ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Translated_Fic] BLINDSIDED_WenRene

    ลำดับตอนที่ #9 : Take Me To Church

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 58


    Chapter 9

    Take Me To Church

     

      

    My lover's got humor,

    She's the giggle at a funeral.

    Knows everybody's disapproval,

    I should've worshipped her sooner.

     

     

    ฉันนั่งราวกับเป็นตัวประหลาดต่อหน้าเพื่อนๆ โดยมีไอรีนนั่งอยู่ข้างๆ

    อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่ใช่เพียงแค่อากาศ แต่ทั้งมือและร่างกายของฉันก็เย็น

    ก็คงไม่แปลกอะไร ซึลกิ จอย และเยริกำลังนั่งมอง ผีตัวเป็นๆ แบบเต็มๆ ตาในระยะประชั้นชิด เป็นธรรมดาที่พวกเธอคงรู้สึกกลัวๆ อยู่บ้าง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

     

    ฉันคิดถึงพวกเธอ

    คิดถึงแบบที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะคิดถึงขนาดนี้จนกระทั่งได้เห็นหน้าเด็กๆ พวกนี้อีกครั้ง

     

    “หนูคิดถึงพี่จัง” น้องเล็กสุดกลายเป็นคนกล้าที่สุด เยริตัดสินใจทำลายความเงียบระหว่างเราลง

    “พี่เวนดี้ อย่าทิ้งพวกเราไปอีกนะ” ตามมาด้วยจอย เจ้าเด็กมาร “ฉันคิดถึงพี่นะ แล้วก็อาหารที่พี่ทำด้วย” ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ บอกแล้วว่าเจ้านี่มัน A nightmare dressed like a daydream ของจริง

    ซึลกิเป็นคนสุดท้ายที่เริ่มเปิดปาก เธอเป็นเพื่อนสนิทฉันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ดูเหมือนเธอจะทุกข์ใจมาตลอดตั้งแต่ฉันตาย เธอเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกมาบ้าง “เวนดี้ ฉันขอ.. กอดเธอหน่อยได้ไหม”

    ฉันขำ “เอาสิ...แต่ตัวฉันเย็นนะ”

    ซึลกิค่อยๆ ขยับเข้ามา ฝังฉันไว้ในอ้อมกอดหมีๆ ของเธอ ไม่แน่ว่าเธออาจกำลังเตือนสติตัวเองว่าฉันกลับมาแล้วจริงๆ

    “ฉันทำให้เธออุ่นเองก็ได้”

    “อื้อ ขอบใจนะ” ฉันกอดเธอกลับแทนจะทันที ซึลกิรัดตัวฉันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะรวมร่างกับฉันอย่างไงอย่างงั้น “ฉันจะกลับมาอยู่กับพวกเธออีกเร็วๆ นี้แหละ”

    “จริงๆ นะ?” จอยดูตื่นเต้น ในขณะที่เยริเอาแต่จ้องเพื่อรอให้ฉันยืนยันคำถามของจอยอีกครั้ง

    “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่ว่า...” ฉันหันไปมองไอรีนที่นั่งก้มหน้าก้มตาบีบปลายนิ้วตัวเองไปมาอย่างเป็นกังวล “ฉันจะต้องกลับมาแน่นอน กลับมาแบบมีชีวิต เป็นคนอีกครั้ง”

    “เย้” ซึลกิปล่อยฉันออกจากพันธนาการก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา

     

    ฉันควรจะกลับมา ใช่ ฉันคิดถึงทุกคน ฉันคิดถึงการได้อยู่กับทุกคนแบบนี้ ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่พวกเราเคยมี ความอบอุ่น เสียงหัวเราะ

    “งั้น... ให้ฉันทำอะไรให้กินไหม”

    ในที่สุดไอรีนก็ยิ้มออกมาได้เมื่อพวกเด็กๆ ตอบตกลง 

     

     

      

    ไอรีนพยายามจะหลับ แต่เธอไม่สามารถฝืนตัวเองให้หลับลงได้

    บางทีอาจเป็นเพราะเธอกลัวว่าฉันจะหายไปอีกในระหว่างที่เธอหลับ เธอไม่อยากให้ฉันไป และบางทีอาจเป็นเพราะเธอกลัวว่าฉันจะไม่กลับมาอีกถ้าฉันหายไป

    เธอไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นอีกแน่ๆ เธอเคยเสียฉันไปแล้วครั้งนึง

    นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอยิ่งรักฉัน

     

    “ซึงวาน”

    “หื้ม?”

    ฉันหันไปมองเธอที่นอนอยู่ข้างๆ เธอนอนหันหน้ามาทางฉัน แสงจันทร์อ่อนแรงจนเกินกว่าฉันจะเห็นหน้าเธอได้ชัด แต่ถึงไม่เห็น ฉันก็รู้ดีว่าเธอสวยแค่ไหน

    สิ่งที่ฉันกังวลคือไอเย็นจากตัวฉันอาจจะทำให้เธอไม่สบายได้ ฉันเลยพยายามไม่แตะต้องตัวเธอ หรือเข้าใกล้เธอมากเกินไป 

    เพราะหัวใจฉันไม่ได้เต้น และเลือดฉันก็ไม่ได้อุ่นอีกต่อไปแล้ว

     

     

    If the Heavens ever did speak,

    She is the last true mouthpiece.

    Every Sunday's getting more bleak,

    A fresh poison each week.

    'We were born sick,' you heard them say it.

     

     

    ฉันรอ แต่ไอรีนยังคงปิดปากเงียบ

    ฉันจัดปอยผมที่ตกลงมาปิดหน้าเธอในขณะที่เปลี่ยนท่านั่งของตัวเอง ฉันนั่งอยู่ตรงนี้มานานเป็นชั่วโมงๆ แล้วแต่กลับไม่ได้รู้สึกเมื่อยหรืออะไรเลย เป็นเรื่องปกติเพราะวิญญาณไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

    แต่แปลกที่ฉันเหมือนยังรู้สึก ฉันเหมือนคิดไปเองว่าหัวใจฉันยังคงเต้นตุบๆ อยู่ในหน้าอกข้างซ้าย เหมือนยังได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองในความเงียบงัน

    ฉันยังคงรู้สึกได้ถึงความสุข ความกลัว ความเศร้า ยังคงหัวเราะและร้องไห้

    เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนะ

     

    “มันอันตรายหรือเปล่า” ไอรีนถามอย่างระมัดระวังด้วยเสียงนุ่มๆ ของเธอ เหมือนผ้ากำมะหยี่ ทั้งนุ่มลื่นและชวนมอง “มันจะอันตรายไหมถ้าเธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอยังต้องฆ่าใครอยู่หรือเปล่า”

    คำถามนั้นทำเอาฉันนิ่งคิดไปชั่วครู่ “คิดว่าไม่นะ เพราะยังไงฉันก็ตายอยู่แล้ว” ฉันคงตายซ้ำสองไม่ได้หรอก.. มั้ง?

    ไอรีนเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้ว่ามันคงไม่ใช่คำตอบที่เธออยากได้สักเท่าไหร่

     

    “จูฮยอน” ฉันรู้ว่าเธอกำลังฟังอยู่ “ถึงมันจะยาก แต่ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่ก็เพื่อเรา เพื่อเราทั้งคู่ มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

    ไอรีนเงยหน้าขึ้นมองฉันก่อนจะเขยิบเข้ามากอดฉันเอาไว้ราวกับสิ่งที่หวนแหนที่สุดในชีวิต “ถ้างั้นฉันก็จะรอ”

     

    เธอไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปไหน ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากเธอ ถึงเธอจะหนาวเพราะไอเย็นจากตัวฉัน เธอก็ยังคงกอดฉันเอาไว้เพราะไม่อยากปล่อยฉันไป

     

    บางครั้งฉันก็สับสน เธอเป็นนางฟ้าหรือซาตานกันแน่นะ บางครั้งเธอก็เหมือนคนที่ชำระล้างบาปให้ฉัน ในขณะที่บางครั้ง เธอก็เหมือนต้นเหตุของบาปทั้งหมดทั้งปวงในชีวิตฉัน

    เหมือนที่ฉันเคยคิดว่าความรักของเรามันเป็นบาป ตัวเธอเองก็เป็นบาป ทุกอย่างเป็นความผิดพลาด เราไม่ควรแม้แต่จะเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ เราควรจะเก็บซ่อนความรู้ของตัวเองเอาไว้  

    ฉันเอื้อมมือไปจับเธอ ไอรีนกระชับอ้อมแขนของเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม

    เธอไม่หนาวเหรอไง

     

     

    นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เธอเป็นฝ่ายอ้อนฉันก่อนแบบนี้ ไอรีนเปลี่ยนไปตั้งแต่ฉันตาย และบางทีก็อาจเป็นเพราะความตายของฉันที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป

    เธอจับมือฉันไว้แล้วจูบเบาๆ ลงบนหลังมือ ร่างกายของเราแนบชิดกันจนฉันต้องเป็นฝ่ายบอกให้เธอหยุด “ไม่หนาวเหรอ”

    “เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอไง” ไอรีนยิ้มในขณะที่ยังคงกอดฉันเอาไว้

    ฉันทำได้แค่มองโดยไม่สามารถทำอะไรได้ มันไม่ใช่ความอ่อนแอ เพียงแต่... ใจจริงๆ ฉันอาจจะไม่ได้อยากจะห้ามเธอก็ได้มั้ง

     

     

    My church offers no absolutes,

    She tells me 'worship in the bedroom’.

    The only heaven I'll be sent to,

    Is when I'm alone with you.

    I was born sick, but I love it,

    Command me to be well.

     

     

    ฉันอยู่กับไอรีนทั้งคืน ความกลัวต่างๆ ภายใจหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ไอรีนเผลอหลับไปหลังจากแน่ใจแล้วว่าฉันจะไม่แอบหนีออกไปก่อน

     

    ฉันออกมาพบซาเวียร์ในตอนรุ่งสาง เราออกมาเช็คความคืบหน้าและพบว่าท่านนายกเทศมนตรีไม่ได้อยู่ในบ้าน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราเลยมอบ ของขวัญเล็กๆ น้อยๆทิ้งไว้ให้เขาก่อนจะกลับออกมา

    “คุณคิดว่าเขาจะออกมาไหม” ฉันมองกล่องตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะออกมาจากบ้านที่ใหญ่โตมโหฬารเกินความจำเป็นหลังนั้น

    “คนที่มีชนักติดหลัง มักจะขวัญอ่อนเสมอ” ซาเวียร์ตอบในขณะที่ไล่สายตามองคอลเลคชั่นไวน์ของท่านนายกฯ “เขาไม่ปล่อยคุณไว้แน่ถ้าเขาได้เห็นกล่องนั่น ถึงเขาจะไม่รู้ว่าคุณเป็นคนวางไว้ก็ตาม”

    “เขารักลูกมากเกินไป”  ฉันถอนหายใจออกมา

     

    ทำไมมันถึงจบลงแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเพราะเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจบนกองเงินกองทองคนหนึ่งที่เติบโตมากลายเป็นคนติดยาและเที่ยวหลับนอนกับผู้คนไปทั่ว มันจบลงด้วยการที่คนเหล่านั้นต้องตาย หนีหัวซุกหัวซุน และต้องหันมาฆ่ากันเอง

     

    “ที่ลูกสาวเขาต้องกลายมาเป็นแบบนั้น ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของเขานั่นแหละ” ซาเวียร์พยายามอธิบาย  ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธในน้ำเสียงนั้น “อย่าปล่อยเขาไปง่ายๆ เด็ดขาด”

     

     

    If I'm a pagan of the good times,

    My lover's the sunlight.

    To keep the Goddess on my side,

    She demands a sacrifice.

     

     

    “ฉันคิดว่าคุณพูดถูก” ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้ายามรุ่งสางที่กำลังเปลี่ยนสี พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าออกมาส่งยิ้มทักทาย “เขาคือเป้าหมายสำคัญของเรา”

    “เอาเป็นว่าตอนนี้ เราไปหาเจ้าของคลับกันหน่อยดีกว่า” ซาเวียร์ยื่นข้อเสนอ

     

     

     

    ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะจบลงแบบนี้

    เขาโจมตีฉัน ด้วยความตกใจ ฉันก็เลยป้องกันตัว แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาลอยกระเด็นไปติดผนัง 

    ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าวิญญาณ หรือตัวฉัน จะมีพลังมากมายขนาดนี้

     

    ฉันอัดเขาเข้ากับกำแพงจนมีร่องรอยบาดเจ็บทั่วร่างกาย เขาชักปืนออกมาเตรียมยิง ซาเวียร์ยื่นมีดให้ฉัน เหตุการณ์บีบบังคับให้ฉันตัดสินใจปักมีดลงบนหัวใจเขาอย่างไม่ลังเล ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

    ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้ฉันจะต้องฆ่าใครสักคน

     

    เขาไม่ได้ดิ้นทุรนทุราย ซึ่งนั่นหมายความว่าตำแหน่งที่ฉันปักมีดลงไปแม่นยำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะสู้กลับหรือป้องกันตัว

    ฉันฆ่าเขา

    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ฉันมองเขาค่อยๆ ล้มลง มองเลือดที่ไหลนองบนพื้น

     

     

    To drain the whole sea,

    Get something shiny,

    Something meaty for the main course,

    That's a fine looking high horse.

    What you got in the stable?

    We've a lot of starving faithful.

     

     

    ตอนนี้ มือฉันเองก็สกปรกไม่ต่างจากคนพวกนี้

     

    “ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องฆ่าท่านนายกฯ แล้วล่ะ” ซาเวียร์ย่อลงมองศพเจ้าของไนต์คลับอย่างพินิจพิจารณา “ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยหลังจากที่คุณฆ่าเขา”

    ฉันไม่ได้ใจเย็นเหมือนซาเวียร์  เรียกได้ว่าแทบจะตวาดใส่สีหน้าไร้ความรู้สึกของเขาเลยก็ว่าได้ “ฉันเพิ่งฆ่าคนไปนะ!!!

    เขายังคงนิ่งและเงียบเหมือนเดิมในขณะที่ฉันใกล้บ้าเต็มทน

    “ก็ใช่ แต่ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ คุณคือส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้นะเวนดี้”

    “ฉันไม่น่าฆ่าใครเลย” ฉันก้มลงมองมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้หลุดพล่ามได้

     

    มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ ความรู้สึกตอนที่มีดสีเงินเล่มนั้นปักลงไปบนหน้าอกของเขาก่อนที่เลือดสีแดงสดจะไหลทะลักออกมา ความรู้สึกตอนที่เขาหยุดเคลื่อนไหวพร้อมๆ กับหยุดหายใจ ความรู้สึกตอนที่สายตาเขาจ้องหน้าฉันด้วยความอาฆาต ความกลัว ก่อนที่แววตานั้นจะหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

     

    “ใจเย็นๆ นะเวนดี้ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร คุณจะไม่โดนจับหรืออะไรทั้งนั้น ผมจะจัดการเรื่องตรงนี้เอง” ซาเวียร์จับความกลัวของฉันได้และพยายามทำให้ฉันสงบลง “ยังไงเขาก็เป็นคนผิดอยู่แล้ว งานของเราทั้งคู่ใกล้จบแล้ว”

    ซาเวียร์ลุกขึ้นและเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิกลงบน สมุดบัญชี ของเขา

     

    ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อทั้งหมดที่ฉันทำคือการปักมีดลงบนหัวใจของใครคนหนึ่งและไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงถ้าฉันต้องทำแบบนั้นอีกครั้ง

    ฉันรีบล้างเลือดพวกนั้นออกจากมือทันทีที่มีโอกาส

    ฉันเคยคิดว่าตัวเองจะเคยชินกับความตายแล้ว ฉันเคยคิดว่าฉันรู้ดีว่ามันรู้สึกยังไง ฉันเคยคิดว่าจะรับมือกับมันได้

    แต่ตอนนี้.. ดูเหมือนอะไรๆ จะหนักหนากว่าที่ฉันเคยคิดเอาไว้

     

     

    และแล้วเวลานั้นก็มาถึง เวลาที่ฉันต้องประจันหน้ากับเขา

    “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” ฉันมองหน้าถอดสีของเขา ก่อนหน้านี้เขาปรากฏตัวพร้อมกับลูกสมุนนับสิบคนแต่ก็ถูกซาเวียร์จัดการเรียบภายในเวลาไม่ถึงนาที

    ท่านนายกเทศมนตรี ตัวเขาเองก็ถูกตามล่าโดยคนเกือบทั้งเมือง ทุกคนแทบอยากจะแล่เนื้อเขาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ล่า แต่เปล่าเลย เขาต่างหากที่เป็นตกเหยื่ออันโอชะ

    “แก... แกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นในหนังสือพิมพ์...”

    ฉันเห็นเขาพยายามเอื้อมมือไปด้านหลังแต่ฉันไม่ใส่ใจ เพราะยังไงซะ เขาก็อยู่ในกำมือฉัน

    “ใช่ ฉันตายไปแล้ว และฉันก็กำลังจากลากคุณไปด้วย” ฉันยกยิ้ม “มองดูรอบๆ สิ คุณหนีไปไหนไม่ได้หรอก”

    ฉันหลอกล่อเขาออกมาที่รังที่คุณควอนเคยใช้ซ่อนตัวในแถบชานเมือง 

     

    “ฉันแค่ทำสิ่งที่ฉันควรทำ ในฐานะพ่อ ฉันจะปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องของลูกสาวฉันไม่ได้” เขาตวาดและอีกครั้งที่ฉันตกเป็นเป้าให้เขายิ่ง

    นี่พวกเขาไม่เข้าใจหรือไงนะว่าคนตายไปแล้วน่ะ ยิงได้ที่ไหนล่ะ

    “แต่คุณทำเกินไป คุณทำลายครอบครัวคนอื่น คุณคุกคามเจ้าหน้าที่ควอน คุณอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ คุณฆ่าฉัน”

    “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!!!

    “แล้วถ้าไม่ล่ะ?”

    “ฉันจะยิงแก!

    “ตามสบาย”

    เขาเหนี่ยวไกปืนตามคำเชิญชวนของฉัน อาจเพราะมันเป็นเวลากลางคืนและรอบๆ นี้ก็มืดจนแทบจะสนิทเลยทำให้ฉันเห็นประกายไฟจากการลั่นไกของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นทั่วหน้าเขาเช่นกัน

    เขาสมควรโดนแบบนี้ ฉันพยายามบอกตัวเอง

     

     

    Take me to church,

    I'll worship like a dog at the shrine of your lies.

    I'll tell you my sins and you can sharpen your knife,

    Offer me that deathless death.

    Good God, let me give you my life.

     

     

    “ยอมรับทุกข้อหาที่คุณทำกับตำรวจ” ฉันหยุดและหันไปมองรอบๆ ซาเวียร์ยังไม่กลับมา  “แล้วฉันจะไว้ชีวิตคุณ”

    ฆ่าฉันให้ตายซะยังดีกว่า!” เขาเตรียมจะลั่นไกอีกครั้ง

    เป็นอีกครั้งที่ฉันเห็นประกายไฟจากปืนของเขา ลูกกระสุนทะลุผ่านร่างของฉันไป

    เขายิงซ้ำอีกสองสามนัด

     

    แก!” เสียงของซาเวียร์

    กลิ่นไฟลอยมาแตะจมูกก่อนที่ฉันจะเห็นควันที่เทาลอยคละคลุ้งไปทั่ว

    “นี่แกทำบ้าอะไรของแก” ท่านนายกฯ ตวาดลั่นอีกครั้งจนฉันนึกอยากจะเอาเทปปิดปากเขาไว้

    “ฉันเปล่า”  ฉันตอบอย่างไม่พอใจ ซาเวียร์ปรากฏตัวขึ้น

    Holy!” ท่านนายกฯ ตกใจสุดขีดกับภาพตรงหน้า ฉันหมายถึง ฉากที่จู่ๆ ซาเวียร์ก็ปรากฎตัวขึ้นข้างฉันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    ซาเวียร์จ้องหน้าเขา “ลูกน้องแกยิงถังแก๊ส แล้วบ้านแถวนี้ก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ไฟกำลังล่ามไปทั่ว”

    “คุณช่วยหยุดมันได้ไหม” ฉันถามซาเวียร์ในขณะที่สายตาไม่อาจละไปจากท่านนายกฯ ได้ “ฉันกำลังจัดการกับเขาอยู่”

    “ผมจะพยายาม แต่ช่วยเร่งมือหน่อย ตำรวจกำลังมา”

    “ได้ค่ะ”

    “พวกแก... พวกแกมันตัวอะไรกันแน่” ท่านนายกฯ โยนปืนทิ้งและหันหลังวิ่งหนี

    “คนคนหนึ่งตายเพราะคุณ และฉันก็คิดว่าคงจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว” ฉันคว้าปกเสื้อเขาไว้อย่างง่ายดาย “ฉันเป็นตัวอะไรน่ะเหรอ ฉันคือคนที่คุณไม่ควรมาแหยมด้วยไงล่ะ”

    “พระเจ้า ได้โปรด...” เขาอ้อนวอน ควันยังคงลอยอบอวลไปทั่วและมีท่าทีว่าจะหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ฉันคิดว่าซาเวียร์จะควบคุมมันได้ซะอีก “ถ้าแกเป็นฉัน แกก็ควรจะทำแบบเดียวกันนั่นแหละ”

    “ไม่ค่ะ” ฉันยกตัวเขาขึ้น ดูเหมือนท่านนายกฯ ของเราจะอ่อนแรงจนแทบจะทรุดลงไปคุกเข่า ฉันมองเข้าไปในตาของเขา รู้สึกได้ว่าตัวเองหายใจถี่ขึ้น

    ไม่สิ ฉันหายใจถี่ขึ้นและแรงขึ้นจริงๆ

    “มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”

     

    ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะเลือกไม่ฆ่าพวกเขา

    ไม่มีทางไหนที่ฉันจะโกหกตัวเองหรือใครๆ ได้เลยว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องพวกนี้เลย

    ไม่มีเลย...

     

    บางที ฉันกับเขาอาจจะไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยก็ได้ บางทีการที่ฉันตายอาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนี้ก็ได้ ฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะไปฆ่าคนพวกนี้

     

    “มอบตัวซะ!” ฉันโยนเขาลงบนพื้น มองเห็นเปลวไฟที่กำลังลามมาอย่างรวดเร็วด้านหลังเขา “ไม่งั้น คุณก็ตายในกองไฟนี้แหละ”

     

    ซาเวียร์หายไปไหนนะ

     

    “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะตายไม่ได้” ท่านนายกฯ คุกเข่าอ้อนวอน “ฉันจะให้เงินแก ทุกอย่างที่แกต้องการ”

    “คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่ามันไม่สำคัญสำหรับฉัน” ฉันต่อยหน้าเขา รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่มือ “เอาชีวิตของฉันคืนมา!

    ฉันชกเขา ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาได้แต่ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่อความยุติธรรมหรือฉันมันก็แค่อสูรร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น

    หลังมือของฉันช้ำไปหมดแต่ฉันไม่อาจหยุดตัวเองได้เหมือนฉันจะต่อยเขาให้ตายกันไปข้างหนึ่งอย่างไงอย่างงั้น จนกระทั่งความเจ็บมหาศาลถาโถมขึ้นมาจากบริเวณท้องน้อย

    ฉันก้มลงไปมองและพบว่าเลือดสดๆ กำลังไหลออกมาไม่หยุด

     

    เขายิงฉัน

     

    ฉันไม่รู้ว่าเขาคว้าปืนมาถือไว้และยิงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

    และฉันก็ไม่เข้าใจ.. ว่าทำไม...

     

    ส่วนเขาเองก็ไม่หยุดเช่นกัน เขายิงฉันที่ไหล่อีกนัดก่อนจะรีบหนีออกไปเพราะตอนนี้ กองเพลิงร้อนระอุล้อมรอบเอาไว้ทุกด้านแล้ว

    บ้าชะมัด

    มันเจ็บ เจ็บจนเหมือนตับไตไส้พุงจะไหลออกมากองรวมกัน หรืออาจเป็นเพราะฉันกำลังเสียเลือดมาก

     

     

    No masters or kings when the ritual begins,

    There is no sweeter innocence than our gentle sin,

    In the madness and soil of that sad earthly scene.

    Only then I am human,

    Only then I am clean.

     

     

    ฉันรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนลากฉันออกมาจากกองเพลิง

    ฉันเห็นซาเวียร์กำลังจัดการกับท่านนายกฯ จนกระทั่งเขาตาย ศพของเขาถูกลากออกมาวางข้างฉัน

     

    ทุกอย่างจบลงแล้ว

     

    “เวนดี้ คุณได้ยินผมไหม” ซาเวียร์ตบแก้มฉันเบาๆ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเขา “ถ้าผมรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณตายซ้ำสองแน่ เขาตายแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว อย่าเพิ่งขยับตัวนะ”

    “หมายความว่า...” ฉันรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ ซึ่งมันอาจจะเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้าย “ฉันได้ชีวิตของฉันคืนมา แล้วฉันก็เพิ่งเสียมันไปอีกครั้งเหรอคะ”

    “ไม่” เขาตอบ “ไม่ใช่ แต่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอคุณ ผมดีใจนะที่ได้เจอคุณ”

    “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” ฉันฝืนยิ้มอย่างอ่อนแรงให้เขา

    “ลาก่อน เวนดี้” เขายิ้มตอบ 

     

    “เวนดี้!” ฉันได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียก ซาเวียร์คว้าศพคุณควอนและหายไปในอากาศ ในขณะที่ฉันยังคงนอนรอความตายอยู่ที่เดิม

    ไอรีนถลาเข้ามาในขณะที่ฉันแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือจินตนาการด้วยซ้ำ

    “พระเจ้า ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เธอกอดร่างที่กำลังเย็นลงเรื่อยๆ ของฉันไว้ ถ้านี่เป็นหนังเรื่องหนึ่ง ฉากนี้คงเป็นฉากที่น่าหดหู่ซะเต็มประดา “ฉันตามเธอมาแล้วก็เจอซาเวียร์ เขาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ทำไมเธอ...”

    เธอพูดรัวเป็นชุดเวลาที่เธอตกใจ

    ฉันทำให้เธอหยุดพูด พยายามจะจับหน้าเธอเข้ามาใกล้ๆ แต่เรี่ยวแรงก็เหลือน้อยลงทุกที ใบหน้าสวยๆ นั่นเปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือดของฉัน ช่างโรแมนติกเป็นบ้า

    ฉันคิดว่าตัวเองจะไม่เป็นอะไรเพราะท่านนายกฯ ตายแล้ว แต่เปล่าเลย เรื่องผิดพลาดอะไรที่ฉันยังไม่ได้แก้ไขอีกล่ะ ฉันไม่เข้าใจ

     

    ฉันสัญญากับเธอเอาไว้

     

    “ฉันรักเธอ” ฉันปิดปากเธอด้วยปากของฉัน เราจูบกัน และมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคิดว่าฉันควรบอกรักเธอเพราะถ้าไม่บอกตอนนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้บอกอีกแล้วก็ได้

    ฉันรู้ฉันรักเธอมาตลอด ฉันรู้ดีโดยเฉพาะตอนที่ฉันช่วยเธอขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำในตอนนั้น 

     

    หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินแล้วว่าเธอพูดอะไร ได้แต่หวังว่าเธอจะบอกรักฉันเช่นกัน

    ดวงตาของฉันพล่ามัวจนมองไม่เห็นใบหน้าสวยๆ ของเธออีกแล้ว

     

    แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย

     

    ถึงฉันจะจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ตายเป็นยังไง

    แต่มันก็รู้สึกไม่เหมือนตอนที่โดนยิงเมื่อกี้

    ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอย

     

    ฉันเคยคิดว่าบางที อาจเป็นไอรีนที่เป็นความผิดพลาดชิ้นโบว์แดงในชีวิตของฉัน ความรักของเรานั่นแหละตัวการสำคัญ

    และตอนนี้ฉันก็มั่นใจแล้ว...

     

    มันคงเป็นฉากสุดท้าย 

     

    ฉันหลับตาลงและเห็นแสงสีขาวสว่างเจิดจ้ารออยู่ตรงหน้า...

     

     

    Hozier - Take Me To Church


     
    。SYDNEY♔
    Free Lines - Text Select

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×