ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมคนพิฆาตบู๊ลิ้ม

    ลำดับตอนที่ #2 : บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 52


    ดวงตะวันเริ่มทอแสงประดับที่สุดขอบฟ้า ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของพื้นพิภพ ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว แสงตะวันก็เป็นดังเดิม ล้วนเริ่มฉายแสงมาจากทางบูรพาทิศเช่นนี้ตลอด นี่เป็นหลักแก่นแท้ของโลกที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    เรื่องบางเรื่อง คนบางคน ต่อให้ท่านคิดหลบหลีกเช่นไร ต่อให้ท่านไม่ชอบใจเพียงไหน มันก็ยังต้องเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเช้าของวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว เรื่องราวล้วนมาแล้ว ที่ริบผนังเชิงผาที่เปลี่ยวร้าง ปรากฏเงาร่างของผู้คนสองคน

    ซือแป๋ ข้าจะต้องไปจริงๆเหรอเฮ็กงู้ จับจ้องไปที่ใบหน้าของอาจารย์ หวังว่าอาจารย์จะเปลี่ยนใจให้มันอยู่ต่อ แต่มันผิดหวังแล้ว มันเห็นแต่แววตาที่มั่นคงแน่วแน่ เช่นที่มันได้เห็นมาตลอดมากว่าสิบปี

    เฮ็กงู้ นี่คือทิบักเกี่ยม(กระบี่ไม้เหล็ก)เจ้าจงพกพานำติดตัวไว้อาจารย์ล้วงมือหยิบกระบี่สั้นเล่มหนึ่งจากอกเสื้อ ยื่นให้แก่มัน

    เฮ็กงู้สำรวจมองกระบี่ที่อาจารย์ยื่นมาให้ พบว่านี่เป็นเพียงกระบี่ไม้ธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้น ความยาวของตัวกระบี่ทั้งหมดมีเพียงแค่ หนึ่งเชียะครึ่งเท่านั้น สามารถซุกเก็บซ่อนไว้ในอกเสื้อได้ แต่เมื่อมันได้รับมาสัมผัสแล้ว ก็พบความมหัศจรรย์ของตัวกระบี่เล่มนี้ กระบี่ที่มันคิดว่าเป็นเพียงกระบี่ไม้น้ำหนักเบา แต่เมื่อนำมาถือไว้ในมือแล้ว กลับมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า สามสิบชั่ง เฮ็กงู้ทั้งตื่นเต้นทั้งประหลาดใจ ลูบคลำอยู่นานก่อนจะซุกเก็บไว้ในแขนเสื้อ

    เฮ็กงู้ได้เวลาแล้ว เจ้าไปได้แล้ว

    ซือแป๋ท่านจะต้องระวังรักษาตัวให้ดีอาจารย์มันเพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น

    เฮ็กงู้กระชับห่อผ้ามั่น แต่มันก็ยังไม่ได้ก้าวจากไปในทันที มันจับจ้องใบหน้าผู้ที่มีพระคุณของมันเป็นครั้งสุดท้าย หวังจะจดจำจารึกไว้ในความทรงจำให้ได้มากที่สุด มันมีลางสังหรณ์ประหลาดว่าการจากกันครั้งนี้ จะเป็นการลาจากกันตลอกกาล

    ซือแป๋ ท่านเลี้ยงดูสั่งสอนข้ามากว่าสิบปี ข้ายังไม่รู้จักชื่อฉายาท่านเลย ข้ารู้ว่าท่านมีความหลังที่ไม่อยากบ่งบอก แต่จากกันครั้งนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโอกาสพบพานกันอีก ไม่ทราบว่าท่านจะประทานบอกให้แก่ข้าได้หรือไม่

    ซือแป๋พอฟังที่เฮ็กงู้เอ่ยถามถึงชื่อฉายา ก็กระตุ้นให้มันหวนระลึกคิดถึงความหลัง ต้องยกมือขวาที่หลงเหลือเพียงสามนิ้ว ขึ้นมาสัมผัสกับรอยแผลดาบบนใบหน้าอย่างเลอะเลือนคล้ายไม่เจตนา

    เฮ็กงู้ที่เห็นเช่นนั้นก็ฉุกคิดได้ว่า

    หรือว่าที่ซือแป๋ปิดบังชื่อฉายา จะเกี่ยวข้องกับรอยแผลดาบบนใบหน้านี้?

    ซือแป๋มันไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงแต่ถอดหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะบอกเล่าตำนานบู๊ลิ้มเรื่องหนึ่งให้แก่มันฟัง

    เมื่อยี่สิบปีก่อนในบู๊ลิ้ม มีอัจฉริยะปีศาจผู้หนึ่ง ฉายานาม บ้อเก็กม้อจุน(พญามารไร้เทียมทาน) มีนิสัยประหลาดพิกล ฝีมือโหดเหี้ยมอำมหิต พลังการฝึกปรือสูงเยี่ยม ชาวธรรมะและอธรรมต่างตายในเงื้อมมือมันมากมายนับมิถ้วน

    ดังนั้นทั่วทั้งบู๊ลิ้มสะท้านสะเทือนแล้ว  มันสะกิดความแค้นของส่วนรวมขึ้น ในสายตาชนชาวธรรมะมันเป็นมารร้ายแห่งยุค ในสายตาของชาวอธรรมถือว่าเป็นดาวข่มพวกมัน

    โดยที่ไม่ได้นัดหมาย ชนชาวธรรมะและอธรรมต่างออกไล่ล่าสังหารมัน

    ยอดฝีมือฝ่ายธรรมะออกไล่ล่าสังหารมัน อ้างว่าเพื่อพิทักษ์ธรรม

    มารร้ายจากค่ายพรรคต่างๆ คอยซุ่มล่าสังหารมัน

    ดังนั้นเอง บนยอดเขาชุยซิมซัว(ยอดเขาผลาญวิญญาณ)เปิดฉากการฆ่าฟันที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้น

    การประหัตประหารผลาญชีวิตครั้งนี้ ใช้เวลาทั้งหมดสองวันหนึ่งคืน ถึงจะยุติ มีชนชาวยุทธ์ทั้งธรรมะและอธรรมเข้าร่วมกว่าสามร้อยชีวิต แต่ผู้ที่เข้าร่วมในการประหัตประหารครั้งนี้ ไม่มีสักผู้ใดได้ลงจากเขา

    ชื่อเสียงของมันยิ่งโด่งดังยิ่งกว่าเก่า อาถรรพ์การฆ่าฟันของมันยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ

     การฆ่าคนเหมือนดั่งเชื้อโรคร้าย มันไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้อื่นมันยังทำร้ายตนเองอีกด้วย เพราะฉะนั้น บ้อเก็กม้อจุนได้ทำร้ายตนเองเข้าเสียแล้ว

    มันยิ่งฆ่าคนยิ่งคลุ้มคลั่ง ยิ่งหยิ่งผยอง ยิ่งอวดอ้างตนเอง กระทำการอย่างเลอะเลือนมึนงง ก่อเกิดเภทภัยอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น แต่เรื่องราวในโลกมีใดบ้างที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เพียงแต่ว่ามันยังมาไม่ถึงก็เพียงเท่านั้น

    บ้อเก็กม้อจุนที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ไร้ผู้ใดเทียมทาน ในช่วงเวลาที่มันเหิมเกริมจนถึงที่สุด สวรรค์เหมือนกับกลั่นแกล้ง มันกลับพบพานคู่ปรับที่เป็นดาวข่มของตัวมัน นาม ตอเทียนซิ้ง(ดาบฟ้าเทพเจ้า)

    สองพยัคฆ์ห้ำหั่นย่อมยากจะหวังผลดีเลิศ หลังจากผ่านการต่อสู้ไปรอบหนึ่ง พวกมันทั้งสองต่างก็ได้รับบาดแผลเกลื่อนกล่นไปทั่วร่าง บ้างก็เบาบางดุจรอยขีด บ้างก็สาหัสจนแทบผลาญชีวิต

    แต่น่าเสียดายผลการต่อสู้ยังไม่ทันยุติ ผู้คนที่คลั่งแค้น เครียดขึ้งต่อบ้อเก็กม้อจุน พอสบช่องเห็นโอกาส ต่างพากันลุกฮือขึ้นต่อต้าน กลับเปล่งอานุภาพที่สะท้านสะเทือนดินขึ้นมา

    ความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติก็อยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจกันนี่เอง

    บ้อเก็กม้อจุนที่ได้รับบาดเจ็บในยามนั้นสองหมัดย่อมยากต้านทานสี่ฝ่ามืออยู่แล้ว มันถูกบีบบังคับ ให้ตัวมันกระทำสิ่งที่มันไม่เคยกระทำมาก่อน ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าสู่บู๊ลิ้ม นั่นคือ หลบหนี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×