คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฉากที่ 3 : บทละครในโรงอาหาร? 100~%
ฉากที่ 3 : บทละครในโรงอาหาร?
“...สง...กรานต์” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งตอบไป เป็นครั้งแรกที่บอกชื่อกับคน...
ปรกติถ้าเจอคนเขาก็หลอกเละไปแล้ว...
เพียงแต่...ครั้งนี้มัน..เจอสายตาไร้เดียงสาอยากรู้อยากเห็นแล้วมัน...
หลอกไม่ลง
“โอเค..สงกรานต์ไปห้องฉันมั้ย?”วาโยเอ่ยชวน ขณะที่ในใจเริ่มวางแผน
...ไปเถอะนะ...ฉัน....
..จะได้ใช้นายจัดห้อง....
“หา...บ้าเหรอ?มีคนที่ไหนชวนผีเข้าห้อง..”เขาปฏิเสธด้วยหน้าตาเหรอหรา
“เอาน่ะ ไปเหอะ...เดี๋ยวฉันจะถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายนิดหน่อย”
วาโยทำหน้าไม่พอใจ “ถ้าถามตรงนี้มีใครเห็นขึ้นมาก็หาว่าฉันบ้ากันพอดี”
“ไม่ไป” คำพูดเด็ดขาดทำให้เด็กสาวต้องไปคนเดียว แต่...
หลังจากที่เดินมาได้ระยะหนึ่ง ...
“...แล้ว.....ห้องฉันไปทางไหน?”
..ยัยนี่เอ๋อแดกชัวร์... ผีหัวส้มจึงต้องนำทางโดยดูที่หมายเลขกุญแจให้ไปโดยปริยาย
ด้วยเหตุฉะนี้สงกรานต์จึงต้องมาช่วยวาโยจัดห้องโดยปริยาย
แล้วก็วุ่นกันไปทั่วจนจัดห้องเสร็จ ทั้งคู่จึงนั่งพักบนโซฟาเก่าๆในห้องผ้าที่เย็บเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ
“เย็นแล้วนี่นา...เฮ้อ...จัดห้องซะหมดไปครึ่งค่อนวัน”เด็กหนุ่มบนกระปอดประแปด
“อย่าบ่นแบบคนแก่นักน่า...เซ็ง..น่ารำคาญชะมัด”
สงกรานต์หันควับทันที พร้อมกับชี้นิ้วไปที่วาโย เป็นเชิงว่า
“คนที่สั่งมากกว่าทำอย่างเธอมีสิทธิ์มาว่าด้วยเรอะ?”
เด็กสาวหัวเราะแห้งๆอย่างไร้ข้อแก้ตัว “เอางี้..ไปหาข้าวเย็นกินกันป่าว”
“เฮ้..นี่ฉันเป็นผีนะ กายละเอียดน่ะ กินข้าวได้ซะที่ไหน?”
“ก็ฉันหิว” คำๆนี้ทำเอาสงกรานต์หลิ่วตามอง...นี่เธอ..ไม่คิดจะห่วงฉันบ้างรึไงวะ?.
แต่ก็... “ไปก็ไป..”
คำตอบทำให้เธอฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ “โรงอาหารของโรงเรียนมันอยู่ไหนเหรอ?”
“เออ..เฮ้อ...นี่เข้าโรงเรียนมาเนี่ยรู้อะไรบ้าง?..”ผีหัวส้มส่ายหน้าอย่างระอา
“ถามแปลกๆ..ก็รู้ว่าที่นี่คือโรงเรียนอ่ะสิ” หลังจากที่ได้คำตอบ เขาก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง
...เหมือนได้น้องสาว...คนใหม่
ก่อนที่จะกล่าว“งั้นฉันจะพาไปโรงอาหารเอง...”
สงกรานต์พาวาโยออกจากหอพักเดินไปที่โรงอาหาร ซึ่งเป็นอาคารแบบเรียบๆ
มีหลังคาแบบยุโรป ด้านในเป็นที่กว้าง มีโต๊ะเรียงรายอยู่ทั่วไป
“ฉันนั่งรอที่นี่นะ...” เขาหย่อนตัวลงนั่งทันทีที่มาถึง
“อือ..งั้นฉันไปก่อนนา เดี๋ยวมา..”วาโยบอกแล้วเดินตรงไปที่ร้านที่เปิดร้านเดียว
ภายในร้าน มีป้าแก่ๆยืนอยู่ เธอยิ้มให้วาโยด้วยท่าทางเป็นกันเอง “จะเอาอะไรดีแม่หนู่?”
“มีอะไรบ้างคะ?”เด็กสาวถาม ดวงตาสีดำขลับมองที่ป้าคนนั้นอย่างเป็นมิตร
“อาหารตามสั่งจ้ะ..สั่งได้ทุกอย่าง”
“เอาโก๊ยซี่หมี่จานนึงแล้วกัน”วาโยบอก แล้วหันไปมองที่นั่งรอบๆ
...โต๊ะเยอะชะมัดเลย.. มีต้นไม้ด้วยบรรยากาศดีจัง..
เธอมองสิ่งต่างๆไปเรื่อย
“ได้แล้วจ้ะ 20 บาท” จาน ‘โก๊ยซี่หมี่’ถูกนำมาวางเรียกความสนใจคนตรงหน้า
ข้างๆจานมีกระดาษปึกหนึ่งวางอยู่ปกมันเป็นสีน้ำตาลแห้งๆ ดูจากความเรียบของกระดาษคงพึ่งแห้งจากน้ำ แมกที่เย็บอยู่มีสนิมสีน้ำตาลขึ้น เหมือนว่าป้าเจ้าของร้านจะเห็นว่าเธอสนใจมัน
“อันนั้นเป็นกระดาษที่หลานป้าที่เรียนอยู่ที่นี่ฝากทิ้งน่ะจ้ะ...จะเอาไปก็ได้นะ ป้าไม่ว่า ไหนๆก็จะทิ้งอยู่แล้ว”
...เอาดีมั้ยฟะเนี่ย?....
เอาไปก็รกห้อง... แต่ว่า...
เอาดีกว่าไงๆก็เอาไปชั่งกิโลขายแก้ขัดเวลาถังแตกได้..มีประโยชน์
...แต่สังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยแฮะ...รู้สึกแปลกๆ
สมองน้อยๆประมวลผล เธอจ่ายเงินแล้วถือจานโกยซี่หมี่ไปพร้อมกับตัดสินใจหยิบกระดาษปึกนั้นมา โดยไม่ได้คิดอะไรอีก
“มาแล้ว...”คำแจ้งเมื่อมาถึงดึงดูดดวงตาสีแดง ให้ไปมอง แต่ก็พบกับบางอย่างที่ดึงดูดใจ
ที่ทำให้ดวงตาคู่นั้นต้องหรี่ลงอย่างสงสัย ..กระดาษอะไรน่ะ...ปึกใหญ่ฉิบ..
ก่อนที่จะได้ถามก็มีเสียงขัดซะก่อน “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย?”
ผีผมส้มจึงได้แต่เก็บความสงสัยเคลือบแคลงไว้ในใจ
ผู้เอ่ยเป็นเด็กหนุ่มที่ถือจานอาหารเดินมาหยุดที่โต๊ะของวาโย ดวงตาสีดำภายใต้
กรอบแว่นสีเงินซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ผมสีดำแซมเงินที่เห็นได้เลยว่าย้อม ซอยสั้นๆ
ชุดที่เขาสวมสีดำสนิท
ดวงตาสีดำขลับของวาโยละจากอาหารมองขึ้นมาเล็กน้อย “อยากนั่งก็นั่งไม่ได้ว่า”
เธอหันกลับไปกินอาหาร โดยไม่สนใจเด็กหนุ่มผมดำที่ใครๆเห็นก็ว่าหล่อ
ด้วยความคิดที่ว่า..
สีผมหมอนี่...เข้ากับหน้าดีแต่ว่า..
...เหมือนน้ำยาขัดรองเท้าไปหน่อย
หลังจากการเขมือบอาหารตรงหน้าอย่างไม่อายใครแล้ว ดวงหน้าเล็กก็เงยขึ้นมาหาที่ยึดสายตาที่ใหม่ “นาย..ชื่ออะไรเหรอ?” เธอเอ่ยเนือยๆถามคนที่มาใหม่
เขารวบช้อนกับส้อม แล้วเอาผ้าขึ้นมาเช็ดปากแบบผู้ดีจัด แล้วจึงพูด
“มายา..”
“อะไรนะ..”วาโยทำหน้าเฉยเมยแล้วเอียงคอ
..อะไรฟะ?..ได้ยินไม่ชัด..อะไรยาๆ ..น้ำยา..ทายา ทาบา.. บาทา !ใช่แหละ..ชื่อนี้ชัวร์ป้าบ!!
“ฉันชื่อมายา..เขาย้ำอีกครั้ง”
“อื้อ..ฉันได้ยิน(ผิด)แล้วล่ะ”เด็กสาวบอกพร้อมเห็นด้วยกับความคิดตัวเอง
“เอ่อ..ฉันชื่อวาโยนะ..อือ..อืม ยินดีที่ได้รู้จักบาทา”
“...บาทา?...เอ่อ..คือ..ฉันชื่อมายานะ...”เด็กหนุ่มแย้ง
“อือ..ทายา..”
“มายาครับ”
“ปากกา?”
“ผมบอกว่าชื่อมายา..” เด็กหนุ่มผมแซมเงินเริ่มประสาทกินเล็กน้อยไปถึงปานกลาง
และอีกหน่อยจะกระจายเป็นหย่อมๆ ขณะที่สมองซีกซ้ายทอดสมอ สมองซีกขวาควรงดออกจากฝั่ง
(นอกเรื่องละ)
“เรียกผมว่ามายด์ละกัน เป็นชื่อที่เพื่อนสนิทผมเรียกกันน่ะ” เขาถอนหายใจ ถ้าไม่ให้ยัยนี่เรียก
เดี๋ยวชื่อเขาคงได้กลายเป็นบาทารองTeen ไปแน่ๆเลยให้ตายสิ
“มายด์?..”
“เอ้อ..ใช่นั่นแหละ” ..ในที่สุดก็เรียกถูกซะที
“ฉันชื่อวาโยเน้อ..” เด็กสาวบอกแล้วยิ้มจนตาหยี “ยินดีที่ได้รู้จักนะ..”
“อือ”มายด์ตอบสั้นๆ แล้วขยับแว่น
แล้วจู่ๆดวงตาภายใต้แว่นนั้นก็หันมาสบตากับสงกรานต์ที่นั่งเท้าคางอยู่
“นี่..วาโย..ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนเธอให้ฉันรู้จักบ้างเรอะ?”
วาโยทำหน้าเอ๋อ ไปซักพัก... “หมายถึง...”
“ก็เจ้าหัวส้มที่นั่งอยู่นั่นไง”
“อ้าว..มองเห็นด้วยเรอะ?”สงกรานต์เลิกเอามือเท้าคางแล้วนั่งกอดอกแทน
“ฉันชื่อสงกรานต์” หนุ่มหัวส้มบอก แล้วหันไปมองวาโยอย่างหน่ายๆ
“...เฮ้อ..แล้วก็อย่าไปถามอะไรยัยนั่นมากนักเลย...ยัยนั่นไม่รู้อะไรหรอก”
พอวาโยได้ยินดังนั้นก็แย้งทันที “เฮ้...ก็ฉันไม่คิดว่าหมอนั่นจะเห็นนายนี่นา......”
“คนที่มีสัมผัสพิเศษอย่างผมน่ะ เห็นจนชินแล้วล่ะ” มายด์ตอบ
...อ้าว... เห็นแล้วแกจะถามฉันทำเจี๊ยกอะไรฟะ?...อยากรู้ชื่อสงกรานต์ก็ถามมันเดะ..
เด็กสาวชักไม่สบอารมณ์
“เอ้อ..วาโยกระดาษปึกนั้นน่ะ..อะไรเหรอ?”เด็กหนุ่มหัวส้มถาม มือก็ชี้ไปทางกระดาษที่วางอยู่ข้างๆวาโย ที่มีตัวหนังสือเขียนหวัดที่มุมด้านซ้ายว่าบทละครตัวเล็กๆ
“อ๋อ.....ไม่มีอะไรร๊อก...”วาโยขึ้นเสียงสูงแล้วตบปึกไปที่กระดาษ “ก็แค่แม่ค้าจะทิ้ง...แล้วยาย(เรียกป้าก็พอย่ะ : ป้าคนขาย) เค้าก็ยกให้มา... ฉันแค่เห็นมันดีก็เลย......”เด็กสาวพูดไม่ทันจบประโยค..
“ฉันว่าไม่ควรเก็บมานา...สังหรณ์ไม่ดีเลย”สงกรานต์ขัดขึ้น
“ฉันเห็นด้วย....เห็นมีรัศมีชั่วร้ายจับทีเดียวแหละ”เด็กหนุ่มผมแซมเงินออกความเห็น
“ฉัน...” พอวาโยจะพูดต่อก็โดนทั้งสองพูดทับ
“วาโย..ฉันว่าเธอ.../วาโยคุณไม่ควร...”
“ฉันจะเอาไปชั่งกิโลขายเฟ้ย” เธอพูดท่ามกลางเสียงโล่งอกถอนหายใจ
“ป๊าดดดดธ่อ...นึกว่าจะเอาไปอ่านแล้ว เธอก็เกิดตายขึ้นมาเหมือนนิยายน้ำเน่าไรประมาณเนี้ย”
สงกรานต์บ่น
“เอ้อ..จริงด้วยก่อนขายก็ต้องเปิดดูก่อน...”วาโยฉีกยิ้ม
“แว๊กกกกกกกกกกก..อย่าาาาาาาาาาาา” เด็กหนุ่มผู้มิสติทั้งสองเริ่มโวยทันที
“นี่ถ้าห่วงนักก็ดูพร้อมกันเลยดิ” เด็กสาวบอกดวงตาเป็นประกายวิบวับ...ยังไงฉันก็ไม่ไปซวยคนเดียวหรอกเฟ้ย...ยังไงก็ต้องมีคนร่วมหัวจมท้ายด้วย...
“งั้นก็ไปเปิดดูพร้อมกันที่ห้องเธอสิ”มายด์ออกความเห็น
วาโยหันควับ“ปอดอ่ะเดะ”
“นี่เธ๊อออออออ”
“วาโย...ยังไงก็ตาม..ฉันว่าเราไปเปิดที่ห้องดีกว่า..ที่นั่นเป็นส่วนตัวถ้าเจอเรื่องร้ายๆยังไง”
สงกรานต์เว้นวรรคเล็กน้อย “...ก็ยังพอป้องกันไม่ให้คนอื่นซวยไปด้วยได้”
“ชิชะ...เซ็งพวกมีน้ำใจจัง”วาโยยักไหล่ ทั้งที่ในใจเธอก็เห็นด้วยกับสงกรานต์เช่นเดียวกัน
“งั้นก็ไปกันดิ...เส้นความอยากรู้อยากเห็นฉันมันเต้นตุ้บๆไปหมดแล้ว”
“แต่ผมขอตัวล่ะ...”มายด์เอ่ยท่ามกลางความตกใจของทุกคน แล้วเดินแยกออกไป
“ยังไงผมก็ไม่คิดไปกับพวกคุณ”
วาโยยักไหล่ “ช่างเค้า...เราไปกันเหอะ”
...........................................................................................................................
ความคิดเห็น