ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Finale ตอนจบของบทละครปริศนา

    ลำดับตอนที่ #5 : ฉากที่ 5 : การพบเจออย่างไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 49


    ฉากที่ 5  การพบเจออย่างไม่คาดฝัน

         

                   เช้าวันใหม่ที่สดใสวาโยถูกต้อนรับด้วยหมอนใบใหญ่ที่ฟาดป้าบเข้าให้เต็มหน้า  เด็กสาวพลิกตัวกลับเข้าไปอีกด้าน  งึม...ไลท์...เลว..จังแต่ก็น่ารัก....แอล...

                    ป้าบ!

                    เฮ้...ตื่นได้แล้วยัยขี้เซา...สงกรานต์ฟาดหมอนลงไปอีกครั้ง  แต่คนขี้เซาก็ยังขี้เซาไม่ตื่นอยู่ดี   เขาหมดอารมณ์จะใจดี  จึงขึ้นไปบนเตียงและ.....

                    โครมมม                                                                      

           ยันโครมด้วยเท้าให้เจ้าคนขี้เซาตกเตียงเข้าให้  ร่างบางที่ลงไปจูบกับพื้นค่อยๆยันตัวขึ้นมาช้าๆ

    ใบหน้าบูดบึ้งเพราะถูกขัดจังหวะการฝันหันควับมาและ.....

                    ไอ้เบื๊อกกกกกก...แกจะตะโกนหาเตี่ยแกเร๊ออออออ

                    ...นี่คือคำพูด...ของผู้หญิง...งั้นเรอะ..?

                    เงียบน่า...สงกรานต์ปรามแล้วโยนหมอนใส่หน้าวาโย ที่ล้มลงไปอีกรอบเพราะตกใจ

    ไปอาบน้ำซะ...วันนี้จะไปหาข้อมูลที่ว่าไอ้คนที่ชื่อปัทไม่ใช่เรอะ

                    อยากปัดฝุ่นก็ปัดคนเดียวซีฟร้าาาาาาเสียงวาโยลอยมาพร้อมหมอน 

    ...ยัยนี่...ควรจะหัดแคะขี้หูซะบ้างนะ..  นั่นคือสิ่งที่สงกรานต์คิดก่อนจะปัดหมอนออกไป และหายวับไปทิ้งไว้แต่คำว่า... เฮ้...อาบน้ำเสร็จแล้วเดี๋ยวมารับ

                    วาโยยังคงนั่งนิ่งกับพื้นซักพักหนึ่ง 

                    ....ว่าไงนะ...อะไรน้ำๆ... ท่าจะเป็นอาบน้ำ... งั้นไปอาบน้ำดีกว่า...ไหนๆก็จะกินน้ำแล้ว เออ...

                    แล้วร่างเล็กที่นั่งกองกับพื้นก็ลุกขึ้นมาช้าๆและเข้าห้องไปทำธุระส่วนตัว..

                    พวกเราก็ได้แต่หวังว่า...วาโยจะไม่หลับคาห้องน้ำเท่านั้น...(คนเขียนขอสาธุด้วยคน)

                   

                   

     

     

     

                    นานเป็นบ้า...ดวงตากลมโตสีดำขลับกลอกไปมาหาผู้ที่บอกว่าจะกลับมารับ  แต่หลังจากที่งีบในห้องน้ำแล้วอาบน้ำจนเสร็จแล้ว  แต่เจ้าคนที่สัญญาก็ยังไม่กลับมาซะที

                    ...หมอนั่นบอกว่าให้ไปหาข้อมูลงั้นก็ไปดีกว่า...  ให้นั่งแกร่วเงี้ย..ฉันไม่เอาด้วยเฟ้ย

                    เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเตะเก้าอี้ให้เข้าที่  เธอมองสำรวจรอบๆห้องว่าไม่มีอะไรที่ลืมแล้วจึงเดินออกจากห้องไป

                    ปังงง

                    หลังจากนั้น

                    แอ๊ดดด

                    วาโยผลุนผลันเข้าในห้อง  สายตากวาดมองไปรอบๆ  เธอไปสะดุดที่ถุงผ้ามอซอใบนึงแล้วคว้าไปเลย 

                    ปังงง

                    ขณะที่เสียงของพระมารดาก้องอยู่ในหัว

                    ...วาโยเอาถุงนั่นติดตัวไปด้วย..ไม่ว่าจะไปที่ไหน...ถ้าไม่เอาไป....

    กลับมาคราวนี้อดการ์ตูน..

                    ****************************************************

                    เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังมาเบาๆ  หลังจากที่หอบตัวโยนเพราะวิ่งกลับไปเอาของสำคัญ

    ..ทั้งๆที่ลงถึงชั้นล่างแล้วแท้ๆ...  เด็กสาวคิด  ...สงกรานต์เฮงซวยก็ไม่กลับมาซักกะที...

    ว่าแล้วก็ถอนหายใจ  ทันใดนั้นสายตาของเธอก็สะดุดกึกที่กองอะไรซักอย่างข้างที่พักบันได

                    ...เสื้อผ้า...มีผมด้วย...คนรึเปล่า?...

                    สมองน้อยๆเริ่มประมวลผล  ก่อนจะย่องให้เบาที่สุดไปใกล้ๆร่างนั้น 

                    ...ปลุกดีไหมหว่า...แต่ถ้ามันเป็นผีขึ้นมาเรามิซวยรึ?..

                    เธอเริ่มรู้สึกกลัวเมื่ออ่านกระดาษปึกนั้นเล็กน้อยที่เอามาแม้เพียงเล็กน้อยแต่หน้าปกนั้นสร้างความกลัวได้จับใจ  แม้คนที่ปัญญาไม่แข็งอย่างวาโยยังรู้เลยว่าน่ากลัว...  โดยเฉพาะเจ้าตัวอักษรเลือดด้านหลังที่เธอกลัวมันเป็นพิเศษ  แม้จะอ่านไม่ออก(ลายมือห่วยแตก)ก็ตาม

                    เพราะว่าเจ้าตัวอักษรเลือดนั้นทำให้เธอนึกถึงอ้วกสีแดงส่งกลิ่นเหม็น  แล้วเมื่อคืนก่อนที่เธอจะฝันรอบสอง  เธอก็ฝันว่ามีผีผมดำย๊าวยาววว  หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มบังคับให้เธอกินอ้วก...  ให้ตายสิท่านแถมอ้วกผสมเลือด... ไม่กลัวก็แปลก พอดิ้นปัดไปปัดมา หัวหลุดได้อีกแน่ะ

                    ...เจ๊เป็นพิน็อคคิโอ..หุ่นกระป๋องถอดหัวได้ กลับชาติมาเกิดรึไงฟร้าาาาาาา...

                    ร่างบนพื้นขยับเล็กน้อย...  ทำเอาสาวน้อยของเราหน้าซีด

                    ..มันจะลุกขึ้นเอาอ้วกยัดปากเรารึเปล่า?...เธอคิดอย่างหวาดๆ  เหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ดๆ 

                    ทันใดนั้นเปลือกตาของร่างที่นอนบนพื้นก็เปิดขึ้น  เขาปรับแสงโดยกระพริบตาอยู่พักนึง

                    ขณะที่วาโยของเรากระโดดกอดต้นไม้แถวนั้นไปแล้วเพราะกลัวโดนยัดอ้วกเข้าปาก

                    ร่างที่เคยนอนขดตัวลุกขึ้น  ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง  ผมสีน้ำตาลดูยุ่งเล็กน้อย

    ดวงตาสีขี้เถ้ามองไปสะดุดที่วาโยผู้ยังกอดต้นไม้ไม่ปล่อย  แล้วหัวเราะดังลั่น

     

                    ..ไอ้ห่ะนี่หัวเราะหาพระขรรค์เรอะ...

                    เด็กสาวเริ่มไม่พอใจ  แล้วเอาก้อนหินในกระถางต้นไม้ปาหัวเจ้าคนหัวเราะ                                    เขาหยุดชะงักเล็กน้อย  หันไปดูวาโย  ก่อนจะหัวเราะดังกว่าเดิมซะอีก...  ถ้าให้เดาคงจะเก็บกดหนัก  รึไม่ก็ชาตินี้ทั้งชาติไม่ได้หัวเราะมาก่อน

                                    ทำเอาวาโยชักสยอง

                                    ...ไอ้หมอนี่.....มัน...เมากัญชารึเปล่าฟะ?(เปล่า..เอ็งนั่นแหละทำให้เขาหัวเราะ)            ...ตื่นขึ้นมาก็หัวเราะ..  เอ้าน่าน.. ...ยังไม่หยุดอีก...นี่คงไม่หัวเราะจนตายไปหรอกนะ

                                    วาโยผละตัวออกจากต้นไม้ช้าๆ ขณะที่หนุ่มน้อย(ถูกเหมาว่า)เมากัญชาหยุดหัวเราะหลังจากหัวเราะจนน้ำตาเล็ด  น้อง...ท่าลิงกังน้องถูกใจพี่มากเลยอ่ะเขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วพูดกับวาโย

                                    ขณะที่คนฟังที่หมดความสนใจกับเขานานแล้ว...กำลังจ้องมองตัวจิ้งจกบนผนัง...ไต่ไปไต่มา...อืม...ถ้าทอดกินจะอร่อยมั้ยหว่า...  แล้วมันกินได้มั้ยหวา...

                                    แล้วน้องชื่ออะไรเหรอ?เขาถามต่อ

                                    อืม...ถ้าจับชุบแป้งทอดจะกินได้มั้ยเนี่ย...?

                                    ชื่ออืมเหรอ?..ชื่อแปลกนะเด็กหนุ่มพูดเองเออเองโม้ด ดูท่าไอ้นี่จะบ้าพอกัน...

     

                                    ตุ้บ!

                                    จิ้งจกตัวน้อยหล่นตุ้บตามแรงโน้มถ่วงของโลก  แล้วคลานหายไป  พร้อมทั้งมดที่ไต่อยู่ตามกำแพงเริ่มหายไปทีละน้อย  วาโยที่เห็นเหยื่อหายไปแล้วจึงหันไปมองจุดๆเดิมอีกครั้ง

     พี่ชื่อคิมนะยินดีที่ได้รู้จัก

                    ไอ้หมอนี่หายเมากัญชาแล้วเรอะ  ว่าแต่ชื่ออะไรนะ....กิน...ชื่อแปลกฟ่ะ...

                   

                    หวัดดีกิน...เธอตอบเนือยๆ แล้วหาว... ฉันชื่อวาโยนะเออ...

                   

                    ไม่ได้ชื่ออืมเหรอ?

                   

                    ถามมาได้..คนที่ไหนจะชื่ออืมเธอสวน  หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบ  วาโยเปิดถุงผ้ามอซอที่ท่านพระมารดามอบ(ยัดเยียด)ให้  แล้วพบกับเจ้ากระดาษปึกนั้น  ทั้งๆที่มันไม่ควรอยู่  คิ้วของเธอขมวดเป็นปม  ...เจือกมาอยู่นี่ได้ไงฟะ...  แต่ก็นะ..ได้โอกาสดี...จะได้ถามข้อมูล..

     

                    เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆกับคิมที่คิดอะไรออกพร้อมกัน

                   

                    รู้จักคนที่เก็บ  กระดาษปึกนึงรึเปล่า?(คิม)

                   

                    รู้จักคนที่ ที่เกี่ยวกับ กระดาษปึกนี้รึเปล่า?(วาโย)

     

                    ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นสบตากัน  ดวงตาสีขี้เถ้ามองไปที่กระดาษปึกที่เขาหาอยู่ในมือวาโย

     

                    เธอ....อ่านมันรึยัง? เขาถามอย่างตกใจ

     

                    อืม....นิดหน่อยน่ะ

     

                    งั้นก็โดนเข้าแล้วน่ะสิ...เขาลดเสียงลงเหมือนพูดกับตัวเอง

     

                    โดนอะไรเหรอ?วาโยทำหน้าเอ๋อถาม 

     

                    

    โดนอะไรเหรอ?วาโยทำหน้าเอ๋อถาม 

     

                    ก็โดน...เออ..จะเรียกไงดีล่ะ..คำสาปก็คงได้มั้ง เด็กหนุ่มเริ่มกัดเล็บ เขามักจะทำบ่อยๆถ้าต้องใช้ความคิด  และสมาธิถูกทำลายสิ้นเมื่อได้ยินเสียงทวนคำของวาโย

     

                    แมงสาป?

     

                    คำสาปเฟ้ย!!”คิมเริ่มโวยกับคนหูไม่ดีและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น

     

                    แล้วจะทำไงดีอ่ะ? วาโยเริ่มเมื่อยเธอจึงนั่งยองๆ  เท้าคางฟัง

     

                    นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ..อีกฝ่ายบอกเสียงเครียด ถ้าไม่ทำตามที่มันบอกละก็.

    ..ถึงตายเชียวนา...เขาเน้นคำให้ฝ่ายตรงข้ามหันมาสนใจ ซึ่งก็ไม่ได้ผลมากไปกว่ามองตาปริบๆ

    ก่อนจะเกริ่น เพื่อนของฉัน...เองก็...เป็นแบบเธอ...ไม่เชื่อเรื่องนี้... แล้วก็เงียบไป

     

                    แล้วเพื่อนนายเป็นไงล่ะตอนนี้น่ะ

     

                    คำถามนี้ทำให้เขาเจ็บแปลบเหมือนจี้ใจดำ  ก่อนที่เค้นคำออกมาจากสมองได้

    ช่วย..ช่วยเค้าไม่ได้เลย....เค้าถูกมันฆ่าตาย

     

                    ...ความเงียบเข้าครอบคลุม ... ทั้งที่เป็นก่อนเที่ยง.. แต่ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มผิดปกติจนสังเกตุได้

     

                    บรรยากาศตรึงเครียดแม้แต่วาโยเองก็ยังนิ่ง...

     

                    ...โดนมันฆ่าตาย...  เสียงที่เค้นออกมานั้นปวดร้าวอย่างสาหัส...

     

                   ..ความรู้สึกที่ช่วยเพื่อนไม่ได้...มันเจ็บปวด ทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้นใจ...

                    วาโยที่แอบอ่านกระดาษปึกนั้นอีกรอบ  ดวงตาสีดำจ้องนิ่งไปที่สิ่งที่อยู่ในมือ...

    ...ปัทมาที่ช่วยเพื่อนไม่ได้จะรู้สึกอย่างนี้รึเปล่านะ???...

                   

     

                    หลังจากที่เงียบกันไปนาน เด็กสาวก็ตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้น

    แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง? เธอเหลือบตาไปมองคิมที่ก้มหน้า ถ้าอยากให้เชื่อเรื่องนี้...ก็พิสูจน์สิ...ว่ามันเป็นเรื่องจริง... เธอลองใจคิมดูก่อนว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดหรือไม่..

    ..ทั้งๆที่รู้แก่ใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง...

     

                    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ได้เลย...เธอต้องรู้แน่ว่าปัทมามีอยู่จริงๆ...เธอต้องเชื่อเรื่องนี้แน่...ฉันจะพิสูจน์ให้ดู!...ถ้า....เขาเว้นช่วงเล็กน้อย

     

                    ถ้าเธอรอดไปถึงล่ะก็นะ!”

     

     

     

                    คำท้าทายแกมเชิญชวนทำให้เธอรับทันที

     

                    ...กำลังหาอะไรทำแก้ง่วงพอดี...

     

                    ได้เลย..มาพิสูจน์ความจริงกันวาโยยิ้มอย่างท้าทาย งั้นก็พาไปเลยสิ!”

     

                    คิมตีหน้าเครียด ฉันจะพาเธอไปหาปัทมา...อย่ากวนอารมณ์หล่อนให้มากนักล่ะ

     

                    ได้เลยกิน...

     

                    ฉันชื่อคิม...

     

                    ว่าไงนะ...ลิงกัง

     

                    แล้วทั้งสองก็ทะเลาะกันต่อไป... ส่วนสงกรานต์น่ะเรอะ

                    วาโยยยยยยยย............เธอไปไหนของเธอฮะ??????

     

                    ก็ยังถูกลืมทิ้งไว้ที่ห้องวาโยเพราะไปรับช้านั้นแล...........

     

                    **********************************************

     

                    หลังจากนั้นพวกวาโยก็มาอยู่ที่ตึกร้างไกลจากหอพักไม่มากนัก... ถ้านับก็กิโลกว่าๆ

    กลางทุ่งไร่นาของพวกชมรมเกษตร  ที่ถูกนักเรียนเอาข้าวไปสี ได้ข้าวฟรีทุกที

     

                    ที่นี่แหละ...คิมพึมพำเบาๆ ขณะที่วาโยเดินเอามือล้วงกระเป๋าตามมาติดๆ

    ภายในตึกมีห้องว่างๆที่ถูกแปลงเป็นห้องศิลปะกรรมเด็กแนว(ผิดปกติ)  ที่มีสีวาดเต็มผนัง

    เด็กหนุ่มเดินนำวาโยขึ้นไป  บันไดเหล็กลั่นเอี๊ยดอ๊าดคาดว่า คงสร้างมาไม่ดี ทำให้โครงไม่แข็งแรง

    ต่อด้วยบันไดปูนที่มีตะไคร่ขึ้น

    ..แต่ละที่ช่างน่าพิศมัย... วาโยประชดในใจ

                    ขณะที่คนเดินนำหันมาจ้องเธอ  อย่างแปลกใจ

                    มีอะไรเหรอ?

     

                    ปะ..เปล่าทันทีที่เธอถาม  เขาก็ละล่ำละลักตอบแล้วเดินนำขึ้นไป

    เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกๆ  ทั้งๆที่เขาเคยมากับเพื่อนเจอรังควาญแทบตาย  แต่พอครั้งวาโยกลับไม่มีอะไรเลย

    ..มันออกจะง่ายไปหน่อยรึเปล่า?...

    คิมแอบคิดในใจ

    เขาพาวาโยเดินขึ้นบันไดมาจนถึงบนดาดฟ้า  แล้วชี้นิ้วไปทางซ้ายที่มีแท็งค์น้ำเก่าๆตั้งอยู่

    บนแท้งค์น้ำนั้นมีร่างผอมบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่  ดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้า

     

                    ใครอ้ะ?วาโยถามแบบซื่อใสไร้ความคิด

     

                    ปัทมาไง..เขาตอบเบาๆ อย่าทำอะไรให้เขาตกใจนา...

     

                   

                    แคร้งงงงง

     

                   

                    เท้าเจ้าเอย...ของวาโยดันไปเตะฝาเหล็กหล่นบนพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ(มั้ง?)

     

                    ร่างผอมบางที่เหม่อลอยหันควับ  ราวกับพลังกดดันมหาศาล แม้คนเฉื่อยอย่างวาโยยังถึงกับร่างกระตุก 

     

                    ...ความรู้สึกอึดอัดนี่มันอะไร?...

     

                    แต่หลังจากนั้นจู่ๆความรู้สึกนั้นก็หายไป

     

                    ขอโทษนะคะคุณคิม...เสียงแหลมเล็กหวานแบบผู้หญิงธรรมดา   ดังมาตามลม 

    แม้จะหวานปานใด

    แต่วาโยก็ยังว่ามันดูหลอนจิตชอบกล ...ยัยนี่ใช่คนเปล่าฟะ?...ว่าแต่เมื่อยจังนั่งดีกว่า..

                   

                    นี่คือ..คนที่จะมาช่วยปลดปล่อยคุณครับ...คุณปัทมาคิมบอกแล้วผายมือไปทางวาโย

     ที่นั่งยองๆมองไปที่ปัทมา    หญิงสาวมองวาโยอย่างพิจารณา

    ขณะที่วาโยเหมือนนึกอะไรได้!!

     

                    ...เราลืมอะไรรึเปล่าหว่า????...

     

                    หลังจากประเมินวาโยนั้นปัทมาก็ระเบิดหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่   แต่คนนั่งยองๆไม่ได้ขำไปด้วย        ....อึ๋ยยย...แม้แต่เสียงหัวเราะยังหลอนจนน่าขนลุกเลยแฮะแม่นี่...

     

                    แปะ   แปะ

                   

                    โลหิตสีแดงฉานหลั่งออกมาจากร่างผอมที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง   แผลที่ถูกกรีดทั่วตัวเริ่มปริแตก

    กลิ่นเลือดคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน  ผิวสีซีดอาบด้วยเลือด...  ขณะที่เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ  พร้อมกับเลือดที่กระเซ็นแผ่ขยายรัศมีไปเป็นแนวกว้าง

     

                    แต่ก็ไม่ได้ทำให้วาโยนึกอะไรได้นอกจาก...

    ...ถ้าเจ๊ว่างขนาดนี้ไปสมัครบริจาคเลือดจากสภากาชาดซะยังมีประโยชน์กว่า

     

                    อย่างนังเด็กนี่นะ...จะช่วยฉัน...เธอพูดอย่างดูแคลน  ก่อนจะหัวเราะต่อ

    เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะน่า...แล้วค่อยหวังกัน... แล้วก็ระเบิดหัวเราะอีกชุด

     

                    ...ให้ตาย...คนโรงเรียนนี้ติดกัญชาไปทั้งโรงเรียนแล้วรึ?...

    วาโยคิดอย่างหน่ายๆ   โดยก็ยังไม่รู้อีกน่ะแหละ... ว่าร่างตรงหน้ามันใช่คนซะที่ไหน?

    ...ว่าแต่...ทำไมรู้สึกเหมือนลืมอะไรรึเปล่าฟะ?.. (ลืมฉันไง..ยัยเบ๊อะ : สงกรานต์).

     

                    จะ..ใจ..ใจเย็นๆสิครับคุณปัท.. ...เดี๋ยวก็หัวเราะจนตายห่ากันพอดี.. นั่นคือประโยคในใจที่หนุ่มผมสีน้ำตาลไม่ได้พูดออกไป

    ผมแค่คิดว่าวาโยอาจจะช่วยคุณหาของๆเพื่อนคุณได้เท่านั้นเองครับ... เขาเริ่มพูดหว่านล้อม

    บางที..นะครับ......เขาอาจมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้นะ

     

                    คราวนี้ร่างผอมในชุดอึมครึมหันมามองวาโยอย่างเนิบๆ ด้วยการหมุนคอ 180 องศา

    ทำให้ วาโยถึงกับสะดุ้ง   หญิงสาวแสยะยิ้ม  ดวงตาหมองเริ่มปูดโปนออกมา  เส้นเลือดเริ่มเต้นตุ้บๆ

    ...มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้ว...   เธอตวัดลิ้นในปากไปเลียริมฝีปาก  งั้นก็พิสูจน์สิว่า....ดีจริง

     

                    ...คิมเหลือบตามองวาโยที่นั่งยองๆ  ...ถ้าให้ทดสอบ...จะรอดเหรอ?... หน้าเงี้ยเนี่ยนะจะรอด.

    เด็กสาวสบตากลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์...  แต่เธออ่านสีหน้าของคนมองออก

     

                    ...ไอ้ห่ะนี่....ด่ากูแหง... แต่ช่างมัน...ว่าแต่...แม่งเหมือนมันจะคุยรู้เรื่องกันอยู่สองตัว

    เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไงย้าาาา...

     

                    ด้วยความไม่สบอารมณ์เธอจึงถามไปห้วนๆพิสูจน์อะไรฟะ?

     

                    พรึ่บบบบบบบบบ

     

                    จู่ๆไอ้ร่างผอมๆแต่กระดูกนั่นก็มาปรากฏหน้าเธอ  เจ้าของร่างแสยะยิ้ม

    ริมฝีปากแห้งแตกเป็นรอยยิ้มไปถึงใบหู ดวงตาปูดโปนสีขาวซีดมองมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ

     ขณะที่วาโยกระโดดถอยหลังด้วยท่านั่งยองๆทำสถิติครั้งเดียวล่อไปเมตรครึ่ง  แล้วยิ้มแหยงๆ

     

                    เจ๊จ๋าาาา...ปากเจ๊ฉีกแย้ววว..หุบได้แล้ว...

     

                    ให้มันเกรงใจกันหน่อยนังหนู....ปัทมาเอ่ยเนิบๆด้วยเสียงหวานของเธอ(ที่คนอื่นบอกได้คำเดียวว่า..หลอนนนน)  ผมสีดำดูรกรุงรังปกหน้าไปซีกหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดต่อ ...ฉันกับคิมจะลงไปรอข้างล่าง...ถ้าอยากรอดล่ะก็...ตามไปให้ถึง...ข้างล่าง นิ้วสีซีดหุ้มกระดูกชี้ไปข้างล่างตัวตึกที่หน้าประตู

     

                    แล้ว...จะ...คุณจะลงไปไงด้วยกันป่าว?

     

                    ปัทมาหันควับอีกครั้ง  ดวงตาโปนจ้องไปที่วาโย แล้วตอบตามแบบฉบับของเธอ

    ฉันมีวิธีลงของฉัน...ไปได้แล้ว วาโยกระพริบตาปริบๆ  เธอกลืนน้ำลายดังเอื้อก

    แล้วตัดสินใจเดินกลับไปทางเดิมอย่างเอื่อยๆ  ขณะที่สมองก็ยังไม่วายคิด

     

                    ...แล้วเจ๊จะลงไปไงอ่ะ...บินไปเหยอ?...

     

                   




    **************************************************************************

        อยากบอกว่าช่วยกันเม้นกานนนนนหน่อยน้าาาาาาาาาา
       ถือว่าคนเขียนขอร้ออออองงงงง
       อยากรู้ความเห็นง่ะ  ขอบคุณท่าน Blue Girl มากๆๆๆๆๆๆๆที่เตือนข้อย
       เรื่องตอนมันซ้ำกันหลายตลบ =_="  ขอบคุณมากกกกกกกกกกกๆๆๆ จริงๆนะ
       มีอะไรก็ช่วยกันบอกช่วยกันเตือนบ้างเน้อ....
      
                                                                              จำง่ายยยยย   ง้าย ง่าย...จำง่ายย
                                                                                                      หวังว่าจะไม่จำยากกันนะ  มาเพื่อขอเม้น      
                                                                                                                      ช่วยกันหน่อยนะ คนอ่านทั้งหลาย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×