ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Translated_Fic] BLINDSIDED_WenRene

    ลำดับตอนที่ #1 : I Can’t Make You Love Me

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      33
      26 ก.พ. 58














     

    Chapter 1  

    I Can’t Make You Love Me  



     

    Turn down the lights, turn down the bed, turn down these voices, inside my head.

    Lay down with me, tell me no lies. Just hold me close, don’t patronize me.

     

     

    ฉันดูกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาแม้ในยามหลับ และไม่มีเหตุผลใดสามารถอธิบายสภาวะผิดปกตินั้นได้ บางทีอาจเป็นเพราะงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันพร่ำบอกไอรีนทุกครั้งที่เธอถาม

    ฉันเป็นนักสเก็ตภาพ เป็นคนช่างสังเกต ความจริงต้องบอกว่าฉันมีหน้าที่ทำแบบนั้น

    ฉันเก่ง หรือไม่ก็เพราะถูกฝึกฝนมาอย่างดี หรือไม่ก็เป็นเพราะต้องหากินกับมัน ต้องฟังคำให้การอันเลือนลางของพยาน ไม่ก็สร้างใบหน้าผู้ต้องสงสัยขึ้นมาจากข้อมูลพื้นฐานที่แทบไม่ช่วยอะไร ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ถูกต้องหรือใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

    มันเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากว่าทำไมฉันถึงต้องเป็นคนช่างสังเกต 

     

    ไม่ใช่แค่วาดภาพคน แต่งานของฉันยังรวมไปถึงการเพิ่มการเจริญเติบโตทางกายภาพลงบนภาพวาดให้กับบุคคลที่สูญหาย ประมาณการใบหน้าคนจากหัวกะโหลกที่ไม่สามารถระบุเจ้าของได้ หรือแม้แต่ต้องขลุกอยู่กับศพไร้ญาติในห้องดับจิต 

    มันไม่ใช่งานที่น่าอภิรมย์เลยสักนิด แถมบางครั้งยัง...ชวนขนหัวลุกอีกต่างหาก 

    แต่หลังจากที่อยู่ในวงการนี้มาหลายปี ฉันคิดว่าฉันชินกับมันแล้วล่ะ

    กระดูกหัก บาดแผลจากกระสุนปืน การชำแหละ หัวกะโหลก และแน่นอน...ความตาย

      

    บางที อาจเป็นเพราะฉันใช้งานสมองหนักไป ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่สามารถปล่อยให้มันพักได้อย่างสงบ แม้กระทั่งตอนนอน

     

    อ้อ ฉันมีแฟนด้วยนะ

    เธอสวยมาก

     

    ฉันยังคงจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้ขึ้นใจ

    เธอเป็นพยานในคดีปล้นธนาคาร ส่วนฉันก็เป็นคนสเก็ตภาพผู้ต้องสงสัยตามคำให้การของเธอ และเพราะคดีนั้นมีผู้ต้องสงสัยถึง 3 คนด้วยกัน เราเลยใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบทั้งวัน

    ฉันโฟกัสที่งานของตัวเองเหมือนปกติ แต่ก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้แอบมองหน้าเธอได้

    เธอสวยมาก ผิวก็เนียน

     

    ภาพของเธอถูกสเก็ตในหัวของฉันเป็นที่เรียบร้อย

     

    ตัวเธอเองก็เหมือนจะสนใจงานของฉันอยู่ไม่น้อย

    หรือไม่ก็...สนใจในตัวฉัน เพราะหลังจากนั้นไม่นานเราก็ตกลงคบกัน

       

    เธอกังวลเสมอด้วยงานของฉัน ไม่แน่ใจว่าเธอกลัวว่าฉันจะเป็นบ้าก่อนหรือถูกฆ่าตายก่อนกันแน่ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้ชีวิตของฉันมีด้านที่สดใส

    ฉันมีความสุขที่ได้เราเจอกัน

     

     

    ครั้งนึงเธอเคยขอให้ฉันวาดรูปเธอ แต่ฉันปฏิเสธ และเธอก็เข้าใจดีว่าเพราะอะไร

    คนที่ฉันวาดรูปให้มักจะลงเอยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่  

    เพื่อไม่ให้เธอพลอยเครียดไปด้วย ฉันเลยมักจะเลี่ยงไม่เอ่ยถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานให้เธอฟัง เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนอย่างคนทั่วไป ฉันจึงต้องพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอมีความสุข

    ฉันคิดว่าเธอรู้ดี

    เราไม่ค่อยได้เจอกันข้างนอกหรือออกไปเดต ส่วนใหญ่จะกลับมาเจอกันที่บ้านเสียมากกว่า มันอาจจะฟังดูไร้สาระแปลกๆ เพราะมีแต่คู่รักที่แต่งงานมานานแล้วเท่านั้นที่ชอบทำแบบนั้น และเราก็เพิ่งจะคบได้สองปีกว่าเอง

    ฉันไม่รู้ว่าเราหมดช่วงเวลาหวานแหววกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    หรือบางทีเราอาจไม่เคยมีช่วงเวลานั้นตั้งแต่แรกเลยก็ได้ 

    ตอนนั้นเราทั้งคู่ต่างก็มองหาใครสักคนที่จะมาเป็นที่พักพิงใจ และเราก็บังเอิญหรือไม่ก็คงต้องขอบคุณคดีปล้นธนาคารนั่นที่ทำให้เราได้มาเจอกัน 

      

    ฉันลืมตาและรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าข้างกายจึงควานหาเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยู่จริงๆ

    “ไอรีน?”

     

    “จูฮยอน?”

     

    ไม่มีเสียงตอบรับ 

    ฉันเหมือนจะได้ยินเสียงตัวเองที่ตะโกนออกไปสะท้อนกลับมา ลุกขึ้นนั่งและกระพริบตาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับความมืด เธอไปไหนกันนะ? 

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอออกไปข้างนอกตอนกลางคืนและกลับมาเอาดึกซะมากๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงตั้งคำถามเป็นชุดว่าเธออาจกำลังนอกใจ

    แต่ฉันไม่ 

    ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสัย แต่เหนื่อยจะถาม ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น หรือถ้าเธอต้องการเวลาและพื้นที่ส่วนตัว ฉันก็โอเค 

     

    มันมืดมากจนฉันแทบมองไม่เห็น แหงล่ะ ก็นี่มันเวลากลางคืน 

    ฉันเอื้อมมืดไปเปิดโคมไว้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง

     

    นี่ไม่ใช่ห้องฉันหนิ 

     

    ตื่นแล้วเหรอ” 

    เสียงผู้ชายเอ่ยถามขึ้นแต่ฉันยังคงมองไม่เห็นเจ้าของเสียง  

    คุณเป็นใคร แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน”  

    ฉันได้ยินเสียงตัวเองสั่น สถานการณ์มันดูแปลกๆ ฉันจำได้ว่าตัวเองกลับไปบ้าน กินข้าวกล่องที่หิ้วกลับมาด้วย นั่งดูทีวี อาบน้ำ แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง...เหมือนเช่นทุกวัน

    จำไม่ได้เลยเหรอ”  

    ผู้ชายที่ดูแล้วเหมือนอยู่ในวัย 30 ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉัน เขาสวมชุดสูทที่ดูดีเอามากๆ หวีผมเรียบแปล้ ดูเหมือนคนผิวขาว สันกรามของเขาโดดเด่นมาก 

    เดาว่าเขาคงไม่ได้ลักพาตัวฉันมา 

    ฉันจำไม่ได้ ตอบคำถามของฉันมาก่อน

     

    เขายิ้ม

     

    เวนดี้ ฟังดีๆ นะ ผมบอกคุณไม่ได้ว่าผมเป็นใคร แต่ผมบอกคุณได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    ฉันจ้องเขาไม่วางสายตา

    คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง

    เขาเปิดกระเป๋าและหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมา ประณีตเปิดทีละหน้าแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด “เวนดี้ ซน ซึงวาน อายุ 25 ปี ตายปี 2015”

    ห้ะ? ฉันตายแล้ว? ได้ยังไง? ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย” 

    ฉันลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา

    ถ้าไม่เชื่อก็อ่านซะเขายื่นหนังสือมาให้

    ฉันเป่าฝุ่นที่เกาะหนาออกเพื่อให้เห็นได้ชัดขึ้น 

     

    เกิดไฟไหม้ที่กรมตำรวจในช่วงเย็นที่คนไม่ค่อยได้ระวังตัวกัน ต้นเพลิงเริ่มจากห้องเก็บหลักฐาน เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ควอนที่ได้รับสินบนให้ทำลายหลักฐานในคดีฆาตกรรมลูกสาวนายกเทศมนตรี เวนดี้หนีออกจากห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ทันเวลาแต่ตำรวจส่วนใหญ่ติดอยู่ในนั้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ควอนเผลอล็อคประตูก่อนที่จะหลบหนีไป บางคนย้อนกลับมาเพื่อที่จะเปิดประตูแต่ก็ถูกไฟคลอกตายระหว่างทาง รวมถึงร้อยโทชเว เจ้าหน้าที่พัค... ศพของเวนดี้หายสาบสูญ...”

     

    เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน ซึ่งก็หมายความว่าคุณหายตัวไปแล้วสองวัน ซากปรักหักพังและเถ้าถ่านของตึกนั่นทำให้คนคิดว่าคุณตายไปแล้ว” 

    เขากล่าวเสริม

    วิญญาณของคุณออกจากร่างไปและล่องลอย คุณก็เลยคิดไปว่าตัวเองยังใช้ชีวิตตามปกติ แต่มันไม่ใช่และในที่สุดคุณก็ตื่นขึ้น

    ฉันอ่านบันทึกชีวิตของตัวเองที่อยู่ในมือ และนั่นเป็นหน้าสุดท้าย ฉันยังคงอ่านต่อไปจนพบว่ามีบางอย่างมากกว่านั้น

    ทำไมฉันถึงจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ฉันชี้ไปที่บางย่อหน้าที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองกลับจำเรื่องพวกนั้นไม่ได้เลย 

    เขาจ้องมองมัน

    อืม... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ความจริงผมไม่เคยมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ แต่เดาว่าหลังจากที่คนเราตายแบบไม่รู้ตัวหรือประสบอุบัติเหตุ คงจะสูญเสียความทรงจำในส่วนที่ไม่ค่อยน่าจดจำ ไม่ใช่เฉพาะว่าตายยังไง วิญญาณของพวกเขายังคงใช้ชีวิตเฉพาะในส่วนที่ตัวเองเลือกเท่านั้น” 

     

    ฉันรู้สึกปวดหัวตุบๆ กับเรื่องที่เพิ่งรับรู้ 

    ฉันรู้สึกเหมือนมองเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างลางๆ ในหัว แต่ก็นั่นแหละ มันเลือนลาง บางทีมันอาจจะเคยเกิดขึ้นจริง มันไม่ใช่แค่ความฝันเหมือนตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ มันคือเรื่องจริง

    มันเคยตามหลอกหลอนฉันในความฝัน มันคือฝันร้าย 

    บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงดูอิดโรยอยู่ตลอดเวลา  

      

     

    ฉันลืมตาขึ้นและเห็นไอรีนเพิ่งเดินเข้าห้องน้ำไป เธอรู้ตัวว่าทำให้ฉันตื่นจึงยิ้มบางๆ อย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะ”

    ไปไหนมาเหรอ” 

    ฉันออกไปกับเพื่อนร่วมงานมาน่ะ วันเกิดของยูริ” เธออธิบายในขณะที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไอรีนไม่ได้เดินเข้ามาใกล้ เดาว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเธอ 

    เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะช่วงนี้” 

    ฉันขดตัวเป็นลูกบอล กอดเข่าตัวเองไว้ บางทีอาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าความเจ็บกำลังถลาโถมเข้ามาเลยเตรียมตัวเตรียมใจรับมือ

    ฉันขอโทษ”

    เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม 

    หยุดขอโทษแล้วบอกฉันว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็พอ”   

    ฉันมองเห็นดวงตาของเธอทอประสายภายใต้แสงสว่างอับหริหรี่ รู้สึกแย่ที่พูดกับเธอออกไปแบบนั้น แต่เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้

     

    เธอรักฉันหรือเปล่า” 

     

    ไอรีนถามเสียงต่ำ 

    ...ในแบบที่เธอไม่ค่อยทำ

     

    รักสิ” 

    ฉันมั่นใจว่าฉันรักเธอ

    เพราะตอนนี้มันเจ็บเหลือเกิน

     

    เธอทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นแล้วดึงฉันเข้าไปกอด กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเธอแรงปะทะกับจมูกฉัน เสียงลมหายใจของเธอสั่น

     

    “ฉันขอโทษนะซึงวาน” 

     

    เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้ว่าเธอไม่ได้รักฉัน ไม่เคยรักฉัน ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

      

    I close my eyes, then I won't see, the love you don't feel when you're holding me.

      

    ราวกับว่าเธอตายไปแล้ว

    เปล่าเลย ฉันต่างหาก

    ฮ่าๆ

    แล้วฉันจะทำอะไรได้ ฉันเจ็บมากจนเลือกที่จะลบความทรงจำนั้นออกจากหัวหลังจากที่ตายไป

     

    แต่ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว

     

    วันนั้นฉันไม่สามารถติดต่อเธอได้ ไอรีนไม่รับโทรศัพท์ จริงๆ ฉันก็คิดไว้แล้วแหละเพราะก่อนหน้านั้นฉันเป็นคนชวนเธอทะเลาะเอง ฉันไม่สามารถทนกับระยะห่างระหว่างเราสองคนได้และสูญเสียการควบคุมในคืนนั้น วันนั้นฉันแค่อยากคุยกับเธอและทานข้าวด้วยกัน 

    ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราเคยนั่งกินข้าวด้วยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่

    ฉันผิดหวังที่มันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้

    ฉันวิ่งหนีทันทีที่เริ่มเห็นควัน แต่อะไรบางอย่างทำให้ฉันหยุด มีตำรวจดีๆ หลายนายรวมถึงประชาชนติดอยู่ในนั้น ฉันแค่อยากทำอะไรดีๆ บ้างหลังจากที่ทำให้ชีวิตตัวเองและชีวิตของเธอยุ่งเหยิงมานาน อย่างน้อย ถ้าทำได้ฉันก็อยากช่วยชีวิตพวกเขา

    ฉันคิดว่ามันคืองานของฉัน 

    ฉันคิดว่าฉันคือผู้ผดุงความยุติธรรมและช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์มามาก 

    ใช่ ฉันทำ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับล้มเหลวเมื่อถึงคราวตัวเอง 

    ฉันวิ่งกลับไปและพยายามจะพังประตูเพื่อช่วยคนข้างใน ฉันจำได้ว่าเราเปิดประตูได้แล้ว แต่ในความโกลาหลที่เกิดขึ้น สติของฉันก็ดับวูบลง

     

    อย่างน้อยฉันก็ได้ทำอะไรดีๆ ก่อนตาย ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย

     

    อยากรู้จังว่าไอรีนจะรู้สึกยังไง

    เธอจะโล่งใจไหม

    หรือเธอจะร้องไห้คร่ำครวญแล้วไว้ทุกข์ให้ฉัน?

     

    แล้วไงต่อฉันปิดหนังสือ “ฉัน... กลับไปได้หรือเปล่า”

    เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะบอก”

    เขาหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมา เปิดอ่านเล็กน้อย และยื่นให้ฉัน 

    คุณไม่สมควรตาย เวนดี้ ซน คุณต้องกลับไป

    ฉันขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ แล้วฉันจะกลับไปได้ยังไง” 

    คุณต้องกลับไปเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเอง คุณถึงจะได้ชีวิตของคุณคืน”

     “คุณหมายความว่า ฉันจะกลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง?”

    เขาพยักหน้า

     

    มันควรค่าแก่การกลับไปเหรอ?

    ฉันอยากจะมีชีวิตใหม่อีกครั้งเหรอ?

    หรือฉันควรจะปล่อยมันไปแล้วเลือกความตาย?

    ยังมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องกลับไปอีก?

     

    ฉันครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถาม “ขอฉันกลับไปแบบว่า... ลองดู... แบบ...”

    เขามองฉัน “คุณอยากเห็นเธอสินะ ไอรีน แบ จูฮยอน”

    ฉันหัวเราะกลบเกลื่อน

    “คุณนี่ตรงจังนะ ค่ะ ฉันอยากเห็นเธอ”

    คุณกลับไปเจอเธอได้ เธอเองก็สามารถมองเห็นคุณได้เช่นกัน เราสามารถควบคุมอะไรได้หลายอย่างบนโลกเพราะพวกเรา... อืม จะเรียกว่าผีก็ได้ เอาง่ายๆ นะ คุณจะปรากฏให้คนเห็นตอนไหนก็ได้ที่คุณต้องการ คุณสามารถเดินทะลุกำแพง หรือแม้แต่...บิน คุณมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นในการตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ ถ้าคุณเลือกที่จะไม่กลับไป วิญญาณของคุณก็จะหายไป

    ฉันฟังอย่างตั้งใจและหัวเราะอีกครั้ง

    “น่าสนใจดีนะ ว่าแต่ ฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ” 

    ทำอะไรๆ ในชีวิตคุณให้มันถูกต้องอีกครั้ง อย่างเช่น...” เขาเว้นวรรค “จัดการกับคุณควอนซะ มันเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดที่ผมคิดออก เลือดต้องล้างด้วยเลือด” 

    เขาจัดแจงเสื้อของตัวเองให้เข้าที่

    หลังจากนั้นคุณถึงจะได้ชีวิตของคุณคืน

     

    ฆ่าคนเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป การแก้แค้นไม่ใช่อะไรที่ฉันเกิดมาเพิ่งได้ยินครั้งแรก เลวร้ายกว่านี้ฉันก็เคยเห็นมาแล้ว

     

    แล้วถ้า... ถ้าฉันไม่ได้ตายเพราะเขาล่ะ?ฉันเลิกคิ้ว คนถูกถามดูประหลาดใจ

    ถ้างั้นใครหรืออะไรล่ะที่พรากชีวิตคุณไป แม้แต่คนที่ฆ่าตัวตายยังทำเพราะมีต้นสายปลายเหตุ” แต่เขาเลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

    บางทีฉันอาจจะฆ่าตัวเอง ฉันหมดเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันหมดเหตุผลที่จะดิ้นรนต่อสู้ บางที... บางทีนะ ไอรีนอาจจะเป็นคนฆ่าฉัน

    ฉันหัวเราะให้กับตัวเองอย่างขมขื่น  

     

    ถ้างั้นคุณจะฆ่าไอรีนไหมล่ะ”  

     

     

    Cause I can't make you love me if you don’t, 

    I can't make your heart feel something it won’t. 

    Here in the dark, in these final hours, 

    I will lay down my heart. I feel the power. 

    But you don’t. No, you don’t.

     

    เขาจ้องมองปฏิกิริยาของฉันที่ล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง

    “แค่ฆ่าคุณควอนซะ ง่ายที่สุดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็หาความผิดพลาดในชีวิตคุณแล้วแก้ไขมันซะ”

    น้ำเสียงเขาอ่อนลง

    คุณไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาด้วยตัวคุณเอง คุณสามารถทำให้เขาฆ่าตัวเองได้ หรือไม่ก็จับเขาโยนเข้าคุกซะ แต่มันคงต้องใช้ความพยายามและเวลามากโข... แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วย... เพราะงั้น แค่แทงเข้าตรงหัวใจเขาน่ะง่ายและเร็วที่สุดแล้ว” 

    เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ฉันบอกว่าขอลองกลับไปดูก่อนไม่ใช่เหรอ แบบว่าสังเกตการณ์น่ะ” 

    “24 ชั่วโมงเขายืนยัน

    คุณจะไปกับฉันด้วยหรือเปล่า”

    ไม่ใช่ตอนนี้ ผมมีหน้าที่แค่ช่วยคุณทำให้ข้อแลกเปลี่ยนเป็นจริง” 

    งั้นก็ส่งฉันกลับไปได้เลยค่ะ

    แล้วเจอกันอีก 24 ชั่วโมงต่อจากนี้

     

    ขณะนี้เป็นเวลาเช้า ฉันยืนอยู่ข้างเตียง มองดูไอรีนที่กำลังหลับใหล ข้าวของบนเตียงยุ่งเหยิงพอๆ กับผมของเธอ

     

     

    Morning will come and I'll do what's right, just give me ’til then to give up this fight. 

    And I will give up this fight.

     

     

    ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นระเยือกที่แก้มจึงลืมตาขึ้นดู และสิ่งที่เห็นทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

    เวนดี้ยืนอยู่ข้างเตียงและยิ้มให้ฉัน

     

    เป็นไปไม่ได้...

     

    ขยี้ตาตัวเองก็แล้ว หยิกแขนตัวเองก็แล้ว เธอก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ 

    ซะ... ซึงวาน?” ฉันเรียก

    เธอเป็นผีงั้นเหรอ?

    หรือว่าเป็นภาพลวงตา?

    หรือฉันเสียสติไปแล้ว? 

     

    นั่นสิ บางที ฉันอาจจะเสียสติมานานแล้วก็ได้

     

    ขอโทษนะซึงวาน

     

    จูฮยอน นี่ฉันเอง” เธอยิ้ม

    เธอยังคงดูเหมือนเดิม น้ำเสียงเธอก็เช่นกัน

    เวนดี้เอื้อมมือมากุมมือฉันเบาๆ ราวกับกลัวว่าจะทำให้ฉันเจ็บ 

     

    เป็นไปไม่ได้...

     

     

     

    Bon Iver - I Can't Make You Love Me
     
     
    。SYDNEY♔
    Free Lines - Text Select
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×