คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : *๐๓,, {Dark Fantasian เชปเตอร์ . ซีโร่ วัน}
styli co .
ดาร์ก วันเดอร์แลนด์. แฟนตาเชี่ยน สตอรี่
เชปเตอร์ ; ซีโร่ วัน *
When you coming in wonderland
Turn to see the dark side, alright! We’re here.
ถ้าเชื่อใจมากขนาดนั้น แล้วโดนหักหลังขึ้นมา..
คนอย่างฉันจะเป็นยังไงกัน?
อากาศแถบชายทะเลของอาณาจักรทรอนซ์ที่เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ติดชายฝั่ง ทวีความร้อนขึ้นทุกชั่วขณะ ผู้คนพากันหมกตัวอยู่แต่ในบ้านดินที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม และตั้งติดกันเป็นระเบียบเรียบร้อยตามผังเมืองที่ถูกร่างมาอย่างดีตั้งแต่เมื่อ 300 ปีก่อน เช่นเดียวกันกับที่พระราชวัง นางกำนัลมากหน้าหลายตา เดินขวักไขว่ไปมา สวนกับทหารยามที่ออกตรวจตราไม่มีขาดสาย ก็จะไม่ให้วุ่นวายได้อย่างไร? ในเมื่ออีก 2 วันถัดจากนี้ ทรอนซ์จะต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแขกทางการเมือง จากมหาราชอาณาจักรใหญ่ผู้ครอบครองดินแดนใจกลางผืนทวีปไปถึงหนึ่งในสามของทั้งหมด!
ใช่ว่าจะไม่เคยรับกันเสียเมื่อไหร่? หากแต่ครานี้เจ้าชายหนุ่มผู้นั้น จะกลับมาเยือนทรอนซ์อีกครั้ง ในฐานะรัชทายาทอันดับที่ 1 แห่งมหาราชอาณาจักรลิโบญ่า ผู้คงความลึกลับไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย หาใช่เป็นเพียงเจ้าชายน้อยที่เดินทางมาเพียงเพราะต้องการจะเสด็จประพาสเมืองท่าต่างๆ ของทรอนซ์ไม่ !
หลายครั้งหลายหน ที่อาณาจักรลิโบญ่าถูกจ้องเล่นงานจากเมืองรอบข้าง หากแต่ความเงียบงัน และท่าทีที่ไม่มีใครมองออกนั้น ทำให้ทัพใหญ่น้อยต่างพากันหวั่นเกรงอำนาจลับของลิโบญ่าอย่างไม่มีเหตุผล เพราะทั้งจำนวนไพร่พล ทหารกล้า และยังทรัพยากรทางธรรมชาติที่ลิโบญ่าไม่เคยเปิดเผยมันกับผู้ใด? หรือแม้แต่จะส่งสายลับเข้าไปสืบหาความจริง ทว่า.. มันก็ไม่เคยมีใคร ที่เล็ดลอดเข้าไป แล้วจะกลับออกมาได้เลยซักคน !
เคร้ง !
เสียงดาบกระทบกันดังมาจากลานประลองของทรอนซ์อย่างผิดปกติ เนื่องด้วยเวลานี้มิใช่ฤดูกาลประลองที่จะมีเหล่านักรบมาท้าสู้กันแต่อย่างใด.. และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่ประลองที่ฝ่ายนึงเป็นชาย แล้วอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวเช่นนี้ !!!
รักคือปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจ
ไม่มีใครรู้สึกได้นอกจากตัวเรา
มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? ตลอดระยะเวลาที่ข้าต่อสู้เพื่อเขาผู้นั้น.. ความรู้สึกรักล้นหัวใจเช่นนี้ มันมิอาจส่งถึงเขาได้เลยงั้นรึ ? แล้วหากดาบเล่มหนาใหญ่ที่เขาถืออยู่นี่ เสียบทะลุผ่านตัวข้าแล้วไซร้ .. เขาจักรับรู้ได้หรือไม่ว่าคนต่ำต้อยอย่างข้านั้น หลงรักเขามากเพียงใด?
“เวเนสเรีย... เวเนสเรีย!”
“พะ...เพคะ?” อ่า..ข้าทำผิดพลาดอีกแล้ว นี่ข้าเหม่อในขณะที่กำลังเป็นคู่ประลองดาบให้กับเขางั้นรึ? เวเนสเรีย จาร์ยูน๊อกซ์ เจ้ามันช่างโง่เง่าเสียจริง !
“เหนื่อยแล้วงั้นหรือ? ใยจึงนิ่งไปเสียเฉยๆ” ใบหน้าเรียวรูปไข่ รับกับเส้นผมสีม่วงสว่างที่ถูกซอยเป็นทรงสั้นระต้นคอ เช่นเดียวกันกับดวงพระเนตรสีม่วงใสแวววาว ที่จ้องมองข้าอย่างเป็นกันเองเสมอ โธ่..องค์ชาย จะทรงฆ่าอัศวินต่ำต้อยอย่างหม่อมฉันให้ตาย ผ่านการเป็นห่วงเป็นใยกันอย่างนั้นหรือ?
“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันคงจะไร้คุณสมบัติที่จะเป็นคู่ประลองดาบให้กับพระองค์เสียแล้ว”
“คิดมากเกินไปแล้วอัศวินสาวของข้า นี่เราก็ประลองกันมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว เจ้าจะเหนื่อยบ้างก็ไม่เห็นจะผิดอะไรตรงไหนนี่?” พระองค์ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่เคยด่าว่าคนเขลาอย่างข้าเลย อ่า..แล้วนี่ข้าจะทำอย่างไร? ถึงจะตัดใจจากพระองค์ได้กัน?
“ขอบพระทัยเพคะ”
“เวเนสเรีย..ดูเหมือนเจ้าจะทำให้ข้าโมโหนะ” เสียงทุ้มของเขากดลงต่ำ เอ๊ะ? นี่ข้าทำอะไรผิดไปอีกแล้วงั้นรึ?
“ข้าบอกตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ให้เจ้าเลิกใช้คำบ้าบอพรรคนั้นได้แล้ว !” คิ้วเรียวของเขาขมวดมุ่นเป็นปม ใบหน้าหล่อใสฉายแววหงุดหงิดขึ้นมาในทันใด
“ขอโทษค่ะ ข้าขอโทษ”
“เช่นนี้เจ้าคงต้องทำทุกอย่างที่ข้าบอก เพื่อไถ่โทษซะแล้วล่ะ!” พูดจบมือหนาของเขาก็เอื้อมลงมาคว้าตัวของข้าเข้าไปในอ้อมกอด ! เอ๊ะ !! นี่มันอะไรกัน .. ท่านกำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นรึ?
“ตกลงมั๊ยล่ะ?” ริมฝีปากสีส้มของเขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผิดปกติ อะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นคนอย่างเขาทำหน้าเช่นนี้มาก่อน นี่มัน...
“.....”
วินาทีนั้น...
ริมฝีปากอุ่นของเขาประกบเข้าที่ริมฝีปากของข้า หนักหน่วง หากทว่าก็ร้อนแรงจนเรี่ยวแรงหายไปหมดสิ้น... นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าชายผู้สูงศักดิ์อย่าง แฮรอสฮอน เซนดิลัวฮัส ถึงได้มอบจุมพิตนี้ให้กับอัศวินสาวผู้ต่ำต้อยเยี่ยงข้า? นี่มันคือความฝันใช่รึไม่? นี่มันคือสิ่งที่ข้าคิดขึ้นเองอย่างนั้นใช่มั๊ย?
“หากเจ้าลืมอีกครั้ง ข้าจะทำโทษเจ้าให้หนักกว่านี้อีกนะ... อัศวินสาวของข้า” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ฮึก...พระองค์กำลังจะฆ่าหม่อมฉันทั้งเป็นแล้วนะเพคะ!
ถัดออกมาจากริมฝั่งของทรอนซ์ มหาสมุทรกว้างใหญ่นามคิริเวน ได้แผ่ขยายอาณาเขตทางน้ำกินบริเวณกว้างสุดลูกหูลูกตา เรือใบหลายลำพากันทอดเสมอรอคอยเจ้าปลาตัวน้อยมาติดแหที่หว่านทิ้งไว้ ถัดจากพื้นที่ประมงออกมาอีกไม่กี่ไมล์ เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ทยอยกางใบเรือออกเดินทางไปยังอาณาจักรฝั่งตะวันออกเพื่อส่งสินค้าตามปกติ การจราจรทางน้ำเต็มไปด้วยความพลุ่กพล่าน หากแต่ใจกลางทะเลเวิ้งนั้น กลับไร้ซึ่งสีสันและสิ่งมีชีวิตใดๆ เมื่อชาวเรือต่างกล่าวขาน ว่าหากชายใดแล่นลำเรือเข้าไปใกล้ที่แห่งนั้นแล้วไซร้ จักต้องมนต์แห่งนางเหล่านั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า หากแต่ตำนานกลับไม่เคยจางหายไป ตรงกันข้าม.. ยิ่งนานวันเข้า คำบอกเล่าเกี่ยวกับฤทธิ์เดชของนางผู้เป็นดั่งดวงใจของห้วงมหาสมุทรเหล่านั้น ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ! และล่าสุด.. เรือสินค้าของเหล่าเชื้อพระวงศ์หนุ่มจากอาณาจักรเจว์ลูนอันห่างไกล ก็ได้มาจมลงที่นี่เช่นเดียวกัน!!
“จะไปจริงๆ งั้นหรอไฮต์?” เสียงนุ่มของเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ด้วยเพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในลูกหลานของชาวประมงที่สูญหายไปดังเช่นตำนานที่เล่าขานนั้น อย่างน้อยๆจึงอยากจะห้ามเพื่อนสนิทของตัวเองซักครั้ง ก่อนที่จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เห็นหน้ากันอีก!
“อืม.. นายไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า เฟรปเป้! ไปทำงานต่อเถอะ.. โชคดีเพื่อน” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม โบกมือให้กับเพื่อนสมัยเด็กที่ยื่นส่งเขาอยู่ที่ท่าเรือ ก่อนจะหันกลับมาจัดการยกสมอเรือขึ้นจากน้ำ
“ดูแลพ่อกับแม่ให้ฉันด้วยนะเพื่อน! ลาก่อน!” ไฮต์โบกมือให้อีกครั้ง พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้างใหญ่เป็นเวลานาน
อาจจะแปลกที่คุณชายผู้เป็นถึงลูกชายของเจ้าของอุตสาหกรรมการเดินเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเมืองทรอนซ์อย่างเขา ตัดสินใจออกเดินทางไปยังบริเวณที่ผู้คนกล่าวขานกันว่ามันช่างน่ากลัว และน่าหนีให้ห่างยิ่งนัก.. แต่คนอย่างไฮต์ ไฟน์เนคัส ไม่มีวันยอมเชื่ออะไรง่ายๆ อยู่แล้ว มันจะลึกลับน่ากลัวซักแค่ไหนกันเชียว? กะอีแค่ตำนานที่เล่ากันมาปากต่อปาก! ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะยอมให้เรื่องแค่นี้มาทำให้กิจการเดินเรือของครอบครัวต้องพังเด็ดขาด
“ออกมาสิ ไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไร? ออกมาให้ฉันเห็นสิ!” ชายหนุ่มตะโกนท้าเหล่านางปริศนา ณ เวิ้งทะเลสีดำสนิท แถวนี้ไม่มีปลา ไม่มีปะการัง ไม่มีอะไรทั้งนั้น! มีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมตะวันตก และเสียงคลื่นกระทบกับโขดหินสีดำที่ยื่นออกมาเป็นแง่งแหลม นี่เขาเดินเรือมาไกลถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เป็นเพราะมัวแต่คิดเรื่องตำนานนั่น จนทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า เวลายามบ่ายนิดๆ ที่เขาออกเดินทางมา มันแปรเปลี่ยนเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกน้ำตั้งแต่เมื่อใดกัน? แล้วยังทิวทัศน์ข้างทางที่ควรจะเป็นเพียงกลุ่มเรือของชาวประมงไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก กลับกลายเป็นท้องทะเลกว้างที่มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากน้ำ และน้ำ!! นี่มันเป็นไปได้ยังไง? เขาไม่ได้เผลอหลับไปซักหน่อย!
วินาทีนั้น..ไฮต์หมุนตัวไปมาด้วยความหวาดระแวง ใบหน้าเรียวรูปไข่คมคายของเขา ขาวซีดขึ้นอย่างผิดปกติ ฉับพลัน !!
ฟิ้ว !
เสียงน้ำถูกแหวกออกเป็นวงกว้าง ราวกับเปิดทางให้สิ่งมีชีวิตอื่นใดที่มีอำนาจเหนือตน สายลมที่เคยพัดเพียงเบาๆ กลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด ชายหนุ่มมองหาที่ยึดเกาะตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อมองเห็น ร่างบางเจ้าของหางปลาสีเขียวมรกตผุดขึ้นมาจากผืนน้ำที่ถูกฉาบไปด้วยแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังหายลับเข้าไปหลังผืนน้ำนั้น ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของนางจ้องมองเขาไม่วางตา ในขณะที่ใบหน้าเรียวได้รูปส่งรอยยิ้มหวานเคลือบพิษมาให้เขาราวกับจงใจจะแหย่เล่น เส้นผมสีเดียวกันกับเกลียวคลื่นเปียกลู่ไปตามใบหน้า ทว่าเพียงวินาทีถัดมาที่สายลมสัมผัสตัวนาง เส้นผมที่ควรจะเปียกตามธรรมชาติ กลับแห้งสนิทราวกับถูกแดดอย่างน่าอัศจรรย์ เปลือกหอยสีเขียวอ่อนปิดบังทรวงอกขาวเนียนให้พ้นจากการจ้องมอง นางส่งสายตายั่วยวนให้กับไฮต์อีกครั้งอย่างไร้ความขวยเขินใดๆ
รักเป็นดั่งมนตราที่พร้อมจะสะกดหัวใจดวงน้อยให้ลุ่มหลง
จนเขาผู้นั้น..ลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดในเวลาเพียงแค่วินาทีเดียว
“ชื่ออะไรรึท่านพี่” เสียงหวานประดุจแก้วคริสตัลแห่งห้วงมหาสมุทรสะกดจิตคนฟัง ให้มองตามเพียงแต่ริมฝีปากสีแดงสดราวกับกลีบกุหลาบของนางเท่านั้น
“ไฮต์ แล้วเจ้าล่ะที่รัก?” และมนต์สะกดนั้น ไม่แม้แต่จะเว้นชายหนุ่มผู้หาญกล้าออกเรือมายังใจกลางทะเลไป เขาตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้าทันใด แม้นว่านางจะมิใช่มนุษย์ก็ตาม
“คีสแตล่า โรวีเฟิส..แต่หากท่านพี่จะกรุณา ก็ได้โปรดเรียกข้าว่าคีสเถอะค่ะ”
“คีส” ไฮต์ที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในมนตราด้วยความเต็มใจ เอ่ยเรียกชื่อนางซ้ำแล้วซ้ำเหล่า สร้างความสนุกสนานให้กับหญิงสาวผู้นั่งมองอยู่บนโขดหินได้เป็นอย่างดี
“มาหาข้าสิคะ” ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นอย่างเย้ายวน ในขณะที่มือเรียวลูบเรือนผมของตนอย่างสุขสบายใจ
“ได้สิ! ข้า..จะไปหาเจ้า ที่รักของข้า..คีสแตล่าที่รัก” อาการเพ้อฝันไม่ได้สติของไฮต์ ทำให้เขาหลงลืมไปว่า ภายใต้กราบเรืออันแข็งแกร่งนั้นคือ ผืนน้ำทะเลที่ลึกสุดหยั่งถึง! แต่เมื่อความรักมันเข้าตา หัวใจมันคับพอง.. สิ่งใดจะมาทำให้สติกลับคืนได้กันเล่า? ขาเรียวของเขา ก้าวออกมาจากกราบเรืออย่างน่าหวดเสียว แต่นางผู้นั้น กลับหัวเราะเสียงดังอย่างถูกอกถูกใจ
นี่เมื่อสามวันก่อนก็เพิ่งได้เจ้าชายหนุ่มมา ครานี้ข้าจะได้พ่อหนุ่มนี่กลับไปด้วยอีกแล้วอย่างนั้นรึ? ฮ่าๆๆ คีสแตล่าเอ๋ย.. เจ้ามันช่างโชคดีเสียจริง !
ตู้ม !
ไฮต์ ไฟน์เนคัส ชายหนุ่มรายที่สองในรอบสัปดาห์ที่ตกเป็นเหยื่อของไซเรนสาวแห่งท้องทะเลสีดำ หากแต่เรื่องราวใช่จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เมื่อชายหนุ่มถูกเงือกสาวดึงเข้าใกล้โขดหินใหญ่ที่นางพำนักอยู่เมื่อครู่ และก่อนที่เขาจะขาดอากาศหายใจเพราะอาการสำลักน้ำ ริมฝีปากอิ่มสีกลีบกุหลาบก็ทาบทับลงมาเพื่อมอบอากาศใหม่ให้
ไฮต์คล้ายกับจะหมดสติ หากแต่วินาทีถัดมา.. มือหนาของเขากลับเอื้อมขึ้นมากระชับท้ายทอยของคีสแตล่าไว้อย่างหนาแน่น ริมฝีปากบางของชายหนุ่มจูบตอบไซเรนสาวด้วยความเร่าร้อน ใบหน้าขาวซีดเพราะการจมน้ำของเขาเริ่มมีสีชมพูจางๆขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่เพลิงพิศวาสได้โหมกระหน่ำขึ้นอย่างสุดจะหักห้ามใจได้ ก่อนที่แสงสุดท้ายของวันจะดับลง ปล่อยให้รัตติกาลแห่งความมืดเข้ามาแทนที่ เสียงครวญครางด้วยความสุขสมของไซเรนสาวสวย ก็ดังก้องไปทั่วทั้งท้องน้ำเฉกเช่นเดียวกัน !
เหนือม่านหมอกของอาณาจักรลิเวียน เหล่าภูติ และเอลฟ์ต่างยืดหยัดในอุดมการณ์ของตนอย่างเหนียวแน่น พวกเขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับราชินีปีศาจแห่งครอมต์ หรือแม้แต่เจ้าหญิงหิมะจากไอเซนเบิร์ก เพราะลิเวียนคือสถานที่แห่งเอกภาพ ไม่ขึ้นตรงต่อใคร ไม่ลงให้ใคร ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครทั้งสิ้น จะมีเพียงก็แต่.. มนุษย์เท่านั้น ที่อาณาจักรแห่งนี้จะไม่ยินดีต้อนรับ เพราะลิเวียน คืออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ที่มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนเท่านั้น ที่จะก้าวเข้ามาได้! ม่านมนตราอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปทั่วทั้งอาณาเขตฝ่ายเหนือ ด้วยการขึ้นนำของเจ้าชายเอลฟ์ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ เขานำพาเหล่าภูติแห่งป่าทั้งหลาย เข้าร่วมกับกองทัพแห่งเอลฟ์ได้ในที่สุด! ไม่มีใครรู้เหตุผลที่จู่ๆเอลฟ์ผู้รักความสันโดษ ก็หันมาจัดตั้งกองทัพศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ จะมีเพียงก็แต่ผู้นำของทั้งสามดินแดนเท่านั้นที่ล่วงรู้ ว่าความเกลียดชังที่สุมแน่นอยู่ในหัวใจของเจ้าชายเอลฟ์ผู้นั้น พร้อมที่จะระเบิดขึ้นมาเสียแล้ว !
“คารอส ดาโคเน่ ! นั่นท่านกำลังจะทำอะไรน่ะ?” เสียงเล็กน่ารักของสาวน้อยร่างบาง ผู้มีเรือนผมสีฟ้าหวานใสยาวจรดกลางหลัง เอ่ยถามเอลฟ์หนุ่มร่างสูง ผู้มีใบหน้าเรียวคมขาวซีดตามเผ่าพันธุ์ ใบหูยาวแหลมตามสายเลือด ขับให้ใบหน้าของเขาดูดุดันขึ้น เมื่อรวมเข้ากับเส้นผมสีทองเกือบซีดนั่นด้วยแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่จัดทัพเพื่อไว้ว่าเราอาจจะได้ทำสงครามน่ะ” คนตัวสูงตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเบือนดวงตาสีเงินสว่างไปอีกทาง
“เจ้ากำลังโกหกข้า” มีเรื่องไหนบ้างที่ภูติสาวแห่งหมู่มวลดอกไม้เช่นเธอจะไม่ล่วงรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของชายหนุ่มข้างกายด้วยแล้ว ก็เขามักจะหันหน้าหนีเวลาที่กำลังโกหกอยู่เสมอนี่นา..
“โธ่..เกรเทล เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อาจปิดบังสิ่งใดจากเจ้าได้ แต่เอาไว้ให้ข้าพร้อมก่อนได้มั๊ย? รอให้ข้ามีความกล้ามากพอที่จะบอกเจ้าเสียก่อน..” สีหน้าของชายหนุ่มดูทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ผู้หญิงตรงหน้าคือดวงใจของเขา นางเป็นดั่งทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และการโกหกนาง ก็เหมือนเขากำลังโกหกหัวใจของตัวเอง
“งั้นสัญญาสิ” หญิงสาวร้องเรียกพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์จากชายหนุ่ม ในขณะที่ใบหน้าหวานใสปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่อยู่
“เจ้าอย่าแกล้งข้าสิ” เจ้าชายหนุ่มทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใครๆก็รู้ว่าพันธสัญญาแห่งเอลฟ์ที่กล่าวขึ้นในลิเวียนแห่งนี้มันศักดิ์สิทธิ์มากขนาดไหน แล้วถ้าเกิดเขาทำผิดสัญญาขึ้นมา... นางจะไม่เกลียดเขาตลอดไปรึไงกัน?
“ข้าอาจจะไม่มีพันธสัญญาใดๆให้เจ้า แต่ข้ามีหัวใจของข้าเป็นพยาน หากถึงเวลานั้นแล้ว ข้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดๆกับเจ้าเลย” เสียงทุ้มของเจ้าชายเอลฟ์กล่าวแผ่วเบา ทว่าหนักแน่นและนุ่มนวล เล่นเอาภูติสาวช่างแกล้งหน้าขึ้นสี เขินอายไปตามระเบียบ
“ขี้โกง ข้าไม่อยากได้สัญญาแบบนี้ซักหน่อยนะ” แต่ก็ไม่วายหาทางแกล้งคนรักของตนเข้าจนได้ ใบหน้าเรียวเล็กของนางช้อนขึ้นมองคนตัวสูงกว่าอย่างน่ารัก เป็นเวลาเดียวกันกับที่คารอสก้มลงมาหานางเช่นกัน
“งั้นถ้าเป็นสัญญาแบบนี้ล่ะ” พูดจบเจ้าของดวงตาสีเงินก็ประกบริมฝีปากหนาลงกับริมฝีปากสีชมพูบางของภูติสาวจอมเจ้าเล่ห์ทันที จูบสั้นๆ ทว่ากลับหอมหวาน และอ่อนโยนเป็นยิ่งนัก สาวสวยตัวเล็กขยับรอยยิ้มกว้างให้คนตัวสูงด้วยความถูกใจ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการสัญญาอะไรจากเขาหรอก ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพ่อหนุ่มเอลฟ์คนนี้รักษาคำพูดขนาดไหน แล้วไอ้ที่เธอต้องการจริงๆ มันก็เป็นจูบนี้ต่างหาก!
“เกรเทล อันนา โคคาลี สัญญาได้มั๊ย? ไม่ว่าเจ้าจะได้ยิน หรือได้เห็นอะไร? จงอย่าเชื่อ แม้ว่ามันจะออกมาจากปากของข้าเองก็ตาม..” สีหน้าของเอลฟ์หนุ่มแลดูไม่ดีนัก แต่เกรเทลเองก็ไม่อยากจะซักไซ้อะไรเขาอีกต่อไป นางรู้..และรู้ดีด้วยว่า เวลานี้เขาเหนื่อยมากแค่ไหน แค่เพียงฐานะเจ้าชายเอลฟ์ที่มีอยู่มันก็เหน็ดเหนื่อยมากพออยู่แล้ว แต่นี่..นางได้ยินมาว่าเขากำลังจัดทัพใหญ่อย่างไม่มีใครรู้เหตุผล ท่านจะเหนื่อยมากแค่ไหนนะคารอส? แล้วข้าจะทำสิ่งใดเพื่อท่านได้บ้าง?
“หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าคงอยู่ไม่ได้” เสียงสุดท้ายของคารอสดังขึ้นข้างใบหูนุ่มนิ่มของคนตัวเล็ก ก่อนที่นางจะส่งยิ้มหวานกลับมาให้เขาเฉกเช่นเดียวกัน
“ข้ามิอาจอยู่ได้โดยปราศจากเจ้าเช่นกัน..คารอส” ท่ามกลางบรรยากาศหวานสวยของยามเย็น จุมพิตครั้งที่สอง สาม และสี่ เกิดขึ้นติดต่อกัน ด้วยความรักที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับความหวานหอมที่ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจของคนทั้งสองไปนานเท่านาน
ยูเอาตอนแรกของสาวๆดาร์กไซด์มาเสริฟ์แล้วจ้า >[]<
แต่งไปแต่งมา .. 7 หน้า word ! โอ้ววว* ยูไม่เคยแต่งได้เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย 55
.นางเอกออกมาสามคนในตอนนี้ ^^
แถมแต่ละคนยังจูบกันระห่ำอีกต่างหาก -____-"
ถูกใจมั๊ยเอ่ย? นี่เป็นแนวการแต่งของยูเองล่ะจ๊ะ ! แบบสลับกับออกไปๆมาๆ ทิ้งปริศนาไว้ท่วมจอ โฮะ ๆๆ
ถูกใจไม่ถูกใจบอกได้ >//< ยูยินดีรับทุกความคิดเห็นนะคะ ,,
อ้อๆๆ ถ้าเจอพระเอกของคุณ กำลังสวีตหวานกับนางเอกคนอื่นอยู่ก็อย่าพึ่งตกใจไปนะคะ >O<
ยูมันก็เป็นแบบนี้แหละ ฮ่าๆ !!
....
สาวไวท์อย่าเพิ่งน้อยใจไป เดี๋ยวอีกไม่นานน้องตูนก็จะเอาตอนที่หนึ่งมาลงให้แล้วล่ะค่ะ !
รออีกนิดเน๊อะ? แล้วก็อย่างงไป ถ้าเห็นคู่ของตัวเองมาโผล่ฝั่งดาร์ก >___<
ก็แหม! ผู้ชายหล่อๆแบบนั้น ~ สาวดาร์กของยูก็ต้องอยากได้เป็นธรรมดาสิจ๊ะ หุหุหุหุหุ
ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดน๊า >,<
งั้นช่วงนี้จะงดการทรมานให้หน่อยก็ได้ . เห็นแก่ความน่ารักของทุกคนหรอกน๊า >[]<
จุ๊บๆๆๆ >3< รักทุกคน ! รักจริงๆ 555
ความคิดเห็น