คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : วิกฤติเซียวเบ๊เป้า 5
ซาจับซาลั้ง(สามสิบสามสุนัขป่า)คือยอดขุนโจรสามสิบสามคน ที่มารวมตัวกัน และตั้งนามภูเขาที่มันยึดครองว่าเฮ็กลั้งซัว(เขาสุนัขป่าดำ)
บนภูเขาเฮ็กลั้งซัว(เขาสุนัขป่าดำ)ชุมนุมโจรร้ายกว่า สองพันคน แต่เวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน เฮ็กลั้งซัว ที่ขึ้นชื่อลือชาก่อการไม่กลัวเกรงกับกฎหมายบ้านเมือง เป็นผู้นำฝ่ายมิจฉาชีพในบู้ลิ้ม ก็ถูกลบชื่อออกจากแผ่นดิน ไม่มีใครทราบว่าบนเขานั้นเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงเช่นใด เพียงแต่เห็นศีรษะสามสิบสามหัวของซาจับซาลั้ง กองเรียงรายอยู่บนทางเท้าขึ้นเขาเท่านั้น
มีบ้างบางคนที่อวดอ้างว่าตนกล้าหาญกว่าผู้อื่น อาสาขึ้นเขาไปตรวจสอบดู แต่ก็ต้องถอยหนีกลับโดยไว เมื่อเห็นสภาพที่เกิดขึ้นบนยอดเขา
พวกมันล้วนกล่าววาจาออกมาได้ไม่เกินครึ่งคำ ก็ล้วนอาเจียนเอาของเก่าออกมา กลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่ว หาสาระอะไรไม่ได้ แต่พวกมันก็ถือว่า ได้แสดงให้ทราบแล้วว่า สภาพเบื้องบนนั้นสยดสยองถึงเพียงไหน
ชาวบ้านรอบเฮ็กลั้งซัว ต่างชื่นชมยินดี จัดงานเฉลิมฉลองขึ้น ถึงแม้ว่าตนจะไม่ทราบว่าผู้ใด ได้ช่วยเหลือพวกตนไว้ก็ตาม แต่เมื่อถึงวันนี้ของทุกปี ชาวบ้านรอบเฮ็กลั้งซัวต่างจุดธูปเทียนกราบไหว้ เพื่อรำลึกถึงผู้มีพระคุณ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อ ภูเขาเฮ็กลั้งซัว(เขาสุนัขป่าดำ)มาเป็น ฮั้วซัว(เขาสงบสันติ)
แต่เรื่องราวในโลกหล้า ล้วนหาสมบูรณ์พร้อมไม่ ถ้าหากไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ ก็อย่าได้พึงกระทำ ผลจากการสืบข่าวของพรรคกระยาจก ค่ายพรรคอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ทำให้ได้ทราบถึงรูปประพันธ์สัณฐานของผู้ที่อาจจะเป็น ผู้ที่ล้มล้างเฮ็กลั้งซัวนี้
จากปากคำของผู้ที่พบเห็นมันต่างพากันกล่าวว่า มันมีรูปร่างใหญ่โต มือหยาบเท้าหยาบใหญ่ สองเท้าเปลือยเปล่า ผมยาวยุ่งเหยิง หนวดเครารกครึ้ม แทบจะปกปิดใบหน้าไปจนหมดจนสิ้น เพียงเห็นแต่ประกายตาที่ส่องแสงแวววับ ที่ไม่ต่างไปจากสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
ในดินแดนภาคเหนือที่อากาศหนาวเหน็บ มันกลับเพียงสวมเสื้อแขนสั้นตัวนอกเพียงแค่ชั้นเดียว อกเสื้อแปะออกกว้าง เผยให้เห็นผิวกายที่ดำคล้ำแตกต่างกับคนภาคเหนือ ผิวกายของมันสักไว้ด้วยลวดลายอักขระต่างๆที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ที่ต้นแขนขวาของมันยังผูกไว้ด้วยเชือกหญ้าเส้นหนึ่ง สำเนียงเสียงกล่าวก็แตกต่างจากชาวฮั่นทั่วไป
มีบ้างบางคนสันนิษฐานว่ามันมาจากเกาเมี้ยน(กัมพูชา) บ้างก็ว่า มันมาจาก หมิ่นเตี๋ย(พม่า) บ้างก็ว่า อ้วกน่ำ(เวียดนาม) แต่ที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด กล่าวกันว่ามันมาจากประเทศเซี่ยมล้อ(สยาม) แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นใด ก็ไม่มีผู้ใดพิสูจน์ยืนยันได้
ข่าวคราวพอแพร่ออกไป ชักนำให้ผู้กล้าทั่วทั้งแผ่นดินออกตามหาตัวมัน บ้างเพื่อหวังชื่อเสียง บ้างก็หวังสมบัติ ที่ซาจับซาลั้ง(สามสิบสามสุนัขป่า)รวบรวมไว้ แต่ที่มีจำนวนมากที่สุด กลับเป็นผู้คน ที่ต้องการรู้จักว่าตัวมันเป็นบุคคลเช่นไร
ผลจาการตามหาของผู้กล้าทั่วทั้งแผ่นดิน โดยมีพรรคกระยาจกคอยสนับสนุน ในที่สุดก็เสาะพบตัวมัน
นับว่าตัวมันโดดเดี่ยวจนแปลกพิกลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ล้วนเข้าหน้ามันไม่ติด เพียงสนทนากันไม่ถึงครึ่งคำ ก็ล้วนลงมือต่อยตีกัน
มันนิ่งเฉยยังพอทำเนา แต่พอลงมือ ก็ไม่ยับยั้งไว้ไมตรี มือเท้าสี่ข้างกลับแปรเปลี่ยนเป็นยอดศาสตรา ไม่มีผู้ใดต้านติด ดาบกระบี่ล้วนไม่ระคาย
มันกวาดมือวาดเท้าไม่กี่กระบวนท่า ก็หักกระดูกเฉือนเนื้อผู้คน ดั่งพายุร้ายโหมกระหน่ำ เศษซากสังขารปลิวว่อนล่องลอยอยู่ในนภาอากาศ ไม่ต่างอะไรกับเศษประทัดแดงที่ถูกจุดขึ้นในงานมงคล เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีผู้ใดเลยที่รู้สึกชื่นชมยินดี
ผู้ที่เคยต่อกรกับมัน ไม่มีเลยสักผู้ใดได้เห็นตะวันของเช้าวันใหม่ ล้วนตกตายกันจนหมดจนสิ้น ไม่สำคัญว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือว่าอธรรม สตรี ผู้เยาว์ หรือว่าคนชรา มันไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดทั้งสิ้น ล้วนลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
มันได้กระตุ้นความแค้นของส่วนรวมขึ้นแล้ว ญาติสนิท เพื่อนฝูงของผู้ตาย ล้วนคลั่งแค้น แต่สำนึกว่าตนลำพังหาทำอะไรมันได้ไม่
ปรากฏการณ์บู๊ลิ้มที่ไม่เคยถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อน ถึงถือกำเนิดเกิดขึ้นเพราะเหตุฉะนี้เอง
พวกมันต่างไม่แบ่งแยกว่า ท่านเป็นฝ่ายธรรมะหรือว่าตนเป็นฝ่ายอธรรม จอมยุทธ์ผู้กล้า มือสังหารหรือว่าฆาตกร พวกมันต่างลดทิฐิที่ควรมี พึงประสานมือกัน ร่วมกันกระทำการอย่างหนึ่ง เพื่อจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน
กำจัดฆ่า ม้อจุน(พญามาร) ฉายาที่ทุกผู้ต่างใช้เรียกขานมันด้วยความเครียดแค้น
พวกมันกว่าสามร้อยคนล้วนเป็นผู้เหี้ยมหาญภายในยุทธจักร เพียงแค่เอ่ยนามก็ทำให้สะท้านสะเทือนทั่วทั้งบู๊ลิ้มได้แล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ล้วนเป็นที่จับตาของผู้กล้าทั่วทั้งแผ่นดิน
พวกมันปฏิบัติการณ์อย่างรอบคอบรัดกุม ไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้ เพียงเพื่อหวังคำเพียงคำเดียวก็คือ “ฆ่า”
ความคิดเห็น