ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมคนพิฆาตบู๊ลิ้ม

    ลำดับตอนที่ #4 : ป้อมอาชาสกุลเซียว 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 52


    พื้นดินดุจดั่งถูกปูพรมเขียวจนสุดสายตา แผ่นฟ้าดุจดั่งโดนฝืนผ้าสีครามปกคลุมไว้ ณ สถานที่นี้โลกถูกแบ่งออกเป็นสองสีอย่างชัดเจน

    ฝูงม้ากำลังแทะเล็มริมยอดหญ้า นกเหยี่ยวโบยบินผ่าคลื่นเมฆ บนพื้นที่ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตานี้ กลับมีสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่ที่นี่ บนป้ายขวางที่ลงชาดแดงตั้งอยู่หน้าประตูนั้น มันสลักตัวอักษรบนเนื้อไม้ไว้ว่า ป้อมอาชาสกุลเซียว(เซียวเบ๊เป้า)

    เสี่ยวชุ่ย

    มีอะไรหรือคะ?  คุณหนูสตรีสาวเยาว์วัย แต่งกายเช่นหญิงรับใช้ผู้หนึ่ง นางกำลังจัดเตรียมของว่าง ชงน้ำชาอยู่บนโต๊ะ ต้องละสายตาจากงานตรงหน้า ขึ้นมามองหน้าผู้เป็นนาย

    ผู้เป็นนายของนาง เป็นสตรีสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ผิวกายขาวผ่อง รูปปากเรียวเล็ก สองตาเป็นประกายสดใส เป็นหญิงงามที่น้อยครั้งจะได้พบพาน 

    เจ้าเห็นนั่นหรือเปล่า?เซียวหงยี้ ชี้มือไปทางด้านนอกของคอกม้า

    เสี่ยวชุ่ย มองตามทิศทางที่นางบ่งบอก ที่ด้านนอกของคอกม้า ปรากฏเงาตะคุ่มๆของชายผู้หนึ่ง ก้มๆเงยๆอยู่บริเวณนั้น ท่าทางของมันเหมือนกับกำลังคะมักคะเม้นทำสิ่งใดอยู่

    นั่นมิใช่คนที่คุณหนูพึ่งรับเข้ามาใหม่หรือ หรือว่านางหลงลืมไปแล้ว

    เสี่ยวชุ่ย ครุ่นคิดเช่นนั้นแต่ไม่ได้บอกกล่าวออกไป

    เรียนคุณหนู นั้นคือคนที่คุณหนูพึ่งนำกลับมาด้วย เมื่อสามวันก่อน นามเฮ็กงู้(วัวดำ)ไงละคะ

    เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ข้าหมายความว่า เจ้านั่นไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น?

    อ๋อ!?  ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ คุณหนูเสี่ยวชุ่ย หลังจากตอบคำก็หันหลังกลับไปสนใจงานที่อยู่บนโต๊ะต่อ ปราศจากความสนใจใคร่รู้ กับพฤติกรรมแปลกประหลาดของชายผู้นั้น 

    เสี่ยวชุ่ย เจ้าไม่คิดสงสัยบ้างเหรอ?

    ไม่นี่คะ คุณหนูเสี่ยวชุ่ย ก้มหน้าตอบคำ โดยไม่ชำเลืองมองขึ้นมาแม้หางตา

    เซียวหงยี้ ที่เห็นดังนั้นถึงกับต้องเอามือขึ้นมากุมขมับ สงสัยนางจะต้องบอกกล่าวโดยตรงกว่านี้

    เสี่ยวชุ่ยผู้ประเสริฐ รบกวนเจ้าไปตรวจดูชายผู้นั้นได้หรือไม่ ว่าเจ้านั่นกำลังทำอะไรอยู่

    เสี่ยวชุ่ย ทันทีที่ได้ยินคำว่ากล่าวจากนายสาว นางก็วางถ้วยน้ำชาลงเบื้องหน้าดังปัง สายตาปรากฏแววครุ่นเคืองขึ้น

    คุณหนู ท่านไม่เห็นต้องประชดเสี่ยวชุ่ยอย่างงี้เลย บอกกล่าวกันดีๆก็ได้ ยังไงเสี่ยวชุ่ยก็ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งคุณหนูอยู่แล้ว

    หลังจากเสี่ยวชุ่ยเดินปึงปังออกไป  นางต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางกับเสี่ยวชุ่ยถึงจะมีฐานะนายกับบ่าว แต่ก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จึงสนิทสนมเหมือนกับพี่น้อง

     นางมองทอดสาตตาออกไปนอกคอกม้า ในห้วงสมองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อสามวันก่อน ตอนที่นางเดินทางกลับมาจากต่างเมือง ผ่านเหลาขายอาหารแห่งหนึ่ง นางก็ได้พบกับเจ้าคนป่าเฮ็กงู้ผู้นั้นที่นั่น

    เฮ็กงู้ใช้เวลาเดินทางกว่าสามวัน กว่าจะหาทางออกจากหุบเขามาได้ มันสืบเสาะจนพบเส้นทางถนนสายหนึ่ง

    มันเดินไล่ย้อนไปตามถนน พระอาทิตย์เปลี่ยนจากลอยอยู่ขอบฟ้า มาเป็นฉายแสงอยู่บนกลางศีรษะ ในที่สุดมันเสาะพบเมืองแล้ว

    เฮ็กงู้ เดินเข้าไปในเมือง คลื่นมหาชนคับคั่งเต็มท้องถนน ตึกรามบ้านช่องถูกสร้างติดกันเป็นทิวแถว มันเดินดูร้านค้ามากมายที่เปิดขายอยู่ข้างถนน ช่วงเวลาเที่ยงนับว่าเป็นเวลาที่คึกคักมากที่สุดของเมือง

    มันปากอ้าตาค้างแล้ว เกิดมามันไม่เคยพบเห็นผู้คนมากมายปานนี้มาก่อน ทั้งชายหญิงเด็กแก่ชรา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับมัน มันสมองหมุนตาลาย ต้องยืนหยุดพักผ่อนเอาแรงชั่วครู่

    ทันใดนั้น ที่หางตามันก็เห็น เมฆเขียวกลุ่มหนึ่ง ส่งกลิ่นหอมอันชวนเคลิบเคลิ้ม ระลิ่วร่างมาทางด้านนี้

    เมื่อเฮ็กงู้เพ่งมองให้ดี เมฆเขียวกลุ่มนั้น ก็คือสตรีสาวสวมชุดเขียวผู้หนึ่ง

    ในมือนางยังถือเชือกที่จัดทำจากหนังเส้นหนึ่ง ที่ผูกล่ามกับลำคอสัตว์ชนิดหนึ่งเอาไว้ เป็นสัตว์ที่เฮ็กงู้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนภายในหุบเขา

    มันมีช่วงลำคอที่ยาวและตั้งตรง มีแผงคอยาวที่ด้านหลัง จมูกขนาดใหญ่ที่ยื่นยาวออกมา ช่วงลำตัวที่กว้างและสูงใหญ่ มีหางเป็นฟูฝอยสะบัดกวัดแกว่งตลอดเวลา และที่สำคัญบนหลังของมัน มีเบาะที่ถูกจัดสร้างคล้ายกับที่นั่งผูกกับลำตัวของมันวางไว้อยู่

    ผู้รับใช้ ฝากจัดการม้าของข้าให้ด้วย

    ขณะที่เฮ็กงู้กำลังมึนงงสงสัย กับวาจาของนางอยู่นั้น นางก็ยื่นเชือกหนังที่ล่ามสัตว์ชนิดนั้นไว้ มาไว้ในมือมัน จากนั้นก็เดินเฉียดผ่านข้างกายมันไป

    เฮ็กงู้ก้มลงมองเชือกหนังที่อยู่ในมือมัน สลับกับสัตว์ที่เรียกว่าม้าตรงหน้า ใบหน้ามันชวนฉงนสนเท่ห์จนถึงขีดสุด คำว่า จัดการของนางนั้นหมายถึงสิ่งใด

    พอมองตามนางที่เดินผ่านไปยังที่ด้านหลัง ก็พบตัวตึกอยู่ตึกหนึ่ง ภายในจัดเรียงโต๊ะไว้จำนวนมาก ทุกโต๊ะล้วนมีผู้คนจับจอง มีผู้รับใช้จำนวนมากกำลังวิ่งวุ่นไปมา นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเหล่านั้น

    ที่แท้ ที่ๆมันยืนหยุดพักอยู่นั้น เป็นพื้นที่หน้าด้านประตูเหลาขายอาหาร ยามเที่ยงเช่นนี้ ผู้รับใช้ภายในเหลาต่างก็วิ่งวุ่นรับรองแขกเหรื่อที่มาดื่มกิน จนมือไม้ปั่นป่วนเป็นประวิง ใคร่อยากจะมีสามหัวหกกรยิ่งนัก

    พอมองเลยผ่านไปด้านหลังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งผูกผ้าขาวฝืนใหญ่อยู่บนเอว ยืนอยู่หน้าเขียงไม้ มือข้างหนึ่งถือมีดประกายวาววับ มืออีกข้างจับเชือกที่ผูกล่ามสุกรไว้ เพียงไม่นาน สุกรตัวนั้นก็ถูกตัดแบ่ง ปรุงสุก นำมาวางไว้อยู่บนโต๊ะ แล้วก็หายสาบสูญไป

    กับขั้นตอนทั้งหมด ล้วนผ่านตา เฮ็กงู้ทั้งหมดครบถ้วน มุมปากมันปรากฏรอยยิ้มที่ ชวนให้ผู้พบเห็นประหวั่นพรั่นพรึงขึ้น มันนับว่ารับทราบแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×