ไม่เพียงแค่กอดเธอ…เขายังก้มหน้าลงมาจูบแก้มนุ่มๆของเธอด้วย

      “ไม่ล่ะ…พี่รอเวลานี้มาตั้งนานแล้ว เรื่องอะไรจะปล่อย”

      เสียงทุ้มละมุนกระซิบอยู่ข้างใบหูเล็กๆ หญิงสาวขนลุกซู่ ตัวสั่น สมองเบลอไปหมดราวกับตกอยู่ในความฝัน

      ใช่ เธอต้องฝันไปแน่ๆเลย… ตติยะหรือจะมาทำอย่างนี้กับเธอ?

      “พี่ซี…น้อยไม่เล่นด้วยนะ ปล่อย…”

      เธอกลั้นใจทำเสียงดุใส่เขา แต่หางเสียงยังไม่วายสั่น ฝ่ายตรงข้ามที่จับไต๋เธอได้หัวเราะหึๆชอบอกชอบใจออกมา

      “ไม่เล่นหรอก..เอาจริงจ้ะ พี่ไม่ใช่เด็กอย่างเจ้าบอยนี่ จะได้เล่นไม่เลิก”

      “หมายความว่ายังไงกันคะ?”

      หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโต ฉงนฉงายจัด

      “ยังต้องให้แปลอีกเหรอ?” เขาเลิกคิ้วเข้มหนาถามอย่างเอ็นดู พอเธอพยักหน้า เจ้าตัวก็ทำท่ายุ่งยากใจขึ้นมาเชียว…

      เอ…หรือว่าเขากำลังเขินกันแน่นะ?

      “พี่อยากกินอาหารที่น้อยทำทุกมื้อน่ะ…ชัดพอไหม”

      เขาว่าแค่นี้เจ้าหล่อนก็น่าจะเข้าใจแล้วนะว่าเขาขอเป็นแฟน…เพราะหญิงสาวก้มหน้างุดทีเดียว

      “แม่ครัวบ้านพี่ก็มี ยังจะจ้างน้อยอีกคน ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

      เสียงใสนั้นตัดพ้อ…เออเนอะ เขาเพิ่งมารู้สึกก็ในระยะหลังๆนี่เอง ว่าแก้วอาภามีน้ำเสียงที่นุ่มไพเราะเป็นอันมาก

      “พี่ไม่ได้จ้าง…” เขาแกเสียใหม่ นัยน์ตาคมกริบพราวระยับจับจ้องแต่หญิงสาวในอ้อมแขน “พี่จะใช้ฟรีๆต่างหาก”

      แก้วอาภาแอบยิ้มหวานกับอกกว้างของชายหนุ่ม…ถึงเธอจะไม่ประสาในเรื่องความรักนัก แต่ก็พอเข้าใจล่ะ ว่าตติยะหมายความว่ายังไง

      “ของฟรีไม่มีในโลกหรอกค่ะ” เธอรวบรวมความกล้าแย้งกลับไป “ทุกสิ่งทุกอย่าง กว่าจะได้มา เราก็ต้องมีสิ่งไปแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น อาจจะไม่ใช่เงินหรือสิ่งของ…แต่เป็นความจริงใจ…”

      “พี่จะให้น้อยยิ่งกว่าความจริงใจ…” เขาโต้ตอบกลับมา น้ำเสียงและแววตามุ่งมั่น แก้วอาภาเงยหน้าขึ้นมองเขาภายใต้แสงสว่างเรื่อเรืองของโคมไฟหน้าบ้าน ใบหน้าคมเข้มเจ้าสำอางท่าทางเจ้าชู้ประตูดินหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้…

      หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาเต็มดวงหน้า คนตรงข้ามถึงกับตาพร่าไปเลย

      ที่แท้เวลายิ้มเธอน่ารักอย่างนี้นี่เอง…

      “น้อยก็จะให้พี่ซีมากกว่าแค่อาหารค่ะ”

      มือเล็กๆวาดขึ้นชูสองนิ้วให้สัญญาอย่างร่าเริงสดใส ตติยะยิ้มกว้างหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ มือใหญ่กระหวัดรัดร่างนุ่มเข้ามาไว้ในวงแขนแน่นกระชับเข้าอย่างลืมตัว

      หัวใจเขากำลังฟูฟ่องบานแฉ่ง แม้จะนึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ที่เธอว่าจะให้เขามากกว่าอาหารนั่น…โธ่…ก็คำว่าให้อาหารน่ะ มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ?

      เอาเถอะ เขามีวิธีทำโทษเธอ…จะทำโทษแบบให้เธอไม่รู้ตัวเชียวล่ะ ว่าเขากำลังโกรธอยู่หน่อยๆน่ะ

      ว่าแล้วใบหน้านั้นก็ก้มต่ำลงไปยังนวลหน้าสาวในดวงใจ

      +++++++++++++++++++++


      “อะไรเนี่ย….ทำไมมีแต่รูปพี่ซีถ่ายคู่กะครูแก้วของบอยทั้งนั้นเลย รูปของบอยกะคุณครูมีแค่กะจึ๋งเดียวเอง…….ยอบม่ายยอมมมมมมมมม”

      เจ้าบอยกรี๊ดอาละวาดลั่นเมื่อนั่งดูรูปถ่ายวันงานแต่งงานของศศรินทร์ญาติสาวผู้พี่ ซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของตติยะแล้วพบว่า มันกลายเป็นเด็กที่ถูกครูแก้วหลงลืม…(ตกสำรวจ)

      พี่ชายซึ่งถูกต่อว่า นั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขบนโซฟาดูทีวีขนาดใหญ่อย่างสบายใจเฉิบ ท่าทางมีเลศนัยชอบก้ล?

      เด็กชายรภัทร์เหล่ตา ทำปากบิดบู่บี้มองศัตรูหัวใจอย่างขุ่นเคือง ชายหนุ่มอยากหัวเราะนักกับท่าทีอาฆาตมาดร้ายของเจ้าตัวเล็ก…หนอย ตัวนิดเดียว ริอ่านหึงผู้หญิงซะแล้วหรือ?

      “พี่ซี…พี่ซีชอบครูแก้วของบอยใช่ป่ะ?”

      เสียงเล็กๆนั้นคาดคั้น พอเห็นฝ่ายตรงข้ามเอาแต่นิ่งเงียบแสดงท่าไม่รู้ไม่ชี้ เด็กชายก็กระโดดเข้าล็อคคออีกฝ่ายแบบนักมวยปล้ำที่เคยดูมาทันที

      “สารภาพความจริงมานะเจ้าฆาตกร ไม่งั้นโคนันนักสืบจิ๋วคนนี้จะลงโทษนายเอง ฮึ่ม…”

      เด็กชายใช้คำความหมายผิด ตั้งตัวเป็นนักสืบเด็กซึ่งเป็นการ์ตูนที่โด่งดังมากจากญี่ปุ่น แถมตอนท้ายยังส่งเสียงคำรามในลำคอราวกับก็อดซิล่า

      “โอ้ยๆ ยอมแล้ว ฉันยอมแกก็ได้ ไอ้เด็กซาดิสม์”

      คนตัวโตกว่าแกล้งยอมๆไปอย่างนั้นเอง เห็นแก่ที่มันกำลังจะตกเป็นหนุ่มน้อยผู้อกหักพ่ายรักหรอกนะ

      “บอกความจริงให้ก็ได้…ฉันกับครูแก้วของแก…เราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว”

      “ฮ้า!!” เด็กชายร้องเสียงหลง มองเขาราวกับเห็นเป็ดจมน้ำตาย “ไม่จริงอ่ะ ไหนพี่ซีเคยบอกว่าครูแก้วไม่สวย ไม่ใช่เสป็คไง…?”

      “เมื่อก่อนไม่สวยแต่ตอนนี้…โดนแล้วว่ะ เพราะงั้น…ฉันขอสั่งนาย ต่อไปนี้ห้ามมาออดอ้อนฉอเลาะอะไรแฟนฉันอีก ไม่งั้นมีตื้บจริงๆด้วย”

      คนตัวโตกว่าขมขู่เด็กราวกับจะหึงหวง เจ้าตัวเล็กทำหน้าบูดหน้าบี้อย่างไม่เข้าใจนัก พยายามนึกถึงละครหลังข่าวที่เคยดูบ้างไม่ดูบ้าง…

      ส่วนมากคนที่อกหักก็มีแต่พระรองที่แสนดีนี่หว่า…ไม่นะ มันไม่อยากเป็นพระรอง หล่อๆอย่างน้องบอย ต้องพระเอกเท่านั้นที่คู่ควร

      เด็กชายรภัทร์ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องแย่งชิงครูแก้วของตัวกลับมาอินเลิฟกันเหมือนเดิมให้ได้…งานนี้ขอเอาความหล่อ(แบบเด็กๆ)ของมันเป็นเดิมพัน

      แต่ยังไม่ทันที่มันจะป่าวประกาศตัวอย่างเป็นทางการ เสียงใสๆของครูแก้วก็ดังมาจากหน้าประตูห้องนั่งเล่น ทั้งสองพี่น้องหันควับไปมองเธอพร้อมๆกัน และแล้ว…สายตาของเจ้าบอยก็ตกวูบลงมาเบื้องล่าง เพราะวันนี้ครูแก้วจับจูงเอาร่างเล็กๆของเด็กหญิงในชุดกระโปรงยาวฟูฟ่องสีชมพูหวานเจี้ยบมาด้วยคนหนึ่ง

      เธอผิวขาวเนียนสดใส ไว้ผมยาว ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย น่ารักสุดๆไปเลยล่ะขอบอก!

      เจ้าบอยจ้องเด็กหญิงตาโตค้างเติ่ง จนคนเป็นครูยิ้มขันๆ

      “น้องบอยรู้จักหนูมิ้มสิจ๊ะ…หนูมิ้มเป็นหลานสาวของครูเอง อายุน้อยกว่าน้องบอยสองปี วันนี้ครูพาหนูมิ้มมาเป็นเพื่อนเล่นกับน้องบอยด้วย…ดีไหมจ๊ะ?”

      แก้วอาภาอธิบาย ดูท่าทางเขินๆอายม้วนต้วนของเด็กชายแล้ว ก็อดที่จะหันไปยิ้มกับตติยะไม่ได้

      “ชะ…ชื่อหนูมิ้ม…หรือ…คับ…?” มันเกิดติดอ่างขึ้นมาทันที คนเป็นพี่อยากหัวเราะให้ฟันหักนัก คุณอาระรินดาไม่ต้องห่วงแล้ว ว่ามันจะเบี่ยงเบน…มันปิ้งสาวแบบรายวันขนาดนี้

      “น่ะ…หนูมิ้ม…น่ะ…น่า รักจัง…” เด็กชายกระลิ้มกระเหลี่ยยิ้มเรี่ยราดส่งตาหวานเยิ้มสุดฤทธิ์มาให้เด็กหญิง

      “สวัสดีค่ะพี่บอย” เด็กหญิงยิ้มให้อย่างน่ารัก แค่นี้หัวใจน้อยๆของเจ้าบอยก็ฟูฟ่องจะระเบิดอยู่แล้ว

      เห็นปุ๊ปก็เกิดอาการปิ้งปั๊บ…ใช่คนนี้ล่ะ “โดน”(ใจมัน) เลย(อีกแล้วครับท่าน)

      มันตัดสินใจแล้วในวินาทีนั้นเองว่ามันจะต้องเอาน้องหนูมิ้มมาเป็นแฟนให้ได้!


      ++++++++++++++++++++

      ชายหนุ่มที่กำลังพยายามปลอกเปลือกมันฝรั่งหัวใหญ่อยู่ในครัวอย่างขะมักเขม้น เกือบเผลอทำมันฝรั่งในมือตกพื้น เมื่อบังเอิญเหลือบตามองไปนอกหน้าต่างห้องครัวแล้วเห็นเจ้าบอยกับหนูมิ้ม หลานสาวของแก้วอาภากำลังแลกเปลี่ยนของขวัญให้แก่กันกระหนุงกระหนิงหวานชื่น…

      เจ้าหลานชายของเขา อุตส่าห์เอาหุ่นไอ้มดแดงของตัวเองให้เด็กหญิง ทั้งๆที่นั่นเป็นของที่มันรักมันหวงยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ…

      ขนาดเขาไปเหยียบเข้าจิ๊ดเดียวเอง มันยังโวยวายลั่น หาว่าเขาไม่มีสัมมาคารวะ…เจ้าตัวแสบด่าเขาฉอดๆก่อนจะเก็บบรรดาหุ่นๆของมันขึ้นไว้บนหลังตู้หนังสือตัวเตี้ยๆที่หัวนอนของเขาอย่างเคารพเทิดทูน ตติยะที่เลยวัยสนใจหุ่นยนต์ยอดมนุษย์ไปแล้วไม่สนใจข้าวของสะสมของเจ้าน้องชายนักเพราะขี้เกียจรำคาญมันบ่น ไม่นึกเลยว่าตอนนี้ เจ้ารภัทร์กำลังยกหุ่นยอดสวาทของมันให้กับหนูมิ้มผู้น่ารักเสียแล้ว

      แม่หนูน้อยก็ยื่นตุ๊กตาผู้หญิงฝรั่งผมสีทองสวยให้น้องชายของเขาเป็นการตอบแทนเช่นกัน

      เจ้าเด็กแสบเมื่อได้ของจากสาวเจ้าแล้ว ก็เอาเข้ามากอดอย่างรักใคร่ไหลหลง…หวานจนตติยะคลื่นไส้

      “ไอ้เด็กแก่แดด เดี๋ยวเจอดีแน่ๆ”

      เขาคำรามหมั่นไส้  คนที่กำลังเตรียมของหน้าเตาเงยหน้าจากงานที่ทำเพื่อมองเขาแล้วยิ้มออกมาอ่อนบาง

      “เรื่องของเด็กๆ ปล่อยแกไปเถอะค่ะ พี่ซีมาช่วยน้อยทำกับข้าวต่อดีกว่านะคะ เดี๋ยวไม่ทันเวลาอาหารเย็นกันพอดี”

      ตติยะเมินจากภาพที่ขุ่นเคืองลูกตาหันมายิ้มหวานให้หญิงสาวนัยน์ตาพราวระยับขี้เล่น

      “ไม่ทันพี่ก็ไม่กิน ไม่เห็นเป็นไรเลย“

      “ไม่กินข้าวแล้วพี่ซีจะกินอะไรไม่ทราบ บอกเลยนะคะว่าแกงมัสมั่นของน้อยน่ะ อร่อยมากกกก”

      ตติยะวางมือจากมันฝรั่งที่ยังปอกไม่สำเร็จ เดินเข้าไปใกล้ร่างบางของหญิงสาว เธอมองเขาอย่างระแวง และก็จริงเสียด้วย

      มือใหญ่กระหวัดรวบเอวบางของเธอเอาไว้แน่น ดวงหน้าคมสันหล่อเหลาก้มลงมาใกล้จนเธอทำอะไรไม่ถูก

      “พี่รู้จ้ะว่าอร่อยแหงๆ…ถ้าเป็นน้อยทำให้พี่น่ะ ไม่ว่าอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ” ประโยคนั้นกินความหมายล้ำลึก ดวงหน้าขาวใสของหญิงสาวพลันแดงก่ำ ร้อนซู่ขึ้นมาในบัดดล

      “ไม่หวานเกินไปหน่อยหรือคะ?”

      เสียงย้อนถามนั้นสั่นสะท้าน แก้วอาภาพยายามแกะมือหนาของเขาให้หลุดออกจากเอวของเธอ แต่ความพยายามนั้นจะยังไงก็ไร้ผลอยู่ดี

      ในเมื่อคนตัวใหญ่กว่ามากไม่สมัครใจจะปล่อยเธอ หญิงสาวก็จนใจนัก

      ตติยะยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ ก้มหน้าลงมากระซิบเสียงเบาๆแนบใบหูเล็กๆบอบบางของอีกฝ่าย ทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่ ต้องห่อไหล่เข้าหากันโดยอัตโนมัติ

      “แค่นี้ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย …เอ๊ะ นี่พี่บอกรักเราไปแล้วหรือยังนะ?”
      คนเจ้าเล่ห์ทำท่าครุ่นคิดกรอกตาไปมาราวกับลืมไปจริงๆว่ายังไม่เคยบอกรักเธอเลย…แก้วอาภามองชายหนุ่มตรงหน้าตาปริบๆก่อนจะเม้มริมฝีปากบางของตัวเองเข้าหากันแน่น อดเคืองไม่ได้…

      เขาลืมกับเรื่องนี้ได้ยังไง…แสดงว่าเธอไม่มีค่าในสายตาของเขาเลยใช่มั้ย?

      ผู้หญิงทุกคน…จะยังไงก็อยากได้ยินคำว่า”รัก” จากปากของคนรัก เพื่อความมั่นใจกันทั้งนั้น ยิ่งผู้หญิงหน้าจืดไม่มีความมั่นใจอย่างเธอ…ยิ่งอยากได้ยินมากขึ้นกว่าคนทั่วๆไปอีกสองเท่าด้วยซ้ำ

      “ยังไม่ได้บอกค่ะ” เธอโพล่งออกมาในที่สุด ฝ่ายตรงข้ามชะงักไปนิดหนึ่งทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ เธอจึงพูดต่อเสียเองอย่างงอนๆ “แต่ถ้าไม่อยากพูด หรือลำบากใจนัก ไม่ต้องก็ได้นะคะ น้อยไม่ชอบฝืนใจใคร”

      ว่าแล้วเจ้าตัวก็ผลักอกกว้างของเขาออกห่างด้วยความโกรธ ผลักเต็มแรงจนชายหนุ่มต้องออกแรงสุดตัวทีเดียวกว่าจะกอดเธอเอาไว้ได้อยู่มือ

      “ไม่เอาน่าน้อย…พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าเพิ่งโกรธสิครับ”

      เขาปลอบเสียงอ่อนหวาน แต่คนฟังฟิวส์ขาดเสียแล้ว

      “ไม่ต้องล้อเล่น เอาจริงเลยก็ได้ค่ะ น้อยรู้ตัวเองดี ว่าไม่มีอะไรคู่ควรกับพี่ซีเลย…ไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าพี่ซีจะไม่รักน้อยน่ะ”

      “ใครว่าพี่ไม่รัก” ตติยะร้องเสียงหลง กดหน้าลงกับกลุ่มผมดำเป็นมันเงาของหญิงสาวตัวเล็กบอบบางในอ้อมแขนอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะโกรธที่เขาล้อเล่นมากมายขนาดนี้

      “น้อยนี่ล่ะบอก ผู้หญิงเชยๆ จืดชืดอย่างน้อย อย่างพี่ซีไม่มีทางหันมามองหรอก”

      เธอโต้ตอบแรงขึ้นจนเขาตกใจ ตติยะชักมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
      “พี่บอกว่าไม่ใช่ไง ไม่เข้าใจหรือไงว่าเราเข้าใจผิดน่ะ ไอ้เรื่องหน้าตาน่ะ ช่างมันเถอะ ยังไงน้อยก็สวยในสายตาพี่เสมออยู่ดี ไม่ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับใครๆให้เหนื่อยหรอก…พี่รักที่น้อยเป็นอย่างนี้ … ถ้าน้อยเป็นอย่างคนอื่นๆพี่ก็คงไม่รักเหมือนกัน…เพราะงั้น อย่าคิดมากอีกเลยนะครับ” ตอนท้ายชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนลงเกือบเป็นอ้อนวอน

      เธอจ้องเขาตาโตเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ดวงตาดำสนิทกะพริบปริบๆก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กๆ

      เขาบอกแล้วว่ารักเธอ…เขารักผู้หญิงที่แสนจืดชืดไม่โดดเด่นอย่างเธอ…แก้วอาภาเกือบคิดว่าตัวเองฝันไป แต่มันไม่ใช่…นี่คือความจริง มือใหญ่อุ่นๆที่บรรจงเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนขณะนี้ ก็คือมือของชายที่เธอให้ดวงใจกับเขาไปแล้วจนหมดสิ้น…

      น้ำตาของเธอค่อยๆเหือดแห้งไป หญิงสาวยิ้มหวานสดใสออกมา สบตากับเขาอย่างคลายกังวล

      “ขี้งอนเหมือนกันนะเรา…รู้งี้บอกตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว” เขาเปรยเสียงระรื่นชื่นบาน หญิงสาวก้มหน้าลงยิ้มอายๆ

      จะให้เธอพูดอะไรได้…ก็มันทั้งดีใจทั้งตื้นตัน จนพูดไม่ออกแล้วนี่นา…

      ++++++++++++++++++++++

      “ซี เธอต้องช่วยอานะ ถ้าเธอไม่ช่วยอาแย่แน่ๆ”

      เสียงโวยวายลั่นทุ่งของคุณอาระรินดาดังมาเข้าหูเขาผ่านทางโทรศัพท์ หลังจากที่เธอมารับตัวเจ้าลูกชายกลับบ้านได้เพียงสองวันเท่านั้น

      ตติยะขมวดคิ้วเข้มหนาของตัวเองเข้าหากันแน่นความประหลาดใจ

      “มีเรื่องอะไรหรือครับคุณน้า?”

      ก็เสียงของคุณระรินดาเหมือนกับมีเรื่องคอขาดบาดตายซะกระนั้น จะให้ชายหนุ่มอดใจไม่สงสัยยังไงไหว

      แต่เมื่ออีกฝ่ายชี้แจงขยายความกลับมาเท่านั้น ตติยะก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป

      “น้องบอยวันๆเอาแต่นั่งกอดตุ๊กตาบาร์บี้ แถมหวงเอามากๆด้วย ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลยนะซี อากลุ่มใจจะแย่อยู่แล้ว มีอย่างที่ไหน เป็นเด็กผู้ชายแต่ดันไปหลงไหลตุ๊กตาบาร์บี้ของเด็กผู้หญิง…ซีต้องช่วยอาดัดนิสัยน้องบอยหน่อยนะ อาไม่อยากให้ลูกกลายเป็นกระเทย”

      อาสาวของเขาระบายความอัดอั้นกลัดกลุ้มออกมา ฟังจากเสียงแล้วคงกังวลใจในพฤติกรรมของเจ้าเด็กแสบนั่นมาก

      โถๆๆๆ ช่างน่าสงสารคุณอาระรินดาเป็นยิ่งนัก เธอคงไม่มีทางรู้เลยสินะว่าเหตุใด เจ้าบอยมันจึงได้หวงแหนเจ้าตุ๊กตาบาร์บี้ตัวนั้นนัก

      “คุณอาอย่าเพิ่งคิดมากไปเลยครับ ผมว่ารอดูมันไปอีกซักสองสามปีก่อนดีกว่า…บอยมันยังเด็กมาก คงไม่มีอะไรหรอกครับ”

      ตติยะแกล้งปลอบน้าสาวไปตามเรื่อง ความจริงในใจชายหนุ่มกำลังหมั่นไส้เจ้าเด็กนรกนั่นสุดๆต่างหาก

      มันเนี่ยนะจะเป็นกะเทย…โธ่เอ้ย เป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจสิไม่ว่า ริอ่านจีบสาวตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น แก่แดดแก่ลมยิ่งกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่สิบเท่า คุณอาตามลูกชายตัวเองไม่ทันแล้ว…

      ชายหนุ่มส่ายหน้า ปลอบใจฝ่ายนั้นอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายลง มองเลยออกไปนอกหน้าต่างเห็นร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าประตูรั้วบ้านมาก็รีบวิ่งหน้าบานออกไปรับเธอทันที

      แก้วอาภา…แก้วกลางใจของเขามาแล้ว…เรื่องไร้สาระของเจ้าบอยก็ขอเขี่ยทิ้งไปก่อนล่ะ 

      ชายหนุ่มเดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับคนรักสาวหน้าใส ซึ่งยิ้มหวานนำมาให้เขาก่อนอย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักเต็มหัวใจ
      โลกของตติยะสว่างไสวเพียงแค่เธอยิ้มมาให้…แม้ใครจะมองว่าเธอไม่สวยฉูดฉาดบาดใจ แต่ในสายตาของเขาที่รักเธอ…เธอก็เป็น”แก้ว” ที่งดงามที่สุดแล้ว

      และเขาก็พอใจเท่านี้จริงๆ…

      (จบ)
       
       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×