ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love In Progress รวมเรื่องสั้นหลากสไตล์

    ลำดับตอนที่ #1 : ฤกษ์แห่งดาวหาง

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 56


    Love In Progress


    ฤกษ์แห่งดาวหาง
     

                ท่านผู้อ่านเชื่อในฤกษ์แห่งดาวหางหรือไม่? หากเชื่อแล้วเชื่อเท่าไร?

                ฉันเองก็ยังไม่เชื่อมากนัก เรื่องนี้ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม่ของฉันได้ให้โหรทำนายดวงชะตาของฉันตั้งแต่แรกเกิด ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้ชื่อว่าดาว เพราะฉันเกิดมาพร้อมกับฤกษ์แห่งดาวหาง

                ความจริงแล้วฉันก็ยังไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ได้ดียิ่งนัก แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของฉัน ฉันได้ไปค้นหาสารานุกรมวิทยาศาสตร์ของพี่ชาย ดาวหาง คือ วัตถุชนิดหนึ่งในระบบสุริยะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ มีส่วนที่ระเหิดเป็นก๊าซเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดชั้นฝุ่นและก๊าซที่ฝ้ามัวล้อมรอบ คาบการโคจรของดาวหางมีความยาวนานแตกต่างกันได้หลายแบบ ตั้งแต่คาบโคจรเพียงไม่กี่ปี คาบโคจร 50-100 ปี จนถึงหลายร้อยหรือหลายพันปี เชื่อว่าดาวหางบางดวงเคยผ่านเข้ามาในใจกลางระบบสุริยะเพียงครั้งเดียว แล้วเหวี่ยงตัวเองออกไปสู่อวกาศระหว่างดาว”

                ตั้งแต่ฉันจำความได้ ธุรกิจทางบ้านของฉันเป็นประเภทรับออกแบบและก่อสร้างบ้านตามพื้นที่ต่างๆ แต่เนื่องด้วยในสมัยก่อนการติดต่อสื่อสารมิได้เจริญก้าวหน้าอย่างในปัจจุบัน ทำให้พอนายจ้างจากต่างจังหวัดมาจ้างที ครอบครัวของฉันก็ต้องย้ายตามไปแรมปี ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงย้ายโรงเรียนบ่อยมาก จนฉันคุ้นเคยต่อการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่ และสภาพแวดล้อมใหม่ตลอดเวลา จนกระทั่งฉันเข้ามหาวิทยาลัย พ่อของฉันอนุญาตให้ฉันพักที่หอในมหาวิทยาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯที่ฉันกำลังศึกษาอยู่

                ฉันได้รู้จักกับ โลกันตร์ ชายหนุ่มร่างท้วม ซึ่งดูผิวเผินก็เหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เขามีต่อฉัน ฉันเริ่มคบหากับเขาตั้งแต่ฉันเรียนอยู่ปีสามในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งปัจจุบัน

                ความจริงแล้วฉันกับเขามีความแตกต่างกันมากพอควร ฉันมีรูปร่างผอมเล็ก ในขณะที่เขารูปร่างสูงใหญ่ ฉันเรียนสายศิลป์ เขาเรียนสายวิทย์ ฉันมีผิวขาวซีด ส่วนเขามีผิวน้ำผึ้ง ที่สำคัญเขาเป็นคนนิ่งๆขรึมๆ แต่ฉันเป็นคนหยุดเฉยไม่ได้ (อาจจะด้วยเหตุผลในวันเด็กที่ฉันต้องพยายามปรับตัวตลอดเวลาเสียด้วยกระมัง)

                หลังจบมหาวิทยาลัย ฉันขอพ่อมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ใจกลางกรุงเทพฯเพื่อที่จะไปทำงานได้สะดวก ฉันทำงานในแผนกบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนโลกันตร์นั้นทำงานในแผนกควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ของอีกบริษัทหนึ่ง แต่โชคยังคงเข้าข้างฉัน เพราะสองบริษัทนี้ตั้งอยู่บนตึกเดียวกัน เพียงแต่แยกคนละชั้นเท่านั้นเอง

                ฉันกับเขาติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา หากแต่ว่า เขาเลิกงานเย็นกว่าฉัน และบางครั้งต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาในวันที่ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา ทำให้ฉันได้ยินเสียงเขามากกว่าเห็นหน้าเขา ใช่แล้ว ฉันกับเขาติดต่อกันทางโทรศัพท์เสียส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามฉันรับรู้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา อย่างน้อยก็ตอนที่ฉันโทรไป เขามักเสนอเป็นฝ่ายโทรกลับ ไม่ให้ฉันเสียเงินค่าโทรศัพท์มากเกินไปเสมอ

                แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก บริษัทที่เขาทำงานอยู่ได้ขยายสาขาไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเจาได้รับคัดเลือกให้ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำที่นั่น ฉันใจหายมาก ในระยะแรกเขาปิดบังข่าวคราวนี้กับฉัน แต่ฉันได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานของฉัน ซึ่งเป็นเพื่อนของฉันเองในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอก็รู้จักเขาเหมือนกัน เย็นวันนั้นฉันคาดคั้นเอาความจริงกับเขา ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกับบอกฉันว่าเขากลัวฉันทำใจไม่ได้ ฉันสัญญากับฉันว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว เขาจะรีบติดต่อฉันมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

                ฉันยอมรับว่าฉันผูกพันกับเขามาก ในวันที่ฉันไปส่งเขาที่สนามบิน น้ำตาฉันไหลไม่หยุด แต่มันยังมีปริมาณไม่มากพออยู่ดีที่จะบรรจุความทรงจำต่างๆระหว่างฉันกับเขาในระยะเวลาหกปีนี้ ฉันแอบเห็นอยู่เหมือนกันว่าเขานั้นตาแดงก่ำ แต่ด้วยท่าทีที่เขาสงวนไว้ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกมา เพียงแต่ยิ้มและโอบกอดฉันไว้ ประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากเขาคือ เขาสัญญาว่าเขาจะกลับมาหาฉันแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใดเท่านั้นเอง

                เวลาล่วงเลยมาเกือบสามเดือนแล้ว แต่ไร้วี่แววว่าเขาจะติดต่อกลับมา ฉันมั่นใจ เขาไม่มีทางนอกใจฉันเป็นแน่ เขาอาจเพียงแค่ไม่สะดวกที่จะติดต่อกลับมาเท่านั้นเอง ฉันเหม่อมองออกไปนอกต่าง ยามสายัณห์ตะวันรอนยิ่งทำให้ฉันคิดถึงเขา

                ผ่านมาอีกสามเดือน วันหนึ่งหลังเลิกงาน ฉันขึ้นไปยังบริษัทที่เขาเคยทำงานอยู่เพื่อที่จะขอที่อยู่สาขาบริษัทในประเทศที่เขาทำงานอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจที่สุดคือ ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แจ้งว่าเขาได้พ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัทนี้แล้ว ซึ่งเขาเพิ่งลาออกจากบริษัทนี้ได้ไม่เกินสองสัปดาห์ ด้วยหลากหลายอารมณ์ประดังประเดเข้ามาให้หัวของฉัน ทำให้ฉันกรีดร้องขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้พนักงานที่กำลังทำงานอยู่ในบริษัทนั้นต่างมองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียว ฉันรีบเดินออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย

                คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ ฉันเปิดโทรทัศน์ดูข่าวรอบดึก พบกับข่าวทางวิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า ดาวหางฮัลเล่ย์จะโคจรเข้ามาใกล้โลกในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงปลายเดือนนี้ ข่าวนี้กระตุ้นความคิดของฉัน จริงสิ ฉันเกิดมาพร้อมกับฤกษ์ของดาวหาง.. ฤกษ์ของฉันกำลังเข้ามาใกล้แล้วใช่ไหม

                ฉันเฝ้าอธิษฐานต่อพระต่อเจ้า อธิษฐานต่อท้องฟ้าทุกค่ำคืนให้เขากลับมาหาฉัน แต่ฉันก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าคำอธิษฐานฉันจะเป็นจริงหรือไม่ หรือถ้าจะเป็นจริง ฉันจะต้องรออีกนานเท่าไร

                วันหยุดยาวสิ้นเดือน ฉันกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของฉัน ตอนนี้พวกท่านได้เลิกกิจการรับจ้างออกแบบบ้านแล้ว ฉันชวนท่านย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ท่านปฏิเสธ ท่านบอกว่าท่านเคยชินกับความเป็นอยู่ที่ต่างจังหวัด และยังมีความสุขดี ฉันจึงมิได้รบเร้าอีกต่อไป ฉันถามแม่ของฉันเกี่ยวกับฤกษ์แห่งดาวหาง แม่บอกฉันว่า ฤกษ์อะไรนั้นไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตคือการตั้งใจที่จะเป็นคนดี กตัญญูรู้คุณคน ขยันอดทน ประกอบอาชีพสุจริต หากลูกทำได้แม่ก็ภูมิใจในตัวลูกมากแล้ว

                ฉันกลับมากรุงเทพฯในคืนวันก่อนเปิดงานด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอม ในคืนนั้นฉันฝัน ฉันฝันว่าฉันเป็นดาวหางล่องลอยอยู่ในอวกาศอันแสนกว้างใหญ่ บ้างก็ผ่านจุดที่หนาวเหน็บเจียนตาย บ้างก็ผ่านจุดที่ร้อนประดุจไฟได้ลุกไหม้อยู่บนผิวกายและหัวใจของฉัน แต่อย่างไร ฉันก็ได้พบกับจุดที่ดีที่สุด ไม่หนาว ไม่ร้อน เมื่อฉันโคจรมาอยู่ใกล้ๆโลก เพราะบริเวณนี้ตั้งอยู่ห่างพระอาทิตย์พอควร ทำให้อุณหภูมิไม่สูงมากนัก แต่ยังได้รับอิทธิพลแห่งสายลมอันอบอุ่น ฉันอดมองลงไปยังโลกมนุษย์ไม่ได้ ทะเลสีคราม ป่าเขาอันเขียวขจี โอ้ นี่คือสิ่งใด หากฉันอยู่ในสภาพของมนุษย์ ฉันอาจจะเรียกจุดๆนี้ว่าสวรรค์ก็เป็นได้

                วันเปิดงาน เพื่อนร่วมงานต่างทักว่าฉันสวยขึ้น แลดูเปล่งปลั่งไม่เศร้าหมอง ฉันเล่าความเล่าเรื่องที่แม่เล่าให้ฉันฟังตอนฉันกลับบ้าน ไปจนถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนของฉัน บ้างก็หัวเราะฉันอย่างออกนอกหน้า บ้างก็ยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดูราวกับเห็นฉันเป็นเด็ก แต่ฉันไม่ถือสา ก็เพราะฉันมีความสุขอยู่นี่

                คืนนี้เป็นคืนที่ดาวหางโคจรเข้ามาใกล้แล้ว แปลกจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตื่นเต้นกับปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้ ฉันใส่เสื้อกันหนาวสีเหลืองตัวโปรด นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ที่ทำงานของฉัน ลมพัดมาวูบใหญ่ ฝุ่นปลิวเข้าตาของฉัน แย่จริง ฉันยังไม่ได้เริ่มดูดาวหางเลยนะ

                “นี่ครับ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น “เอาผ้าเช็ดหน้าผมไปปัดฝุ่นออกจากตาก่อนได้นะครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้น “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับผ้าเช็ดหน้ามาปัดฝุ่นออกจากตา พอฉันลืมตาขึ้น ฉันดีใจมาก ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นคือดาวหางขนาดใหญ่ลอยผ่านฟากนภาไปอย่างรวดเร็ว ว้า ยังไม่ได้อธิษฐานอะไรเลย ฉันคิดในใจ พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถือผ้าเช็ดหน้าของชายหนุ่มอยู่ในมือ จึงรีบส่งผ้าเช็ดหน้าคืนแล้วกล่าวแก้เขิน “คุณก็มาดูดาวหางเหมือนกันหรือคะ” เงาของชายหนุ่มที่เธอพูดด้วยพยักหน้าตอบรับอย่างช้าๆ พลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่เพียงมาดูดาวหางหรอกครับ แต่จะมาดูแลคุณดาวตลอดชีวิตเลยครับ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “แต่งงานกับผมนะครับ” ประโยคสุดท้ายทำฉันตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มในเงามืดนั้นคือ โลกันตร์ ผู้ที่ฉันเพียรพยายามติดต่อแต่ไม่เป็นผล แต่กลับพบกับเขาได้ง่ายๆเพียงนี้ ฉันรับคำตกลงขอแต่งงานของเขา น้ำตาฉันเอ่อล้นไปด้วยความดีใจไม่แพ้วันที่ฉันไปส่งเขาที่สนามบิน ฉันโอบกอดเขาแล้วเอ่ยว่า “คุณโลกคะ คุณรู้ไหมคะว่าดาวคิดถึงคุณมากแค่ไหน ทำไมคุณไม่ติดต่อฉันมาบ้างเลยคะ” เขาลูบหลังฉันอย่างอ่อนโยน คืนนั้นฉันได้คำตอบที่ชัดเจน และไม่สงสัยในตัวเขาอีกต่อไป

                วิดีทัศน์แสดงเรื่องราวความรักระหว่างฉันกับโลกันตร์ได้ฉายขึ้นจอแอลซีดีขนาดใหญ่ในงานแต่งงาน โลกันตร์ได้ไปทำงานให้กับหน่วยกู้ข้อมูลลับทางราชการให้กับประเทศทางตะวันออกกลางโดยใช้วีซ่าทำงานของสาขาบริษัทที่ส่งไปบังหน้า หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ทางการของประเทศนั้นร้องขอให้โลกันตร์ออกจากงานและไปหางานใหม่ในประเทศไทยพร้อมกับเงินชดเชยจำนวนสิบหลัก เพื่อป้องกันการรั่วไหลของความลับภายในประเทศ เขาเดินทางกลับมายังประเทศไทยและได้มาสมัครงานในบริษัทเดียวกันกับบริษัทที่ดาวทำงานอยู่ แต่ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะได้เจอกันที่บริษัท โชคชะตาก็ได้ดลบันดาลให้เขาและเธอมาเจอกันก่อนที่สวนสาธารณะ

                คาบการโคจรของดาวหางอาจยาวนานนัก เมื่อมีการโคจรผ่านมา ก็ต้องมีการโคจรผ่านไป แต่เท่าที่ฉันรู้ การโคจรเข้ามาใกล้ของดาวหางครั้งนี้  “โลก” จะอยู่เคียงคู่กับ “ดาวหาง” ตลอดไป  ฮิๆๆ ฉันไม่สนวิทยาศาสตร์หรอก ก็ฉันเรียนสายศิลป์มานี่นา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×