คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Ending Page
Chapter 10
Ending Page
Behind the closed door is your space and I’m led there,
I need to read in a different language.
Deviated thoughts, mismatched visions.
Turn me back like a winding back a clock,
Turn me back to the happy times.
Find me the innocence that made my heart rush the most when I saw your face.
เวนดี้หมดสติไปในอ้อมกอดของฉัน นั่นคือภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนจะมารู้สึกตัวอีกทีและพบว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างเตียง
ในโรงพยาบาล ในห้องสีขาว เตียงสีขาว ผ้าม่านและทุกๆ อย่างล้วนเป็นสีขาว
“เดี๋ยวเธอก็ตื่น” ซาเวียร์ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเตียง พินิจมองใบหน้าพริ้มเพราของเวนดี้ที่กำลังหลับอยู่ “...ตื่นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง”
“แต่ว่า...” คำพูดของเขาทำให้ฉันสับสน ข่าวการตายของเวนดี้ถูกป่าวประกาศออกไปแล้ว แล้วการที่เธอจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งจะเป็นไปได้ยังไง
ซาเวียร์จัดเนคไทของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน “ตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยแล้วล่ะ ต้องขอบคุณเวนดี้ที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
เขายื่นหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ให้ฉัน
เวลาไม่ได้เดินย้อนกลับไป
แต่หัวข้อข่าววันนี้ต่างหากที่เขาพูดถึง “นายกเทศมนตรียิงตัวตายคาแมนชั่น ศาลประกาศยึดทรัพย์ทั้งหมด”
ฉันเปิดหน้าถัดไปและเห็นรูปเวนดี้แปะหราอยู่
“พบตัวนักสเก็ตภาพสาวกรมตำรวจที่หายสาบสูญหลังช่วยชีวิตคนนับสิบในกองเพลิงแล้ว”
“นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ จะยกเว้นก็แค่คุณที่ทุกอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำ” เขาพูดต่อหลังจากที่ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือพิมพ์
“ขอบคุณค่ะ” ฉันบอก จากก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยความสัตย์จริง
“ผมต้องไปแล้ว” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา
“เดี๋ยวค่ะ คุณไม่อยากคุยกับเวนดี้ก่อนเหรอคะ”
เขาส่ายหน้า “เธอไม่ควรเห็นผมอีก งานของผมสิ้นสุดลงแล้ว”
ฉันมองเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของเขาเลยตัดสินใจโค้งตัวให้ “ลาก่อนค่ะ”
ซาเวียร์หายไปในอากาศราวกับไม่เคยมีตัวตน
เขาอาจจะไม่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ฉันรู้ว่าเขาจะต้องเป็นคนดีแน่ๆ เขาคอยอยู่ข้างเวนดี้ ช่วยเหลือเธอตลอดเวลาที่เธอใช้ชีวิตอยู่อีกโลก
ฉันหันกลับไปหาเวนดี้ เธอยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบตัว แต่ไม่ใช่บาดแผลจากการถูกยิงอย่างที่มันควรจะเป็น
ฉันเพ่งมองอย่างละเอียดและพบรอยแผลเป็นใต้คิ้วซ้ายของเธอ ถึงจะเล็กแต่ก็ยังพอมองเห็น และฉันก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยมีแผลเป็นตรงนั้นมาก่อน
ฉันยื่นมือออกไปจัดผมหน้าม้าที่ไม่เป็นทรงให้เธอ
ได้โปรด... ตื่นได้แล้วเวนดี้
ฉันต้องการเธอ...
“พี่ไอรีน พวกเรามาแล้ว” จอยผลักประตูเข้ามาโดยมีซึลกิและเยริเดินตามเข้ามา
“โชคดีนะที่พวกเขาเจอเธอทันเวลา” ซึลกิถอนหายใจพลางวางตระกร้าผลไม้ใบใหญ่ลงบนโต๊ะ
เยริถลาเข้ามาหาฉัน “พี่เวนดี้ยังไม่ฟื้นอีกเหรอคะ”
“อือ” ฉันตอบ “เธอคงต้องพักอีกหน่อย”
แปลว่าเด็กๆ พวกนี้เองก็ลืมเรื่องที่เวนดี้ตายเหมือนกันสินะ
บางทีเราก็ควรจะปล่อยให้อะไรๆ มันจบลงไปในที่ๆ ที่มันควรจะจบ ปล่อยให้มันอยู่ในที่ๆ ที่มันควรจะอยู่
แต่ฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้
ฉันไม่สามารถปล่อยเธอไปได้ เธอคือสิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้
เธอรักฉัน รักมาโดยตลอด
เพราะงั้นได้โปรดตื่นขึ้นมาเถอะนะ ตื่นขึ้นมารักฉันต่อ ตื่นขึ้นมาเขียนเรื่องราวของเราต่อ
เธอนอนนานเกินไปแล้วนะ
แต่ฉันรู้ดีว่ามันจะต้องไม่จบลงแบบนี้
เพราะตอนที่ฉันคิดว่ามันจะจบ เธอกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
..ใช่ไหมเวนดี้
Good thing gone bad, as if it’s someone’s ill-mannered joke,
And I need to go back to your side.
Cross the deep tears, pass the windy desert of loneliness,
Please be there at the end of my steps.
เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเองก็รักเธอ
เราแค่หลงลืมมันไประหว่างทางที่เราเดินมาด้วยกัน
ฉันหวังว่าเธอจะให้อภัยฉัน
ตอนที่เธอต้องการฉันมากที่สุด ฉันไม่น่าทิ้งเธอไว้ตรงนั้นคนเดียวเลย
ฉันไม่น่าทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลย ฉันไม่น่าสร้างบาดแผลพวกนี้ให้เธอเลย
ฉันหวังว่าเธอจะให้อภัยฉัน
แล้วกลับมาหาฉัน
ฉันดึงสติตัวเองกลับมาจากภวังค์ความคิดและหันไปมองเด็กๆ
จอยกับเยริผล็อยหลับไปแล้ว เจ้าเด็กมารพาดขาข้างนึงบนตักน้องเล็ก ส่วนซึลกิคงออกไปเดินเล่นแถวนี้
พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ฉันขยับตัวเพื่อให้นั่งในท่าที่สบายกว่าเดิม
มืออุ่นๆ บีบมือฉันเบาๆ ก่อนที่ฉันจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับดวงตากลมโตอีกคู่จ้องมองอยู่
“จูฮยอน ฉันมาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”
ฉันโล่งใจ นี่เธอจำได้ใช่ไหม
“สองสามวัน” ฉันฉีกยิ้มพลางกุมมือเธอไว้ “ในที่สุดเธอก็กลับมา”
เธอยิ้มตอบ “ในที่สุดพวกเขาก็หาตัวฉันเจอ ฉันคิดว่าตัวเองจะตายอยู่ในซากตึกนั่นแล้วซะอีก”
ฉันยิ้ม แปลว่าเธอจำไม่ได้สินะ ซาเวียร์ทำให้เธอจำเขาและทุกอย่างไม่ได้เลยสินะ
“อือ แล้วพวกเขาก็พาเธอกลับมาหาฉัน”
เธอจ้องหน้าฉัน ถึงจะไม่ได้พูดแต่แค่มองตา ฉันก็รู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่
“เรา.. มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ” ฉันกอดเธอไว้พลางวางคางตัวเองลงบนไหล่แห้งๆ ของเธอ “ฉันรักเธอมากนะซึงวาน”
เธอจำเรื่องราวหลังความตายของเธอไม่ได้ เพราะงั้นเธอถึงจำเรื่องราวหลังจากที่เราเคยทะเลาะกันเรื่องที่ฉันนอกใจไม่ได้ เธอจำไม่ได้ว่าฉันฆ่าตัวตาย
“อย่าร้องไห้เลยนะ” เสียงนุ่มๆ ของเธอปลอบโยนฉัน ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน “ถึงเธอจะยังสวยตอนร้องไห้ก็ตาม”
เธอเช็ดน้ำตาออกจากหน้าฉัน มอบรอยยิ้มสดใสให้ แต่ฉันไม่อาจหยุดสะอื้นได้
“ฉัน.. ฉันแค่ คิดถึงเธอ..”
เธอกอดฉันไว้ “ฉันรักเธอนะ ฉันก็อยู่นี่แล้วไง”
อ้อมกอดอันอบอุ่นของเธอ เวนดี้อบอุ่นเสมอแม้ในช่วงเวลานั้น.. ชีวิตหลังความตายของเธอ...
“ซึงวาน เธอจะว่ายังไงถ้าฉันจะออกจากงาน”
“ห้ะ?” เธอผละออกพลางเบิกตากว้าง คนบ้าอะไรน่ารักชะมัด
“ก็ฉันควรจะอยู่ดูแลเธอ” ฉันมองผ้าพันแผลรอบตัวเธออย่างรู้สึกผิด “ฉันควรจะใช้เวลากับเธอให้มากกว่านี้”
เธอเกาหัวตัวเองอย่างใช้ความคิด “แต่ว่า.. เธอยังต้องหาเงินอยู่นะ ฉันเลี้ยงไม่ไหวหรอก”
“นี่! เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ฉันอยากพักก่อน จนกว่าเธอจะหายดี”
“ก็ได้” เธอยิ้ม “ตามใจเลยจ้ะ”
Can you make it not lonesome?
Can you make those tears stop?
If we turn the ending page to our novel,
what kind of story will it be?
“ยังเจ็บหัวอยู่หรือเปล่า”
“ไม่อะ แต่ว่า...” เวนดี้สางผมที่พันกันยุ่งเหยิงจากการนอนด้วยเรียวนิ้วของเธอ “ช่วงนี้ฉันฝันร้ายติดกันมาหลายคืนแล้วอะ แทบจะทุกคืนเลย”
ฉันเอื้อมมือไปดึงเธอมาโอบไว้ “ฝันว่าอะไรล่ะ”
“ฝันว่า...” เธอลอบมองหน้าฉันก่อนจะรีบหลบสายตากลับไปก้มมองมือตัวเอง “ฝันว่าเธอนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด เธอกรีดข้อมือตัวเอง แล้วฉันก็.. ฆ่าใครบางคน เป็นผู้ชาย...”
ฉันเหลือบมองข้อมือตัวเอง น่าแปลกที่ตอนนี้ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ไว้แล้ว
ฉันยื่นมันให้เวนดี้ดู
“นี่ เห็นไหม มันก็แค่ฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก” ฉันลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแผลเป็นรอยใหม่ หากแต่มันช่างดูคุ้นเคยซะเหลือเกิน
“ฉันก็หวังว่าอย่างงั้น” เธอถอนหายใจ ฟุบหน้าลงบนเข่าตัวเอง
รอยแผลเป็นนั่น... ช่างดูเหมือนรอยแผลเป็นที่เคยอยู่บนข้อมือข้างซ้ายของฉัน
เป็นฉันเองสินะ
เป็นฉันเองที่เป็นความผิดพลาดในชีวิตของเธอ
“เอาล่ะ ตอนนี้นอนพักได้แล้วนะซึงวาน” ฉันดึงเธอให้นอนลงและกอดเธอเอาไว้
“กอดไว้จนกว่าฉันจะหลับเธอได้ไหม” เธอถามเบาราวกระซิบ
“ได้สิ”
“ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย”
ฝันถึงฉันด้วยนะซึงวาน...
ไม่ใช่ฉันคนเก่าในอดีต แต่เป็นเราสองคนในอนาคต...
Did you already get there ? How did I look?
Did you already get there ? When I open my eyes
I hope our love remains on top,
Where it’s been written and erased countless times.”
“เธอ.. ชอบไหม” เวนดี้ถามเขินๆ หลังจากที่เอาภาพวาดให้ฉันดู ภาพวาดที่เธอเคยเอาให้ฉันดูแล้วครั้งหนึ่งหลังจากที่ฉัน...
ฉันแกล้งทำเป็นตื่นเต้น โชคดีที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ ฉันเลยบอกให้เธอวาดต่อให้เสร็จเพราะยังไงตอนนี้เราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันต่อแล้ว โชคดีอีกอย่างที่เวนดี้ไม่เคยยกเรื่องที่ฉันเคยทำผิดพลาดขึ้นมาพูด
เราต่างปล่อยให้มันผ่านไป
นั่นแหละที่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจลาออกจากงาน ฉันไม่อยากเจอหน้าเขา ไม่อยากเจอหน้าใครที่นั่นอีก
แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่ฉันเห็นรอยแผลเป็นใต้คิ้วของเธอ ฉันก็คงยังนึกถึงทุกเรื่องเลวร้ายที่ฉันเคยทำลงไป
ฉันคือคนที่ฆ่าเธอ
และทุกครั้งที่ฉันนึกถึงมัน ฉันจะดึงเธอเข้ามาจูบเบาๆ ลงบนรอยแผลเป็นนั่น เวนดี้ที่ไม่รู้อะไรเลยก็มักจะหัวเราะเขินๆ เสมอ
ซึลกิ จอย และเยริเองก็ดีใจมากไม่ต่างจากฉันที่เวนดี้กลับมาและรักษาตัวจนหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
พวกเธอจะแวะมาที่บ้านของเราแทบทุกวัน ช่วยจัดโน่นจัดนี่
ตอนนี้บ้านของเราก็เลยดูเป็นบ้านที่มีชีวิตชีวามากขึ้น
เหมือนเราได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งจริงๆ
ตัวเวนดี้เองก็เช่นกัน เธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ต้องบอกว่าเวนดี้คนเก่ากลับมาแล้วถึงจะถูก เธอที่เคยสดใส ซึงวานที่มีรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในโลก
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน
“สวัสดีไอรีน” เจ้าหน้าที่เอ่ยทักทายฉันทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในสถานีตำรวจแห่งใหม่
“สวัสดีค่ะคุณชเว”
เขาหันกลับไปคนแก้วกาแฟของตัวเอง “เวนดี้อยู่ในห้องทำงานนะ น่าจะกำลังร่างวิเคราะห์กะโหลกอยู่”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินผ่านมาตามทางเดิน ขึ้นลิฟต์มาข้างบน ทุกคนทักทายฉันด้วยรอยยิ้มราวกับว่าพวกเขาก้าวข้ามผ่านเรื่องพวกนั้นมาหมดแล้ว
ท่านนายกเทศมนตรี ลูกสาวของเขา และเหตุการณ์ไฟไหม้
มันจบลงจริงๆ แล้วสินะ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีตอนจบด้วยกันทั้งนั้น
ฉันผลักประตูกระจกเข้าไปข้างใน เวนดี้นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเธอ บนโต๊ะมีเอกสารกระจัดกระจายไปทั่ว
“เฮ้”
“อ้าว มาแล้วเหรอ” เธอวาง palette knife และหัวกะโหลกในมือลงในกล่อง “สัมภาษณ์งานเป็นไงมั่ง”
ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเราสองคน ฉันเลยก้มลงแอบขโมยจูบจากริมฝีปากเธอมาทีนึง “ลองทายสิ”
“แบจูฮยอน ไหนมาดูซิ” เธอเลื่อนเข้าอี้มาพร้อมกับพินิจพิจารณาฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ถ้าฉันเป็นเจ้านายเธอ ฉันคงให้เธอผ่านอะ ดูขาเรียวๆ นั่นสิ แถมเสื้อก็ฟิตซะ...” เธอหัวเราะพร้อมกับปรบมือเองอย่างชอบใจ
เด็กบ้า
...แต่ก็น่ารักอยู่ดี
“ฉันไม่น่าถามเธอเลย นี่บางครั้งฉันก็สงสัยนะว่าวันๆ นึงเธอมาทำงานหรือมานั่งเหล่ตำรวจสาวๆ พวกนั้นกันแน่”
“สาบานว่าฉันไม่เคยเลยจริงๆ นะ” เธอบู้ปาก “ใครจะไปนั่งเหล่ตำรวจพวกนั้นให้เมื่อยในเมื่อคุณแฟนตัวจริงสวยขนาดนี้”
“เหรอออออ” ฉันหยิกแก้มอูมของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว “หิวแล้วอะ”
เธอกระพริบตาปริบๆ ใส่ฉันราวกับลูกหมาตัวน้อย “อยากกินอะไรล่ะ เลี้ยงหน่อยสิ ไหนๆ เธอก็สัมภาษณ์งานผ่านแล้วอะ”
“นี่จูฮยอน...” จู่ๆ เวนดี้ก็พูดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังรออาหารมาเสิร์ฟ “แม่ฉันโทรมาบอกว่าจะมาหาช่วงหน้าร้อน แล้วก็จะพาแม็กซ์เวลมาด้วย”
“ก็ดีน่ะสิ” ฉันยิ้ม พลางนึกถึงเจ้าหมาขนหนาหน้าตาเจ้าเล่ห์ของเวนดี้ “ฉันเองก็คิดถึงพ่อแม่เธออยู่เหมือนกัน เราชวนพวกท่านไปแดกุด้วยดีไหม”
“พูดจริงอะ?” เธอตื่นเต้นราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ “เย้ ฉันกำลังคิดว่าเราควร...”
ฉันใจลอยนิดหน่อยในขณะที่เวนดี้พูดถึงสิ่งที่เธออยากทำในช่วงหน้าร้อนกับครอบครัวไปเรื่อยเปื่อย
ฉันเห็นใบหน้าแสนคุ้นเคยเดินผ่านหน้าต่างร้านอาหารไป
เขาเหมือนมีบางอย่างที่ดึงดูดสายตา
ดวงตาคู่นั้นทำให้ฉันนึกถึงเจ้าแม็กซ์เวลขึ้นมาอีกครั้ง
ชุดสูทสีเทาเข้ม เนคไทสีแดง ดูเกือบธรรมดาแต่ก็แปลกตาเกินกว่าคนปกติทั่วไป
เขาหยุดและมองมาที่ฉันก่อนจะเหลือบสายตาไปที่เวนดี้
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาเอาการนั่นหลังจากที่ได้เห็นความสดใสของเธอ
เขาพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือขึ้นโบกลา
ซาเวียร์เดินกลืนหายเข้าไปในฝูงชน
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนส่งสารแห่งความตายหรืออะไรก็ตาม เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเท่าที่ฉันเคยพบเจอมา
“เธอนี่คิดอะไรเจ๋งๆ ได้ตลอดเลยนะ” ฉันหันกลับมาที่เวนดี้อีกครั้ง “แต่ไม่ว่าจะทำอะไร แค่มีเธออยู่ด้วย ฉันก็ชอบหมดแหละ”
เวนดี้ยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง “โอ๊ย ครั้งนี้ไม่ไหวอะ เลี่ยนเกิน นี่เธอไปโดนอะไรกระแทกหัวมาหรือเปล่าตอนที่ฉันไม่อยู่ สมองได้รับการกระทบกระเทือนใช่ไหมเนี่ย”
“คงงั้นมั้ง” ฉันหัวเราะคิกคัก “แต่ฉันก็ชอบแบบนี้นะ”
“ฉันด้วยๆ ฉันก็ชอบเหมือนกัน” เวนดี้แกล้งทำปูไต่แขนฉัน
ซึงวาน...
ได้โปรดเป็นแบบนี้ตลอดไปด้วยเถอะนะ
อยู่เคียงข้างฉันในแบบที่เธอเป็นแบบนี้ สดใสและสวยงาม ฉลาดแต่ก็ขี้เล่นแบบนี้
ฉันเห็นภาพที่เธอวาด ‘ฝันร้าย’ ของเธอ
มันดูสมจริงเกินความฝัน แน่ล่ะ เพราะครั้งหนึ่งมัน ‘เคย’ เป็นความจริง
ฉันรู้ว่าเธอเองก็คงรู้สึกว่ามันจริงเกินกว่าจะเป็นแค่ฝันร้ายเหมือนกัน
แต่แค่คิดก็พอ แค่คิดว่ามันเป็นฝันร้ายที่เหมือนจริงเกินไปแบบนั้นแหละ เพราะจะไม่มีวันทำร้ายเธออีกแล้ว ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
และฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่มีวันจะทำร้ายฉันเหมือนกัน
เธอไม่เคยและก็ไม่มีวันจะทำด้วย
f(x) – Ending Page
ความคิดเห็น