คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ฉากที่ 5 : การพบเจออย่างไม่คาดฝัน
ฉากที่ 5 การพบเจออย่างไม่คาดฝัน
เช้าวันใหม่ที่สดใสวาโยถูกต้อนรับด้วยหมอนใบใหญ่ที่ฟาดป้าบเข้าให้เต็มหน้า เด็กสาวพลิกตัวกลับเข้าไปอีกด้าน “งึม...ไลท์...เลว..จังแต่ก็น่ารัก....แอล...”
ป้าบ!
“เฮ้...ตื่นได้แล้วยัยขี้เซา...”สงกรานต์ฟาดหมอนลงไปอีกครั้ง แต่คนขี้เซาก็ยังขี้เซาไม่ตื่นอยู่ดี เขาหมดอารมณ์จะใจดี จึงขึ้นไปบนเตียงและ.....
โครมมม
ยันโครมด้วยเท้าให้เจ้าคนขี้เซาตกเตียงเข้าให้ ร่างบางที่ลงไปจูบกับพื้นค่อยๆยันตัวขึ้นมาช้าๆ
ใบหน้าบูดบึ้งเพราะถูกขัดจังหวะการฝันหันควับมาและ.....
“ไอ้เบื๊อกกกกกก...แกจะตะโกนหาเตี่ยแกเร๊ออออออ”
...นี่คือคำพูด...ของผู้หญิง...งั้นเรอะ..?
“เงียบน่า...”สงกรานต์ปรามแล้วโยนหมอนใส่หน้าวาโย ที่ล้มลงไปอีกรอบเพราะตกใจ
“ไปอาบน้ำซะ...วันนี้จะไปหาข้อมูลที่ว่าไอ้คนที่ชื่อปัทไม่ใช่เรอะ”
“อยากปัดฝุ่นก็ปัดคนเดียวซีฟร้าาาาาา”เสียงวาโยลอยมาพร้อมหมอน
...ยัยนี่...ควรจะหัดแคะขี้หูซะบ้างนะ.. นั่นคือสิ่งที่สงกรานต์คิดก่อนจะปัดหมอนออกไป และหายวับไปทิ้งไว้แต่คำว่า... “เฮ้...อาบน้ำเสร็จแล้วเดี๋ยวมารับ”
วาโยยังคงนั่งนิ่งกับพื้นซักพักหนึ่ง
....ว่าไงนะ...อะไรน้ำๆ... ท่าจะเป็นอาบน้ำ... งั้นไปอาบน้ำดีกว่า...ไหนๆก็จะกินน้ำแล้ว เออ...
แล้วร่างเล็กที่นั่งกองกับพื้นก็ลุกขึ้นมาช้าๆและเข้าห้องไปทำธุระส่วนตัว..
พวกเราก็ได้แต่หวังว่า...วาโยจะไม่หลับคาห้องน้ำเท่านั้น...(คนเขียนขอสาธุด้วยคน)
“นานเป็นบ้า...”ดวงตากลมโตสีดำขลับกลอกไปมาหาผู้ที่บอกว่าจะกลับมารับ แต่หลังจากที่งีบในห้องน้ำแล้วอาบน้ำจนเสร็จแล้ว แต่เจ้าคนที่สัญญาก็ยังไม่กลับมาซะที
...หมอนั่นบอกว่าให้ไปหาข้อมูลงั้นก็ไปดีกว่า... ให้นั่งแกร่วเงี้ย..ฉันไม่เอาด้วยเฟ้ย
เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเตะเก้าอี้ให้เข้าที่ เธอมองสำรวจรอบๆห้องว่าไม่มีอะไรที่ลืมแล้วจึงเดินออกจากห้องไป
ปังงง
หลังจากนั้น
แอ๊ดดด
วาโยผลุนผลันเข้าในห้อง สายตากวาดมองไปรอบๆ เธอไปสะดุดที่ถุงผ้ามอซอใบนึงแล้วคว้าไปเลย
ปังงง
ขณะที่เสียงของพระมารดาก้องอยู่ในหัว
...วาโยเอาถุงนั่นติดตัวไปด้วย..ไม่ว่าจะไปที่ไหน...ถ้าไม่เอาไป....
กลับมาคราวนี้อดการ์ตูน..
****************************************************
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังมาเบาๆ หลังจากที่หอบตัวโยนเพราะวิ่งกลับไปเอาของสำคัญ
..ทั้งๆที่ลงถึงชั้นล่างแล้วแท้ๆ... เด็กสาวคิด ...สงกรานต์เฮงซวยก็ไม่กลับมาซักกะที...
ว่าแล้วก็ถอนหายใจ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็สะดุดกึกที่กองอะไรซักอย่างข้างที่พักบันได
...เสื้อผ้า...มีผมด้วย...คนรึเปล่า?...
สมองน้อยๆเริ่มประมวลผล ก่อนจะย่องให้เบาที่สุดไปใกล้ๆร่างนั้น
...ปลุกดีไหมหว่า...แต่ถ้ามันเป็นผีขึ้นมาเรามิซวยรึ?..
เธอเริ่มรู้สึกกลัวเมื่ออ่านกระดาษปึกนั้นเล็กน้อยที่เอามาแม้เพียงเล็กน้อยแต่หน้าปกนั้นสร้างความกลัวได้จับใจ แม้คนที่ปัญญาไม่แข็งอย่างวาโยยังรู้เลยว่าน่ากลัว... โดยเฉพาะเจ้าตัวอักษรเลือดด้านหลังที่เธอกลัวมันเป็นพิเศษ แม้จะอ่านไม่ออก(ลายมือห่วยแตก)ก็ตาม
เพราะว่าเจ้าตัวอักษรเลือดนั้นทำให้เธอนึกถึงอ้วกสีแดงส่งกลิ่นเหม็น แล้วเมื่อคืนก่อนที่เธอจะฝันรอบสอง เธอก็ฝันว่ามีผีผมดำย๊าวยาววว หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มบังคับให้เธอกินอ้วก... ให้ตายสิท่านแถมอ้วกผสมเลือด... ไม่กลัวก็แปลก พอดิ้นปัดไปปัดมา หัวหลุดได้อีกแน่ะ
...เจ๊เป็นพิน็อคคิโอ..หุ่นกระป๋องถอดหัวได้ กลับชาติมาเกิดรึไงฟร้าาาาาาา...
ร่างบนพื้นขยับเล็กน้อย... ทำเอาสาวน้อยของเราหน้าซีด
..มันจะลุกขึ้นเอาอ้วกยัดปากเรารึเปล่า?...เธอคิดอย่างหวาดๆ เหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ดๆ
ทันใดนั้นเปลือกตาของร่างที่นอนบนพื้นก็เปิดขึ้น เขาปรับแสงโดยกระพริบตาอยู่พักนึง
ขณะที่วาโยของเรากระโดดกอดต้นไม้แถวนั้นไปแล้วเพราะกลัวโดนยัดอ้วกเข้าปาก
ร่างที่เคยนอนขดตัวลุกขึ้น ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง ผมสีน้ำตาลดูยุ่งเล็กน้อย
ดวงตาสีขี้เถ้ามองไปสะดุดที่วาโยผู้ยังกอดต้นไม้ไม่ปล่อย แล้วหัวเราะดังลั่น
..ไอ้ห่ะนี่หัวเราะหาพระขรรค์เรอะ...
เด็กสาวเริ่มไม่พอใจ แล้วเอาก้อนหินในกระถางต้นไม้ปาหัวเจ้าคนหัวเราะ เขาหยุดชะงักเล็กน้อย หันไปดูวาโย ก่อนจะหัวเราะดังกว่าเดิมซะอีก... ถ้าให้เดาคงจะเก็บกดหนัก รึไม่ก็ชาตินี้ทั้งชาติไม่ได้หัวเราะมาก่อน
ทำเอาวาโยชักสยอง
...ไอ้หมอนี่.....มัน...เมากัญชารึเปล่าฟะ?(เปล่า..เอ็งนั่นแหละทำให้เขาหัวเราะ) ...ตื่นขึ้นมาก็หัวเราะ.. เอ้าน่าน.. ...ยังไม่หยุดอีก...นี่คงไม่หัวเราะจนตายไปหรอกนะ
วาโยผละตัวออกจากต้นไม้ช้าๆ ขณะที่หนุ่มน้อย(ถูกเหมาว่า)เมากัญชาหยุดหัวเราะหลังจากหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “น้อง...ท่าลิงกังน้องถูกใจพี่มากเลยอ่ะ”เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วพูดกับวาโย
ขณะที่คนฟังที่หมดความสนใจกับเขานานแล้ว...กำลังจ้องมองตัวจิ้งจกบนผนัง...ไต่ไปไต่มา...อืม...ถ้าทอดกินจะอร่อยมั้ยหว่า... แล้วมันกินได้มั้ยหวา...
“แล้วน้องชื่ออะไรเหรอ?”เขาถามต่อ
“อืม”...ถ้าจับชุบแป้งทอดจะกินได้มั้ยเนี่ย...?
“ชื่ออืมเหรอ?..ชื่อแปลกนะ”เด็กหนุ่มพูดเองเออเองโม้ด ดูท่าไอ้นี่จะบ้าพอกัน...
ตุ้บ!
จิ้งจกตัวน้อยหล่นตุ้บตามแรงโน้มถ่วงของโลก แล้วคลานหายไป พร้อมทั้งมดที่ไต่อยู่ตามกำแพงเริ่มหายไปทีละน้อย วาโยที่เห็นเหยื่อหายไปแล้วจึงหันไปมองจุดๆเดิมอีกครั้ง
“พี่ชื่อคิมนะยินดีที่ได้รู้จัก”
ไอ้หมอนี่หายเมากัญชาแล้วเรอะ ว่าแต่ชื่ออะไรนะ....กิน...ชื่อแปลกฟ่ะ...
“หวัดดีกิน...”เธอตอบเนือยๆ แล้วหาว... “ฉันชื่อวาโยนะเออ...”
“ไม่ได้ชื่ออืมเหรอ?”
“ถามมาได้..คนที่ไหนจะชื่ออืม”เธอสวน หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบ วาโยเปิดถุงผ้ามอซอที่ท่านพระมารดามอบ(ยัดเยียด)ให้ แล้วพบกับเจ้ากระดาษปึกนั้น ทั้งๆที่มันไม่ควรอยู่ คิ้วของเธอขมวดเป็นปม ...เจือกมาอยู่นี่ได้ไงฟะ... แต่ก็นะ..ได้โอกาสดี...จะได้ถามข้อมูล..
เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆกับคิมที่คิดอะไรออกพร้อมกัน
“รู้จักคนที่เก็บ กระดาษปึกนึงรึเปล่า?”(คิม)
“รู้จักคนที่ ที่เกี่ยวกับ กระดาษปึกนี้รึเปล่า?”(วาโย)
ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นสบตากัน ดวงตาสีขี้เถ้ามองไปที่กระดาษปึกที่เขาหาอยู่ในมือวาโย
“เธอ....อ่านมันรึยัง?” เขาถามอย่างตกใจ
“อืม....นิดหน่อยน่ะ”
“งั้นก็โดนเข้าแล้วน่ะสิ...”เขาลดเสียงลงเหมือนพูดกับตัวเอง
“โดนอะไรเหรอ?”วาโยทำหน้าเอ๋อถาม
“โดนอะไรเหรอ?”วาโยทำหน้าเอ๋อถาม
“ก็โดน...เออ..จะเรียกไงดีล่ะ..คำสาปก็คงได้มั้ง” เด็กหนุ่มเริ่มกัดเล็บ เขามักจะทำบ่อยๆถ้าต้องใช้ความคิด และสมาธิถูกทำลายสิ้นเมื่อได้ยินเสียงทวนคำของวาโย
“แมงสาป?”
“คำสาปเฟ้ย!!”คิมเริ่มโวยกับคนหูไม่ดีและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
“แล้วจะทำไงดีอ่ะ?” วาโยเริ่มเมื่อยเธอจึงนั่งยองๆ เท้าคางฟัง
“นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ..”อีกฝ่ายบอกเสียงเครียด “ถ้าไม่ทำตามที่มันบอกละก็.
..ถึงตายเชียวนา...”เขาเน้นคำให้ฝ่ายตรงข้ามหันมาสนใจ ซึ่งก็ไม่ได้ผลมากไปกว่ามองตาปริบๆ
ก่อนจะเกริ่น “เพื่อนของฉัน...เองก็...เป็นแบบเธอ...ไม่เชื่อเรื่องนี้...” แล้วก็เงียบไป
“แล้วเพื่อนนายเป็นไงล่ะตอนนี้น่ะ”
คำถามนี้ทำให้เขาเจ็บแปลบเหมือนจี้ใจดำ ก่อนที่เค้นคำออกมาจากสมองได้
“ช่วย..ช่วยเค้าไม่ได้เลย....เค้าถูกมันฆ่าตาย”
...ความเงียบเข้าครอบคลุม ... ทั้งที่เป็นก่อนเที่ยง.. แต่ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มผิดปกติจนสังเกตุได้
บรรยากาศตรึงเครียดแม้แต่วาโยเองก็ยังนิ่ง...
...โดนมันฆ่าตาย... เสียงที่เค้นออกมานั้นปวดร้าวอย่างสาหัส...
..ความรู้สึกที่ช่วยเพื่อนไม่ได้...มันเจ็บปวด ทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้นใจ...
วาโยที่แอบอ่านกระดาษปึกนั้นอีกรอบ ดวงตาสีดำจ้องนิ่งไปที่สิ่งที่อยู่ในมือ...
...ปัทมาที่ช่วยเพื่อนไม่ได้จะรู้สึกอย่างนี้รึเปล่านะ???...
หลังจากที่เงียบกันไปนาน เด็กสาวก็ตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้น
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง?” เธอเหลือบตาไปมองคิมที่ก้มหน้า “ถ้าอยากให้เชื่อเรื่องนี้...ก็พิสูจน์สิ...ว่ามันเป็นเรื่องจริง...” เธอลองใจคิมดูก่อนว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดหรือไม่..
..ทั้งๆที่รู้แก่ใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง...
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น “ได้เลย...เธอต้องรู้แน่ว่าปัทมามีอยู่จริงๆ...เธอต้องเชื่อเรื่องนี้แน่...ฉันจะพิสูจน์ให้ดู!...ถ้า....”เขาเว้นช่วงเล็กน้อย
“ถ้าเธอรอดไปถึงล่ะก็นะ!”
คำท้าทายแกมเชิญชวนทำให้เธอรับทันที
...กำลังหาอะไรทำแก้ง่วงพอดี...
“ได้เลย..มาพิสูจน์ความจริงกัน”วาโยยิ้มอย่างท้าทาย “งั้นก็พาไปเลยสิ!”
คิมตีหน้าเครียด “ฉันจะพาเธอไปหาปัทมา...อย่ากวนอารมณ์หล่อนให้มากนักล่ะ”
“ได้เลยกิน...”
“ฉันชื่อคิม...”
“ว่าไงนะ...ลิงกัง”
แล้วทั้งสองก็ทะเลาะกันต่อไป... ส่วนสงกรานต์น่ะเรอะ
วาโยยยยยยยย............เธอไปไหนของเธอฮะ??????
ก็ยังถูกลืมทิ้งไว้ที่ห้องวาโยเพราะไปรับช้านั้นแล...........
**********************************************
หลังจากนั้นพวกวาโยก็มาอยู่ที่ตึกร้างไกลจากหอพักไม่มากนัก... ถ้านับก็กิโลกว่าๆ
กลางทุ่งไร่นาของพวกชมรมเกษตร ที่ถูกนักเรียนเอาข้าวไปสี ได้ข้าวฟรีทุกที
“ที่นี่แหละ...”คิมพึมพำเบาๆ ขณะที่วาโยเดินเอามือล้วงกระเป๋าตามมาติดๆ
ภายในตึกมีห้องว่างๆที่ถูกแปลงเป็นห้องศิลปะกรรมเด็กแนว(ผิดปกติ) ที่มีสีวาดเต็มผนัง
เด็กหนุ่มเดินนำวาโยขึ้นไป บันไดเหล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าดคาดว่า คงสร้างมาไม่ดี ทำให้โครงไม่แข็งแรง
ต่อด้วยบันไดปูนที่มีตะไคร่ขึ้น
..แต่ละที่ช่างน่าพิศมัย... วาโยประชดในใจ
ขณะที่คนเดินนำหันมาจ้องเธอ อย่างแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ?”
“ปะ..เปล่า”ทันทีที่เธอถาม เขาก็ละล่ำละลักตอบแล้วเดินนำขึ้นไป
เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่เขาเคยมากับเพื่อนเจอรังควาญแทบตาย แต่พอครั้งวาโยกลับไม่มีอะไรเลย
..มันออกจะง่ายไปหน่อยรึเปล่า?...
คิมแอบคิดในใจ
เขาพาวาโยเดินขึ้นบันไดมาจนถึงบนดาดฟ้า แล้วชี้นิ้วไปทางซ้ายที่มีแท็งค์น้ำเก่าๆตั้งอยู่
บนแท้งค์น้ำนั้นมีร่างผอมบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้า
“ใครอ้ะ?”วาโยถามแบบซื่อใสไร้ความคิด
“ปัทมาไง..”เขาตอบเบาๆ “อย่าทำอะไรให้เขาตกใจนา...”
แคร้งงงงง
เท้าเจ้าเอย...ของวาโยดันไปเตะฝาเหล็กหล่นบนพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ(มั้ง?)
ร่างผอมบางที่เหม่อลอยหันควับ ราวกับพลังกดดันมหาศาล แม้คนเฉื่อยอย่างวาโยยังถึงกับร่างกระตุก
...ความรู้สึกอึดอัดนี่มันอะไร?...
แต่หลังจากนั้นจู่ๆความรู้สึกนั้นก็หายไป
“ขอโทษนะคะคุณคิม...”เสียงแหลมเล็กหวานแบบผู้หญิงธรรมดา ดังมาตามลม
แม้จะหวานปานใด
แต่วาโยก็ยังว่ามันดูหลอนจิตชอบกล ...ยัยนี่ใช่คนเปล่าฟะ?...ว่าแต่เมื่อยจังนั่งดีกว่า..
“นี่คือ..คนที่จะมาช่วยปลดปล่อยคุณครับ...คุณปัทมา”คิมบอกแล้วผายมือไปทางวาโย
ที่นั่งยองๆมองไปที่ปัทมา หญิงสาวมองวาโยอย่างพิจารณา
ขณะที่วาโยเหมือนนึกอะไรได้!!
...เราลืมอะไรรึเปล่าหว่า????...
หลังจากประเมินวาโยนั้นปัทมาก็ระเบิดหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่ แต่คนนั่งยองๆไม่ได้ขำไปด้วย ....อึ๋ยยย...แม้แต่เสียงหัวเราะยังหลอนจนน่าขนลุกเลยแฮะแม่นี่...
แปะ แปะ
โลหิตสีแดงฉานหลั่งออกมาจากร่างผอมที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แผลที่ถูกกรีดทั่วตัวเริ่มปริแตก
กลิ่นเลือดคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน ผิวสีซีดอาบด้วยเลือด... ขณะที่เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเลือดที่กระเซ็นแผ่ขยายรัศมีไปเป็นแนวกว้าง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้วาโยนึกอะไรได้นอกจาก...
...ถ้าเจ๊ว่างขนาดนี้ไปสมัครบริจาคเลือดจากสภากาชาดซะยังมีประโยชน์กว่า
“อย่างนังเด็กนี่นะ...จะช่วยฉัน...”เธอพูดอย่างดูแคลน ก่อนจะหัวเราะต่อ
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะน่า...แล้วค่อยหวังกัน...” แล้วก็ระเบิดหัวเราะอีกชุด
...ให้ตาย...คนโรงเรียนนี้ติดกัญชาไปทั้งโรงเรียนแล้วรึ?...
วาโยคิดอย่างหน่ายๆ โดยก็ยังไม่รู้อีกน่ะแหละ... ว่าร่างตรงหน้ามันใช่คนซะที่ไหน?
...ว่าแต่...ทำไมรู้สึกเหมือนลืมอะไรรึเปล่าฟะ?.. (ลืมฉันไง..ยัยเบ๊อะ : สงกรานต์).
“จะ..ใจ..ใจเย็นๆสิครับคุณปัท..” ...เดี๋ยวก็หัวเราะจนตายห่ากันพอดี.. นั่นคือประโยคในใจที่หนุ่มผมสีน้ำตาลไม่ได้พูดออกไป
“ผมแค่คิดว่าวาโยอาจจะช่วยคุณหาของๆเพื่อนคุณได้เท่านั้นเองครับ...” เขาเริ่มพูดหว่านล้อม
“บางที..นะครับ......เขาอาจมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้นะ”
คราวนี้ร่างผอมในชุดอึมครึมหันมามองวาโยอย่างเนิบๆ ด้วยการหมุนคอ 180 องศา
ทำให้ วาโยถึงกับสะดุ้ง หญิงสาวแสยะยิ้ม ดวงตาหมองเริ่มปูดโปนออกมา เส้นเลือดเริ่มเต้นตุ้บๆ
...มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้ว... เธอตวัดลิ้นในปากไปเลียริมฝีปาก “งั้นก็พิสูจน์สิว่า....ดีจริง”
“...”คิมเหลือบตามองวาโยที่นั่งยองๆ ...ถ้าให้ทดสอบ...จะรอดเหรอ?... หน้าเงี้ยเนี่ยนะจะรอด.
เด็กสาวสบตากลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์... แต่เธออ่านสีหน้าของคนมองออก
...ไอ้ห่ะนี่....ด่ากูแหง... แต่ช่างมัน...ว่าแต่...แม่งเหมือนมันจะคุยรู้เรื่องกันอยู่สองตัว
เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไงย้าาาา...
ด้วยความไม่สบอารมณ์เธอจึงถามไปห้วนๆ“พิสูจน์อะไรฟะ?”
พรึ่บบบบบบบบบ
จู่ๆไอ้ร่างผอมๆแต่กระดูกนั่นก็มาปรากฏหน้าเธอ เจ้าของร่างแสยะยิ้ม
ริมฝีปากแห้งแตกเป็นรอยยิ้มไปถึงใบหู ดวงตาปูดโปนสีขาวซีดมองมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ
ขณะที่วาโยกระโดดถอยหลังด้วยท่านั่งยองๆทำสถิติครั้งเดียวล่อไปเมตรครึ่ง แล้วยิ้มแหยงๆ
เจ๊จ๋าาาา...ปากเจ๊ฉีกแย้ววว..หุบได้แล้ว...
“ให้มันเกรงใจกันหน่อยนังหนู....”ปัทมาเอ่ยเนิบๆด้วยเสียงหวานของเธอ(ที่คนอื่นบอกได้คำเดียวว่า..หลอนนนน) ผมสีดำดูรกรุงรังปกหน้าไปซีกหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดต่อ “...ฉันกับคิมจะลงไปรอข้างล่าง...ถ้าอยากรอดล่ะก็...ตามไปให้ถึง...ข้างล่าง” นิ้วสีซีดหุ้มกระดูกชี้ไปข้างล่างตัวตึกที่หน้าประตู
“แล้ว...จะ...คุณจะลงไปไงด้วยกันป่าว?”
ปัทมาหันควับอีกครั้ง ดวงตาโปนจ้องไปที่วาโย แล้วตอบตามแบบฉบับของเธอ
“ฉันมีวิธีลงของฉัน...ไปได้แล้ว” วาโยกระพริบตาปริบๆ เธอกลืนน้ำลายดังเอื้อก
แล้วตัดสินใจเดินกลับไปทางเดิมอย่างเอื่อยๆ ขณะที่สมองก็ยังไม่วายคิด
...แล้วเจ๊จะลงไปไงอ่ะ...บินไปเหยอ?...
**************************************************************************
อยากบอกว่าช่วยกันเม้นกานนนนนหน่อยน้าาาาาาาาาาถือว่าคนเขียนขอร้ออออองงงงง
อยากรู้ความเห็นง่ะ ขอบคุณท่าน Blue Girl มากๆๆๆๆๆๆๆที่เตือนข้อย
เรื่องตอนมันซ้ำกันหลายตลบ =_=" ขอบคุณมากกกกกกกกกกกๆๆๆ จริงๆนะ
มีอะไรก็ช่วยกันบอกช่วยกันเตือนบ้างเน้อ....
จำง่ายยยยย ง้าย ง่าย...จำง่ายย
หวังว่าจะไม่จำยากกันนะ มาเพื่อขอเม้น
ช่วยกันหน่อยนะ คนอ่านทั้งหลาย
ความคิดเห็น