คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ป้อมอาชาสกุลเซียว 2 (ไม่เหมาะกับเด็ก สตรีมีครรภ์และผู้รักสัตว์)
เซียวหงยี้ หลังจากควบขับม้ามาตลอดคืน ยามเที่ยงจึงมาถึงประตูเมือง เห็นฝูงชนคับคั่งเต็มท้องถนน จึงสละม้าลงมาก้าวเดิน พอดีนาสิกได้กลิ่นที่หอมหวน จึงฉุกคิดได้ว่า ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เวลาก็ล่วงเลยมายามเที่ยงแล้ว
เมื่อมองดูเห็นกลิ่นหอมลอยกรุ่นออกมาจากหน้าประตูเหลา จึงเดินตรงเข้าไปหา เห็นชายหนุ่มรูปกายดำคล้ำ แต่งกายซอมซ่อ ยืนอยู่หน้าเหลา คอยมองหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา จึงคาดว่าเป็นผู้รับใช้ที่ออกมาต้อนรับแขก
นางจึงตรงเข้าไปฝากม้าไว้กับมัน แต่เพียงเดินผ่านประตูเหลาเข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าว ด้านหลังของนางก็มีเสียงร้องโหยหวนราวกับสิ่งใดถูกพรากวิญญาณออกจากร่างไปดังขึ้น นางรีบหมุนขวับหันกลับไป
เซียวหงยี้แทบจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง แต่นางใช้ขันติยับยั้งไว้ได้ทัน สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านาง คือเศษซากของสิ่งที่เคยมีชีวิต ที่เรียกกว่าม้า เลือดสดไหลนองเต็มพื้นถนน ผู้คนแตกฮือออกรอบข้าง
นางยังเห็นผู้รับใช้ผู้นั้น กวัดแกว่งกระบี่ขนาดสั้นในมือไปมาอย่างคล่องแคล้ว ทุกครั้งที่ลงมีด ร่างของม้าก็ถูกแยกสิ้นส่วนออกมาเป็นชิ้นๆอย่างสวยงาม ปากของมันก็บ่นพึมพำไปมาราวกับเสียสติว่า
“...ดียิ่ง เนื้อชนิดนี้ดียิ่ง”
“เจ้าทำอะไรกับม้าของข้า?”นางพยายามระงับอาการโกรธจนถึงขีดสุด แต่ถึงจะเป็นยังงั้น น้ำเสียงที่กล่าวออกมาก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับเสียงกรีดร้อง
“เจ้าไม่ต้องห่วง ฝีมือปรุงอาหารของข้า ซือแป๋(อาจารย์)ชมว่า ข้าไม่เป็นที่สองรองใคร”มันยืดอกขึ้น กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
เซียวหงยี้ ร่างสั่นเทาด้วยความโกรธ ใบหน้าเขียวคล้ำดั่งตับหมู แต่นางยังไม่ลงมือ
นางสังเกตว่าชายผู้นี้ถึงร่างกายสูงใหญ่ แต่คล้ายคนไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน ประกายตาเฉกเช่นคนธรรมดา ท่าทางของมันสัตย์ซื่อโง่งมไม่คล้ายคนที่มีเจตนาร้าย
“เถ้าแก่(ผู้จัดการ) เถ้าแก่ที่นี้อยู่ไหน?”
“ข้าน้อยอยู่ที่นี่ เสียวเจี้ยะ(คุณหนู)มีอะไรจะให้รับใช้?”
ทันทีที่หน้าประตูเหลาเกิดเรื่อง มันก็รีบพาตัวออกมาจากหลังคอกเสมียน พอเห็นผู้ใดยืนอยู่หน้าประตูเหลา มันก็จดจำออกแต่แรกแล้วว่า เป็นเสียวเจี้ยะ(คุณหนู)ป้อมอาชาสกุลเซียว มันจึงคอยยืนคุมเชิงอยู่ด้านข้าง พอได้ยินที่นางเรียกหาก็ปรากฏตัวออกไปได้ในทันที
“เถ้าแก่ ผู้รับใช้ของเหลาท่าน ทำกับม้าข้าพเจ้าเช่นนี้ ท่านมีอะไรจะว่ากล่าว?”
“มะ...มันไม่ใช่ผู้รับใช้ที่นี้”เถ้าแก่เหลาคาดไม่ถึงว่านางจะกล่าวหามันเช่นนี้ ต้องตะกุกตะกักตอบคำไป
“ไม่ใช่ผู้รับใช้ที่นี่!?”สุ่มเสียงของนางที่เปล่งออกมา แทบไม่ต่างอะไรกับเสียงกรีดร้องเวลาที่ผู้คนพบภูตผี
นางจ้องมองชายที่กำลังคร่ำเคร่งกับการแล่เนื้อม้า โดยที่ไม่สนใจเลยว่ารอบข้างกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ท่านเป็นใคร?”
“ข้าเรียกว่า เฮ็กงู้(วัวดำ)”ทันทีที่ได้ยินคำถามจากนาง มันก็หยุดวางงานที่อยู่ตรงหน้า ลุกขึ้นมาส่งยิ้มแยกเขี้ยวให้กับนาง
ทันใดนั้นนางรู้สึกสว่างจ้าที่เบื้องหน้าสายตา ชายที่ใบหน้าหยาบกร้านพื้นเพธรรมดา เหมือนกับคนป่าคนดอยทั่วไป แต่พอนางได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจที่เหมือนกับกำลังแยกเขี้ยวอยู่นั้นแล้ว นางพลันรู้สึกว่าคนผู้นี้น่ารักยิ่งนัก
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”เฮ็กงู้สังเกตเห็นว่านางนิ่งเงียบไป เอาแต่จ้องหน้ามัน ทำให้มันอดสงสัยไม่ได้
“มะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณท่านมาก”นางพลันได้สติ รู้สึกว่าเสียกิริยาไป จึงรีบกลบเกลื่อน กล่าววาจาเปะปะไปมา
“ท่านทำไมจึงฆ่าม้าของข้าพเจ้า?”
“เจ้าไม่ได้บอกให้ข้าจัดการหรอกหรือ!? ข้าก็จัดการให้ตามที่เจ้าบอกแล้วไง”เฮ็กงู้ผายมือไปที่ร่างท่วมเลือดของม้าบนท้องถนน
“อ๋า!?”นางพลันนึกถึงคำพูดที่นางกล่าวกับมันขึ้นมาได้ แต่นางยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันผู้นี้ ถึงเข้าใจไปได้ว่า ตนต้องการให้มันทำเช่นนี้กันแน่
เฮ็กงู้เห็นประกายสงสัยในดวงตาของนาง จึงชี้มือไปทางห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง เมื่อนางมองตามไป ภาพพ่อครัวผู้หนึ่งที่ผูกผ้ากันเปื้อน มือหนึ่งถือมีดปลายแหลม กำลังสับลงไปตรงหัวปลาก็ปรากฏขึ้นมา นางก็พลันเข้าใจในทันที
“เสียวเจี้ยะ เกรงว่ามันผู้นี้จะเสียสติ ข้าว่าจับมันส่งให้กรมเมือง จะดีกว่า”เถ้าแก่ร้านเหลาขยับมือส่งสัญญาณ ผู้รับใช้ภายในเหลาก็ตรงเข้ามาล้อมชายหนุ่มเสียสติเอาไว้
เซียวหงยี้ ถอดถอนใจคำหนึ่งแล้วกล่าวว่า
“แล้วกันไปเถอะ บอกให้มันชดใช้เงินออกมาก็พอ”
“ได้ยินไหมเจ้าคนเสียสติ เสียวเจี้ยะมีเมตตาไม่เอาผิดเจ้า ชดใช้เงินมา”เถ้าแก่ร้านเหลาสังเกตเห็นมันยืนเชื่องซึมโง่งม อดย้ำเตือนอีกคำหนึ่งไม่ได้
“ได้ยินหรือไม่ เจ้าชดใช้เงินมา เสียวเจี้ยะก็จะไม่ติดใจเอาความเจ้า”
“เงินคืออะไร?”
คำตอบของเฮ็กงู้ ทำให้เถ้าแก่ร้านเหลาถึงกับทำอะไรไม่ถูก ต้องครุ่นคิดว่า
“แย่แล้ว เจ้าคนเสียสตินี่ แม้แต่เงินทองยังไม่รู้จัก ครั้งนี้จะทำไงดี”
เซียวหงยี้เอง ก็ไม่ทราบว่าจะทำเช่นไรกับคนเสียสติเบื้องหน้านี่ดี จะจับส่งกรมเมืองก็ออกจะโหดร้ายเกิน จะปล่อยมันไป ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ขณะที่ตกลงใจไม่ถูก เลยตัดสินใจนำมันกลับมาด้วย ประจวบเหมาะกับที่บ้านขาดคนงาน เลยให้มันทำงานชดใช้
นั้นเป็นเรื่องเมื่อสามวันก่อน เสียงหนึ่งดังขึ้นปลุกนางตื่นจากภวังค์ กลับเป็นเสียงกรีดร้องของเสี่ยวชุ่ย
เซียวหงยี้ไม่ขบคิดใคร่ครวญ มือแตะถูกด้ามกระบี่ ร่างก็กลายเป็นหมอกควันจางๆสายหนึ่ง พุ่งตัวออกไป
ขณะโลดแล่นตะบึง ในใจเฝ้าอดเป็นห่วงเสียวชุ่ยไม่ได้ ไม่ทราบว่าคนเสียสติเฮ็กงู้ ทำอะไรกับนาง โดยลืมไปว่าเสี่ยวชุ่ยเอง ถึงจะเป็นสาวใช้แต่ก็มีวรยุทธ์ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตน
ระยะทางกว่าหนึ่งร้อยวา นับว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป แต่เซียวหงยี้ ใช้เวลาเพียงแค่คนธรรมดากระพริบตาสามครั้งก็โลดแล่นไปถึง ความรวดเร็วของท่าร่างนับว่าสำเร็จถึงขั้นยากหาใครเทียม
นางเห็นเสี่ยวชุ่ย ยืนแข็งทื่อตัวสั่นเทา นางก็ชักกระบี่ออกมาจ่อจี้กับจุดเมี่ยมึ้งที่กลางหลังเฮ็กงู้ทันที อากัปกิริยาชักกระบี่จำแนกจุดสำเร็จภายในชั่วพริบตา ความรวดเร็วของฝีมือ ความแม่นยำของการจำแนกจุด สุดที่จะเคยพบเห็นมาก่อน เพียงนางเสียดแทงกระบี่ไปอีกไม่ถึงสามหุนก็สามารถปลิดชีวิตเฮ็กงู้ไปได้ในทันที
“เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวชุ่ย”
“จะ...จะ...เจ้าลาย”กว่าเสี่ยวชุ่ยจะตอบคำออกมาได้ ก็เป็นอีกหลายนาทีให้หลัง
“เจ้าลาย?”เจ้าลายเป็นสุนัขจรจัดที่นางกับเสี่ยวชุ่ยเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ทุกเช้ามันจะป้วนเปี้ยนขออาหารอยู่ข้างกายพวกนาง จะว่าไปเช้านี้นางก็ยังไม่เห็นมันเลย
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงรางสังหรณ์อัปมงคลบางอย่าง ต้องยื่นหน้ามองข้ามไหล่ของเฮ็กงู้ไป เบื้องหน้าเฮ็กงู้ มีหม้อที่ต้มน้ำเดือดอยู่ ภายในต้มด้วยซุบเนื้อที่นางไม่ทราบที่มาอยู่หม้อหนึ่ง นางอดภาวนาในใจไม่ได้ว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่นางคิดเลย
แต่พอเฮ็กงู้หันหน้ามา นางแทบจะเป็นลมสิ้นสติ ในปากของเฮ็กงู้กำลังคาบหัวสุนัขหัวหนึ่ง ใบหูกับซีกหน้าด้านหนึ่งถูกเฮ็กงู้แทะกินกลืนลงท้องไปแล้ว ถึงจะหลงเหลือใบหน้าแค่ซีกข้างเดียว นางก็ยังจำเจ้าลายได้ดี
“คุณหนู!?”
สิ่งสุดท้ายที่นางได้ยินก็คือเสียงกรีดร้องของเสี่ยวชุ่ย จากนั้นโลกเบื้องหน้านางก็ดับมืดลง นางล้มลงสิ้นสติไป
ความคิดเห็น