ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Translated_Fic] BLINDSIDED_WenRene

    ลำดับตอนที่ #6 : I Don’t Wanna Change You

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 58


    Chapter 6

    I Don't Wanna Change You

     

    Wherever you are,

    You know that I adore you.

    No matter how far,

    Well, I can go before you.

     

    And if ever you need someone,

    Well, not that you need helping.

    But if ever you want someone,

    Know that I am willing.

     

     

    ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี

    ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ แค่คุณคนเดียว”

    ฉันมองกลับไปกลับมาระหว่างซาเวียร์และคุณควอนที่นอนหลับอยู่บนเตียง 

      

    คุณเองก็รู้ดี คุณจะฆ่าเขาตอนนี้เลยก็ยังได้”

    “แต่เขายังมีอีกหลายปากท้องต้องเลี้ยงดู เขารับเงินรับงานนั้นก็เพราะภรรยากับลูกถูกคุกคาม”

    ซาเวียร์มองฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “อย่าบอกนะว่าคุณกำลังสงสารเขาน่ะ”

     

    ฉันมองไปรอบๆ แหล่งกบดานของคุณควอนก่อนจะหยุดสายตาลงที่เตียงนอนชั่วคราวของเขาอีกครั้ง “เขาอาจจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ซะทีเดียว แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่สมควรตาย”

    ซาเวียร์สวนขึ้นทันควัน “แล้วหมายความว่าคุณคือคนที่สมควรตายงั้นเหรอ”

    ฉันหมุนตัวไปคุยกับเขา “แต่ความตายของฉันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันมีสิทธิ์จะฆ่าใครก็ได้นะคะ”

    “เขาจำคุณได้นะเวนดี้ เขาเองก็รู้ตัวดีว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”

    “ฉันแค่เป็นห่วงครอบครัวของเขาค่ะ”

    “มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องไปกังวล เขาอาจจะทำอะไรที่มากกว่ารับสินบนก็ได้ เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาเอง ฉะนั้นเขาก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาด้วย”

    “แล้วฆาตกรตัวจริงที่เป็นคนฆ่าลูกสาวท่านนายกเทศมนตรีล่ะคะ?”

    “นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณ” ซาเวียร์ตบบ่าฉัน “คุณไม่สามารถทำทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้ถูกที่ถูกทางได้ จัดการแค่เรื่องของคุณก็พอ”

    “ฉันคงจะช่วยสะสางเรื่องนี้ได้ถ้ายังมีชีวิตอยู่” ฉันหยิบรูปภาพที่วางอยู่ข้างตัวคุณควอนขึ้นมาดู ภาพถ่ายที่ดูมีความสุขของครอบครัวเขา... ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเกิดขึ้น

     

    คุณควอนเคยเป็นคนดีคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็เคยเป็น ฉันไม่รู้ว่าคนเรามีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้จริงๆ หรือเปล่า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะคล้ายกับเรื่องของไอรีนด้วยไหม

    บางที เราอาจไม่จำเป็นต้องเลือกอะไรเลยก็ได้เพราะท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนก็ล้วนต้องมีวันล้ม ต้องตาย ต้องหายไป ต้องเน่าเปื่อย ไอรีนตอนนี้ก็ราวกับหัวใจแตกสลาย ส่วนฉันเองก็ตายไปแล้ว เราหันหลังให้กันและกันโดยที่ไม่มีใครจะสามารถช่วยพวกเราได้เลย

     

    “คุณใจดีเกินไป”

    “บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้ตัวเองตาย”

    ฉันเดินออกจากห้องเพื่อมาสูดอากาศข้างนอก ซาเวียร์เดินตามมา

     

    “เวนดี้ คุณรู้ใช่ไหมว่า การไม่มีเหตุผลที่จะอยู่คือเหตุผลที่ควรจะไป 

    ฉันหันกลับไปหาเขาและได้พบกับสายตาที่จริงใจคู่นั้น แวบหนึ่งที่ฉันคิดไปเองว่าเขาเองก็อาจจะมีจิตวิญญาณ อาจจะมีหัวใจเหมือนกัน “คุณหมายความว่ายังไง”

    เขายักไหล่เล็กน้อย เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน “คุณจะ...ไปก็ได้นะ ถ้าคุณ...”

    ฉันยิ้ม “เราเดินมาไกลกันเกินกว่าที่ฉันจะยอมแพ้แล้วแหละค่ะ”

    “หมายความว่าคุณเจอเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วงั้นเหรอ”

    “ยังไงฉันก็ต้องหาให้เจอสักข้อค่ะ”

     

    ฉันเดินเล่นต่ออีกสักพัก ความรู้สึกมากมายที่ผสมปนเปกันอยู่ในหัวทำให้รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองก็ยังไม่ถึงกับตายจริงๆ ซะทีเดียว ฉันยังคง... เป็นมนุษย์คนหนึ่ง

    ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแต่พูดง่ายกว่าลงมือทำทั้งนั้น และก็เช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลในตัวของมัน การที่ฉันตายและการที่ฉันต้องกลับไปมีชีวิตอีกครั้งต่างก็ล้วนมีเหตุผลเช่นกัน สิ่งที่ฉันต้องทำคือต้องหาเหตุผลนั้นให้เจอก็เท่านั้น

     

    “เวนดี้” จู่ๆ ซาเวียร์ก็ขัดขบวนความคิดของฉันโดยการยืนขวางทางข้างหน้า เขาเดินตามมาข้างหลังตลอดเวลา

    อ้อ ฉันเกือบลืมไปแน่ะว่าเราทั้งคู่ต่างก็เป็นเพียงวิญญาณ

     

    “คะ?” ฉันพยายามอ่านสีหน้าของเขาที่ปกติไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่ หน้าเขาซีด กังวล และดูเหมือนกำลังตกใจอะไรบางอย่าง

    หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา ลักษณะดูคล้ายกับเล่มที่เขาเคยให้ฉันอ่านเมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก “ผมคิดว่าเราสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วแหละ”

     

     

    ฉันเดินเข้าไปในบ้านที่ดูวังเวงผิดปกติ รู้สึกเสียวสันหลังวูบแม้ว่าตัวเองจะเป็นผีแล้วก็ตาม บ้านปิดเงียบ บรรยากาศ อึมครึมชวนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

    ตัวฉันสั่นระริก รู้สึกเหมือนแทบจะหยุดหายใจ

    ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่สามารถรู้สึกแบบนั้นได้ มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ซาเวียร์ยืนอยู่หน้าประตู ส่งสัญญาณให้ฉันรีบเดิน ฉันเดินทะลุกำแพงเข้าไป รู้สึกราวกับจะหน้ามืด ฉันต้องหาตัวเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองจะทำใจรับภาพตรงหน้าได้ยังไง ทำไม...

    ทำไมต้องทำแบบนั้น

     

    ฉันใช้เวลาราว 10 วินาทีในการหาตัวไอรีนก่อนจะพบร่างของเธออยู่ในอ่างอาบน้ำ ผิวเธอซีดเผือกจนกลืนไปกับสีกระเบื้อง ร่างทั้งร่างของเธอจมอยู่ใต้น้ำจนฉันแทบมองไม่เห็นหน้า

    ขาทั้งสองข้างของฉันเหมือนหมดแรงจนแทบจะเดินเข้าไปหาเธอไม่ไหว

    ใบหน้าของเธอดูสงบสุข มันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังอมยิ้มอยู่

    ริมฝีปากคู่สวยของเธอแทบไม่มีสี ดวงตาปิดสนิททั้งสองข้างแต่แพขนตายังคงดูโดดเด่น

    ตาของฉันค่อยๆ มองต่ำลงที่พื้น มันช่างแตกต่างกับสิ่งที่ฉันเพิ่งเห็นอย่างสิ้นเชิง ราวกับฝันร้าย

    น้ำสีแดงที่ถูกละลายความเข้มข้นด้วยน้ำอุ่นๆ ที่เธอเปิดทิ้งไว้เอ่อล้นออกจากอ่างไหลลงพื้น ฉันจับมือเธอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง รอยกรีดที่ข้อมือเธอชัดเจนมาก

    มันดูน่าสยดสยอง และตรงจุดพอดีเป๊ะ

    ฉันเห็นขวดยาเปล่าๆ กลิ้งอยู่บนพื้น

     

    ฉันไม่น่าเล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังเวลาต้องรับผิดชอบคดีฆ่าตัวตายเลย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะจำได้และเอามาใช้แบบนี้ เธอฆ่าตัวตาย และคนที่สอนให้เธอทำแบบนี้โดยไม่รู้ตัวก็คือฉันเอง

    หรือเป็นฉันเองนั่นแหละที่เป็นคนบอกให้เธอทำแบบนี้...

    บางทีอาจเป็นฉันเอง... เพราะฉันไม่สามารถฆ่าเธอได้

    รอยยิ้มบนใบหน้าเธอยิ่งตอกย้ำความจริงว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉัน

     

    ฉันยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองหลังจากที่เห็นน้ำใสๆ ไหลออกจากตาหยดลงในอ่างอาบน้ำ...

    มากกว่านี้ก็ยังได้ถ้ามันสามารถชะล้างเลือดสีแดงๆ พวกนี้ออกให้หมดได้

    ทำไมล่ะไอรีน... ทำไม...

     

    ฉันช้อนร่างที่เปียกโชกไร้สติของเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอม วางร่างนั่นลงบนเตียงอย่างเบามือราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากในนิทาน ราวกับเธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้

    ฉันไล้นิ้วลงบนรอยแผลของเธอ เดาว่ามันคงเจ็บเอาการทีเดียว คิดไม่ออกเลยว่าเธอไปเอาความกล้าที่จะทำร้ายตัวเองแบบนี้มาจากไหน

    เธอทำมันโดยไม่แม้แต่จะเขียนจดหมายหรืออะไรทิ้งไว้ให้ฉัน เธอคงแค่หยิบๆ ของที่ต้องการ ลงไปนอนในอ่างอาบน้ำ กินยาพวกนั้น แล้วกรีดข้อมือตัวเอง เธอเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง... เดาไม่ได้เลยว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ เธออยากจะช่วยฉันงั้นเหรอ? หรือว่ารู้สึกผิด? หรือแค่เหนื่อยกับชีวิต?

    ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม มันเป็นเพราะฉันเอง เธอทำมันเพื่อฉันหรือไม่ก็คงเป็นฉันเองที่บอกให้เธอทำแบบนั้น

    หึ ตลกดีนะ กลายเป็นเราทั้งคู่ที่ต่างคนต่างฆ่ากันเอง

     

    “เธอ... ตายหรือยังคะ” ฉันหันไปถามซาเวียร์ที่ยืนมองอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ เหมือนที่เขาชอบทำ

     

    เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ปลายเตียง “เราช่วยเธอได้ทันเวลา คุณนี่น่ากลัวจริงๆ”

    “ก็ฉันเป็นผีนี่คะ” ฉันหัวเราะ “ขอบคุณนะคะ”

    “เธอยังไม่สมควรตาย อีกอย่างมันก็เป็นงานของผมด้วย” เขายิ้มตอบ

    “เราพาเธอไปโรงพยาบาลไม่ได้”

    “เรื่องนั้นผมจัดการเอง”

    “ขอบคุณนะซาเวียร์”

    “สบายมาก”

     

     

    Wherever you go,

    Well, I can always follow.

    I can feed this real slow,

    If it's a lot to swallow.

     

    And if you just want to be alone,

    Well, I can wait without waiting.

    If you want me to let this go,

    Well, I'm more than willing.

     

     

    “เธอทำไมแบบนั้นทำไม”

    ไอรีนไม่โต้ตอบอะไรสักคำ เธอนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงและจ้องหน้าฉันด้วยสายตาแข็งกร้าวราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งพ้นขีดอันตรายมาหมาดๆ ซาเวียร์ปล่อยให้เราได้อยู่ด้วยกันตามลำพังหลังจากที่ทำ หน้าที่ของเขาเสร็จ บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

    ...มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจของแบจูฮยอนเท่านั้น

     

    ฉันหลบเกมจ้องตาของเธอเพราะรู้ตัวดีว่าคงแพ้ไม่เป็นท่า “บอกมาว่าฉันต้องทำยังไงแบจูฮยอน เธอไม่อยากให้ฉันมาช่วยใช่ไหม”

    เธอมองไปที่อื่นก่อนจะจบสายตาลงที่รอยแผลบนข้อมือ มันหายดีแล้วจากการรักษาของซาเวียร์แต่ยังคงเหลือรอยแผลเป็นเอาไว้ บาดแผลนั้นลึกมากจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บเพียงแค่ได้มอง

    ถ้าเธอทำเพราะจะช่วยฉันล่ะก็ ไม่ต้องนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันหมายความแบบที่พูดจริงๆ และพยายามที่ฝังคำพูดนั้นลงในใจของเธอ “มีคนต้องเจ็บต้องตายเพราะเรื่องนี้มากพอแล้ว”

     

    อย่าตายเพื่อฉันเลยนะจูฮยอน

    มันเป็นความคิดที่โง่มากเธอไม่รู้เหรอ

    มันไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยแม้สักนิด ฉันรู้แล้วว่ามันแย่ยิ่งกว่าการที่ตัวเองต้องตายซะอีก

     

    “ฉันนึกว่าเธอเกลียด... ทำไมล่ะ” เธอหันกลับมามองหน้าฉันและดูเหมือนคนที่โกรธจนพร้อมจะลุกขึ้นมาตบหน้าฉันได้ทุกวินาที “เธอจะกลับมาอีกทำไม”

    ฉันไม่เข้าใจ

    ฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้แต่เธอกลับดูเหมือนอยากจะฆ่าฉันให้ตายคามือซะอย่างงั้น

    จู่ๆ เธอก็เริ่มฟาดหมัดลงบนไหล่ทั้งสองข้างของฉันอย่างเบามือ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงดีหรือเธอไม่ได้ต้องการทำให้ฉันเจ็บจริงๆ กันแน่

    แต่ฉันก็ปล่อยให้เธอทำ... เหมือนอย่างที่ตัวเองชอบทำเพราะไม่เคยรู้เลยว่าต้องทำอย่างไรกับเธอดี

     

    “ซนซึงวาน เธอเกลียดฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตายเธอจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันมันสมควรตาย ทำไมไม่ปล่อยฉันไป เธอควรจะปล่อยฉันไปสิ ปล่อยให้ฉันได้ทำอะไรเพื่อเธอบ้าง”

    ฉันค่อยๆ ดึงเธอเข้ามากอด ไอรีนซบหน้าลงบนซอกคอของฉันร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีกต่อไป

    “มันทำให้ฉันเจ็บเปล่าๆ เธอไม่รู้เหรอ” ฉันกระซิบข้างหูเธอ “อย่าตายเพื่อฉัน เธอไม่ได้ติดค้างอะไรฉันเลย”

    “แต่ว่าฉัน...”

    ใช่... เธอนอกใจฉัน แต่ฉันก็โทษใครไม่ได้หรอกแม้แต่ผู้ชายคนนั้น ไอรีนเป็นคนสวย นิสัยก็ดี มีใครบ้างล่ะที่จะไม่ตกหลุมรัก

    “ฉันเป็นคนเลือกที่จะรักเธอเอง ไม่ได้มีใครเอามีดมาจี้หรือเอาปืนมาจ่อด้วย” ฉันแค่นหัวเราะให้กับคำพูดของตัวเอง “ถ้าต้องโทษใครสักคน มันคงเป็นความผิดของฉันเอง”

    “ซึงวาน”

    ฉันชิงพูดขึ้นก่อน “ฟังนะจูฮยอน ไม่ต้องห่วงฉัน แล้วก็อย่าทำแบบนั้นอีก ถ้าซาเวียร์รู้ ยังไงฉันก็ต้องรู้ แล้วอีกอย่าง ฉันก็มีแผนของฉันแล้วด้วย”

    เธอยืดตัวขึ้นตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันบอก “เธอเคยเรียกฉันแบบนั้น... ช่างเถอะ ว่าแต่ใครล่ะ เธอจะฆ่าใคร จะทำยังไง มีอะไรที่จะพาเธอกลับมาได้อีกถ้าไม่...”

    ฉันหัวเราะ “ใจเย็นก่อนสิ จริงๆ มันก็อาจจะไม่จำเป็นต้องฆ่าใครก็ได้ ฉันอาจจะคิดผิดไปเอง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองเธอไม่ต้องห่วง”

    เธอเม้มปากแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรง เธอมักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่ใช้ความคิดหรือมีเรื่องกลุ้มใจ “ใช่นายตำรวจที่รับสินบนคนนั้นหรือเปล่า”

     

    ฉลาดไม่เบา

    ฉันไม่เสียใจเลยสักนิดที่เธอเป็นหรือไม่ก็เคยเป็นแฟนของฉัน

     

    ฉันรักษาสีหน้าเอาไว้ “ฉันกำลังตรวจสอบอยู่ ซาเวียร์คอยช่วยฉัน เธอห้ามยุ่งกับเรื่องนี้เข้าใจไหมจูฮย... ไอรีน โทรหาซึลกิ จอย หรือเยริให้มาอยู่เป็นเพื่อน ห้ามทำอะไรโง่ๆ อีกนะ เป็นเด็กดีเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม”

     

    ฉันแทบอยากจะตบปากตัวเองหลังจากที่พูดประโยคหลังออกไป พูดราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอ นี่ฉันกลับไปเป็นเวนดี้คนที่ฉันเคยเป็นเมื่อสมัยที่เราคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ไอรีนอมยิ้มมองหน้าฉัน รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความหมายอะไรบางอย่าง ฉันเกลียดสายตาเธอ เกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ ฉันหันหน้าหนี ควรจะลุกเดินออกไปหรือหายไปในอากาศเลยดี

     

    “ฉันขอโทษนะซึงวาน ฉันเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

     

    ฉันหันไปสบตาเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะพูดต่อ “ฉันดีใจนะที่ลืมตาขึ้นมาเจอหน้าเธออีกครั้ง ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรก ขอแค่ได้เจอเธอก็พอ ฉันขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ฉันเคยทำ ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรจากเธออีกต่อไปแล้ว ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษด้วย”

    แววตาที่แทบจะไร้ประกายของเธอทำให้ฉันรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก มันอดทำให้ฉันคิดไปเองไม่ได้ว่าลึกๆ ข้างใน ไอรีนเหมือนคนที่ตายไปแล้ว... ได้โปรด อย่าเป็นแบบนั้นเลยนะ

    ฉันยกมือขึ้นลูบแก้มเธอ มันเป็นไปโดยสัญชาตญาณ ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ทำตัวเหมือนเรากลับมาสนิทสนมกัน แต่มันอาจจะทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าฉันดึงมือกลับทันทีที่รู้สึกตัว ฉันเลยปล่อยเลยตามเลย

     

     

    And I don't want to change you,

    I don't want to change you,

    I don't want to change your mind.

     

    I just came across a manger,

    Where there is no the danger,

    Where love has eyes and is not blind.

     

     

    ฉันสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแก้มเธอจนพาลกังวลไปว่ามือตัวเองจะทำให้เธอเย็น เราไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้มานานมากจนฉันรู้สึกแปลกที่มาแตะต้องตัวเธอแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนไม่เหมาะสมอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจเมื่อคิดว่าเขาคนนั้นอาจจะเคยทำแบบนี้ลับหลังฉันเช่นกัน

    สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายดึงมือตัวเองกลับเพราะจินตนาการตัวเองที่เห็นภาพเขาจับต้องเธอ ถ้าฉันต้องอธิบายความรู้สึกของตัวเอง มันคงเป็นความหึงชนิดเลือดขึ้นหน้าเลยล่ะมั้ง รู้สึกเกลียดตัวเองยังไงก็ไม่รู้

    ทำไมจะต้องหึง ฉันน่าจะเรียนรู้อะไรจากเอลซ่าบ้าง Let it go สิ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับฉันแล้วซะหน่อย

     

    เพราะรักงั้นเหรอ

    เพราะฉันยังรักเธองั้นเหรอ

     

    หรือเพราะคนเรามักจะเหนี่ยวรั้งอดีตไว้ด้วยความเคยชินกับมัน?

     

    ไอรีนมองฉันด้วยแววตาสับสนที่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเจือปนอยู่

    “เป็นอะไรน่ะซึงวาน”

    อ่า... นี่เธอคงคิดว่าฉันจะมีอาการทุรนทุรายแปลกๆ นั่นจากการแตะตัวเธออีกสินะ

     

    ใช่ ฉันเจ็บ

    แต่มันเป็นความเจ็บที่หัวใจ ไม่ใช่ร่างกาย

     

    ฉันส่ายหัวพยายามสลัดความคิดและความรู้สึกนั้นออกไป

     

    “เขา... เคยทำแบบนี้กับเธอหรือเปล่า”

    เป็นอีกครั้งที่ฉันอยากจะยกมือขึ้นตบปาก 

    “อือ เขาเคยจับแก้มฉัน แล้วก็จับมือ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ฉันเคยบอกเธอแล้วไง แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเวลาเธอทำเลยนะ”

    เธอดูกระอักกระอ่วนที่ต้องอธิบาย

    ฉันที่เป็นคนฟังก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

     

    “เขารักเธอ”

    “เขาชอบฉัน หรืออาจจะแค่เคยชอบ”  ไอรีนสวนขึ้นทันควัน “แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีกต่อไปแล้ว”

    ฉันลุกขึ้นยืน เธอทำหน้าบึ้งเพราะเห็นว่าฉันกำลังจะเดินออกไป เธอเอื้อมมือมาเหมือนจะคว้าเอวฉันไว้

    “ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ หรือไม่ได้กลับมา.” ฉันพูดน้ำเสียงหนักแน่นราวกับต้องการจะเน้นทีละคำ “เธอน่าจะพิจารณาเขาดูนะ”

    มันอาจจะเป็นไปได้ ฉันอาจจะแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้อย่างที่หวังก็ได้ ฉันอาจจะนำคนผิดมาลงโทษไม่ได้ ฉันอาจจะหมดแรงและยอมแพ้เอากลางทางซะก่อน หรือไม่ฉันก็อาจจะยอมเดินเข้าหาความตายแม้ว่าจะได้ชีวิตคืนมาก็ตาม

    และฉันควรบอกให้เธอได้รู้เอาไว้

     

    เป็นอย่างที่คาด ไอรีนคว้าเอวฉันเอาไว้ทันที

     

    “ซนซึงวาน เธอนี่บื้อจริงๆ เลยนะ ความตายทำให้คนเราโง่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ ฉันยอมตายเพื่อเธอแล้วยังคิดว่าฉันยังจะมีตามองเขาอีกเหรอ”

    ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง ฉันรู้ว่าร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงดีเท่าไหร่ ทะเลาะกันไปตอนนี้มีแต่จะทำให้เธอเจ็บเอาเปล่าๆ แน่นอนว่าถ้าเธอเจ็บ ฉันก็เจ็บ

    “ฉันไม่ได้โง่ แต่มันดีกับตัวเธอเองต่างหาก” ฉันมองมือของเธอที่รัดแน่น “ฉันกลัว เธอรู้ใช่ไหมจูฮยอน ฉันกลัว”

    มันทำให้ฉันกลัวจริงๆ กลัวว่าจะต้องเสียเธอไป

    มันทำให้กลัว ว่าเราจะทำร้ายจิตใจกันอีก ถ้าเกิดเรายังทำเหมือนเดิมกันล่ะ ทุกอย่างตอนนี้คงไร้ความหมาย

     

    “ฉันก็อยู่นี่ไง” เสียงนุ่มๆ ของเธอดังขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ฉันอยู่ตรงนี้ เป็นเด็กดีรอเธออยู่ตรงนี้ไง ฉันสัญญา ฉันจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนเดิมอีก เชื่อฉันนะซึงวานจ๋า”

    ฉันถอนหายใจ “จูฮยอน อย่าขอโทษอีกนะ เราต่างก็พลาดด้วยกันทั้งคู่ ฉันอยากให้อะไรๆ ชัดเจนกว่านี้ ง่ายๆ ตรงๆ บอกฉันหน่อยว่าฉันต้องทำยังไงกับเธอดี”

    “ก็ทำแบบนี้ไง” เธอดึงมือฉันไปกุมไว้และใช้มืออีกข้างเชยคางฉันขึ้นจนสายตาเราประสานกัน

     

    ดวงตาที่เป็นประกายของเธอ... 

     
     





     

    Damien Rice - I Don't Wanna Change You


    ตอนลงยังไม่ได้อ่านทวน ถ้ามีคำผิดหรือตกหล่น เดี๋ยวกลับมาแก้นะคะ
     
    。SYDNEY♔
    Free Lines - Text Select

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×