คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Amnesia
Chapter 2
Amnesia
I can see your breathing, girl, it’s colder,
I can see you need me but I don't care.
My whole memory of me and love,
Have gone so far from me, girl, it’s not fair.
I could feel it almost start to change,
But then it hurts too much,
That's when it starts to fade.
เธอกุมมือฉันไว้และฉันสัมผัสได้ว่ามันคือความจริง สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถสัมผัสได้คือความอบอุ่นที่เธอเคยมี ตอนแรกฉันเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น เหมือนๆ กับที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็นว่าเราหมดใจให้กันมานานแล้ว
เธอเคยกอดฉันไว้ ทั้งตอนนอน เวลาที่อากาศหนาว หลังจากที่ฉันกลับบ้านมาในวันที่เหนื่อยล้า หรือแม้แต่ตอนที่ฉันต้องการใครสักคน
ฉันเคยรู้สึกถึงมัน... ความอบอุ่นนั้น
ความจริงตอกย้ำว่าเธอตายไปแล้ว
วันที่เธอจากไป ฉันแค่คิดว่ามันก็คือวันๆ นึง
วันที่ฉันต้องทำงาน
วันที่เราทะเลาะกันคืนก่อนหน้านั้น เมินใส่กันทั้งที่เราอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน
เรา... หรืออย่างน้อยก็ฉัน... พูดอะไรออกไปไม่คิดและทำให้อะไรๆ มันแย่ลง ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น ฉันขอโทษนะเวนดี้... ฉันขอโทษ
ฉันไม่ได้ต้องการจะปล่อยให้เรื่องมันค้างคาแบบนี้ แต่ฉันแค่กำลังหาเหตุผลว่าทำไมเรื่องของเราถึงจบลงแบบนี้ ฉันเหนื่อยและฉันกลัว...
ถ้าอนาคตมันไม่เป็นอย่างที่เราหวังล่ะ?
หรือทุกอย่างมันผิดที่ผิดทางมาตั้งแต่ต้น?
เธอเองก็รู้สึกได้เหมือนกันใช่ไหม
เธอคอยเตือนฉันไม่ให้ลืมกินข้าว กอดฉันไว้ตอนหลับ คอยถามว่าฉันอยู่ที่ไหน ทำอะไร
เรื่องพวกนั้น... เธอเหนื่อยกับมันบ้างหรือเปล่า
ฉันขอโทษนะเวนดี้
ฉันไม่สามารถเปลี่ยนใจตัวเองได้ทันเวลา
เธอเองก็ไม่ได้อยู่รอฉัน
ฉันปล่อยวันเวลาผ่านไป ฉันผ่านโอกาสที่ได้รับ
ฉันหมกตัวอยู่กับงานและไม่รับสายเธอ ฉันคิดว่าเราสองคนต้องการเวลาคิดทบทวน ฉันคิดแค่ว่าฉันต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่เพื่อร่วมงานจะได้หยุดปากพล่อยนินทาเรื่องความสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติของฉันกับเธอ
แต่พอฉันตัดสินใจรับโทรศัพท์ ปลายสายกลับไม่ใช่เธออีกแล้ว
ฉันฟุบลงกับโต๊ะ รู้สึกเหมือนโลกกำลังพังทลาย
ไม่มีเธออีกแล้ว...
ฉันขอโทษเวนดี้
ฉันพลาดโอกาสสุดท้ายไป ฉันไปไม่ทัน ฉันพลาดแม้แต่โอกาสที่จะได้เจอเธอเป็นครั้งสุดท้าย
เธอจากไปแล้ว
และทิ้งทุกอย่างเอาไว้…
พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะเธอย้อนกลับไปช่วยคนอื่นๆ ทำไมไม่หนีออกมาซะเวนดี้ เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอจะตายถ้าย้อนกลับไป เธอไม่รู้ใช่ไหม...
ถ้าเธอรู้ เธอยังจะทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
หรือว่าเธอยอมแพ้แล้ว?
ยอมแพ้ให้กับเรื่องของฉัน... ยอมแพ้ให้กับเรื่องของเรา...
พ่อแม่ของเธอแวะมาหาฉันด้วยนะ เธอได้เจอพวกท่านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราไปทานมื้อค่ำวันคริสมาสต์กับพวกท่านครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
พวกท่านกอดฉัน มันทำให้ฉันนึกถึงความอบอุ่นที่เธอเคยมอบให้
แต่ไม่ใช่... ไม่มีใครแทนเธอได้
พวกท่านถามฉันว่าต้องความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า ฉันปฏิเสธ
ฉันต้องการแค่เธอ
บอกฉันทีว่าควรทำยังไง
ช่วยฉันที
ฉันเคยสับสนในความสัมพันธ์ของเรา แต่หลังจากที่คุณจากไป อะไรๆ ก็ยิ่งแย่ลง ฉันมัวแต่ตามหาคำตอบให้ตัวเองจนเสียเธอไป
บางทีมันอาจจะเป็นแค่ช่วงเวลานึง
เธอ...
บางทีเธออาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของฉัน
ฉันไม่แน่ใจว่าเธอทำให้สูญเสียหรือค้นพบตัวตนอีกครึ่งหนึ่งของฉันกันแน่
แต่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
เธอเองก็เหมือนกัน
ถ้างั้นฉันจะหาอีกครึ่งของฉันกลับคืนได้ไหม มันติดไปกับเธอหรือเปล่า ถ้าเธอเป็นแค่ช่วงหนึ่งในชีวิตฉันจริงๆ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะผ่านมันไปได้ยังไง
ฉันเสียใจ
แต่ก็ต้องทำตัวเข้มแข็งเพื่อให้คนรอบข้างที่เป็นห่วงฉันสบายใจ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือวิ่งหนีทุกสิ่งทุกอย่าง ล้มตัวลงนอนบนเตียงของเรา ให้ปล่อยให้หมอนซับน้ำตา
ฉันนั่งนับวันเวลา
ตามหายร่องรอยของเธอ
และในที่สุดเธอก็กลับมา...
เธอกลับมากุมมือฉันอีกครั้ง
นี่ฉันกำลังได้รับโอกาสอีกครั้งจากเธอใช่ไหม เธอกลับมาแล้วจริงๆ ใช่ไหม...
ความเย็นจากมือเธอตอกย้ำฉันว่าเธอจากไปแล้ว แต่ความอ่อนโยนในแววตาของเธอกลับบอกฉันว่านี่คือเธอจริงๆ
“เวนดี้?”
ฉันเรียกชื่อเธอออกไปอย่างยากลำบาก ปากฉันอ่อนล้า เสียงฉันก็เริ่มหาย ทั้งหมดเป็นผลจากการร้องเรียกชื่อเธอเป็นพันๆ ครั้ง ฉันเริ่มร้องไห้อย่างน่าสมเพชอีกครั้ง
เวนดี้ยิ้มบางๆ พร้อมกับปล่อยให้มือฉันเป็นอิสระ
ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน หรือไม่เธอก็คงเป็นเพียงภาพจินตนาการที่ฉันสร้างขึ้นมาหลอกตัวเอง เธอคงจะหายไปในที่สุด แต่ไม่ใช่...
เธอยืนพิงกรอบหน้าต่างเหมือนที่เธอชอบทำ แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดลงบนหน้าเธอแต่มันกลับไม่ได้ทำให้ฉันเห็นเธอชัดขึ้นเหมือนเคยจนเหมือนร่างของเธอโปร่งใส
“จูฮยอน เธอเป็นยังไงบ้าง” เธอถามฉัน
ฉันลุกขึ้นนั่ง ปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันในระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบที่เหมาะสม
“จูฮยอน ทำไมไม่พูดกับฉันล่ะ”
“เธอโกรธฉันเหรอ” ฉันถามกลับ
“ฉัน... ขอโทษนะ”
“ทำไม”
“ทำไมอะไร?” เวนดี้ขมวดคิ้ว
“ทำไมเธอถึงหายไป แล้วทำไมถึงกลับมา” เธอหลบตาฉัน คิ้วขมวดหนักขึ้นจนเกือบจะเป็นปม
“ฉันแค่อยากทำอะไรดีๆ บ้าง ฉันยังไม่ได้กลับมาหรอก”
“แล้ว... นี่มันคืออะไร เธอเป็นผีงั้นเหรอ” ฉันไม่ได้กลัว แต่มันเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากจริงๆ ว่าชีวิตนี้ฉันจะได้เห็นผี และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นซึงวาน
ฉันไม่ได้กลัวเลยสักนิด
แค่รู้สึก... เหลือเชื่อ
“ใช่” เธอตอบสั้นๆ
“ถ้างั้นทำไมฉันถึงเห็นเธอ ทำไมฉันถึงจับต้องเธอได้” ฉันก้มลงมองมือตัวเอง ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ มันคือเรื่องจริง ถึงมันจะรู้ไม่สมจริง แต่มันคือเรื่องจริง
เวนดี้หัวเราะคิกคักจนฉันต้องหันไปมองเธออีกครั้ง
“เพราะฉันอนุญาตให้เธอเห็น”
ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกมีความสุข “เธอกลับมาเพราะฉันงั้นเหรอ?”
เรามองหน้ากัน
มันรู้สึกเหมือนครั้งแรกๆ ที่เราได้เจอกัน
ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้เจอสาวน้อยหน้าตาสะสวยอย่างเธอตอนที่ตำรวจบอกให้สเก็ตภาพผู้ต้องสงสัย เวนดี้ดูราวกับภาพวาด เธอบอกให้ฉันนั่งลงและเลือกหยิบดินสออย่างประณีต
มันเป็นครั้งแรกๆ เช่นกันที่ฉันรู้สึกเหมือนตัวหดลงเพราะสายตาของใครบางคน ไม่เคยมีแฟนเก่าคนไหนของฉันทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้ ต่างกับเวนดี้ เธอทำให้ฉันรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัวทั้งที่เธอเป็นแค่คนแปลกหน้า
บางที อาจเป็นเพราะฉันตกหลุมรักง่ายและเร็วเกินไปเลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนคนหลงทางตั้งแต่ได้เจอเธอ
“ฉันมีเรื่องที่อยากถาม” ในที่สุดเธอก็เดินเข้ามาใกล้ ทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงที่ครั้งหนึ่งเราเคยใช้ร่วมกัน ฉันนิ่งเงียบรอให้เธอพูดต่อ
Peaceful for those of us, so happy, so in love.
Tell me what happened?
Who are they? Where did they go?
And when was enough, enough?
“จูฮยอน” เธอเรียกฉันด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ตามแบบฉบับของเธอ หรือไม่ก็เป็นแค่ฉันคนเดียวที่รู้สึกว่ามันเซ็กซี่ “ฉันอยากรู้... ความทรงจำฉันเหมือนขาดช่วงไป ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ฉันหมายถึง เรื่องของเรา... ทำไมถึงลงเอยแบบนี้”
เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้ ฉันจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เรานั่งใกล้กันขนาดนี้คือเมื่อไหร่ สมองฉันเหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะ
เธอจำอะไรไม่ได้...
ฉันควรจะบอกเธอดีหรือเปล่า?
หรือควรจะปล่อยมันไปแล้วเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง?
เธอกำลังหาคำตอบว่าควรจะกลับมาจริงๆ หรือเปล่างั้นเหรอ?
เธอตัดสินใจเองได้ด้วยเหรอ?
ฉันเค้นเสียงหัวเราะของตัวเองออกจากลำคออย่างขมขื่น “ฉันรู้ แต่ฉันไม่สามารถอธิบายมันได้ ความจริงฉันเองก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันแน่”
“ถ้างั้นก็บอกฉันมาว่าเธอรู้อะไร” เธอพูดขึ้นแทบจะทันที
“แล้วจะให้ฉันบอกเธอยังไง” ฉันขึ้นเสียง ฉันกลายเป็นความขาดอดทนทุกครั้งที่เราคุยกัน อาจเป็นเพราะเรามักลงเอยด้วยการทะเลาะกันแทบทุกครั้ง
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เราจบบทสนทนาด้วยการทะเลาะกันเพราะต่างก็ไม่มีใครฟังใคร
มันคือวงจรอุบาทว์
When did all the fire turn colder?
When did your heart start to beat slower?
My whole memory of me in love, is gone so far from me,
It's not fair.
And I can feel it almost start to change,
But it just hurts to much, I let it go away.
แต่เธอก็ยังคงแคร์ฉันเสมอไม่ว่าเราจะทะเลาะกันขนาดไหน ฉันเคยคิดว่าเราจะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้วซะอีก ฉันคิดว่าเธอจะเย็นชาใส่ และหมดรักฉัน
เธอรู้สึกได้ถึงมัน ความรู้สึกผิดของฉัน
เวนดี้พยายามลูบหลังเพื่อปลอบใจฉัน เป็นอีกครั้งที่ฉันจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเธอทำแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เธอเคยทำแบบนี้หลังจากที่เราทะเลาะกันแรกๆ เวนดี้ดึงมือของเธอกลับทันทีที่แตะลงบนผิวหนังของฉัน มือเธอเย็นมาก มันทำให้ฉันขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่จำเป็นต้องบอกทุกอย่างหรอก” เธอถูมือตัวเองไปมา น้ำเสียงของเธออ่อนลง “ก็แค่... บอกมาว่าฉันทำอะไรผิด”
จู่ๆ ฉันก็นึกอยากมอบความอบอุ่นให้เธอด้วยมือของฉัน เวนดี้ตอนนี้ดูบอบบางอย่างที่ไม่เคยเป็น หรือไม่ก็คงเป็นเพราะฉันไม่เคยสังเกตเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน
ซึงวาน... เธอถามว่าเธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ
มันสำคัญด้วยเหรอตอนนี้
เราต่างก็ทำผิดด้วยกันทั้งคู่ต่างหาก
If it was true, if it was you,
Don't you think?
Don't you think I would know?
Amnesia, every memory fades away till it's gone,
Where did you go?
ฉันส่ายหน้า พยายามสลัดความคิดในหัวออกไป
“เธอจะกลับมาไหม กลับมาได้หรือเปล่า” ฉันเอื้อมไปจับมือที่ไร้ไออุ่นของเธอ เวนดี้ไม่ได้ดึงมือออก
“ฉันกลับมาได้”
“ถ้างั้นก็กลับมาสิ”
เธอมองมือของเธอที่ตอนนี้อยู่ในการเกาะกุมของฉัน เวนดี้บีบมือฉันเบาๆ “เธออยากให้ฉันกลับมาหรือเปล่า”
ฉันเหรอ?
ฉันมองที่มือของเราสองคน ฉันเสียเธอไปครั้งนึงแล้ว ฉันจะต้องเสียเธอไปอีกเหรอ
“มีอะไรที่เธออยากทำอีกหรือเปล่า” ฉันไม่กล้าถามเธอตรงๆ ถึงเธอจะดูเหมือนว่ากลับมาเพราะฉัน แต่ฉันกลัว... เด็กที่ถูกไฟไหม้มือแล้วย่อมกลัวไฟ
“ฉันอยากลาออกจากงาน แต่คิดว่าตอนนี้ฉันคงตกงานเรียบร้อยแล้วแหละ” เธอยิ้ม
ฉันยิ้มตอบ
จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้
เธอเคยพูดแบบนี้หลายครั้ง แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใกล้เคียงที่เราจะทำได้ในความเป็นจริงเลยสักนิดตราบใดที่เรายังต้องใช้เงินดำรงชีพ งานของเธอเป็นรายได้ที่มั่นคงและมีสวัสดิการมากมาย พวกเขามอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งให้ฉันหลังจากที่เธอตาย
แถมประกันที่เธอทำไว้ ส่วนมากก็ลงชื่อฉันเป็นผู้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว ฉันได้รับเงินก้อนโตจนไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นปีๆ เลยก็ได้
แต่... มันก็ได้มาเพราะความตายของเธอ... มันไม่ได้ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นเลย
“นั่นสินะ เธออยากเป็นแค่ศิลปินธรรมดาๆ นี่เนอะ”
“เธอรู้ไหมว่าทำไม”
เวนดี้มองหน้าฉัน
“ฉันคิดว่าเธอ...” ฉันมองรอยยิ้มของเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ฉันเคยคิดว่ามันเป็นเพียงเป้าหมายของเธอ ได้โปรดอย่าบอกฉันว่ามันเป็นเพราะฉันเคยพูดแบบนั้น
ได้โปรด...
“เธอบอกว่าเธออยากมีชีวิตเรียบง่าย” เธอใช้นิ้วโป้งถูกกับกระดูกข้อต่อนิ้วฉันในขณะที่มือเรายังคงจับกันอยู่
“ซึงวาน...”
ฉันหลุบตาลง ไม่ต้องการให้น้ำตาไหลออกมาอีก
ฉันรู้แล้วแหละ
รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
ฉันทำผิดต่อเธอ
นี่ฉันทำอะไรลงไป
“ไม่เป็นไรนะ” และเธอก็ยังคงปลอบฉัน
ฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังขยับตัวจึงลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองตกอยู่ภายในอ้อมกอดของเธอ เวนดี้ฟุบหัวลงบนไหล่ของฉัน ฉันคิดว่าฉันได้เสียงหัวใจของเธอ
...เหมือนเมื่อก่อน
ฉันเอื้อมมือออกไปโอบเอวบางๆ ของเธอ
มันทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
น่าตลกเนอะ
ฉันรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับผี มากกว่าจะพูดคุยกับคนเป็นๆ สองสามวันมานี้ ฉันถูกห้อมล้อมด้วยคนเสแสร้งหลอกลวงมากมาย พวกเขาเฝ้าถามว่าฉันโอเคไหม ฉันรู้ พวกเขาแค่ต้องการมีส่วนร่วมกับเงินที่ฉันได้รับจากการตายของเธอ หรือไม่ ก็คิดว่าเวนดี้ตายไปแล้ว ฉันคงจะเหงาและต้องการใครสักคนมาคอยปลอบใจและแทนที่เธอ
ไม่มีใครสักคนทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้... อบอุ่นและปลอดภัย
ไม่แม้แต่ตัวเวนดี้เองก่อนที่เธอจะตาย
แต่เธอกลับทำได้ในตอนนี้
ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอกลับมาแล้วจริง เธอแค่ตัวเย็น หัวใจแค่หยุดเต้น แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
“จะไปแล้วเหรอ” เธอขยับตัวอีกครั้ง
ฉันพยักหน้า
“กลับไปนอนก่อนเลย” เธอห้ามและพยายามดันร่างฉันให้นอนลง เธอมักจะทำแบบนี้เวลาที่ฉันกลับบ้านดึกและเธอหลับไปก่อนแล้ว เวนดี้ลุกขึ้นจากเตียงทำท่าเหมือนจะไป...
“อย่าไปนะ”
ฉันรั้งเอวเธอเอาไว้
“แต่เธอควรจะนอนนะ” เธอนั่งลงที่เดิมข้างๆ ฉัน
ฉันรู้ว่าฉันมันงี่เง่าเหมือนเด็กน้อยที่อยากถูกเธอตามใจ... อย่างน้อย แค่อีกสักครั้งก็ยังดี ฉันอ้าแขนออก เธอมองท่าทางของฉันแล้วหัวเราะคิกคักออกมาอีกรอบ เวนดี้ดึงฉันเข้าไปกอด
“ซึงวาน”
“หื้ม?”
“เวลาที่เธอกอดฉัน รู้ไหมว่ามันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยจากอะไรก็ตามในใจฉันที่คอยทำร้ายตัวฉันเอง” ฉันบอกเธอพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างมีความสุข
“ไม่ใช่ว่าฉันเองก็ทำให้เธอเจ็บหรอกเหรอ?”
“เธอไม่เข้าใจหรอก”
เรามองหน้ากัน “ถ้างั้นก็ทำให้ฉันเข้าใจสิ”
“ฉันเจ็บมากกว่าตอนที่เธอไม่อยู่ มันเจ็บมาก จริงๆ นะ”
“เธอคงทรมานมากสินะ” เธอพรึมพร่ำราวกับพูดกับตัวเอง ฉันจับมือเธอที่ลูบแก้มฉันอย่างทะนุถนอม
“อยู่ต่อเถอะนะ”
ฉันสูดลมหายใจเข้าและพูดมันอีกครั้ง
“กลับมาเถอะนะซึงวาน”
Go on and tear me apart,
And do it again tomorrow.
I almost forgot who you are.
I try to forget about it every time I see ya.
ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่าคำพูดของตัวเองจะน่าสมเพชขนาดใจ
“เธอบอกว่าเธอสามารถกลับมาได้ไม่ใช่เหรอ เถอะนะ... เธอกลับมาเพื่อเจอฉันไม่ใช่เหรอซึงวาน อยู่ต่อเถอะนะ อย่าทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวอีกเลยนะ”
ฉันกลายเป็นคนสิ้นหวังเอาง่ายๆ เพียงเพราะคนๆ เดียว
“ฉันต้องการเธอนะซึงวาน”
Thought I could do without it, now I know I need ya.
This is turning into some kind of amnesia.
Memories fade away,
Love is so insane.
I'll let you drive me crazy for another day,
Isn't this love insane?
“ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องการฉันแล้วซะอีก” เวนดี้ยิ้มอย่างขมขื่น
“ต้องการสิ” ฉันอ้อนวอน ศักดิ์ศรีและความหยิ่งยโสของฉันมันตายไปพร้อมกับวันที่ได้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีเธออีกแล้ว เวนดี้ก้มลงบนหน้าผากของฉัน
“ฉันสามารถกลับมาได้ แต่ต้องการกลับอะไรบ้าง”
“อะไรล่ะ?” ฉันถามขึ้นทันที
“ไว้ฉันรู้คำตอบแล้วจะบอกนะ” เวนดี้ยิ้ม
“หมายความว่าเธอจะอยู่ต่อใช่ไหม”
“ฉันอยู่ได้แค่วันนี้เท่านั้น” เธอมองหน้าฉัน “แต่ฉันจะกลับมาแน่นอน”
“อื้อ” ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรที่เธอต้องแลกกับการได้กลับมามีชีวิต บางทีฉันอาจจะช่วยเธอได้
“ตอนนี้เธอต้องนอนก่อน” เวนดี้บอกเสียงใส
“ฉันกลัวเธอจะหายไปตอนที่ฉันตื่น”
“เธอจะนอนนานขนาดเลยเหรอไง นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ”
ฉันหันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง “ถ้าฉันตื่นแล้ว เราออกไปข้างนอกกันได้ไหม เหมือนวันเก่าๆ ไง”
“แต่ฉันตายไปแล้วนะ” เธอยักไหล่
“ฉันทำให้พวกเขาเห็นฉันได้ แต่พวกเขาต้องตกใจกันแน่ๆ ถ้าเกิดจำหน้าฉันได้”
นั่นสินะ
“งั้นอยู่บ้านก็ได้”
“งั้นก็นอนได้แล้ว”
ฉันรู้สึกเหมือนนานมาแล้วที่เราไม่ได้นอนซบกันเงียบๆ แบบนี้
เสียงลมหายที่ยาวสม่ำเสมอกันของเธอกล่อมให้ฉันเคลิ้มหลับไปพร้อมกับเธอโดยไม่รู้ตัว...
เค้าเองก็ยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้จนจบเหมือนกันค่ะ อ่านไปด้วย แปลไปด้วย น้ำตาไหลไปด้วย 555555
ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้อืดๆ ไปหน่อย แต่ว่าคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจดีเหมือนกัน (มั้ง)
เวนรีนนี่หายากด้วย ตอนนี้ต้นฉบับมีอยู่ 5 ตอน (ยังไม่จบ) จะแปลลงเรื่อยๆ นะคะ
ช่วงนี้ว่างงาน 555555555
ปล.ตอนลงยังไม่ได้อ่านทวน ถ้ามีคำผิดหรือตกหล่น เดี๋ยวกลับมาแก้นะคะ
ความคิดเห็น