ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Translated_Fic] BLINDSIDED_WenRene

    ลำดับตอนที่ #4 : Spoiler

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 58


    Chapter 4

    Spoiler

     

    Your cold eyes and words are the spoiler,

    In your every action I see our end.

    Even there are no words spoken, I feel the spoiler,

     

    Should I watch till the end? Or should I leave now?

    What if there’s a plot twist?

     

     

    ฉันบอกซาเวียร์ถึงแผนการใหม่ แต่ตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ มองดูไอรีนนอนกอดหมอนร้องไห้

    ถึงจะมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่ฉันก็พอจะเดาออกว่ามันคงจะซีดและชุ่มไปด้วยน้ำตา

    เสียงสะอื้นของเธอได้ยินมาถึงหน้าประตู

     

    เธอไม่ได้ปิดหน้าต่างแน่น

    ลมหนาวปลายเดือนพฤศจิกายนที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้เธอยิ่งตัวสั่นหนักขึ้นไปอีก

     

    เดาว่าเธอคงจะเข้าใจแล้วล่ะว่ามันรู้สึกยังไง

    ฉันปะติดปะต่อความทรงจำที่ขาดหายไปของตัวเองเข้าด้วยกัน มันทำให้ฉันเศร้าเกินกว่าที่ตัวเองเคยคิดเอาไว้ซะอีก ฉันไม่ใช่คนดี แต่ฉันเป็นคนโง่

    ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วแหละว่าทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจย้อนกลับไปช่วยคนที่ติดอยู่ข้างในตึกในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น

    ฉันเบื่อหน่ายชีวิต ทุกอย่างในชีวิต หมดความเชื่อ หมดความรัก

    ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ฉันแค่ประมาทโดยรู้เท่าถึงการณ์

    ฉันไม่รักตัวเองเพราะความรักของฉันมันหมดไปกับการรักใครบางคนที่ทำลายโลกทั้งใบของฉันทิ้งทีละนิด.. ทีละนิด..

     

    ฉันมองดูเธอ เหมือนที่เคยทำเสมอมาเพราะไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำเพื่อเธอได้

    ฉันรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

    และฉันก็แค่นั่งมองมัน 

     

    What are you thinking?

    You only looked at me after I asked twice.

     And you gave me an answer that’s not really an answer,

    Maybe it’s gonna rain tomorrow.

     

    You looked out the window again,

    I have seen a lot of your side profile these days.

    You let out a sigh and I froze up in the overflowing silence.

     

    Thinking bad things that I shouldn’t be thinking.

    I know, my intuitions are dangerous.

     

    I would gonna fall deep if I only take one step.

    My sensitiveness is really evil.

    I know why, your mysterious sighs keep increasing,

    And your fleeting heart is leaving with each sigh.

     

     

    ฉันนั่งมองเธอค่อยๆ ทำตัวห่างเหินในวันเกิดของเธอวันนี้ ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยจากการทำงาน ฉันรู้

    ฉันจองร้านอาหารที่เธอชอบเอาไว้และสิ่งที่ฉันอยากขอเธอก็แค่นั่งทานอาหารเย็นร่วมกัน

    ฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะขอเพราะฉันเป็นแฟนเธอ แฟนที่คบกันมานานกว่าสองปี

    แต่เปล่าเลย ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรเลย

     

    ฉันต้องยอมทำตัวเป็นเพื่อน นั่งฝั่งตรงข้ามของเธอ ทำได้แค่มองหน้าเธอและจานอาหารตรงหน้า  

    ฉันไม่เคยได้กุมมือเธอเวลาอยู่ข้างนอกเลยสักครั้ง เพราะเธอบอกว่ามันคงดีกว่าถ้าเราไม่แบบนั้น

     

    ฉันทำทุกอย่างตามที่เธอขอ

    แต่เธอไม่เคยเลย

     

    ฉันกำผ้าเช็ดปากที่วางอยู่บนตักแน่นก่อนจะเปิดปากที่ปิดสนิทของตัวเอง 

     

    เธอคิดอะไรอยู่น่ะฉันถามคำถามนี้ไปเมื่อสิบนาทีก่อนแต่ไอรีนไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน ครั้งนี้เธอเพิ่งรู้สึกตัวเหมือนเพิ่งรู้ว่าฉันมีตัวตนและนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ

    “เหมือนพรุ่งนี้ฝนจะตกเลย”

    เธอมองเหม่อออกไปที่ท้องฟ้าที่มืดครึ้มกว่าปกติก่อนจะหันมาที่จานอาหารตรงหน้าที่เธอยังไม่แม้แต่จะแตะมัน

     

    เธอเลี่ยงที่จะมองหน้าฉัน ไม่แม้สักครั้งตลอดมื้อเย็นนั้น

     

    อยากให้ฉันวาดภาพด้านข้างเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?

    เธอไม่แม้แต่จะคุยกับฉัน ฉันที่เป็นแฟนของเธอ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอแต่เธอกลับทำเหมือนเราห่างไกลกันซะเหลือเกิน เธอไม่พูดอะไรต่อนอกจากถอนหายใจ

    ฉันไม่เข้าใจเลย

    ฉันไม่รู้ว่าเธอไม่อยากมาหรือเธอแค่เหนื่อยกันแน่

    หรือบางทีอาจจะเหนื่อยกับเรื่องของเรา

     

    ฉันปวดหัวพอๆ กับที่ปวดใจ

    เธอทิ้งขว้างฉันอย่างไม่มีค่า

    และฉันก็โง่พอที่จะพยายามรั้งเธอเอาไว้

     

    ฉันคิดว่าตัวเองจะลืมหน้าเธอ ลืมเสียงเธอได้ในเร็ววัน ฉันคิดว่าฉันจะลืมได้เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องมายืนมองเธออยู่อย่างนี้ ฉันรู้ว่าตัวเองเสียเธอไปแล้วตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตเธอ

    แล้วเธอจะร้องไห้ทำไมไอรีน

    เธอร้องไห้เพราะฉันหรือเพราะตัวเธอเอง?

    เธอมันเห็นแก่ตัว เธอขอให้ฉันกลับมา เธอบอกว่าเธอรักฉันงั้นเหรอ

    แล้วฉันควรจะเชื่อเธอดีไหม

    ฉันควรโง่พอที่จะทำร้ายตัวเองอีกไหม

     

    ห้องของเราไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย ข้าวของของฉันยังวางอยู่ที่เดิมที่มันเคยอยู่

    อุปกรณ์วาดภาพของฉันยังวางอยู่เป็นระเบียบในที่ของมัน

    เสื้อผ้าของฉันยังคงแขวนอยู่ในตู้

    แปรงสีฟันของฉันยังวางอยู่ข้างๆ ของเธอ

    แก้วกาแฟของฉันยังวางอยู่บนชั้น

    รองเท้าของฉันก็ยังวางปะปนกับของเธอ

    นี่เธอไม่ยอมรับความจริงที่ว่าฉันตายไปแล้วหรือเธอยังหวังว่าฉันจะกลับมา? เธอแค่ขี้เกียจหรือว่าเธอแค่หลอกตัวเอง? บางทีเธออาจจะกำลังหลอกตัวเองเหมือนที่ฉันเองก็เคยทำร้ายตัวเองแบบนี้มาก่อน

     

    อธิบายให้ฉันฟังหน่อยไอรีน

    ทำให้ฉันเข้าใจหน่อย

    หรือไม่ก็... แค่ปล่อยฉันไป

     

    ฉันเหนื่อย

     

     

    For some reason, life got busier than before.

    Those days no one contacting me and those forcefully conversation we had.

    Words that have been written and erased are all a foreshadowing.

     

    Maybe it’s coincidence but every time I look at the clock, 

    Those two parting hands are like foreseeing out future.

     

    These are all cliché.

    Everything is just like movie scenes that have seen hundreds of times.

    But why am I so anxious?

     

    All the promises we made in the beginning, 

    Did we forget them because we're busy? 

    Or are we busy forgetting them?

     

     

    ฉันกอดหมอนแน่นราวกับจะยึดมันเป็นหลักให้กับชีวิต

    ฉันรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง กลิ่นของเธอ ทุกอย่างของเธอยังอยู่ ยกเว้นก็แค่ตัวเธอ

    เธอยังคงตามหลอกหลอนฉันตั้งแต่ที่เธอตายไป ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นคือเธอจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิดที่ฉันมี

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นลงไป ฉันนอกใจเธอ และฉันก็โง่สุดๆ ที่คิดว่าตัวเองจะกลับไปหาเธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ฉันไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายบอกรักเธอก่อน

    แล้วก็เป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายทิ้งเธอ

     

    ฉันเคยคิดว่าเราสองคนจะเข้มแข็งและรักกันพอที่จะฝ่าฝันอุปสรรคขวากหนามไปได้

    แต่ก็เป็นฉันเองนั่นแหละที่เป็นคนยอมแพ้ก่อน 

     

    มันเริ่มต้นขึ้นตอนที่คนอื่นๆ เริ่มซุบซิบกันว่าทำไมสาวๆ สวยๆ อย่างฉันถึงไม่สนใจอะไรผู้ชายเลย เพื่อนร่วมงานเกรงใจที่ฉันอายุงานมากกว่าจึงไม่ค่อยกล้าพูดอะไรมากนักเวลาอยู่ต่อหน้าฉัน ถึงฉันจะแกล้งทำไม่สนใจ แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าพวกเขานินทาฉันลับหลัง

    ฉันทั้งโกรธ

    และฉันทั้งกลัว

    ฉันจะทำยังไงถ้าพวกเขารู้ว่าเรื่องที่พวกเขาสงสัยกันเป็นเรื่องจริง

     

    เวนดี้เป็นคนเซนซิทีฟ

    เธอรู้ว่าฉันกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวเองซะอีก

    วันต่อมาเธอมาหาฉันที่ออฟฟิศในช่วงพักกลางวันและบอกคนอื่นๆ ว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอเอาข้าวกล่องมาให้และขับรถกลับไปทำงานต่อทันที

    มันเป็นครั้งแรกที่เธอโกหกเพื่อฉัน และเป็นวันแรกที่ฉันต้องกลับบ้านเองตามลำพัง

    ฉันรู้สึกโล่งใจแม้จะรู้ดีว่าไม่ควรรู้สึกแบบนั้น

    ฉันคิดว่าเธอน่าจะงานยุ่งและฉันไม่ควรโทรไปกวนเธอเพราะงานของเธอมันสำคัญกว่าเรื่องของฉัน น่าตลกนะ ฉันไม่ชอบงานของเธอเอาซะเลยแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้มาเจอกันก็ตาม

     

    ฉันเองก็อยากส่งข้อความไปหาเธอแต่ไม่รู้จะส่งอะไร

    เธอเองก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรหาฉันบ่อยๆ เหมือนกัน

    ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเราถึงค่อยๆ ห่าง

    เราไม่คุยกัน 

    และฉันก็ชอบทำให้อะไรๆ มันแย่ลงอยู่เรื่อย

    เรายุ่งอะไรกันแน่

    ฉันไม่ได้ทำงานหนักเพื่อลบเสียงนินทาพวกนั้นเหรอ ฉันไม่ได้ทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของเวนดี้หรอกเหรอ ฉันไม่ได้ทำงานหนักเพื่ออนาคตของเรา เพื่อเราสองคนเหรอ

    ทำไมสุดท้ายถึงกลายเป็นว่าฉันใช้เรื่องพวกนั้นเป็นข้ออ้าง

     

    ทำไมเราสองคนถึงจบลงแบบนั้น

    มันเป็นเพราะฉันจริงๆ ใช่ไหม

     

    มันเป็นเพราะตัวฉันเอง

    ฉันไม่ควรโทษเธอ

     

    ไม่ควรเลย

     

    ตอนที่เขาคนนั้นเข้ามาจีบ มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันตกลง

    ฉันสงสัยในตัวเธอ ฉันสงสัยในคำว่าเรา

    ฉันหมดศรัทธาและกลายเป็นคนขี้ขลาดในขณะที่เธอยังคงเฝ้ารอฉัน

     

    คนอื่นๆ เลิกนินทาหลังจากที่เขามารับฉันแต่นั่นไม่ใช่แบบที่ฉันต้องการ ฉันรู้ตัวดีว่าไม่สามารถทิ้งเวนดี้ได้ ฉันควรจะจบเรื่องยุ่งๆ นี้แต่ก็รอมานานเกินจนกว่าจะลงมือทำเสียที

    ฉันรู้ตัวดีว่าควรกลับไปหาเธอ

    เขาบอกว่าความรักแบบเพศเดียวกันมันไม่หยั่งยืน ฉันก็เลยตบหน้า เขายืนยันว่าเขาจะรอ แต่ฉันเลือกที่จะโยนดอกไม้ของเขาลงถังขยะ

    ฉันรู้ว่าไม่ควรไปเจอกับเขาอีก ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเวนดี้ด้วยซ้ำ  

    เธอจำได้ทุกคำที่ฉันเคยบอกกับเธอจนฉันไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้ทำอะไรกับเธอลงไปบ้าง

     

    ฉันอยากมีชีวิตธรรมดาๆ มีบ้านที่เราอยู่ด้วยกันสองคน หรือไม่ก็มีสัตว์เลี้ยงด้วยอีกสักตัว ไม่ต้องหรูหรา แค่อยู่ในเมืองเล็กๆ เลิกงานแล้วเราก็กลับบ้านด้วยกัน ทำอาหารกินกัน ตอนเช้าด้วย กินข้าวด้วยกันก่อนออกจากบ้าน นอนกอดกันดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ อะไรแบบนั้น”

    “ก็ฟังดูโอเคนะ”

    แน่ใจนะซึงวาน” 

    “อื้ม แล้วเธออยากเลี้ยงอะไรล่ะ หมาหรือแมว อย่าบอกนะว่าเป็นนกหรือสัตว์เลื้อยคลานน่ะ”

    “แล้วแต่เธอละกัน”

    “ฉันเคยบอกไม่ใช่เหรอจูฮยอน ว่าเธอน่ะเหมือนแมว”

     

    มีอยู่คืนหนึ่งที่ฉันกลับบ้านมาหลังจากฝากรอยมือไว้บนหน้าผู้ชายคนนั้นและนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียวหน้าร้านสะดวกซื้อ เวนดี้ยังไม่หลับ ฉันมองดูร่างอันบอบบางของเธอที่นอนอยู่บนเตียงและพยายามกั้นน้ำตาไว้

    “ขอโทษนะ”

    เธอถามว่าฉันไปไหนมาและฉันก็โกหกออกไป

    เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะช่วงนี้” 

    เธอพูดขึ้นและคงมองไม่เห็นน้ำตาที่นองบนหน้าฉัน

    ฉันขอโทษ” มันเป็นคำเดียวที่ฉันนึกออก

    “อยู่ขอโทษแล้วบอกฉันว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็พอ” เธอพูดราวกับสั่ง

    ฉันไม่สามารถทำได้

    แต่ฉันรู้ว่าฉันรักเธอ

     

    เธอรักฉันหรือเปล่า” ฉันพูดออกไปหลังจากความเงียบที่ยาวนาน

    “รักสิ”

    คำตอบของเธอยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดและสิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่เพียงกอดเธอเอาไว้ ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันกลับมาหาเธอแล้ว แต่ฉันพูดออกไปไม่ได้

     

    มีช่วงเวลาที่ฉันคิดว่าหมอนฉันคงจะไม่มีวันแห้งจากน้ำตา

    ฉันไม่กล้าแม้แต่จะแตะข้าวของภายในห้องด้วยกลัวว่าร่องรอยของเธอจะหายไป ฉันไม่แคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้พวกเขารู้เรื่องของฉันกับเวนดี้หมดแล้ว

    เวนดี้คือคนรักของฉันและตอนนี้เธอก็ตายไปแล้ว

    จะให้ฉันทำอะไรก็ได้เพื่อให้เธอได้กลับมา

    แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย นอกเสียจากทำร้ายเธอ

     

    เพราะงั้น... สิ่งที่ฉันได้รับตอนนี้มันก็สาสมแล้วล่ะ

     

     

    Maybe I have trapped you in my pathetic fantasy,

    Perhaps I have given you a role that don’t really fit at all.

     

    Then you catered to me and said I love you out of habit,

    While you were always thinking something else.

    The unmatched lines and facial expressions, and those off subtitles.

     

    I wish for a movie-like love so is this my punishment?

    I ask about your heart but your answer is always open-ended.

     

     

    “ได้อะไรจากนายกเทศมนตรีคนนั้นไหม” ซาเวียร์เดินเข้ามาสบทบฉันที่หน้าประตูอพาร์ทเม้นท์ที่เป็นบ้านของฉัน บ้านที่ฉันเคยอยู่กับไอรีน 

    “ท่านมาควิส เขาเป็นแฟนของลูกสาวนายกเทศมนตรี ถึงเขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ”

    งั้นก็ดีเลย นายควอนซ่อนตัวอยู่ในสลัมแห่งหนึ่งแทบชานเมือง เขาคงไม่กล้าหนีไปไหนไกล” 

    ก็ดี

    คุณมองอะไรอยู่น่ะ ไอรีนกำลังหลับอยู่หนิ” ซาเวียร์มองข้ามไหล่ฉันไป จริงๆ ฉันควรจะบอกว่าข้ามหัวมากกว่า

    เธอไม่ได้หลับหรอกค่ะ เมื่อกี้ยังสะอึกสะอื้นอยู่เลย”

    ผู้หญิงคนนั้นรักคุณจริงๆ เหรอ” 

    ฉันก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ”

    แต่เธอนอกใจคุณ” เขาสะกิดแผลในใจฉัน 

    ฉันรู้ค่ะ” ฉันถอนหายใจ “ตอนนี้ฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว”

    “แล้วคุณยังรักเธองั้นเหรอ”

    “ฉันเคยรักเธอมาก รักแบบผิดๆ ฉันรู้มาตลอดว่าสักวันเรื่องของเราต้องจบลง แต่ความตายของฉันกลับทำให้อะไรๆ ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม”

    แต่คุณก็รู้หนิ คุณสามารถเอาชีวิตของคุณคืนมาได้ หลังจากนั้นคุณจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้”

    ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ มันเป็นขั้นตอนสุดท้ายในแผนการของฉัน”

    ซาเวียร์พยักหน้าพลางตบบ่าฉัน “ผมว่าผมเข้าใจแล้วแหละ”

    เขาปลีกตัวออกไป ส่วนฉันก็เดินไปหยุดอยู่ที่ปลายเตียง

     

    “เมื่อวาน เขาโทรมาหาเธอทำไมเหรอ”

    “เวนดี้?” ไอรีนยกหัวขึ้นจากหมอนที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาทันที

    “ตอบคำถามฉันมาสิ” ฉันเบี่ยงสายตามองที่ผ้าห่ม พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองตาเธอ

     

    ไอรีนลุกขึ้นนั่งช้าๆ “เขา... บอกว่าเขาจะมาหา”

    “ไหนเธอบอกว่าจบกับเขาตั้งแต่ก่อนฉันตายไง” ฉันถามต่อ

    “ฉันพูดจริงนะ!” ไอรีนเสียงดัง เธอไม่ได้โกรธ มันเป็นเสียงของความกังวลใจ “เชื่อฉันเถอะนะ แค่สักครั้ง”

    ฉันยังคงกดสายตาลงต่ำ “งั้นเขาก็คงจะรักเธอจริงๆ เหมือนกัน” 

    เธอไม่พูดอะไรต่อ

    “แล้วทำไมต้องขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยล่ะ” ฉันถามอีกครั้ง “ฉันตายแล้ว เธอสองคนก็ได้โอกาสอยู่ด้วยกันซะที ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก เขาจะได้ไม่ต้องรออีก”

    เธอมันบ้าซึงวาน” เธอต่อยเข่าที่ไหลฉัน “เธอมันงี่เง่า ยังไม่เข้าใจอีกเหรอไง เธอจะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่เธอคนที่ฉันรัก คนเดียว! ฉันไม่เคยรักเขา ฉันมันโง่ ฉันมันผิดเอง”

    ฉันปล่อยให้เธอพูดอยู่อย่างนั้นในขณะที่ตีฉันไปด้วย

     

    ฉันคิดว่าฉันจะเจ็บ

    “ความหึงมัน...” 

    เธอมองหน้าฉัน “เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ” 

    ฉันมองตอบก่อนจะดันไหล่เธอจนมีระยะห่างระหว่างเรา

    “เธอยังไม่ได้แตะอะไรในห้องทำงานของฉันใช่ไหม”

    “อะ...อือ?”

    “ไม่มีอะไร”

    ฉันเดินไปอีกห้องโดยไม่พูดอะไรต่อ

     

    ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูและมองไปรอบๆ

    มีขาตั้งเฟรมวางอยู่กลางห้อง มันถูกคุมด้วยผ้าสีขาว

    ข้างล่างมีกระดานเขียนแบบของฉันวางอยู่ 

    และข้างในนั้นมีภาพวาดซ่อนอยู่

     

    ฉันไม่เคยบอกใคร

     

    “อยู่นี่เอง” ในที่สุดไอรีนก็ตามมา เธอยืนอยู่ข้างหลังฉัน

    ฉันเดินทะลุกำแพงมาแต่ไอรีนต้องเดินแบบคนธรรมดา

    “ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่” ฉันเอนตัวพิงกรอบประตู “สิทธิพิเศษของผี”

    “อะไรนะ?” เธอดูตกใจ

    “ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ” ฉันหัวเราะเบาๆ “ไปที่ในกระดานเขียนแบบนั่นสิ มีบางอย่างที่เธอควรรู้”

    เธอมองหน้าฉันก่อนจะทำตามที่ฉันบอก

     

    ไอรีนหยิบภาพวาดขึ้นมา

    ฉันมองแผ่นหลังของเธอ จินตนาการสีหน้าของเธอในตอนนี้

     

    ฉันยังวาดไม่เสร็จ ถึงจะปฏิเสธ แต่จริงๆ ฉันก็อยากวาดรูปเธอ ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกัน” ฉันเพิ่งแค่ร่างโครงหน้าของเธอไปคร่าวๆ แต่ก็ชัดพอที่จะรู้ว่าเป็นเธอ แบจูฮยอน

     

    ใจจริงฉันอยากวาดให้เสร็จ อยากให้มันออกมาสมบูรณ์แบบ อยากใส่วิญญาณของไอรีนลงในภาพวาดนั้น

    แต่จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้รู้สึกเธออะไรมากมายขนาดนั้น

    ฉันไม่สามารถทำตามที่อยากได้

     

    “เธอ...”

    “ฉันจำได้ ทุกคำที่เธอเคยพูด” ฉันมองที่เธอค่อยๆ หันกลับมา สีหน้างุนงง

     

    เธอกอดภาพนั้นไว้แนบอกแน่นก็ก็ไม่ถึงขนาดที่ทำให้ภาพนั้นยับ

     

    ฉัน...”

    “เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก นอกจากทำให้ฉันเจ็บ”

    ฉันยิ้มอย่างขมขื่น

     

    ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันไม่ได้มีความสุขอะไรแต่ก็ยังยิ้ม

     

    “ฉันควรต้องทำยังไง บอกฉันทีซึงวาน” น้ำเสียงเธออ้อนวอน

    ฉันเกลียดเวลาที่เธอทำแบบนี้

    ฉันเกลียดเวลาที่เธอร้องไห้

     

    ฉันเป็นผีที่ทำอะไรๆ ที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้ แต่ทำไมฉันถึงยังมีความรู้สึก

    มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้

     

    ซาเวียร์พูดถูก

     

    ฉันบอกเธอแล้วไงว่ามีทางที่ฉันจะกลับมามีชีวิตอยู่ต่อได้” ฉันก้าวเข้าไปหาเธอ

    ยังไง?”

    ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงไม่ถึงคืบ

    ใบหน้าเธอยังคงงดงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของน้ำตาและความซีด

     

    “ฉันคิดว่า... ฉันต้องฆ่าใครบางคน”

     

     
    Epik High - Spoiler
     
    09/03/2015
    ตอนลงยังไม่ได้อ่านทวน ถ้ามีคำผิดหรือตกหล่น เดี๋ยวกลับมาแก้นะคะ
     
    。SYDNEY♔
    Free Lines - Text Select

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×