ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมคนพิฆาตบู๊ลิ้ม

    ลำดับตอนที่ #6 : วิกฤติเซียวเบ๊เป้า 1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 52


       

    เซียวเบ๊เป้า(ป้อมอาชาสกุลเซียว) นับจากเบื้องสูงเบื้องต่ำมีผู้คนกว่าร้อยชีวิต ประกอบกิจการปศุสัตว์เลี้ยงม้าเป็นอาชีพ โดยประมุขป้อมผู้ก่อตั้งมีนามว่าเซียวเบ๊กุ้ย(ภูตอาชา) ประมุขป้อมคนที่สองที่เป็นทายาท มีนามว่าเซียวฮ้วยเบ๊(อาชาโลหิต) จนมาถึงประมุขป้อมคนปัจจุบันมีนามว่า เซียวเบ๊ซิ้ง(เทพเจ้าอาชา) มีฉายาว่าเบ๊ซิ้งกุนจื้อ(วิญญูชนเทพเจ้าอาชา) ตกทอดสืบต่อกันมาสามชั่วรุ่น

    ในยุคนั้นอาชากลับเป็นพาหนะชั้นเลิศ ที่ยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ว่าผู้ใดถ้าต้องการจะเดินทางโดยสะดวกและรวดเร็ว ล้วนจะต้องหวังพึ่งอาชา ไม่ว่าจะเป็น รถม้า ม้าเร็ว หรือม้าบรรทุกของ ยามศึกม้ายิ่งเป็นสิ่งที่ต้องการมากในการรบ ตลาดค้าขายม้าก็เลยผุดขึ้นทั่วทั้งทุกมุมเมือง แต่เจ้าของตลาดค้าม้าที่มีอิทธิพลมากที่สุดกลับคือ เซียวเบ๊เป้า

    ในแวดวงนักเลงชื่อเสียงของเซียวเบ๊เป้าเอง ก็ไม่ต่ำทราม มีการคบหากับชาวยุทธจักรมากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสำนักชาวยุทธ์ใหญ่น้อยเพียงใด ล้วนต้องการโดยสารม้า ก็ต้องสั่งซื้อม้าจากเซียวเบ๊เป้าแห่งนี้ เพราะฉะนั้นเวลาขนส่งม้าผ่านเมืองต่างๆ ปัญหาโจรร้ายสกัดขวางทางจึงแทบจะไม่มีให้พบเห็น

    วรยุทธ์ประจำตระกูลเซียวเองก็นับว่าไม่ต่ำทราม ผู้สืบทอดในแต่ละรุ่นล้วนเป็น อัจฉริยะบู๊ลิ้ม ที่มาของชื่อเสียงเซียวเบ๊เป้านั้น ล้วนมาจากพวกมันนี่เอง กิจการของเซียวเบ๊เป้าจึงยืนหยัดมั่นคงตลอดมา

    ต๊ก ต๊ก ต๊ก เสียงดีดลูกคิดดังขึ้น ออกมาจากภายในห้องบัญชีของเซียวเบ๊เป้า เซียวหงยี้กำลังกางสมุดบัญชีไว้กึ่งกลางโต๊ะเบื้องหน้า นิ้วมือเรียวงามดีดลูกคิดไปมา แต่สติสมาธินางไม่ได้จดจ่อกับเรื่องราวที่นางกำลังทำอยู่ ภายในใจนางประหวัดหวนนึกถึงเรื่องราวอื่น ในเสียงดีดลูกคิดปะปนด้วยเสียงถอดถอนใจผสมอยู่ด้วย

    คุณหนู!? คุณหนูอยู่ไหนคะ?เสียงเสี่ยวชุ่ยดังขึ้น น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นเร่งรีบ

    เสี่ยวชุ่ยตลอดรายทางส่งเสียงเรียกหานางตลอดเวลา จนมาถึงบริเวณใกล้กับห้องบัญชีที่นางอยู่

    เสี่ยวชุ่ย ข้าอยู่นี่ทันทีที่นางส่งเสียงตอบ ประตูห้องบัญชีก็ถูกกระแทกเปิดออกโดยแรง ร่างของเสี่ยวชุ่ยก็พุ่งพรวดเข้ามา

    เจ้ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงรีบร้อนเยี่ยงนี้เซียวหงยี้ อดตำหนิภายในใจไม่ได้ ว่าการกระทำของเสี่ยวชุ่ยนี้ออกจะไร้มารยาทเกินไปหน่อย แต่แล้วนางก็พลันฉุกคิดได้ว่า

    หรือว่า เซี่ยวงู้(วัวน้อย)ก่อเรื่องอะไรอีก

    ไม่ใช่คะ คุณหนู ปะ...เป้าจู้(ประมุขป้อม)กลับมาแล้ว...

    ไม่ทันที่เสี่ยวชุ่ยจะพูดจบ ก็มีหมอกควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งลอยผ่านร่างนางไป เซียวหงยี้ที่สมควรนั่งอยู่บนเก้าอี้กลับพลันหายสาบสูญไป

    เซียวหงยี้ ทุ่มเทวิชาตัวเบาเต็มที่ เพียงแค่ชั่วพริบตา ก็มาถึงหน้าห้องโถงกลาง ที่ติดกับประตูหน้า

    กึ่งกลางห้องโถงใหญ่ ยืนไว้ด้วยบุรุษหนุ่มโครงหน้าหล่อเหลา ท่าทางสุภาพอ่อนน้อม ท่วงท่าเฉกเช่นบัณฑิตผู้คงแก่เรียน แต่กลางหลังมันกลับสะพายไว้ด้วยดาบใหญ่ฟันขาม้า นับว่าเป็นสภาพที่ขัดตากันยิ่งนัก

    เซียวหงยี้ เมื่อเห็นบุรุษหนุ่มยืนอยู่กลางห้อง ก็ไม่ขบคิดใคร่ครวญถึงสิ่งใด โผร่างเข้าสู่อ้อมอกของชายหนุ่มผู้นั้นโดยทันที

    ม่วยม่วย(น้องสาว) เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว นับวันจะยิ่งเหลวไหลใหญ่แล้วนะเนี่ยถึงปากจะกล่าวว่าเช่นนั้น แต่มือของบุรุษหนุ่มก็ยังลูบศีรษะของหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกตนอย่างอ่อนโยน

    กอกอ(พี่ชาย)

    มีอะไรหรือ? โอ๊ย...ชายหนุ่มไม่ทันจะได้ระวังตัว ก็ถูกหญิงสาวในอ้อมอกตนรัวกำปั้นใส่ ฟังจากเสียงหมัดที่ฝ่าอากาศดัง หวืด หวืด ก็สามารถคาดคิดคำนวณได้ว่า น้ำหนักกำปั้นแต่ละข้างคงหนักหน่วงยิ่งนัก

    พะ...พอก่อน พอก่อน ม่วยม่วยชายหนุ่มพยายามห้ามปรามหญิงสาว แต่วาจาที่กล่าวออกมากระท่อนกระแท่นยิ่งนัก

     กอกอเป็นเพราะท่านและไม่ดี หลายวันมานี้ ไฉนไม่ยอมติดต่อส่งข่าวคราวกลับมาบ้างเลย

    ในที่สุดพายุหมัดก็สงบลง ชายหนุ่มมีความรู้สึกเหมือนว่าตนได้รับการนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ แต่ต้องรอคอยอยู่นานมาก กว่าชายหนุ่มจะกล่าววาจาตอบโต้ได้

    ม่วยม่วยอันประเสริฐ เจ้าไม่ได้รับนกพิราบสื่อสารจากข้าเหรอ ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่พอใจ ข้าเลยให้คนจัดส่งมาให้วันละสามตัว ส่งมาทุกวันไม่ได้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว

    งั้นทำไมข้าถึงไม่ได้รับละ เอ๊ะ!!ทันใดนั้นในห้วงสมองของนาง ก็ผุดภาพของบุคคลคนหนึ่งขึ้นมา

    เซี่ยวงู้(วัวน้อย)

    หือ บ้านเราเปลี่ยนมาเลี้ยงวัว ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่ทราบ

    ไม่มีอะไรนางรีบส่ายหัวปฏิเสธ แต่ที่จริงแล้วนางพยายามจะสลัดภาพในหัวนางออกไป เพราะภาพที่เกิดขึ้นในห้วงความคิดของนาง เป็นภาพใบหน้าของเฮ็กงู้ ในเหตุการณ์สยดสยองที่เกิดขึ้นในวันนั้น

    ม่วยม่วย เจ้าหน้าซีดไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?ชายหนุ่มยื่นมือออกไป แตะสัมผัสใบหน้าของหญิงสาว อย่างอ่อนโยนเป็นเชิงปลอบโยน

    กอกอ ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ  เอ๊ะ!? ท่าน...ขณะที่นางยกมือขึ้นมาปัดป่ายปฏิเสธ นางก็สังเกตเห็นว่ามือของนางแปดเปื้อนคราบโลหิต เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ปรากฏว่าเสื้อยาวตัวนอกของมันมีโลหิตไหลซึมออกมา        

    กอกอ ท่านได้รับบาดเจ็บ   

     

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×