--- "แก้ว...กลางใจ" -----
รักใสๆ ร้ายๆ น่ารักน่าหยิกของพี่น้องบอย (พระเอกเรื่องปฏิบัติการรักฉบับร้ายเดียงสา) ตอนเจ็ดขวบที่อ่านแล้วคุณต้อง...รัก (มั้ง) ^^
ผู้เข้าชมรวม
2,805
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แก้ว
กลางใจ
1.
วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าเป็นสีครามสด อบอวลไปด้วยไอระอุของเปลวแดดที่แรงจัดจ้า กลุ่มเมฆสีขาวสว่างราวกับปุยนุ่นลอยละล่องเอื่อยอ่อยราวกับไม่อยากจะเคลื่อนที่ไปไหน เป็นสีสันที่ตัดกันอย่างสวยงามและชวนให้ใครก็ตามที่มองเห็นแล้ว น่าจะรู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่าแห่งพลังชีวิตจากสิ่งที่ธรรมชาติบรรจงแต่งแต้มสร้างสรรมาให้มวลมนุษย์ได้ชื่นชมกันอย่างไม่ยาก
หากแต่สำหรับตติยะแล้ว วันนี้ไม่ต่างอะไรกับฝันร้าย!
มือเรียวสะอาดถูกเจ้าตัวยกขึ้นทึ้งผมสั้นๆดกดำของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ดวงตาสีดำจัดเป็นมันเงาวะวับ จับจ้องตรงแหน่วไปยังร่างเล็กๆของเด็กชายวัยไม่เกินเจ็ดขวบตรงหน้าอย่างตรองไม่ตก ริมฝีปากได้รูปถูกยกขึ้นเล็กน้อยเกือบกลายเป็นแสยะ ขณะเอ่ยถามเสียงคำรามเหี้ยมแบบข่มขวัญเด็กออกมา
“ทำไมไม่กินข้าวหาเจ้าบอย?”
‘เจ้าบอย ‘ หรือเด็กชายรภัทร พองลมเข้าปากแก้มป่อง ปรายตามองอาหารบนโต๊ะซึ่งได้แก่ขาหมูต้มยำ ผัดผักรวมมิตรและ แกงจืดวุ้นเส้นด้วยท่าทางแง่งอนเอาเรื่อง
“น้องบอยไม่ชอบ ก็ไม่กิน พี่ซีอยากกินก็กินไปคนเดียวสิ”
เสียงเล็กๆนั่นวางท่าอวดผยองได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นญาติผู้น้องที่อาระรินดา น้องสาวแท้ๆของพ่อเขาเอามาฝากไว้ให้ดูแลในช่วงที่เธอไปดูงานที่ต่างประเทศกับสามีถึงหนึ่งเดือน เขาคงเขกกะโหลก(ที่คาดว่าจะหนากว่าวัย) ของเจ้าตัวเล็กไปแล้ว
“เป็นเด็กเป็นเล็ก เลือกกินได้ยังไง กินๆเข้าไปเถอะน่า ของอร่อยทั้งนั้น”
ชายหนุ่มพยายามชี้ชวนเด็กชายเสียงห้วน แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าพรืด ทำปากจู๋บู้บี้ หยิ่ง เริ่ด เชิด ผยอง
“ระดับน้องบอย ไม่ต้องมาทนกินของที่ไม่อยากกินร้อก”
“เฮอะ แกไม่กินนี่แล้วจะไปกินที่ไหนไม่ทราบวะ ไอ้คุณบอย “ ตติยะอดไม่ได้ที่จะแสดงความเหนือกว่าให้เด็กได้รับรู้ซะบ้าง “บอกให้รู้เลยนะ ว่านอกจากฉันที่ดวงซวยต้องรับดูแลแกแล้วเนี่ย พวกพี่ๆของแกคนอื่นๆไม่มีใครเขาใยดีแกแล้วรู้ไว้ด้วย”
เขาหมายถึงพี่ชายของเขาอีกสองคนที่ต่างก็ต้องทำงานไม่มีเวลามาคอยดูแลเด็กเล็กอย่างรภัทร์ ส่วนน้องสาวคนเดียวของเขา คือศศรินทร์ก็กำลังยุ่งๆวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
ทั้งบ้านก็มีแต่เขานี่แหละที่ว่างที่สุด เพราะกำลังเรียนปริญญาโท มีเวลาว่างมากพอที่จะช่วยดูแลเด็กอย่างรภัทร์ได้บ้าง
นี่ถ้าไม่ติดว่าทั้งพ่อทั้งอาฝากฝังกำชับกำชาแน่นหนา จ้างให้เขาก็ไม่มีทางมานั่งทนเป็นพี่เลี้ยงเจ้าเด็กบ้านี่แน่ๆ
‘ดีเลย ได้ซีช่วยดูแลบอยอย่างนี้อาก็สบายใจ ยังกลัวๆอยู่เลยนะ ว่าลูกอาออกอาการคล้ายผู้หญิงเกินไป ซีช่วยดูน้องแทนอาหน่อยนะ ได้แบบแมนๆอย่างซีก็ยิ่งดีที่สุดเลย’
อาระรินดาฝากฝัง กำชับกำชาเขาเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนบางอย่างของลูกชายมาด้วย ตติยะจึงคิดว่าต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม สอนความแข็งกระด้างของผู้ชายให้เจ้ารภัทร์มันซึมซับเข้าไว้บ้าง แต่เจ้าเด็กแสบมันก็ช่างกวนโมโหเขาไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องห้องนอนเป็นต้นมา
‘น้องบอยไม่นอนเตียงเดียวกะพี่ซีแล้วนะ กรนเสียงดังหนวกหูชะมัด’
เจ้าเด็กแสบโวยวาย หลังจากที่นอนห้องเดียวกับเขาไปหนึ่งคืน ตื่นเช้ามามันก็หัวฟู สะลึมสะลือขึ้นมาแหกปากป่าวประกาศอย่างมุ่งมั่น ทำเอาคนเป็นพี่ ที่อายุมากกว่าถึงสิบหกปีต้องเอื้อมมือมากดหัวมันลงไปเพื่อเป็นการลงโทษอย่างอดใจไม่ไหว
แต่แทนที่เจ้าตัวเล็กจะรู้ซึ้งซะมั่งว่าใครใหญ่กลับแหกปากร้องลั่นหนักกว่าเดิม ผลก็คือเขาเลยถูกคนทั้งบ้าน รุมบ่นเสียกระบุงโกยโทษฐานรังแกเด็ก เออหนอ ไอ้เจ้าบอยนี่ มันมีตรงไหนที่เป็นตุ้ดเป็นแต๋วกันนะ ที่เขาเห็นๆนี่ มีแต่ความเจ้าเล่ห์แสนกล รู้มากเกินกว่าวัยของมันทั้งนั้น
“ระดับน้องบอยไม่ต้องรอการใยดีของพวกพี่ร้อก ”เสียงเล็กๆตอกกลับมาอย่างอหังการ ดวงตาสองชั้น ยาวรีมีแววว่าโตขึ้นจะเป็นหนุ่มหล่อคมเข้มคนหนึ่ง ถูกเจ้าตัวหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งชวนฉงนแก่ชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามยิ่งนัก
เจ้าบอยมันหมายความว่ายังไง เด็กเล็กอย่างนี้ อย่าบอกนะ ว่ามันจะมีปัญญาทำกับข้าวกินเองเป็นน่ะ?
“น้องบอยมีคนมาทำให้กิน แค่โทรเรียกกริ๊งเดียวเอง เร็วกว่าสั่งปิซซ่าอีก”
มันบอกต่อเสียเองอย่างต้องการอวด คนเป็นพี่นั่งหน้าเหรอ ตาโตค้างอึ้งๆ
“เฮ้ย ล้อเล่นน่าเจ้าบอย มีบริการเดริเวอรรี่เอ็งขนาดนี้ด้วยเรอะ?”
“ฮ้า พี่ซีไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นมา เดี๋ยวน้องบอยจะสำแดงให้ดู”
มันว่าแล้วก็กระโดดตุ้บลงจากเก้าอี้ วิ่งตื๋อเข้าไปคว้าโทรศัพท์ไร้สายในห้องนั่งเล่นมากดเบอร์ กรอกเสียงหวานแจ่มๆสุดฤทธิ์ของมันลงไป
“ฮัลโหล คุณครูแก้วหรือค้าบ ผมน้องบอยนะครับครูค้าบ มาช่วยน้องบอยด้วย น้องบอยกะลังจะอดตายแหล่ว ”
ตติยะ(แอบ)ฟังได้ความว่า มันกำลังทำเสียงออดอ้อนออเซาะแอเลาะคุณครูของมันให้มาส่งข้าวส่งน้ำให้ ชะหนอยแน่ะ ตัวเท่าเมี่ยง ริอ่านจีบสาวข้ามรุ่นเชียวเรอะเอ็ง?
แล้วตกลงว่ามันจะเป็นตุ๊ดหรือจะเป็นเสือผู้หญิงกันแน่ล่ะเนี่ย?
++++++++++++++++++++++++
ร่างเล็กบางที่วิ่งลงมาจากแท็กซี่อย่างรีบร้อนนั่น ทำให้คนที่ยืนมองมาจากในบ้านต้องขมวดคิ้วเข้มหนาของตัวเองเข้าหากันก่อนจะคลายออกด้วยอาการประหลาดใจ
ถ้าตาเขาไม่ฝาด นั่นยัยหนูน้อย เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้องสาวเขานี่นา
ตั้งแต่ที่เธอกับศศรินทร์น้องสาวของเขาเรียนจบ หนูน้อยก็ไม่ค่อยมาที่บ้านของเขาบ่อยอย่างแต่ก่อนอีก รูปลักษณ์ของเธอเป็นอะไรที่เฉิ่มเชยจนกลายเป็นเอกลักษณ์เห็นแค่แว่บเดียวก็จำได้ไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ขายาวๆของเขาก้าวไม่กี่ทีก็มาถึงหน้าประตูรั้วบ้าน ใบหน้าขาวจัดของเธอซีดเซียวราวกับไม่มีสีเลือด กระนั้นแก้มกับริมฝีปากบางก็ยังเป็นสีแดงตามธรรมชาติอย่างน่ามอง
แต่ก็แค่นั้น เครื่องหน้าเจ้าหล่อนไม่ค่อยเด่นนัก ตาก็ชั้นเดียว จมูกก็ไม่โด่ง แถมยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะไว้ตลอดเวลาราวกับเป็นยาเสพติด
เขาไม่เคยเห็นวันไหนที่เธอจะไม่ใส่แว่นเลย นัยว่าสายตาเธอจะสั้นเอามากๆนั่นเอง
“มาหายัยดีหรือหนูน้อย เขาไม่อยู่หรอกวันนี้”
เขาบอกโดยที่ยังไม่ทันเปิดประตูรับหญิงสาว เพราะเข้าใจว่าเธอคงจะมาหาน้องสาวของเขา ทว่าอีกฝ่ายสั่นหน้าจนผมยาวสีดำสนิทของตัวเองสะบัดพลิ้วไปมา
“เปล่าค่ะ น้อยไม่ได้มาหายัยดี” เธอสอดส่ายสายตาเข้าไปในบ้านอย่างเป็นกังวลก่อนจะกล่าวต่อเสียงเรียบ “น้อยมาหาน้องบอยต่างหากล่ะคะ”
“หา?” หนุ่มหน้าคมตาเข้มร้องเสียงหลง อ้าปากค้าง “อย่าบอกนะ ว่าครูที่เจ้าบอยมันโทรไปเรียกมาน่ะ คือเรา?”
เขาชี้นิ้วไปที่เธอทำท่าเหมือนไม่อยากเชื่อว่าหน้าตาอย่างเธอจะเป็นครูของน้องชายเขาไม่ได้อย่างนั้น?
แก้วอาภากัดริมฝีปากตัวเอง ข่มความไม่พอใจเอาไว้มิดเม้น ก่อนจะยอมรับออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ใช่ค่ะ น้อยเป็นครูของน้องบอยเอง ขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้พี่ซีทราบก่อน น้อยไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้น”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หนุ่มหล่อเสยผมตัวเองอย่างยุ่งยากใจ ท่าทางของเขาสร้างความขุ่นใจให้กับฝ่ายตรงข้ามไม่น้อยทีเดียว
ร่างสูงหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินก้มหน้าเข้ามา แม้ว่าดวงหน้าขาวๆนั้นจะแดงระเรื่อขึ้นเพราะแรงอารมณ์ภายใน แต่แก้วอาภาก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่ปริปากอะไรง่ายๆ หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ
เธอเดินนำหน้าเขาเข้ามาในบ้านหลังใหญ่นั้นอย่างคุ้นชินดี เจ้าตัวเล็กที่ชะเง้อคอยาวมองเธออยู่แล้วรีบวิ่งแจ้นเข้ามาโถมตัวกอดเธอเอาไว้แน่น กระดี๊กระด๊าอย่างน่าหมั่นไส้
ชายหนุ่มที่เดินตามมา นึกอยากเขกกะโหลกน้อยๆของเจ้าตัวแสบเป็นกำลัง
“น้องบอยหิวจะแย่อยู่แล้วค๊าบครูแก้ว ทำอะไรให้น้องบอยหม่ำหน่อยนะค๊าบ ..”
มันฉอเลาะ ตีหน้าหิวโซ ราวกับอดอยากมาแต่ชาติปางไหน คนเป็นครูก็เชื่อมันทันทีเหมือนกัน
“เหรอคะ โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวครูแก้วจะไปทำอาหารอร่อยๆให้น้องบอยทานเองนะจ๊ะ”
เธอก้มลงไปบอกเด็กชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้ากลับมาสบตากับคนเป็นพี่ชายของเด็กด้วยสายตาเย็นชา
“น้อยขออนุญาตใช้ห้องครัวของพี่ซีหน่อยนะคะ”
“เชิญตามสบายเลย”
เขายักไหล่ไม่สนใจ ทำเมินไม่แยแส จนอีกสิบห้านาทีต่อมา ข้าวผัดผลไม้กลิ่นหอม หน้าตาแจ๋วแหววชวนกินก็ถูกนำมาวางต่อหน้าเจ้ารภัทร์
เด็กชายหน้าบาน ตรงเข้าจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างไม่มีอิดเอื้อน กินไปก็ชมชื่นครูสาวของมันไป ข้าวเต็มปาก
“คุณครูทำอาหารอร่อยที่ซู้ด น้องบอยช้อบชอบ”
อ้อ ตกลงที่มันหลงรักยัยหนูน้อยนี่ ก็เพราะแม่สาวเจ้าขยันทำอาหารให้มันกินใช่มั้ย?
ตติยะเหล่ตามองข้าวผัดใส่สับปะรด ใส่ลูกเกด ถั่วลันเตา ข้าวโพด และแฮมกับแครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆดูมีสีสันน่ารับประทาน กลิ่นหอมของมันยั่วน้ำลายเขาพิกล..
เจ้าตัวเล็กตวัดตาดุเงยหน้าขึ้นมามองเขาเขม็งราวกับมีตาวิเศษ พอเห็นคนเป็นพี่ชายมองมาเท่านั้น มันก็หยิบจานเลี่ยงหนีไปอีกทางอย่างหวงกันทันที
“น้องบอยไม่ให้พี่ซีกินหรอก อย่าหวังเลย”
“แล้วใครอยากจะกินของๆแกกันไม่ทราบ”
พี่ชายตัวโตชักสีหน้าเข้าใส่น้องชาย ท่าทางของเขาหงุดหงิด จนแก้วอาภานำข้าวผัดผลไม้อีกจานมาวางต่อหน้าเขานั่นแหละ ชายหนุ่มจึงเงยหน้ามองหญิงสาวแว่นโตอย่างพาลหาเรื่องต่อ
“ใครบอกว่าพี่จะกินหา?”
ชายหนุ่มผลักจานข้าวกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอออกห่างอย่างกลั้นใจ งอนไม่ผิดกับเด็กอย่างเจ้าบอยเท่าไหร่นัก
“พี่ซีไม่ได้บอกว่าจะทานก็จริงค่ะ แต่น้อยให้ ในฐานะที่มาใช้ของบ้านพี่ทำไงคะ”เธอบอกด้วยสีหน้าเหมือนอย่างระอาเด็กดื้อเต็มทน ท่าทางหยิ่งๆเชิดของเขา ทำให้แก้วอาภาที่ไม่ค่อยรู้สึกหมั่นไส้ใครง่ายๆมาก่อน นึกเคืองเต็มที
หญิงสาวเดินปลีกตัวกลับเข้าไปในครัว เงียบๆ ลับหลังเธอเท่านั้น เจ้าบอยก็เอื้อมแขนมาหมายใจจะคว้าข้าวผัดจานที่สงบนิ่งอยู่ต่อหน้าคนเป็นพี่ชายไปกักตุนสินค้า เป็นเสบียงกรังทันที แต่ฝ่ายนั้นไวกว่า ตีมือเล็กๆป้อมๆนั้นดังเพี้ยะ
“โอ้ย น้องบอยเจ็บนะพี่ซีอ่ะ”
มันโวยวาย ดีว่าวันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ไม่งั้นเขาได้โดนสวด ข้อหา รังแกเด็กหูชาอีกแหงๆ
“ริอ่านจะมาแย่งของฉันเรอะ เดี๋ยวโดนตื้บ แล้วเลิกเรียกตัวเองว่าน้องอย่างงั้นน้องอย่างนี้ซะทีเหอะ ได้ยินแล้วจะอ้วก” คนตัวโตกกว่าคำรามใส่เจ้าตัวเล็ก หน้าดุๆโหดนั่น ทำเอามันคอย่นทีเดียว
“ฮึ ผู้ใหญ่อะไร รังแกเด็ก” เด็กมันค้อนควักๆส่งมาให้ ไม่ผิดกับสาวๆ นี่กระมังที่ทำให้อาสาวของเขากังวล กลัวว่าเจ้าลูกชายคนเดียวจะมีพฤติกรมเบี่ยงเบน “ก็แค่นี้ เดี๋ยวน้อง เอ้ย บอย เดี๋ยวบอยให้ครูแก้วทำมาให้อีกเป็นสิบๆจานก็ได้”
เจ้าตัวเล็กยังไม่วายอวดดี ปากแดงๆของมันมีเมล็ดข้าวติดอยู่เกลื่อน มันซกมกขนาดนี้ ดูยังไงก็คงเป็นตุ้ดแต๋วไม่ได้
ชายหนุ่มส่ายหน้าเอือมๆ
“งั้นแกก็วิ่งไปบอกครูแกเลยไป อย่ามายุ่งกับจานนี้ ฉันจะกิน”
“อ้าว ก็ไหนว่าไม่กินไง?”
เด็กชายถามหน้าเหรอ ตาโตอย่างงงๆ รภัทร์ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรได้มากนัก
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว “ตติยะเน้นเสียงหนักๆเอาจริง “ครูแกอุตส่าห์ทำมาเอาใจฉัน ก็ต้องกินเสียหน่อย ฉันไม่ได้อยากกินนักหรอกนะ แต่ไม่อยากให้ครูแก้วของแกต้องเสียกำลังใจ ก็เท่านั้น”
+++++++++++++++++++++++
“ครูแก้วค้าบ ”
เจ้าตัวเล็กพาร่างกลมๆป้อมๆของมันโถมเข้าใส่ร่างบางแทบปลิวลมของหญิงสาว ที่เดินถือแก้วน้ำปั่นสีหวานในมือมาทั้งสองข้าง แก้วอาภาแทบหงายหลัง ดีแต่ว่ายังทรงตัวเองไว้ได้ทันเสียก่อน
“อะไรจ๊ะ น้องบอย?”
ถึงเจ้าตัวเล็กจะเกือบทำเธอล้ม แต่เสียงที่ขับขานถามไถ่ออกมานั้นกลับหวานนัก
หวานจนคนที่เพิ่งกินข้าวหมดเกลี้ยงจานต้องแอบค่อนในใจ
“เมื่อกี้นะครับ พี่ซีกินข้าวที่คุณครูทำมาให้ใหญ่เลยล่ะ แต่ไม่ชมว่าอร่อยซักคำ”
มันฟ้องเอาหน้า ไอ้เด็กนรก
ตติยะหันมามองคนร่างบาง ที่มองมาทางเขาเช่นกัน หญิงสาวยิ้มนิดๆเมื่อเห็นจานข้าวผัดของเธอเรียบเกลี้ยงไม่เหลือซักเม็ด
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่ทั้งพี่ทั้งน้องทานกันหมด ครูก็ดีใจแล้วล่ะ เอ้านี่” เธอก้มลงมายิ้มหวาน ส่งแก้วน้ำแตงโมปั่นสีแดงสดให้เด็กชาย “ของหวานตบท้ายจ้ะ”
เจ้ารภัทร์ยิ้มร่า เห็นฟันหรอ ก่อนรับแก้วทรงสูงจากมือของครูสาว ลงมือสังหารน้ำปั่นของโปรดโดยไม่มีอิดเอื้อน
นี่ล่ะนะเด็ก ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคน ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ปากแข็งไม่เข้าเรื่อง
เธอเดินตรงเข้ามา วางแก้วน้ำปั่นอีกถ้วยลงต่อหน้าชายหนุ่ม เขามองมาเหมือนจะถาม
“น้ำสับปะรดค่ะ น้อยทำมาให้พี่ซี คงชอบนะคะ”
เธอบอกเองเสร็จสรรพ จากนั้นก็จูงร่างเล็กๆกลมป้อมของลูกศิษย์พากันเลี่ยงไปอีกทาง
ตติยะทำท่าจะโวยวาย แต่เมื่อหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจหรือชายตาให้เขาอย่างหญิงอื่นที่เคยเรียกร้องความสนใจของเขาด้วยวิธีต่างๆมานักต่อนัก ชายหนุ่มก็นิ่งงันไป
ไม่ยักรู้มาก่อนเลย ว่าแก้วอาภาจะทำอาหารอร่อย เป็นแม่ศรีเรือนขนาดนี้
เอาเถอะ พระเจ้าคงชดเชยให้ ที่เธอเกิดมาไม่สวยเอาเสียเลยนั่นเอง
+++++++++++++++++++++++
ตะติยะอิ่มจนแน่นท้องทีเดียว เมื่อเดินตามมาแล้วทันได้เห็นเจ้าน้องชายตัวแสบของเขากำลังเล่นปิดตากับแก้วอาภาอยู่ในสวนหลังบ้านกันอย่างสนุกสนาน
แน่นอนว่าคนสนุกน่ะ ต้องเป็นเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ เพราะคนที่ถูกปิดตาด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาว ต้องเดินสะเปะสะปะ ใช้สองมือช่วยคลำทางไปทั่วไม่ต่างจากคนตาบอดเท่าไหร่นั้น ก็คือครูสาวของรภัทร์
“ผมอยู่ทางนี้ค๊าบคุณครู”
เด็กชายร้องบอกเมื่อเห็นครูสาวเดินเลยมาอีกทางที่ตรงกันข้ามกับเจ้าตัวยืนอยู่ แก้วอาภาชะงักเท้า รีบเปลี่ยนทิศทางทันที
ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อของหญิงสาวปรากฎรอยยิ้มอย่างนึกสนุก ในเวลาที่เธอถอดแว่นสายตาแล้วใช้ผ้าผูกตาอยู่เช่นนี้ ทำให้ดวงหน้านั้นดูเกลี้ยงเกลาหมดจดกว่าเคย
ตติยะหยุดมองการละเล่นของทั้งสองคนอย่างสนใจ ดูเหมือนว่าเจ้าน้องชายตัวเล็กของเขา มันจะจงใจนำเสนอตัวเองให้ถูกอีกฝ่ายจับโดยง่าย เพราะมันแค่หนีพอเป็นพิธีเท่านั้น
พอมือบางแตะตัวมัน เจ้ารภัทร์ก็ร้องกรี๊ดๆหัวเราะชอบใจ โถมตัวเข้ากอดรัดซุกอกหญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์แก้มแดงแจ๊ดแจ๋ทีเดียว
ไอ้เด็กเวร มันหลอกแต๊ะอั๋งหนูน้อยชัดๆ
“เอาล่ะ คราวนี้ตาน้องบอยไล่จับครูบ้างล่ะค่ะ”
คุณครูแก้ผ้าเช็ดหน้าอออก หยีตามองไปยังโต๊ะหินอ่อนไม่ไกลกันนัก ก่อนจะเดินตรงไปเพื่อหยิบแว่นสายตากลับมาสวมใส่
แต่ไม่ทันไรเจ้าตัวก็สะดุดเข้ากับรากไม้ หน้าคะมำ ตติยะรีบเข้ามาดูอาการ เช่นเดียวกับน้องชายตัวเล็กของเขาที่ปราดเข้ามาทันควัน
“ครูแก้วเป็นยังไงบ้างอ่ะค้าบ?”
“น้อย เป็นไงบ้าง?”
“อูย ดั้งยุบแล้วมั้งคะ”
หญิงสาวเงยหน้า ยกมือจับดั้งจมูกตัวเองที่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่หน้าเสียไป และทันทีกันนั้น เลือดกำเดาก็ไหลออกมา
ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือตัวเองข้างหนึ่งประคองแก้มขาวๆของเธอให้แหงนเงยหน้าขึ้น และใช้มืออีกข้างหนึ่งกดจมูกเธอไว้อย่างลืมตัว
คนเจ็บเองก็กำลังตกใจ จึงไม่ทันรู้สึกถึงความชิดเชื้อที่เกิดขึ้น ปล่อยให้เขาช่วยไปโดยอัตโนมัติ
ส่วนรภัทร์ร้องหูตาตื่น
“ต้องรีบพาคุณครูไปส่งโรงบาลค้าบพี่ซี”
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้เดียวก็หาย เราเข้าไปเอาทิชชูในบ้านมาเช็ดเลือดให้ครูเขาก่อนดีกว่าเจ้าบอย” คนเป็นพี่บอกเสียงเรียบ นัยน์ตาคมกริบจับจ้องดวงหน้าขาวใสในมืออย่างพินิจพิจารณาใกล้ชิดเป็นครั้งแรก
เขาเพิ่งเห็นนี่ล่ะ ว่ายัยน้อยผิวขาวใสเนียนละเอียดไม่ต่างจากผิวเด็กทารกเลย แก้มเธอก็ นุ้มนุ่ม
จมูกที่เคยเข้าใจว่าไม่มีดั้ง แท้จริงพอจับแล้วจึงรู้ว่ามันมี ถึงจะไม่มากแต่ก็พอกล้อมแกล้ม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา กลับเป็นดวงตาชั้นเดียว สีดำสนิทอันแสนสดใส ล้อมกรอบด้วยแพขนตาไม่หนาไม่บางมาก โดยรวมแล้ว แก้วอาภาก็ไม่เห็นจะขี้ริ้วขี้เหร่เท่าไหร่ เพียงแต่เธอไม่แต่งตัวเองเท่านั้น
หญิงสาวหยีตามองเขา สบตากันในระยะใกล้ชิดแล้วยิ่งใจสั่น ตติยะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไร และเธอเองก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมองสาวเชยๆเฉิ่มๆอย่างเธอ
รอบๆกายเขาแวดล้อมด้วยหญิงสาวแสนสวย หน้าตาดี ถึงจะสนใจเขาแค่ไหน แต่แก้วอาภาคงไม่สามารถลุกขึ้นมาปฎิวัติตัวเองซึ่งเท่ากับเป็นการหลอกลวงตัวเองเพื่อเขาได้
เธอไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไป และคงไม่มีทางมีความสุขเลย หากว่าตติยะจะรักเธอที่หน้าตา มากกว่าที่จิตใจ
ดวงตาดำมันระยับหลุบลงต่ำ เพราะเจ้าตัวเก้อเขินนักต่อสายตาของเขาที่มองมา เธอร้อนไปทั้งหน้า หัวใจก็สะท้านหวั่นไหวระทึกตึกๆ แทบโลดออกมานอกทรวงอก กลัวเขาจะรู้เหลือเกิน ถึงความในใจของเธอที่ซุกซ่อนมานาน
ชายหนุ่มเผลอตัวจ้องหน้านวลเนียนนั้นนิ่งนานอยู่อย่างลืมตัว จนเสียงเล็กๆแหลมๆของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังนั่นเองตติยะจึงสะดุ้งเล็กน้อย หันหน้ามองผู้มาเยือนทันที
“ทำอะไรกันนะซี?”
หญิงสาวผู้มาใหม่เน้นเสียงถามเขาอย่างไม่พอใจ ปรายตาคมของตัวเองมองเด็กสาวหน้าใสกิ๊กยิ่งกว่านางแบบโฆษณาโฟมล้างหน้า ซึ่งอยู่ในอุ้งมือของชายหนุ่มที่เธอหมายตาอย่างฉิวๆ
แก้วอาภาก็พยายามมองหน้าหญิงสาว ที่เธอคิดว่าคงเป็นแฟนของพี่ซี เหมือนกัน แต่ให้ตายสิ มองไม่ชัดเอาเสียเลย
ครูสาวดึงหน้าตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขาเมื่อตั้งสติได้ ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ยอมปล่อย ยังยื่นหน้าเข้ามากำชับเธอเสียอีก
“เลือดยังไม่หยุด อย่าเพิ่งขยับสิ”
“แต่ว่า ”
“มาแล้วค้าบ ทิชชู” เสียงเล็กๆใสแจ๋วของเด็กชายรภัทร์ดังขึ้นมาหยุดอาการขัดขืนของหญิงสาวเสียก่อน
ตติยะรับกระดาษเนื้อ่อนนุ่มนั้นมาจัดแจงเช็ดเลือดที่ไหลซึมลงมาให้เธอ แน่นอนว่ามือของเขาตอนนี้ก็เปื้อนเลือดของเธอเต็มไปหมดแล้วด้วย
แต่ดูท่าว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจมือไม้ของตัวเองนัก เอาแต่จับจ้องอยู่แต่นวลหน้าบางใสของเธอ จนแก้วอาภาร้อนๆหนาวๆไม่หยุดทีเดียว
“บอยทำแทนพี่ซีให้ก็ได้ แค่นี้บอยก็ทำเป็นนะ”
เจ้าตัวเล็กเสนอตัวท่าทางอวดดีมาก นี่ถ้ามือว่างเขาคงเขกกะโหลกมันไปแล้ว
มินตรา เดินกระแทกส้นเท้าเข้ามาใกล้เขาอย่างขัดใจ จนมาอยู่ในระยะที่แก้วอาภาสามารถเห็นหน้าเธอได้ถนัด ครูสาวถึงกับอุทานด้วยความตื่นใจ กับความสะสวยเฉียบขาดของหญิงสาวตรงข้าม
เธอผู้นั้นแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงติดกันเป็นผ้ายีนแขนสั้น ยาวคลุมเข่า ดวงหน้านั้นคมสวยแบบลูกผสม ช่างดูเหมาะสมกับตติยะราวกับสวรรค์ปั้นแต่งทีเดียว
“แม่นี่เป็นใครกันคะซี?”
เสียงสาวตาคมผมยาวแผดถามอย่างเอาเรื่อง แก้วอาภากลืนน้ำลายลงคอ แฟนเขาดุจังวุ้ย
“เป็นครูของนายบอย น้องชายผมนี่ไง”
ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ไม่ส่อเค้าความกริ่งเกรงใดๆ เพราะตาเขายังจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าขาวของครูสาวเท่านั้น
มินตราแทบเต้น นี่ใจคอเขาจะไม่สนใจหน้าสวยๆของเธอเลยหรือ..เอาแต่จ้องหน้าซีดๆเซียวๆของแม่ครูนั่น ราวกับว่าเจ้าหล่อนเป็นสาวงามล้ำในปฐพีทั้งๆที่ไม่เห็นว่าจะเจริญหูเจริญตาที่ตรงไหนเลยซักนิด
แบบนี้เท่ากับหยามศักดิ์ศรีของเธอชัดๆ
“แล้วคุณทำอะไรกัน ต้องถึงขนาดประคองหน้าเข้ามาใกล้ๆจนแทบจูบกันอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
ถ้อยประชดของหญิงสาวทำเอาทั้งสามสะดุ้งโหยง แก้วอาภาผงะจะดึงหน้าหนีมือของเขาอีกครั้ง
ทว่าตติยะไม่ยอม พร้อมๆกันนั้นเสียงแหกปากโวยวายด้วยความหึงหวง (มั้ง)ของเด็กชายก็ดังกระหึ่มขึ้น
“ไม่เอานะ ห้ามพี่ซีจู่จุ๊บคุณครูแก้วเด็ดขาด บอยม่ายยอมอ่ะ ม่ายยอมๆๆ”
“มินต์ก็ไม่ยอม คุณเห็นยัยหน้าจืดนี่ดีกว่ามินต์ได้ยังไงกันหา?”
มินตราผสมโรงเข้ากับเด็กเป็นปี่เป็นขลุ่ย ตติยะถอนหายใจยาวเซ็งสุดขีด ปรายตามองหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่ยืนกระทืบเท้าตัวเองเร่าๆอยู่ไม่ห่างด้วยสายตาเย็นชา
“ผมไม่เคยคิดว่าใครจะมีค่ากว่าใครแค่ที่หน้าตานะครับมินต์ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะซี คุณ คุณเห็นแม่นี่สำคัญกว่ามินต์งั้นเหรอ?”
มินตราไม่อาจทำใจยอมรับได้ ให้ต้องต่อสู้ฟาดฟันกับสาวสวยที่ไหนเพื่อช่วงชิงเขามา เธอยังยินดีกว่าที่จะต้องมาเป็นคู่แข็งสาวหน้าจืดขาวซีดตรงหน้า เพราะมันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากว่าเสน่ห์ของเธอดาวน์ลงยังไงไม่รู้
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ไม่อย่างนี้แล้วอย่างไหน เรายังเป็นแฟนกันอยู่หรือเปล่าคะนี่?”
คำถามของหญิงสาวเกือบทำให้เขาหัวเราะ จริงอยู่ว่ารอบตัวเขามีสาวๆมากหน้าหลายตาเวียนกันเข้ามา แต่ยังไม่มีซักคนที่เขาแต่งตั้งตำแหน่ง”แฟน” ให้เลย
มินตรานี่ก็อยู่แค่ขั้นทดลองคบหากัน ยังไม่ใช่”แฟน” ในความรู้สึกของเขา
“คุณกลับไปก่อนดีกว่ามินต์ วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดี ไว้ผมจะอธิบายให้ฟังที่หลังแล้วกัน”
เขาตัดบทที่ทำให้หญิงสาวต้องกรี๊ดสนั่น ดวงหน้าคมสวยบิดเบี้ยวเหยเก
“คนบ้า คุณเห็นนั่งนั่นดีกว่าฉัน ก็ได้ นับแต่นี้เราขาดกัน ฉันจะไม่ทนกับคนไม่มีหัวคิดอย่างคุณอีกแล้ว”
เจ้าหล่อนประกาศก่อนจะกระแทกส้นเท้าเดินจากไปแบบไม่ห่วงเจ็บ
“รีบตามเธอไปอธิบายความจริงสิคะ เดี๋ยวไม่ทันนะ”
แก้วอาภารีบเตือนก่อนที่มินตราจะทันเดินหน้าหงิกหน้างอไปถึงประตูรั้วบ้าน ทว่าชายหนุ่มส่ายหน้า
“ช่างเขาเถอะ เดี๋ยวก็หายเองแหละ”
“แต่เธอ ”
“เงียบเถอะน่า” เขาดุเสียงเข้ม ท่าทางรำคาญจัด “พูดมากอยู่อย่างนี้เลือดก็ไม่หยุดซักทีน่ะสิ”
“ก็บอยบอกแล้วว่าจะทำเอง พี่ซีก็ไม่เชื่อ” เจ้าตัวเล็กยื่นปากจู๋ อารมณ์ไม่ดี “แต่ว่า แฟนพี่ซีไม่เห็นสวยเลยนะ ตาดุ ปากแบะแดงแปร๊ด ผมงี้ยาวยังกะแม่นาก สู้ครูแก้วของบอยก้อไม่ได้”
ตติยะเห็นท่าทางเขินๆที่ถูกลูกศิษย์ตัวจิ๋วชมของครูแก้วแล้ว อดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้
อาจจะจริงอย่างที่เจ้าบอยมันว่าก็ได้ ครูแก้วของมันไม่คมเข้มบาดตาก็จริง แต่ดูเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวาจริงๆ ไม่ใช่สวยแบบพลาสติกที่ต้องการการปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา
ชายหนุ่มไหววูบกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นมาจับใจ นี่เขาเห็นดีเห็นงามไปกับเจ้าเด็กแสบตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ มันต้องไม่เป็นอย่างนั้นสิ
ขืนให้ใครรู้ว่าเขาชอบสาวหน้าจืดอย่างแก้วอาภาเข้า ได้ขายหน้าพวกพี่น้องตายเลย
ก็เคยนินทาเจ้าหล่อนเอาไว้ตั้งเยอะนี่นา
+++++++++++++++++++++++
“มา ขึ้นรถ พี่จะไปส่ง”
ตติยะจัดแจงวิ่งเหยาะๆมาเปิดประตูรถให้เธอ เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านหลังจากที่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว
เธอชะงัก มองเขาเหมือนไม่แน่ใจ นวลแก้มนุ่มเป็นสีระเรื่องามตาอย่างน่ามองยิ่งนักในยามที่เจ้าตัวเขินอาย
“ไม่ต้องรบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ น้อยกลับเองได้”
เธอจำต้องเลี่ยงเขาให้มากที่สุด เห็นแก่หัวใจเปราะบางของตัวเอง แค่เรื่องวันนี้ ก็ทำเอาเธอแทบตื่นเต้นตายอยู่แล้ว
“พี่จะไปส่งให้ “ เขายืนยันความตั้งใจของตัวเองเสียงเน้นหนักแน่น ท่าทางไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ขึ้นมาเถอะน่า พี่ไม่ชอบคนเรื่องมากนะ”
เขาจะชอบยังไงไม่เกี่ยวกับเธอซักหน่อย
แก้วอาภาเม้มริมฝีปากบางของตัวเองเข้าหากัน แต่ก็ยอมนั่งคู่กับเขาไปในรถแต่โดยดี
เธอเข้าใจว่าเขาจะไปส่งเธอที่บ้าน แต่แทนที่เขาจะไปส่งเธอที่บ้าน กลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านแทน
“มาที่นี่ทำไมกันคะพี่ซี?”
หญิงสาวข้างกายเขาถามอย่างฉงน อีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสวยเป็นระเบียบ
“มาซื้อของจ้ะ น้อยช่วยพี่เลือกหน่อยนะ”
นับจากวันนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะชวนเธอไปช่วยซื้อข้าวของสับเพเหระอีกบ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชิน ว่าเป็นธรรมดาแล้วที่เธอกับเขาจะต้องเจอกัน
และเมื่อถึงวันแต่งงานของศศรินทร์น้องสาวของตติยะ ชายหนุ่มก็ขันอาสามารับแก้วอาภาด้วยตัวเองเหมือนเคย
หญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีส้มหวานมาสายรัดไขว้ไปผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่ที่ท้ายทอย ดูน่ารักมีชีวิตชีวาเสียจนร่างสูงทียืนพิงรถรออยู่หน้าบ้านต้องยิ้มกว้าง
รอยยิ้มของเขา ทำให้เธอประหม่าขัดเขินไปหมด ต้องอดทนแทบแย่ที่จะบังคับตัวเองไม่ให้เดินขาพันกัน กว่าจะมายืนต่อหน้าเขาได้อย่างไม่หน้าแตก
วันนี้ตติยะสวมชุดสูทสีควันบุหรี่ ดูสง่างามผึ่งผาย และเช่นเคย ที่เขาจะต้องเด่นสะดุดตาอยู่เสมอ
“ยังจะใส่แว่นอยู่อีก” เขาแซวขำๆ เลื่อนไปดึงแว่นสายตาของเธอออกมาถือเล่น อีกฝ่ายรีบตามมาคว้าเอาไว้โดยอัตโนมัติ
ผลที่ได้ก็คือ ร่างบอบบางนั้น ถลาเข้าไปในอกอุ่นของคนตัวใหญ่กว่าโดยไม่ตั้งใจ
“ขะ ขอโทษค่ะ น้อยไม่ ” เธอพยายามตะกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น แต่แรงโอบกระชับที่เพิ่มมากขึ้นของเขา ดูจะเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง “ พี่ซี ปล่อยน้อยสิคะ”
เธอประท้วงเสียงสั่น หัวจิตหัวใจเต้นสะท้านราวกับจะประทุ ไม่เพียงแค่กอดเธอ เขายังก้มหน้าลงมาจูบแก้มนุ่มๆของเธอด้วย
“ไม่ล่ะ พี่รอเวลานี้มาตั้งนานแล้ว เรื่องอะไรจะปล่อย”
เสียงทุ้มละมุนกระซิบอยู่ข้างใบหูเล็กๆ หญิงสาวขนลุกซู่ ตัวสั่น สมองเบลอไปหมดราวกับตกอยู่ในความฝัน
ใช่ เธอต้องฝันไปแน่ๆเลย ตติยะหรือจะมาทำอย่างนี้กับเธอ?
“พี่ซี น้อยไม่เล่นด้วยนะ ปล่อย ”
เธอกลั้นใจทำเสียงดุใส่เขา แต่หางเสียงยังไม่วายสั่น ฝ่ายตรงข้ามที่จับไต๋เธอได้หัวเราะหึๆชอบอกชอบใจออกมา
“ไม่เล่นหรอก..เอาจริงจ้ะ พี่ไม่ใช่เด็กอย่างเจ้าบอยนี่ จะได้เล่นไม่เลิก”
“หมายความว่ายังไงกันคะ?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโต ฉงนฉงายจัด
“ยังต้องให้แปลอีกเหรอ?” เขาเลิกคิ้วเข้มหนาถามอย่างเอ็นดู พอเธอพยักหน้า เจ้าตัวก็ทำท่ายุ่งยากใจขึ้นมาเชียว
เอ หรือว่าเขากำลังเขินกันแน่นะ?
“พี่อยากกินอาหารที่น้อยทำทุกมื้อน่ะ ชัดพอไหม”
เขาว่าแค่นี้เจ้าหล่อนก็น่าจะเข้าใจแล้วนะว่าเขาขอเป็นแฟน เพราะหญิงสาวก้มหน้างุดทีเดียว
“แม่ครัวบ้านพี่ก็มี ยังจะจ้างน้อยอีกคน ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
เสียงใสนั้นตัดพ้อ เออเนอะ เขาเพิ่งมารู้สึกก็ในระยะหลังๆนี่เอง ว่าแก้วอาภามีน้ำเสียงที่นุ่มไพเราะเป็นอันมาก
“พี่ไม่ได้จ้าง ” เขาแกเสียใหม่ นัยน์ตาคมกริบพราวระยับจับจ้องแต่หญิงสาวในอ้อมแขน “พี่จะใช้ฟรีๆต่างหาก”
แก้วอาภาแอบยิ้มหวานกับอกกว้างของชายหนุ่ม ถึงเธอจะไม่ประสาในเรื่องความรักนัก แต่ก็พอเข้าใจล่ะ ว่าตติยะหมายความว่ายังไง
“ของฟรีไม่มีในโลกหรอกค่ะ” เธอรวบรวมความกล้าแย้งกลับไป “ทุกสิ่งทุกอย่าง กว่าจะได้มา เราก็ต้องมีสิ่งไปแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น อาจจะไม่ใช่เงินหรือสิ่งของ แต่เป็นความจริงใจ ”
“พี่จะให้น้อยยิ่งกว่าความจริงใจ ” เขาโต้ตอบกลับมา น้ำเสียงและแววตามุ่งมั่น แก้วอาภาเงยหน้าขึ้นมองเขาภายใต้แสงสว่างเรื่อเรืองของโคมไฟหน้าบ้าน ใบหน้าคมเข้มเจ้าสำอางท่าทางเจ้าชู้ประตูดินหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้
หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาเต็มดวงหน้า คนตรงข้ามถึงกับตาพร่าไปเลย
ที่แท้เวลายิ้มเธอน่ารักอย่างนี้นี่เอง
“น้อยก็จะให้พี่ซีมากกว่าแค่อาหารค่ะ”
มือเล็กๆวาดขึ้นชูสองนิ้วให้สัญญาอย่างร่าเริงสดใส ตติยะยิ้มกว้างหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ มือใหญ่กระหวัดรัดร่างนุ่มเข้ามาไว้ในวงแขนแน่นกระชับเข้าอย่างลืมตัว
หัวใจเขากำลังฟูฟ่องบานแฉ่ง แม้จะนึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ที่เธอว่าจะให้เขามากกว่าอาหารนั่น โธ่ ก็คำว่าให้อาหารน่ะ มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ?
เอาเถอะ เขามีวิธีทำโทษเธอ จะทำโทษแบบให้เธอไม่รู้ตัวเชียวล่ะ ว่าเขากำลังโกรธอยู่หน่อยๆน่ะ
ว่าแล้วใบหน้านั้นก็ก้มต่ำลงไปยังนวลหน้าสาวในดวงใจ
+++++++++++++++++++++
“อะไรเนี่ย
.ทำไมมีแต่รูปพี่ซีถ่ายคู่กะครูแก้วของบอยทั้งนั้นเลย รูปของบอยกะคุณครูมีแค่กะจึ๋งเดียวเอง
.ยอบม่ายยอมมมมมมมมม”
เจ้าบอยกรี๊ดอาละวาดลั่นเมื่อนั่งดูรูปถ่ายวันงานแต่งงานของศศรินทร์ญาติสาวผู้พี่ ซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของตติยะแล้วพบว่า มันกลายเป็นเด็กที่ถูกครูแก้วหลงลืม (ตกสำรวจ)
พี่ชายซึ่งถูกต่อว่า นั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขบนโซฟาดูทีวีขนาดใหญ่อย่างสบายใจเฉิบ ท่าทางมีเลศนัยชอบก้ล?
เด็กชายรภัทร์เหล่ตา ทำปากบิดบู่บี้มองศัตรูหัวใจอย่างขุ่นเคือง ชายหนุ่มอยากหัวเราะนักกับท่าทีอาฆาตมาดร้ายของเจ้าตัวเล็ก หนอย ตัวนิดเดียว ริอ่านหึงผู้หญิงซะแล้วหรือ?
“พี่ซี พี่ซีชอบครูแก้วของบอยใช่ป่ะ?”
เสียงเล็กๆนั้นคาดคั้น พอเห็นฝ่ายตรงข้ามเอาแต่นิ่งเงียบแสดงท่าไม่รู้ไม่ชี้ เด็กชายก็กระโดดเข้าล็อคคออีกฝ่ายแบบนักมวยปล้ำที่เคยดูมาทันที
“สารภาพความจริงมานะเจ้าฆาตกร ไม่งั้นโคนันนักสืบจิ๋วคนนี้จะลงโทษนายเอง ฮึ่ม ”
เด็กชายใช้คำความหมายผิด ตั้งตัวเป็นนักสืบเด็กซึ่งเป็นการ์ตูนที่โด่งดังมากจากญี่ปุ่น แถมตอนท้ายยังส่งเสียงคำรามในลำคอราวกับก็อดซิล่า
“โอ้ยๆ ยอมแล้ว ฉันยอมแกก็ได้ ไอ้เด็กซาดิสม์”
คนตัวโตกว่าแกล้งยอมๆไปอย่างนั้นเอง เห็นแก่ที่มันกำลังจะตกเป็นหนุ่มน้อยผู้อกหักพ่ายรักหรอกนะ
“บอกความจริงให้ก็ได้ ฉันกับครูแก้วของแก เราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว”
“ฮ้า!!” เด็กชายร้องเสียงหลง มองเขาราวกับเห็นเป็ดจมน้ำตาย “ไม่จริงอ่ะ ไหนพี่ซีเคยบอกว่าครูแก้วไม่สวย ไม่ใช่เสป็คไง ?”
“เมื่อก่อนไม่สวยแต่ตอนนี้ โดนแล้วว่ะ เพราะงั้น ฉันขอสั่งนาย ต่อไปนี้ห้ามมาออดอ้อนฉอเลาะอะไรแฟนฉันอีก ไม่งั้นมีตื้บจริงๆด้วย”
คนตัวโตกว่าขมขู่เด็กราวกับจะหึงหวง เจ้าตัวเล็กทำหน้าบูดหน้าบี้อย่างไม่เข้าใจนัก พยายามนึกถึงละครหลังข่าวที่เคยดูบ้างไม่ดูบ้าง
ส่วนมากคนที่อกหักก็มีแต่พระรองที่แสนดีนี่หว่า ไม่นะ มันไม่อยากเป็นพระรอง หล่อๆอย่างน้องบอย ต้องพระเอกเท่านั้นที่คู่ควร
เด็กชายรภัทร์ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องแย่งชิงครูแก้วของตัวกลับมาอินเลิฟกันเหมือนเดิมให้ได้ งานนี้ขอเอาความหล่อ(แบบเด็กๆ)ของมันเป็นเดิมพัน
แต่ยังไม่ทันที่มันจะป่าวประกาศตัวอย่างเป็นทางการ เสียงใสๆของครูแก้วก็ดังมาจากหน้าประตูห้องนั่งเล่น ทั้งสองพี่น้องหันควับไปมองเธอพร้อมๆกัน และแล้ว สายตาของเจ้าบอยก็ตกวูบลงมาเบื้องล่าง เพราะวันนี้ครูแก้วจับจูงเอาร่างเล็กๆของเด็กหญิงในชุดกระโปรงยาวฟูฟ่องสีชมพูหวานเจี้ยบมาด้วยคนหนึ่ง
เธอผิวขาวเนียนสดใส ไว้ผมยาว ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย น่ารักสุดๆไปเลยล่ะขอบอก!
เจ้าบอยจ้องเด็กหญิงตาโตค้างเติ่ง จนคนเป็นครูยิ้มขันๆ
“น้องบอยรู้จักหนูมิ้มสิจ๊ะ หนูมิ้มเป็นหลานสาวของครูเอง อายุน้อยกว่าน้องบอยสองปี วันนี้ครูพาหนูมิ้มมาเป็นเพื่อนเล่นกับน้องบอยด้วย ดีไหมจ๊ะ?”
แก้วอาภาอธิบาย ดูท่าทางเขินๆอายม้วนต้วนของเด็กชายแล้ว ก็อดที่จะหันไปยิ้มกับตติยะไม่ได้
“ชะ ชื่อหนูมิ้ม หรือ คับ ?” มันเกิดติดอ่างขึ้นมาทันที คนเป็นพี่อยากหัวเราะให้ฟันหักนัก คุณอาระรินดาไม่ต้องห่วงแล้ว ว่ามันจะเบี่ยงเบน มันปิ้งสาวแบบรายวันขนาดนี้
“น่ะ หนูมิ้ม น่ะ น่า รักจัง ” เด็กชายกระลิ้มกระเหลี่ยยิ้มเรี่ยราดส่งตาหวานเยิ้มสุดฤทธิ์มาให้เด็กหญิง
“สวัสดีค่ะพี่บอย” เด็กหญิงยิ้มให้อย่างน่ารัก แค่นี้หัวใจน้อยๆของเจ้าบอยก็ฟูฟ่องจะระเบิดอยู่แล้ว
เห็นปุ๊ปก็เกิดอาการปิ้งปั๊บ ใช่คนนี้ล่ะ “โดน”(ใจมัน) เลย(อีกแล้วครับท่าน)
มันตัดสินใจแล้วในวินาทีนั้นเองว่ามันจะต้องเอาน้องหนูมิ้มมาเป็นแฟนให้ได้!
++++++++++++++++++++
ชายหนุ่มที่กำลังพยายามปลอกเปลือกมันฝรั่งหัวใหญ่อยู่ในครัวอย่างขะมักเขม้น เกือบเผลอทำมันฝรั่งในมือตกพื้น เมื่อบังเอิญเหลือบตามองไปนอกหน้าต่างห้องครัวแล้วเห็นเจ้าบอยกับหนูมิ้ม หลานสาวของแก้วอาภากำลังแลกเปลี่ยนของขวัญให้แก่กันกระหนุงกระหนิงหวานชื่น
เจ้าหลานชายของเขา อุตส่าห์เอาหุ่นไอ้มดแดงของตัวเองให้เด็กหญิง ทั้งๆที่นั่นเป็นของที่มันรักมันหวงยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ
ขนาดเขาไปเหยียบเข้าจิ๊ดเดียวเอง มันยังโวยวายลั่น หาว่าเขาไม่มีสัมมาคารวะ เจ้าตัวแสบด่าเขาฉอดๆก่อนจะเก็บบรรดาหุ่นๆของมันขึ้นไว้บนหลังตู้หนังสือตัวเตี้ยๆที่หัวนอนของเขาอย่างเคารพเทิดทูน ตติยะที่เลยวัยสนใจหุ่นยนต์ยอดมนุษย์ไปแล้วไม่สนใจข้าวของสะสมของเจ้าน้องชายนักเพราะขี้เกียจรำคาญมันบ่น ไม่นึกเลยว่าตอนนี้ เจ้ารภัทร์กำลังยกหุ่นยอดสวาทของมันให้กับหนูมิ้มผู้น่ารักเสียแล้ว
แม่หนูน้อยก็ยื่นตุ๊กตาผู้หญิงฝรั่งผมสีทองสวยให้น้องชายของเขาเป็นการตอบแทนเช่นกัน
เจ้าเด็กแสบเมื่อได้ของจากสาวเจ้าแล้ว ก็เอาเข้ามากอดอย่างรักใคร่ไหลหลง หวานจนตติยะคลื่นไส้
“ไอ้เด็กแก่แดด เดี๋ยวเจอดีแน่ๆ”
เขาคำรามหมั่นไส้ คนที่กำลังเตรียมของหน้าเตาเงยหน้าจากงานที่ทำเพื่อมองเขาแล้วยิ้มออกมาอ่อนบาง
“เรื่องของเด็กๆ ปล่อยแกไปเถอะค่ะ พี่ซีมาช่วยน้อยทำกับข้าวต่อดีกว่านะคะ เดี๋ยวไม่ทันเวลาอาหารเย็นกันพอดี”
ตติยะเมินจากภาพที่ขุ่นเคืองลูกตาหันมายิ้มหวานให้หญิงสาวนัยน์ตาพราวระยับขี้เล่น
“ไม่ทันพี่ก็ไม่กิน ไม่เห็นเป็นไรเลย“
“ไม่กินข้าวแล้วพี่ซีจะกินอะไรไม่ทราบ บอกเลยนะคะว่าแกงมัสมั่นของน้อยน่ะ อร่อยมากกกก”
ตติยะวางมือจากมันฝรั่งที่ยังปอกไม่สำเร็จ เดินเข้าไปใกล้ร่างบางของหญิงสาว เธอมองเขาอย่างระแวง และก็จริงเสียด้วย
มือใหญ่กระหวัดรวบเอวบางของเธอเอาไว้แน่น ดวงหน้าคมสันหล่อเหลาก้มลงมาใกล้จนเธอทำอะไรไม่ถูก
“พี่รู้จ้ะว่าอร่อยแหงๆ ถ้าเป็นน้อยทำให้พี่น่ะ ไม่ว่าอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ” ประโยคนั้นกินความหมายล้ำลึก ดวงหน้าขาวใสของหญิงสาวพลันแดงก่ำ ร้อนซู่ขึ้นมาในบัดดล
“ไม่หวานเกินไปหน่อยหรือคะ?”
เสียงย้อนถามนั้นสั่นสะท้าน แก้วอาภาพยายามแกะมือหนาของเขาให้หลุดออกจากเอวของเธอ แต่ความพยายามนั้นจะยังไงก็ไร้ผลอยู่ดี
ในเมื่อคนตัวใหญ่กว่ามากไม่สมัครใจจะปล่อยเธอ หญิงสาวก็จนใจนัก
ตติยะยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ ก้มหน้าลงมากระซิบเสียงเบาๆแนบใบหูเล็กๆบอบบางของอีกฝ่าย ทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่ ต้องห่อไหล่เข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“แค่นี้ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย
เอ๊ะ นี่พี่บอกรักเราไปแล้วหรือยังนะ?”
คนเจ้าเล่ห์ทำท่าครุ่นคิดกรอกตาไปมาราวกับลืมไปจริงๆว่ายังไม่เคยบอกรักเธอเลย
แก้วอาภามองชายหนุ่มตรงหน้าตาปริบๆก่อนจะเม้มริมฝีปากบางของตัวเองเข้าหากันแน่น อดเคืองไม่ได้
เขาลืมกับเรื่องนี้ได้ยังไง แสดงว่าเธอไม่มีค่าในสายตาของเขาเลยใช่มั้ย?
ผู้หญิงทุกคน จะยังไงก็อยากได้ยินคำว่า”รัก” จากปากของคนรัก เพื่อความมั่นใจกันทั้งนั้น ยิ่งผู้หญิงหน้าจืดไม่มีความมั่นใจอย่างเธอ ยิ่งอยากได้ยินมากขึ้นกว่าคนทั่วๆไปอีกสองเท่าด้วยซ้ำ
“ยังไม่ได้บอกค่ะ” เธอโพล่งออกมาในที่สุด ฝ่ายตรงข้ามชะงักไปนิดหนึ่งทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ เธอจึงพูดต่อเสียเองอย่างงอนๆ “แต่ถ้าไม่อยากพูด หรือลำบากใจนัก ไม่ต้องก็ได้นะคะ น้อยไม่ชอบฝืนใจใคร”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ผลักอกกว้างของเขาออกห่างด้วยความโกรธ ผลักเต็มแรงจนชายหนุ่มต้องออกแรงสุดตัวทีเดียวกว่าจะกอดเธอเอาไว้ได้อยู่มือ
“ไม่เอาน่าน้อย พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าเพิ่งโกรธสิครับ”
เขาปลอบเสียงอ่อนหวาน แต่คนฟังฟิวส์ขาดเสียแล้ว
“ไม่ต้องล้อเล่น เอาจริงเลยก็ได้ค่ะ น้อยรู้ตัวเองดี ว่าไม่มีอะไรคู่ควรกับพี่ซีเลย ไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าพี่ซีจะไม่รักน้อยน่ะ”
“ใครว่าพี่ไม่รัก” ตติยะร้องเสียงหลง กดหน้าลงกับกลุ่มผมดำเป็นมันเงาของหญิงสาวตัวเล็กบอบบางในอ้อมแขนอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะโกรธที่เขาล้อเล่นมากมายขนาดนี้
“น้อยนี่ล่ะบอก ผู้หญิงเชยๆ จืดชืดอย่างน้อย อย่างพี่ซีไม่มีทางหันมามองหรอก”
เธอโต้ตอบแรงขึ้นจนเขาตกใจ ตติยะชักมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“พี่บอกว่าไม่ใช่ไง ไม่เข้าใจหรือไงว่าเราเข้าใจผิดน่ะ ไอ้เรื่องหน้าตาน่ะ ช่างมันเถอะ ยังไงน้อยก็สวยในสายตาพี่เสมออยู่ดี ไม่ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับใครๆให้เหนื่อยหรอก
พี่รักที่น้อยเป็นอย่างนี้
ถ้าน้อยเป็นอย่างคนอื่นๆพี่ก็คงไม่รักเหมือนกัน
เพราะงั้น อย่าคิดมากอีกเลยนะครับ” ตอนท้ายชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนลงเกือบเป็นอ้อนวอน
เธอจ้องเขาตาโตเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ดวงตาดำสนิทกะพริบปริบๆก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กๆ
เขาบอกแล้วว่ารักเธอ เขารักผู้หญิงที่แสนจืดชืดไม่โดดเด่นอย่างเธอ แก้วอาภาเกือบคิดว่าตัวเองฝันไป แต่มันไม่ใช่ นี่คือความจริง มือใหญ่อุ่นๆที่บรรจงเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนขณะนี้ ก็คือมือของชายที่เธอให้ดวงใจกับเขาไปแล้วจนหมดสิ้น
น้ำตาของเธอค่อยๆเหือดแห้งไป หญิงสาวยิ้มหวานสดใสออกมา สบตากับเขาอย่างคลายกังวล
“ขี้งอนเหมือนกันนะเรา รู้งี้บอกตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว” เขาเปรยเสียงระรื่นชื่นบาน หญิงสาวก้มหน้าลงยิ้มอายๆ
จะให้เธอพูดอะไรได้ ก็มันทั้งดีใจทั้งตื้นตัน จนพูดไม่ออกแล้วนี่นา
++++++++++++++++++++++
“ซี เธอต้องช่วยอานะ ถ้าเธอไม่ช่วยอาแย่แน่ๆ”
เสียงโวยวายลั่นทุ่งของคุณอาระรินดาดังมาเข้าหูเขาผ่านทางโทรศัพท์ หลังจากที่เธอมารับตัวเจ้าลูกชายกลับบ้านได้เพียงสองวันเท่านั้น
ตติยะขมวดคิ้วเข้มหนาของตัวเองเข้าหากันแน่นความประหลาดใจ
“มีเรื่องอะไรหรือครับคุณน้า?”
ก็เสียงของคุณระรินดาเหมือนกับมีเรื่องคอขาดบาดตายซะกระนั้น จะให้ชายหนุ่มอดใจไม่สงสัยยังไงไหว
แต่เมื่ออีกฝ่ายชี้แจงขยายความกลับมาเท่านั้น ตติยะก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป
“น้องบอยวันๆเอาแต่นั่งกอดตุ๊กตาบาร์บี้ แถมหวงเอามากๆด้วย ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลยนะซี อากลุ่มใจจะแย่อยู่แล้ว มีอย่างที่ไหน เป็นเด็กผู้ชายแต่ดันไปหลงไหลตุ๊กตาบาร์บี้ของเด็กผู้หญิง ซีต้องช่วยอาดัดนิสัยน้องบอยหน่อยนะ อาไม่อยากให้ลูกกลายเป็นกระเทย”
อาสาวของเขาระบายความอัดอั้นกลัดกลุ้มออกมา ฟังจากเสียงแล้วคงกังวลใจในพฤติกรรมของเจ้าเด็กแสบนั่นมาก
โถๆๆๆ ช่างน่าสงสารคุณอาระรินดาเป็นยิ่งนัก เธอคงไม่มีทางรู้เลยสินะว่าเหตุใด เจ้าบอยมันจึงได้หวงแหนเจ้าตุ๊กตาบาร์บี้ตัวนั้นนัก
“คุณอาอย่าเพิ่งคิดมากไปเลยครับ ผมว่ารอดูมันไปอีกซักสองสามปีก่อนดีกว่า บอยมันยังเด็กมาก คงไม่มีอะไรหรอกครับ”
ตติยะแกล้งปลอบน้าสาวไปตามเรื่อง ความจริงในใจชายหนุ่มกำลังหมั่นไส้เจ้าเด็กนรกนั่นสุดๆต่างหาก
มันเนี่ยนะจะเป็นกะเทย โธ่เอ้ย เป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจสิไม่ว่า ริอ่านจีบสาวตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น แก่แดดแก่ลมยิ่งกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่สิบเท่า คุณอาตามลูกชายตัวเองไม่ทันแล้ว
ชายหนุ่มส่ายหน้า ปลอบใจฝ่ายนั้นอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายลง มองเลยออกไปนอกหน้าต่างเห็นร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าประตูรั้วบ้านมาก็รีบวิ่งหน้าบานออกไปรับเธอทันที
แก้วอาภา แก้วกลางใจของเขามาแล้ว เรื่องไร้สาระของเจ้าบอยก็ขอเขี่ยทิ้งไปก่อนล่ะ
ชายหนุ่มเดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับคนรักสาวหน้าใส ซึ่งยิ้มหวานนำมาให้เขาก่อนอย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักเต็มหัวใจ
โลกของตติยะสว่างไสวเพียงแค่เธอยิ้มมาให้
แม้ใครจะมองว่าเธอไม่สวยฉูดฉาดบาดใจ แต่ในสายตาของเขาที่รักเธอ
เธอก็เป็น”แก้ว” ที่งดงามที่สุดแล้ว
และเขาก็พอใจเท่านี้จริงๆ
(จบ)
ผลงานอื่นๆ ของ พิมพ์นรา, ทักษิณา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พิมพ์นรา, ทักษิณา
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น