คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
@หลังโบสน์อาแมนด้า
ฉันดันแว่นเรย์แบนด์กรอบเหลี่ยมขึ้นบนสันจมูกอย่างมั่นใจพร้อมยกมือแตะผมที่มัดรวบตึงอยู่ด้านหลังอย่างเตรียมพร้อมไว้รับมือกับแผนการใหญ่ที่กำลังจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์สาวสิบเจ็ดของฉัน เอาล่ะ…ฉันไม่มีเวลาจะเล่าอะไรมากหรอกนะ ใกล้ได้เวลาเต็มทีแล้ว
“พร้อมแล้วครับคุณหนู”
ชายสามคนในเสื้อสูทสีดำยาวเดินตามข้างหลังฉันอย่างระมัดระวัง พวกเขาคือลูกน้องคนสนิทของพ่อที่ฉันคัดมาแล้วว่าทำงานไว และไว้ใจได้ที่สุดแล้วในบรรดาลูกน้องเกือบร้อยคนของพ่อทั้งหมด
“ดีมาก พวกนายจำเป้าหมายกันได้แล้วใช่ไหม”
ฉันหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนชูให้พวกเขาทั้งสามคนดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“จำได้แล้วครับ หล่อๆ แบบนี้ผมจำได้แม่นเลยล่ะครับคุณหนู”
“ดี พวกนายอย่าทำให้ฉันผิดหวังแล้วกัน”
ฉันเก็บรูปเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนเดินนำหน้าพวกเขาเข้าไปในโบสถ์เพื่อเข้าร่วมพิธีบ้าๆ ที่ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลยสักนิด จริงอยู่ที่ฉันอาจจะเจอกับพี่แดนช้าไป จริงอยู่ที่ฉันจะห้ามไม่ได้ถ้าหากว่าพี่เขากำลังจะแต่งงานกับแฟนสาวที่หมั้นกันไว้ตั้งแต่เด็กเพื่อย้ายครอบครัวไปทำงานที่เมืองนอกและเพื่อเหตุผลทางธุรกิจ
เดาถูกแล้วล่ะ นี่คืองานแต่งงานของผู้ชายที่ฉันรักยังไงล่ะ!!
ฉันนึกถึงใบหน้าขาวใสและผมสีน้ำตาลอ่อนพริ้วไหวยามต้องลมของชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ฉันใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา และฉันก็คิดว่าเราสองคนเหมาะสมกันเสมอมา จนกระทั่ง…
“คิดแผนบ้าอะไรอยู่น่ะ ยัยตัวแสบ”
ฉันหันไปมองชายหนุ่มในเสื้อสูทสียีนส์กับผมปรกหน้ายุ่งๆ แบบไม่พิถีพิถันแต่กลับดูเข้ากันกับหน้าตาหล่อร้ายของเขาอย่างน่าหมั่นไส้ แต่แค่ความกวนประสาทบวกกับนิสัยอันธพาลอันเลื่องชื่อของเขา ทำให้ฉันได้แค่เหยียดปากอย่างรังเกียจ ก่อนตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปข้างในโดยไม่คิดจะสนใจและไม่คิดจะพูดอะไรด้วยทั้งนั้น
“เดี๋ยวก่อนสิคนสวย” เขาก้าวยาวๆ มายืนดักข้างหน้าฉัน ลูกน้องของพ่อทั้งสามคนที่เดินตามหลังฉันมา ทำท่าจะเดินเข้ามาขวาง แต่ฉันกลับโบกมือห้ามไว้ก่อน
“นายมีอะไร”
“เธอนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังมีแผนอะไรอยู่ในใจน่ะ”
“แผนบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้นหรอกนะ”
“เธอมี เธอมีแน่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนฉันที่กำลังจะแต่งงานอยู่ในโบสถ์นั่น”
ฉันกัดฟันกรอดก่อนพยายามควบคุมอารมณ์แล้วมองจ้องหน้าเขานิ่ง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย มีกี่คนบนโลกนี้กันนะที่จะไม่รู้ว่าฉันคลั่งไคล้เพื่อนสนิทของเขามากกว่าอะไรทั้งหมด และไอ้บ้านี่ก็คือสิ่งเดียวที่ขวางหูขวางตาฉันมาตลอดรองมาจากเจ้าสาวของพี่แดนน่ะ!
“หลีกหน่อยเถอะนะ ไอ้คุณวายุ!”
ฉันตวัดสายตาคมกริบที่กรีดอายไลเนอร์หนาขึ้นมองเขาอย่างออกคำสั่ง ตั้งแต่ฉันรู้จักับเขามา ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราสองคนคุยกันแล้วจะจบลงด้วยดีโดยไม่ทะเลาะกัน!
“นี่ๆ น้อยๆ หน่อย ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ” เขาเอานิ้วชี้ดีดเข้าที่หน้าผากฉันอ“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ เธอมันยอมไม่ได้อยู่แล้วถ้าไอ้แดนมันจะแต่งงานกับวาวากะทันหันแบบนี้ แม้ว่าเขาจะหมั้นกันมานานแล้วก็เถอะ”
ฉันยกมือขึ้นกอดอกก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง และหันกลับมาสบตากับเขา
“งั้นรบกวนบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันกำลังมีแผนอะไร เผื่อว่านายจะให้ไอเดียดีๆ กับฉันก็ได้นะ”
“หึ” เขายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ก่อนเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหันหลังเดินจากฉันไปดื้อๆ โดยไม่ตอบอะไร ลูกน้องของพ่อสองคนทำท่าทางเลิกลั่กเหมือนกับเด็กเพิ่งโดนจับได้ ฉันได้แต่จิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด
“เราเอาไงดีครับคุณหนู”
“ทำตามแผนเดิม…ฉันจะเข้าไปข้างในละ”
ฉันบอกพวกเขาเสียงเบาแต่หนักแน่น ก่อนก้าวเดินบนส้นสูงสี่นิ้วอย่างมั่นใจตรงเข้าไปหากลุ่มเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้างานนัก ฉันถอนหายใจอีกครั้งให้กับความร่าเริงเกินควรของสาวๆ ทั้งหลายที่มักจะตื่นเต้นกับการจัดแต่งสถานที่แบบชวนฝัน ไร้สาระ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเธอยังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพี่แดนกับวาวาอยู่เลย บอกแล้วว่าไม่ค่อยมีใครชอบหน้ายัยวาวาสักเท่าไหร่หรอก
“อ้าว เดซี่ เธอมาช้านะ เธอพลาดเห็นพี่แดนสุดหล่อของเธอ เค้าเข้าไปข้างในแล้ว”
“ไม่มีวันไหนที่พี่แดนของฉันไม่หล่อหรอก” ฉันใจเต้นแรงยิ้มปลื้มเมื่อนึกถึงหน้าพี่แดนที่หลงใหล ไม่ว่าในตอนไหนเขาก็ดูดีสำหรับฉันเสมอ
“ต่อไปพี่แดนจะไม่ใช่ของเธออีกแล้วนะเดซี่”
ฉันหันขวับไปมองยัยโดนัทตาขวาง อารมณ์ที่เริ่มจะดีเมื่อครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว ฉันทำหน้าไม่พอใจก่อนเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในงานโดยไม่ชายตาแลของชำร่วยที่ใครบางคนยื่นมาให้ ฉันมองหาพี่แดนที่อาจยืนอยู่ตรงไหนสักแห่งในนี้เพราะตัดสินใจจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา แต่ดูเหมือนทั้งงานนี่จะมีแต่แขกจากมหาลัยคริสตัลเต็มไปหมดจนฉันมองไม่เห็นทั้งพี่แดนหรือแม้แต่ยัยวาวาตัวดีเลย น่าโมโหชะมัด!
8 PM
พนักงานเสิร์ฟอาหารลงสามสี่อย่างจนฉันเริ่มสังเกตุว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ จนป่านนี้แล้ว ยังไม่เห็นทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเลยสักคน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เพื่อนฉันเห็นพี่แดนข้างนอก พวกเขาก็ไม่ออกมาอีกเลยแม้ว่าน่าจะเลยเวลาทำพิธีแล้วก็ตาม ฉันเห็นญาติหลายคนทั้งของพี่แดนและยัยวาวาเดินไปเดินมายังไงชอบกล และในขณะที่ฉันกำลังสังเกตุอาการของทุกคนอยู่ ไฟสว่างก็ส่องจ้ามาที่หน้าเวทีพร้อมพิธีกรหน้าตาซีดเผือดคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง
“เอ่อ… ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องบอกกับทุกคนว่า เอ่อ…งานแต่งงานของคุณแดนและคุณวาวาวันนี้…อาจจะไม่เกิดขึ้นนะครับ”
เสียงอื้ออึงด้วยความสงสัยดังทั่วทั้งฮอลล์รวมทั้งฉันเองที่แปลกใจอยู่ไม่น้อย ฉันเหลือบมองหาลูกน้องพ่อสามคนที่ยืนนิ่งอยู่ทางประตูหลังด้วยท่าทางกระสับกระส่าย พวกนั้นเล่นบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย!
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ!” เสียงใครสักคนตะโกนถามพิธีกรบนเวที
“เอ่อ…ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับนอกจาก….”
เสียงในฮอลล์เงียบสงบลงเพื่อรอฟังพิธีกรพูดให้จบ เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อเม็ดโตตรงขมับก่อนยกไมค์ขึ้นจ่อปากอย่างสั่นๆ
“เจ้าสาวหายตัวไปจากงานครับ ตอนนี้คุณแดนกำลังออกตามหาอยู่ ต้องขออภัยทุกคนด้วยที่ไม่ได้มาแจ้งข่าวด้วยตัวเอง ต้องขออภัยด้วยนะครับ”
ฉันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ยัยวาวาหายตัวไปงั้นเหรอ!
“ฝีมือเธอใช่ไหม ยัยตัวแสบ!”
เสียงตะโกนข้ามโต๊ะมาจากอีกฟากเป็นเสียงของไอ้บ้าวายุที่ยืนชี้นิ้วมาที่ฉันอย่างกล่าวโทษ คนทั้งงานหันมาจ้องฉันเป็นตาเดียว รวมทั้งสปอตไลท์ที่ส่องพิธีกรอยู่บนเวทีก็หันมาส่องฉันแทน
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!
“ไอ้บ้า ไอ้วายุ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อย่ามาปรักปรำฉัน!”
เขาเดินตรงเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางเหมือนตำรวจกำลังจะจับผู้ร้าย และนั่นก็ทำให้ฉันโมโหมากจนแทบจะอยากฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ เลยทีเดียว!
“ฉันเห็นเธอพาผู้ชายท่าทางแปลกๆ สามคนมาที่นี่!”
เขายังคงจ้องหน้าฉันอย่างต่อเนื่องก่อนหันไปมองชายชุดดำสามคนที่ยืนอยู่ทางประตูหลัง
“เขาไม่ใช่ผู้ชายท่าทางแปลกๆ นะ เขาเป็นลูกน้องของพ่อฉัน!” ฉันเถียงกลับ
“นั่นแหละ มีใครพาลูกน้องของพ่อมางานแต่งงานของผู้ชายที่รักบ้างล่ะ ถ้าไม่คิดแผนอะไรไว้ในหัวน่ะ”
ฉันกัดริมฝีปากอย่างแรงจนรู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปากตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะปากเสียใส่ฉันประจำแต่ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้ากล่าวหาฉันได้แบบนี้หรอกนะ!
“นายเองหรือเปล่าเถอะที่ลักพาตัวยัยวาวาไปน่ะ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายรู้สึกยังไงกับเธอ”
ฉันกับเขาจ้องตากันนิ่งนาน โดยไร้คำใดๆ จะเอ่ยเพราะความโมโหจัดของแต่ละคน ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนในโลกนี้มาด่าเขาได้อีกแล้ว
“ยัยตัวแสบ….”
“เอาล่ะๆ ป้าว่าพอก่อนเถอะ วายุและหนูนี่ ตอนนี้ยังไงป้าขอให้เราช่วยตามหาหลานวาวาให้ได้ก่อนเถอะ” คุณป้าของพี่แดนเดินเข้ามาขวางหน้าฉันกับไอ้วายุเอาไว้ ก่อนหันไปกล่าวกับแขกเหรื่อที่ยืนตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เต็มฮอลล์
“ดิฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องลำบากกันแบบนี้”
แขกหลายคนเดินเข้ามาแสดงความเสียใจก่อนยืนยันว่าจะช่วยกันตามหาวาวาด้วยอีกแรง โดยที่ฉันกับไอ้วายุยังคงยืนจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น
“คุณหนูครับ” ลูกน้องพ่อทั้งสองคนเดินมาหาฉันเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น พวกเขาพยายามดึงฉันให้ห่างจากวายุที่ดูเหมือนกำลังจ้องจะเล่นงานฉันเต็มที่
“เรากลับกันเถอะค่ะ”
ฉันหันไปหยิบกระเป๋าถือบนโต๊ะก่อนตัดสินใจจะกลับ
“ไม่คิดจะบอกที่ซ่อนวาวาหน่อยเหรอ”
และหันขวับไปมองเขาอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคกวนประสาทนั่น
“อยากจะมีเรื่องกับฉันนักหรือไง! ฉันไม่ว่างทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอกนะ”
“งั้นก็ถามเพื่อนเธอดูสิ พวกนั้นรู้ไม่ใช่เหรอว่าคนอย่างเธอต้องทำอะไรสักอย่างในงานนี้แน่”
ฉันหันไปมองเพื่อนๆ เพื่อหวังให้พวกเธอยืนยันว่าฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบที่เขาว่าเลยสักนิด แต่ดูเหมือนบรรดากลุ่มเพื่อนสาวของฉัน ต่างก็จ้องฉันด้วยท่าทางครุ่นคิด ราวกับว่าพวกเธอได้เชื่อไปแล้วว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้วาวาหายตัวไปจริงๆ ฉันกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจเมื่อไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากใครเลยนอกจากลูกน้องพ่อสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน
“ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่านายเลย ให้ตายเถอะ ไอ้วายุ!”
ฉันพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกวาดตามองเพื่อนๆ อย่างผิดหวัง จริงอยู่ที่ฉันรักพี่แดนมาก มากจนขนาดที่ทำให้ฉันคิดวางแผนอะไรบางอย่างในงานแต่งงานที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นของเขากับยัยวาวาก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ได้คิดเรื่องเลวร้ายขนาดจะลักพาตัวยัยวาวาไปขังไว้ที่ไหนหรอกนะ
บ้านฉันไม่มีที่ว่างพอให้ผู้หญิงที่ฉันเกลียดที่สุดอยู่หรอก!
ความคิดเห็น