ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Finale ตอนจบของบทละครปริศนา

    ลำดับตอนที่ #6 : ฉากที่ 6 : ทดสอบ 100~%

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 49


    ฉากที่ 6 : ทดสอบ

     

     

                    เด็กสาวก้าวเท้าเดินลงบันไดอย่างไม่เร่งรีบ  ด้วยการเดินช้าๆไม่ใช่จ้ำอ้าวตามควา-ย

    อย่างตอนแรกทำให้เธอได้มีเวลาสั่งให้สมองปลาทองทำงานเสียบ้าง...

    แล้วก็ได้ประจักษ์ความจริงที่ว่า....

     

                    ...มันไร้ความน่าพิศมัยสุดๆ...  สีแดงที่ผนังแห้งเกรอะกรังจนถ้าใช้แขนเฉี่ยวก็หลุดทั้งดุ้น

    บันไดที่ทำด้วยปูนก็มีตะไคร่ขึ้น  ถ้าไม่เดินระวังๆ  มีหวังได้หล่นทีเดียวถึงยมโลก  แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับวาโยสักเท่าไร

     

                    เพราะเธอใส่รองเท้าผ้าใบดอกใต้พื้นถูกเลาะออกไป  แล้วเอาเหล็กแปะแทน  หนักใช่เล่น

    ขูดทีเดียวเลือดซิบ  แต่มันใช่ที่ขูดเนื้อคนซะที่ไหนเล่า....  มันใช้ขูดตะไคร่หลังบ้านเธอต่างหาก

    มันมาอยู่นี่ได้เพราะสาเหตุเดียว....

                    ก็คือ...

                    เธอ

                    หยิบผิด...  ไม่มีอะไรมากกว่านั้น 

     

                    ตอนนี้เธอเดินลงมาถึงชั้นที่สองนับจากข้างบน  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...   เว้นแต่ตะไคร่เขียวๆที่ขึ้นมากขึ้นจนน่าสงสัย  

     

                    ...อะไรของมันวะ...

     

                    นั่นคือสิ่งที่เธอคิดขณะที่เหยียบไปบนพื้นที่มีน้ำเหนียวๆจากตะไคร่ที่เริ่มหนาแน่นขึ้น

    หนาแน่นขึ้น  ทันใดนั้นเองตะไคร่เขียวๆก็เริ่มมีอะไรขาวๆผุดออกมาราวกับดอกเห็ด

     

                    ...อะไรวะ...ขาวๆ...ขาวๆ..  ดวงตาสีดำกลมโตมองไปรอบๆตัวที่เต็มไปด้วยตะไคร่และอะไรขาวๆปุ่มเล็กๆที่ผุดขึ้นมากับตะไคร่

     

                    ปุ่มสีขาวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจากอันเล็กๆ   แล้วก็มีสีดำอยู่ตรงกลาง...  มันโตขึ้นจากก้อนเล็กๆจนเหมือน  

     

                    ลูกตา

     

                    นัยน์ตาสีดำที่พื้นทุกดวงตวัดมามองวาโย  ที่หน้าถอดสีทันที

    ..ซวย....พูดได้อย่างเดียวว่าซวย...

     

                    ก่อนที่มันจะเพิ่มจำนวนเด็กสาวชิ่งทันที  ทุกฝีเท้าที่ย่างก้าวมีเสียง

     

                    แผละ

     

                    แผละ

     

                    เสียงไอ้ลูกกะตามรณะนั่นถูกเหยียบแตก   ดวงตากลมโตของวาโยมองลงไปสบตามัน...

    และ....

     

                    แผละ

     

                    วาโยทำหน้าเหวอ...  เพราะไอ้ลูกตานั่นแตก ของเหลวสีขาวก็ไหลผสมกับตะไคร่

    ทำให้คล้ายกับสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต

     

                    กรี๊ดดดดด...ตูเกลียดอ้วกกกก...ใครก็ด้ายยยย...ช่วยที...

     

                    มันทำให้เธอรู้จักคำว่าวิ่งสุดชีวิตเป็นครั้งแรก...

     

                    ....พ่อจ๋า...เอาหนูออกปายยย...แล้วหนูจะไม่โวยเวลาพ่อห้ามซื้อการ์ตูน...

    ...ครูจ๋าช่วยที....แล้วหนูจะไม่แอบเอาผงชูรสใส่กาแฟดำเวลาอาจารย์ใช้หนู....

     

                    ...แต่ถ้าชานมยังใส่มายองเนสกับน้ำตาลทรายดองเหมือนเดิมนะครู...

     

                    เธอเร่งฝีเท้า  แม้รองเกือกจะหนักเพียงใดไม่ย่อท้อ...  

    ..ต้องลงไปถึงข้างล่างให้ได้

    ....ให้ทนอยู่กับอ้วกแบบนี้ใครจะยอม...

    .......ฉันยังไม่ได้อ่านอายชีลด์21เล่ม 12 เลยนะเฟ้ย...

    ..........ยังไม่อยากตายจมกองอ้วกหรอก....

     

                    ข้างหน้าเป็นทางเลี้ยว  สี่แยก...  เอาล่ะวะ  ไปทางไหนดี..

    สมองน้อยๆเริ่มครุ่นคิด   ขณะที่ปากบ่นพึมพำ ขวาร้าย..ซ้ายดี...ตรงตายห่ะ...ย้อนกลับก็นรก

    วาโยหันกลับไปข้างหลัง 

     

                    เหล่าตะไคร่ขึ้นหนาแน่นขึ้นจนเกาะตัวเป็นรูปร่าง  คล้ายกับมือจับมือตาอยู่ผิดที่ มีตาอยู่ที่นิ้ว

    มันตามเธอมาเรื่อยๆ 

     

                    ขณะที่คนถูกตามกลับหยุดฝีเท้าที่สี่แยก

     ...จากที่ดูนังป้าซีดแกพูดแล้วถ้าเลือกผิดก็ไม่รอด..

    จะเอาไง...

    ขวา..รึซ้าย..

    หรือ...หรือว่าตรงไปดี...

     

                    เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ต่อมการกระตือรือร้น ถูกกระตุ้นให้ทำงาน   

    เอาไง  เอาไง เอาไง  เอาดีล่ะวะ!

     

                    คนเฉื่อยเริ่มรน 

     

                    ..รึว่าลองถอยกลับไปหน่อยดีมั้ยวะ?..

     

                    แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น...

                    แผละ

     

     

                    ภาพอ้วกกำลังแล่นเข้าสู่สมอง...

     

                    จ๊าากกกกกกกแล้วเธอก็ติดเกียร์หมาวิ่งตรงไปทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

                    กะจะเล่นให้ตายเลยเหรอครับคุณปัท...

     

                    ปัทมาที่ลงมาอยู่ข้างล่างพร้อมๆกับคิมหันไปมองผู้พูดเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างไม่ยี่หระ

    ..คงงั้นมั้ง??

     

                    แค่ชั้นแรกก็ไม่ผ่านแล้วมั้งครับ...ที่นั่นเป็นที่ๆผีดุมากๆเลยนี่นา...คนผ่านเข้าไปไม่เป็นเวลามีหวังตายไม่รู้ตัว...คิมว่า   เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

     

                    ขนาดผมกับลาร์นีช่วยกันสองคนยังแทบไม่รอดเลยนะครับ...กว่าจะลงมาได้ใช้เวลาตั้งสามชั่วโมงครึ่ง

     

                    ...ตอนนี้ผ่านไปสิบนาทีกว่าๆ...น้องวาโยจะเป็นไงบ้างนะ...

     

     

     

     

                   

     

                    ...

     

                    ...เจ้าลูกตาอุบาทว์นั่นหายไปไหนแล้วฟะ...

     

                    แล้วที่นี่มันที่ไหนฟะ?

     

                    แล้วตูมาอยู่ที่นี่ได้ไงฟะเนี่ย?

     

                     คนเพียงคนเดียวในตึกเอียงคอ  แล้วกวาดตามองไปรอบๆ   ที่เป็น...

    บ้านหรูหรา?  ปูพรมซะอย่างดี   มีภาพของศิลปินประดับอยู่มากมาย   ของดีมีราคาจัดวางอย่างสวยงาม

     

                    ...แล้วข้าพกรูมาอยู่ที่นี่ได้อิหยังง่ะ....เมื่อกี๊เราวิ่งหนีผี...คงจะใช่มั้ง...เออ..ใช่..นั่นแหละผี...

    ในตึกซูปเปอร์ตะไคร่ขึ้น...  แล้ว...  ที่นี่มันที่ไหน?...วะ

     

                    สมองยังไม่สั่งการให้ร่างกายส่วนอื่นทำงาน  นอกจากนั่งคิด  แล้วก็ลงท้ายว่า

    ช่างแม่งมันเถอะ...

     

                    ต้องหาทางออกสินะ

     

                    เธอยันกายลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง   เอาให้มันรู้ไปว่าคนอย่างวาโยไม่มีปัญญาหาทางออก

    ...แต่จะว่าไปเราเองก็ไม่เคยหาทางออกเจอนี่นะ..

     

     

     

     

    ...ช่างมันเดี๋ยวก็เจอน่ะแหละ...

                    เด็กสาวเดินไปเปิดประตูแรกสุดแล้วก็เจอ..

    ห้องครัว?

     

                    ต่อจากห้องรับแขกแล้วเป็นห้องครัว...

    พวกรวยแต่ตัว สมองนิ่มชัวร์เลยว่ะเธอพึมพำกับตัวเอง มีที่ไหนเอาห้องครัวไว้ติดกับห้องรับแขก..

     

                    ดวงตาสีนิลกวาดมองไปรอบๆตัวแล้วสะดุดที่ตู้เย็นสีแดงสะดุดตา 

     

                    อยากกินขนมอ้ะ

     

    ด้วยความน่าหลงไหลทำให้เธอไม่สามารถละสายตาจากมันได้     จึงไม่ทันเห็นอีกด้านที่มีดทำครัวอันพี่บิ๊กกำลังลอยขึ้นมา..

     

                    แล้วก็พุ่งเข้าใส่เด็กสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่  แต่ทันใดนั้น!!!!

     

                    ฝาตู้เย็นก็ถูกกระชากออก!

     

                    ฉึกกก

     

                    แล้วมีดก็ปักที่ตู้เย็นพอดี....

                   

                    ทันทีที่มีดปักทำให้เด็กสาวมุ่ยหน้า  เพราะสังเกตุได้ถึงความผิดปกตินั่นก็คือ...

    ตู้เย็นเปิดทิ้งไอเย็นไว้แต่ไม่มีอะไรอยู่ในตู้เลยแม้แต่อันเดียว

     

                    ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้เออ..ลืมไปบ้านผีนี่หว่าจะมีขนมได้ไง..

    (แล้วรู้ซะทีสิว่าตัวเองจะโดนฆ่าตายน่ะ : ปัทมา)         

     

                    วาโยปิดฝาตู้เย็นลงหลังจากดูแล้วว่ามันไม่มีสิ่งที่เธอต้องการ  ขณะที่สายตาสะดุดที่มีดอีโต้พี่บิ๊กอันโต  ที่ปักเป็นอนุสรณ์อยู่หน้าตู้เย็น

     

                    ปังตอของใครฟะ? เธอหยิบมันขึ้นมาพลิกๆดู แม่ง..ฝังเพชรซะด้วยว่ะ

    หลังจากสมองประมวลผลว่าขายได้...  เธอก็หยิบมันไปทันที 

     

                    ฮูลา ฮูล่า....ฮูล่าฮูล้า...ผีเป็นเกย์  ฮูเล  ฮูเล่.....มันตาเขทุกเวลา..ฮูลา ฮูล่า..

    เสียงฮัมเพลงเป็นจังหวะของเด็กสาวที่เดินไปเรื่อยๆ   เปิดประตูไปเรื่อยๆ...

    อย่างกระฉับกระเฉงเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่  ...

     

                    แอ๊ดดดดดด

     

                    หวาวววว....ที่นี่ทำห้องซ้ำเยอะๆกันอย่างงี้ได้ไงนะ...เมื่อกี้เปิดเจอห้องเหมือนห้องนี้เลย..

    ...สุดยอด...  วาโยพูดอย่างตื่นตาตื่นใจ  แล้วเดินสำรวจห้องที่เธอเปิดเจอเป็นรอบที่ 17

    (ยังคงไม่รู้ว่าตัวเองหลงทาง..แต่ช่างมัน)

     

                    ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเจกันหยกสีเขียวสดใส   ลายเมฆสีขาว ประดับมุกดูมีราคา  ช่างดึงดูดใจคนช่างจิ๊กยิ่งนัก

     

                    ขณะที่เธอกำลังมอง  ลูบ คลำ  เจกันที่ทำด้วยหยกฝังมุก  โดยไม่ได้สนใจภัยรอบตัวที่ใกล้เข้ามา

     

                    แอดดดด

     

                    บานประตูที่ปิดอยู่แง้มออกเล็กน้อยพอมองเห็น   เงาสีดำข้างหลังประตูกำลังจ้องมองเด็กสาวอย่างสนใจ  ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง... ช่วยทีนะ...บีบคอให้ตายไปเลย..ส่วนศพ..ฉันขอ...

    สิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศไหวเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ..  มันลอยเข้าไปในห้องขณะที่ประตูค่อยๆปิดลง

     

                    มือสีซีดเผือดไร้เลือดกำลังลอยอยู่กลางอากาศ  รอยเลือดแห้งเกรอะกรังบริเวณที่โดนตัด

    ออกจากลำตัว   ผิวหนังเหี่ยวย่นจนเห็นร่องกระดูก  มันลอยมาช้าๆอย่างประสงค์ร้าย

     

                    หมับบบ

                   

                    สัมผัสเย็นที่คอเรียกความสนใจจากเด็กสาว  ผู้ที่กำลังจะโดนหมายจับข้อหาลักทรัพย์บ้านผีได้เป็นอย่างดี    มือเรียวสวยเอื้อมไปจับไอ้สิ่งเย็นๆที่คอ..

     

                    ..มือ?...มือใคร?...

     

                    เธอหันคอไปมองข้างหลังอย่างสงสัย  แต่..

     

                    ...ไม่มีใครอยู่...แต่มือยังจับอยู่...แล้วมือใครล่ะฟะ...แม่ง

                   

     

     

                    เธอจึงตัดสินใจกระชากออกไป  แต่....ปัญหาคือ

    มันดึงไม่ออกนี่สิ...

                   

                    ปล่อย...ปล่อยฉันนะเธอพยายามดึง หลังจากนั้น...

    ปล่อยนะเฟ้ย  ห่าเอ๊ย..กุบอกให้ปล่อยไง...ว้อยยย..นังมือเน่า มือเหี่ยวไร้น้ำยา  ตัวก็ไม่มี ยังมีหน้ามาบีบคอคนอื่นเขาอีกว้อย...ปล่อยสิฟะ  กุบอกให้ปล่อย ไอ้ผ้าอนามัยใช้แล้ว...อุก  มือที่บีบแล้วทวีความรุนแรงขึ้น  จนคนด่าเริ่มหายใจไม่ออก  แต่ยังโวยวายในใจ  ปล่อยกกกรรรรรรรรู

     

                    ตุบ..

     

                    ร่างของเธอหล่นลงไปดิ้นบนพื้นเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ  ขณะที่มือทั้งทุบทั้งตี

    ทั้งบิด ทั้งหยิก   แต่มือนั่นก็รัดแน่นราวกับมือตุ๊กแกเกาะไม่ปล่อย

     

                    ...ปล่อยสิฟะ...โอยยย....กู..หายใจ..ไม่ออก...

     

                    ไม่ปล่อย...งั้น..

     

                    ฉึกกกก

     

                    มีดวาวในมือของเด็กสาวแทงเข้าให้ที่มือซีดที่บีบคอเธอเอาไว้    โลหิตสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมา  ขณะที่ใบมีดปักลงไปจนแทบจะทะลุ   กระชากมันออกจากคอของเธอ  แล้วโยนทิ้งไป

     

                    เธอไอค่อกแค่กอยู่หลายวินาที  แล้วสูดอากาศที่คิดช้ากว่านี้อาจไม่ได้สูด  ไปเต็มปอด...

    ดวงตากลมโตสีดำมองมือซีดขึ้นอืดเหม็นหืนอย่างขยะแขยง

     

                    อี๋มีหนอนด้วย... เธอย่นจมูก เหม็นฉิบ...   มือเรียวลูบคอที่ถูกบีบจนเป็นรอยแดงช้ำเบาๆ

     

                    ..ขืนปล่อยไว้งี้มีหวังโดนมันกลับมาบีบอีกแน่...งั้น...

     

                    เด็กสาวกระตุกยิ้ม เธอกระโดดเหยียบแล้ว...กระทืบๆๆๆๆซ้ำ    ให้มีดปักติดกับพื้น

     

      แล้วเพชรที่จะขายล่ะ...แต่ช่างเหอะ...

    ***

                   

                    หลังจากที่กระทืบมือเหี่ยวกับมีดจนหนำใจแล้ว  ปัญหามันที่ยังขบไม่ออกก็คือ..

    จนไปทางไหนต่อดี??

     

                    วาโยนั่งยองๆอยู่กลางห้อง  เอาไงดีน้า...

     

                    จะว่าไปแล้ว..ไม่น่าไปรับปากไอ้หัวน้ำตาลนั่นเล้ยยย... ไม่งั้นตอนนี้เราคงนอนอ่านหนังสือการ์ตูนสบายใจเฉิบไปแล้ว  เฮ้อ....

     

                    แม้เพียงคิดอย่างนั้นสักเพียงไร  แต่ก็เป็นได้เพียงความคิด  เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ต้องทำให้เสร็จ

     

     

     

    **************************************************************

        เม้นกานนนหน่อยนะ  คนเขียนขอร้องงงงงงนะนะนะ

     เดี๋ยวมาต่อนะคะ รออีกนิดส์ส์  นะคะ 

    ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจค่ะ

         จำง่าย...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×