คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2-1 : ความลับของความว่างเปล่า
[Fan-Fic]
Touhou - Time of Black Spring
Chapter 1-2 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
เป็นเวลานานแล้วที่ชายหนุ่มยืนอยู่ในห้องมืดๆ อย่างนี้ ภายในห้องมีเพียงแสงไฟจากเทียนไขในมือเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวจึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆ ได้ ชายหนุ่มพยายามคลำหาทางโดยใช้มืออีกข้างโบกไปมากลางอากาศ แต่ก็ไม่พบสิ่งกีดขวางใดๆ เลย
สุดติดผนังห้องนั้นชายหนุ่มพบโต๊ะไม้หนึ่งตัว บนนั้นมีเพียงกรอบรูปไม้สกปรกๆ ฝุ่นจับหนาอันเดียวเท่านั้น อีกทั้งภาพบนนั้นก็มีรอยไหม้ทำให้มองเห็นไม่ชัดด้วยว่าเป็นภาพอะไร จากการสังเกตแล้วน่าจะเป็นภาพของครอบครัว พ่อ แม่ และลูกชายสามคน น่าเสียดายที่ใบหน้าของทั้งสามไหม้ไปเลยไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
จากนั้นก็พลิกด้านหลังกรอบรูปเผื่อมีเบาะแสอย่างอื่นอยู่อีก และมันก็มีจริงๆ.... เป็นข้อความสลักเอาไว้
"เคียวมุเซย์ มุนากิ.... กับครอบครัว"
ชายหนุ่มกระซิบ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชื่อของคนใดคนหนึ่งบนรูปภาพนี้ และมันก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
เขาเคยได้ยินชื่อนี้จากไหนกันนะ....
"ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"
เสียงนุ่มนวลแต่ห้วนของหญิงสาวดังแทงหูชายหนุ่มเข้ามาจนต้องเผยอเปลือกตาขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ภาพที่เขาเห็นคือหญิงสาวผมสีทองยาวสลวยในชุดวันพีซสีม่วงกำลังนั่งถกเถียงกับผู้หญิงอีกคนซึ่งมีผมสีเดียวกันแต่ตัดสั้นระท้ายทอยสวมหมวกทรงประหลาดคล้ายหูแมวและสวมชุดสีขาว
"โธ่ ท่านยูคาริคะ ก็ฉันบอกไปตั้งหลายหนแล้วไงว่าเขตแดนมันบางลงจริงๆ นะ" รันยังคงยืนยันคำพูดของตัวเองต่อไป แต่โยวไคสาวก็หลบสายตาหันมาสนใจชายหนุ่มผมดำแทนซะอย่างนั้น
"อ้าว! ฟื้นแล้วเหรอ?"
"อืม..."
ชายหนุ่มครางพร้อมกับยันกายให้ลุกขึ้นนั่ง แม้จะไม่รู้สึกเจ็บส่วนไหนของร่างกายเลยก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกปวดหัวอยู่บ้างเหมือนกัน เท่าที่จำได้ ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้กับเธอทั้งสองคนนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเลยนี่นะ...
ยาคุโมะ ยูคาริ กับ ยาคุโมะ รัน
สำหรับเรื่องเมื่อคราวก่อนแล้ว นับว่าโชคดีจริงๆ ที่เสียงของเขาส่งไปถึงยูคาริได้ ไม่อย่างนั้น 'ตัวเขาอีกคน' อาจจะไล่ฆ่าคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้
"คุณยูคาริสินะครับ... ผมต้องขอบคุณจริงๆ ที่รับฟังคำขอของผม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นนัย
"ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อยน่ะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงก็เถอะ" ยูคาริพูดพร้อมกับฉีกยิ้มให้ ทำเอารันที่นั่งฟังทั้งสองคนคุยกันต้องมีเครื่องหมายปรัศนีมาวนรอบๆ หัวเต็มไปหมด
"ท่านยูคาริ รู้จักกับคนๆ นี้ด้วยหรือคะ?" ชิกิกามิสาวเอ่ยถามในที่สุด
"ไม่รู้หรอก" ยูคาริตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจกับคำถามนัก "ก็แค่ได้ยินเสียงเรียกของเขา ฉันก็เลยไปหาเท่านั้นเอง"
"แต่คนๆ นี้เขาทำร้ายพวกเรานะคะ! ทำร้ายเชน ท่านยูคาริแล้วก็ฉันด้วย!"
"เรื่องนั้น ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ" ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "เป็นเพราะผมไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไวได้ ก็เลย....."
คำพูดหลังจากนี้ต้องหยุดลง เมื่อภาพตอนที่ตัวเขาเองกำลังยืนเผชิญหน้ากับรันและยูคาริผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ตอนนั้นเขาเล่นงานทั้งสองคนเอาไว้หนักมาก รวมถึงก่อนหน้านั้นที่เข้าทำร้ายเชนด้วย...
แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้เลย ทุกครั้งที่ความคิดอยากต่อสู้ผุดขึ้นมา 'ตัวเขาอีกคน' ก็จะสะกดเขาเอาไว้แล้วเข้าควบคุมร่างของเขา ทำร้ายผู้คนทั้งมนุษย์และโยวไคอย่างไม่เลือกหน้า เป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างที่เข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ในตัวเขาได้อย่างไร...
เวลานี้ ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงหลบสายตาของรันที่ยังมองเขาด้วยความโกรธเกินกว่าจะให้อภัยได้... เขายอมรับความผิดในครั้งนี้ แต่ว่า... จะทำให้เธอเข้าใจยังไงดี
"เอาเป็นว่า.... เรื่องที่มันแล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะน่า พวกเราเองก็ไม่มีใครเป็นอะไรไม่ใช่หรือไง" ยูคาริเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศกดดันลงพร้อมกับหันไปส่งสายตาปรามให้รัน ทำให้ชิกิกามิสาวต้องสะกดกั้นอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้
"แต่ว่าถึงอย่างนั้น......."
ปัง!!
เสียงเปิดประตูดังลั่นกลบเสียงพูดของรันเสียสนิท ตามมาด้วยร่างเล็กของเด็กสาวตัวน้อยในชุดแดงและมีหูแหวแทนหูมนุษย์พุ่งพรวดเข้ามานั่งกองลงข้างชายหนุ่ม
"พี่ชาย! ฟื้นแล้วเหรอ ดีจัง!" เชนส่งเสียงใส แสดงความเป็นห่วง แม้เชนจะเป็นปีศาจแมวที่อายุอานามมากแล้วก็ตาม แต่หากเทียบกับมนุษย์แล้วเธอก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆ นี่เอง
"อื้อ ฟื้นแล้วล่ะ" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ ด้วยความเป็นเด็กร่าเริงสดใสของเชนนี้เอง ทำให้เขาลืมเรื่องทุกข์ใจเมื่อครู่ไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
"เชน!" รันตวาดลั่น ถลึงตาใส่แมวน้อยชุดแดงซึ่งตกใจและหันมามองทันที
"มันทำร้ายเธอนะ! ทำร้ายท่านยูคาริแล้วก็ฉันด้วย จะไปเป็นห่วงมันทำไม!?"
"พี่ชายไม่ได้ตั้งใจซักหน่อยนี่นา เขาไม่ได้เป็นคนทำนี่" เชนเถียง ทำให้รันประหลาดใจไม่น้อย
เชนเป็นชิกิกามิของรันอีกทีหนึ่ง ปกติแล้วจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอเสมอ แต่ทำไมหนนี้ถึงกล้าเถียงเธอล่ะ!?
หรือเป็นเพราะหมอนั่น...
รันที่ไม่เข้าใจในความคิดของเชนรวมไปถึงยูคาริที่อยู่ๆ ก็ช่วยชายคนนี้กลับมาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวขึ้นมากทุกที จึงลุกขึ้นก่อนจะกระแทกเท้าออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์
"ฉันขอตัวค่ะ!"
ชายหนุ่มมองตามรันที่เดินอกไปอย่างไม่พอใจด้วยความกังวลว่าเป็นเพราะตัวเขาเองรึเปล่านะ ที่ทำให้เธอต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างนั้น แต่มันก็สาสมแล้วกับสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับเธอ.. ไม่แปลกเลยที่รันจะโกรธ
"แปลกจัง" เชนเอ่ยขึ้น ดวงตายังคงมองที่ประตูเลื่อนซึ่งรันเพิ่งออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน "ปกติรันไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนี่นา รันน่ะ... ออกจะทั้งใจดีแล้วก็สุภาพ น่ารัก ใจดีกับฉัน กับท่านยูคาริ แล้วก็กับทุกๆ คน แต่ทำไม..."
"อาจจะเป็นเพราะผมล่ะมั้ง" ชายหนุ่มเอ่ย ก้มหน้าลงมองผ้าห่มนวมสีขาวซึ่งคลุมชุดสีดำของเขาเอาไว้ "คุณรันคงจะเกลียดผม"
"ไม่ใช่หรอก! รันน่ะ ไม่ได้เกลียดพี่ชายแน่นอน!" เชนตะเบ็งเสียง ทำให้ชายหนุ่มถึงกับผงะไปข้างหลัง "รันน่ะ คงจะมีเหตุผลอย่างอื่นแน่ๆ แต่รันไม่ได้เกลียดพี่ชายแน่นอน!"
เชนย้ำเพื่อให้ชายหนุ่มมั่นใจในคำพูดของตัวเธอเอง ดวงตาที่เชื่อมั่นของเด็กน้อยทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ เพราะในดวงตาที่ส่องประกายระยับนั้น บ่งบอกถึงความเคารพและรักในตัวของรันมากทีเดียว
"อื้ม เข้าใจแล้วล่ะ คุณรันคงไม่ได้เกลียดผมหรอกเนอะ" ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้เชนสบายใจ
แต่ถึงเธอจะบอกมาแบบนั้นก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังคิดอยู่ดีว่า รันคงไม่ได้หายโกรธเขาง่ายๆ เป็นแน่ ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นหรออก เขาจะต้องหาโอกาสเข้าไปขอโทษ และปรับความเข้าใจกับรันให้ได้
"ว่าแต่ว่า... คุยกันมาตั้งนานแล้ว ตกลงว่านายเป็นใครมาจากไหนกันล่ะ? ทำไมถึงเข้าในเก็นโซเคียวได้?" ยูคาริเอ่ยถามขึ้น
เป็นคำถามที่แทงใจชายหนุ่มจริงๆ เพราตอนนี้ในหัวของเขาว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย เขาจำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในป่าแล้ว
ชายหนุ่มเล่าเรื่องทั้งหมดเท่าที่เขารู้ให้ยูคาริฟัง ซึ่งเธอก็เข้าใจเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องที่เขาจำอดีตตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่ามาอยู่ในเก็นโซเคียวได้อย่างไร และไม่รู้ว่า 'ตัวเขาอีกคนหนึ่ง' ที่ควบคุมไม่ได้นั้นมาจากไหน....
"แม้แต่ชื่อ ก็จำไม่ได้เลยเหรอ?" ยูคาริถามขึ้นอีก คำถามนี้เรียกภาพในวามฝันของเขาขึ้นมาในทันที ภาพกรอบรูปไม้ที่มีชื่อของใครบางคนสลักอยู่ข้างหลัง
"เคียวมุเซย์ มุนากิ....." ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ เหมือนกระซิบกับตัวเอง แต่เชนและยูคาริก็ได้ยินด้วย
"นั่นคือชื่อของนายเหรอ.. ?" ยูคาริถาม ชายหนุ่มเตรียมจะปฏิเสธไป แต่ก็ถูกเสียงใสของเชนดังกลบขึ้นมาเสียก่อน
"โห! นั่นชื่อของพี่ชายเหรอ นึกชื่ออกแล้วงั้นเหรอ! ดีจัง งั้นเชนจะเรียกพี่ชายว่า มุนากินะ!" เด็กน้อยพูดอย่างร่าเริงพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างลิงโลด
จะปฏิเสธก็คงจะไม่ทันเสียแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่มีชื่อด้วย คงจะต้องขอยืมชื่อนี้ใช้ไปพักใหญ่เสียแล้ว
เคียวมุเซย์ มุนากิ...
เวลาผ่านไปสามวันแล้วหลังจากที่มุนากิเข้ามาอยู่ในบ้านยาคุโมะ ทุกอย่างราบรื่นและไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนักสำหรับสมาชิกใหม่รายนี้ ตอนเช้าและกลางวัน อาจจะรวมถึงหลายๆ เวลาด้วยที่เขาเป็นเพื่อนเล่นให้กับเชนเสมอๆ เพียงแค่มุนากิกำมือก็ปรากฏแสงสีดำวาบไม่กี่วินาทีก่อนจะเกิดมิติใหญ่ครอบคลุมพื้นที่แถบนี้ทั้งหมด
มิตินี้เป็นมิติที่รันและยูคาริได้พบกับมุนากิครั้งแรก เป็นสถานที่ที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวและท้องฟ้าสีครามกว้างสุดลูกหูลูกตา และตอนนี้ก็มีเชนวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนานอยู่ด้วย
"นี่น่ะ เป็นพลังของนายงั้นสินะ พลังในการสร้างมิติ... ว่าแต่ระบบมันเป็นยังไงน่ะ? ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรเลย" ยูคาริถามขึ้น ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังนั่งมองเชนวิ่งไล่จับผีเสื้อสีขาวตัวจ้อยอยู่
"มันเป็นมิติของจิตใจน่ะครับ มิติที่ผมสร้างอันนี้เป็นรูปแบบในจิตใจของเชน แค่ผมได้พูดคุยกับใครซักคนแล้วล่ะก็ ผมก็จะสามารถสร้างมิติในจิตใจของคนๆ นั้นขึ้นมาได้" ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับยูคาริ
"อยากให้ผมลองสร้างมิติของคุณยูคาริไหมล่ะครับ?"
"โอย ไม่เอาล่ะ" ยูคาริปฏิเสธทันที พร้อมกับโบกมือไปมาในอากาศ "ไม่งั้นนายอาจจะต้องตกใจจนช็อคไปเลยก็ได้นะ"
"ผมไม่ตกใจหรอกน่า ลองดูนะ"
สิ้นคำ มุนากิก็กำมืออีกครั้งโดยไม่สนใจคำคัดค้านของยูคาริ
แล้วชายหนุ่มก็ต้องตกใจจริงๆ เมื่อแสงสว่างสีดำวาบขึ้นและจางหายไป ทุ่งหญ้าสีเขียวและท้องฟ้าสีครามกลับกลายเป็นบ้านยาคุโมะดังเดิม ตรงที่พวกเขานั่งอยู่ก็เป็นระเบียงหลังบ้านส่วนเชนก็กลิ้งเล่นในสวนหลังบ้านพักหนึ่ง พอรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นมาโอดครวญอย่างไม่พอใจ
"โธ่ มุนากิ~ ปิดมิติไปทำไมกันล่ะ? เชนกำลังเล่นกับคุณผีเสื้ออยู่นะ!"
ได้ยินสาวน้อยบ่นดังนั้นแล้วชายหนุ่มก็ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเขาใช้พลังผิดพลาดงั้นหรือ? มันถึงได้กลับมาเป็นที่เดิม
"เห็นไหม บอกแล้วว่าอย่าเลย ฮะๆๆ" โยวไคสาวเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ พลางไล่เชนให้ไปวิ่งเล่นที่อื่นต่อ
มองดูจากท่าทางของยูคาริแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่มุนากิใช้พลังของเขาไม่ได้ อย่างน้อยๆ ยูคาริต้องรู้อยู่แล้วล่ะว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้
มุนากิทำสีหน้าครุ่นคิด พยายามทบทวนถึงการใช้พลังของตนเองเมื่อครู่ บีบมือตัวเองไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ทำผิดขั้นตอน ครู่หนึ่งต่อมา ก็ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นดึงเขาออกจากห้วงความคิด แล้วหันไปมองหญิงสาวชุดขาวผู้สวมหมวกทรงหูแมวที่กำลังเดินตรงเข้ามา
รันค่อยๆ นั่งคุกเข่าลงก่อนจะส่งแก้วชาให้กับยูคาริ
"นี่ค่ะ ท่านยูคาริ"
พร้อมวางจานขนมเอาไว้ แล้วสุดท้ายก็วางน้ำชาอีกแก้วเอาไว้ข้างๆ จานขนม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะให้ใคร ถ้ามุนากิเดาไม่ผิด มันก็คงจะเป็นของเขานั่นแหละ
ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ชายหนุ่มทุกข์ใจหลังจากเข้ามาอยู่ในบ้านยาคุโมะก็คือ ยาคุโมะ รัน คนนี้ หลังจากวันนั้นมา เธอก็ไม่เคยปริปากพูดกับเขาซักคำ แม้กระทั่งเดินผ่านก็ไม่ชายหางตามามอง ทำราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนี้
แต่อย่างน้อยเวลากินข้าว เธอก็ยังใช้ให้เชนมาเรียกเขาไปอยู่ดี นั่นคงจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้มุนากิเชื่อว่า รันยังคงไม่เกลียดเขาทั้งหัวใจแน่นอน
"อย่าไปคิดมากเลย รันเขาไม่ได้โกรธนายหรอก" ยูคาริเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมหันกลับมาจากประตูเลื่อนที่รันเพิ่งจะเดินออกไป "เขาก็คงแค่ยอมรับไม่ได้ ที่พลังของเขาถูกนายทำลายได้ในพริบตาล่ะมั้ง"
คำพูดของยูคาริ ทำให้มุนากินึกถึงตอนที่รันเรียกไพ่ 'พิธีฉลองสิบสองขุนพลเทพ' ออกมาใช้ แล้วตอนนั้น 'ตัวเขาอีกคน' ก็ทำลายมันลงไปได้ในพริบตาเดียวเท่านั้นจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... โอกาสจะต้องเข้ามาหาเขาซักวันแน่ๆ วันที่เขาจะได้คุยกับรันให้รู้เรื่อง
"จะว่าไป... ไพ่นั่นคืออะไรเหรอครับ ร่ายเวทย์ขั้นสูงออกมา โดยไม่ต้องท่องคาถาเลยนะ" มุนากิถามยูคาริ
"นั่นน่ะ เรียกว่า 'สเปลการ์ด' เราจะร่ายเวทย์เอาไว้ก่อนแล้วใส่มันลงไปในไพ่พวกนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการร่ายมนตร์ขั้นสูงๆ ไงล่ะ" ยูคาริอธิบาย "จะว่าไปแล้ว.... ดาบของนายที่ใช้ตอนนั้น สร้างขึ้นมาจากพลังเวทย์ของพวกฉันสินะ?"
"ครับ" มุนากิรับคำในทันที พลางมองไปยังยูคาริด้วยความทึ่ง แม้เขายังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร แต่ยูคาริก็คาดเดาได้เกือบหมด ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังไม่รู้จักยูคาริมากนัก แต่ก็บอกได้เลยว่าเธอเป็นโยวไคที่มีความสามารถและพลังในระดับสูงๆ มากตนหนึ่งเลยทีเดียว
"ฮะๆ เป็นอย่างงั้นจริงๆ ด้วยสินะ" ยูคาริหัวเราะ ก่อนจะทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วหันมาพูดกับมุนากิ
"เออนี่... มุนากิ พรุ่งนี้ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อยได้ไหม?"
"ไปไหนเหรอครับ?"
"ก็... ไปลองปลดผนึกความทรงจำของนายไง บางทีมันอาจจะถูกอะไรซักอย่างผนึกเอาไว้ ฉันลองคลายผนึกตอนนายหลับดูแล้ว แต่ก็ไม่ไหว" ยูคาริบอก
"เห? ตอนหลับ? คุณยูคาริรู้เหรอครับว่า ผมความจำเสื่อม?" มุนากิถามเสียงสูง เพราะตกใจที่ยูคาริรู้ถึงขนาดนั้น
"ก็ เปล่าหรอก ฉันแค่ลองดูเฉยๆ" เธอพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้ามุนากิ "เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปละกันนะ แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่า 'คุณ' แล้วด้วย เรียกยูคาริเฉยๆ ก็พอ"
"ครับ.. ยูคาริ ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันล่ะครับ?" มุนากิเรียกเสียงสั่นด้วยความยังไม่ชิน ทำให้ยูคาริอดยิ้มไม่ได้ เพราะหากนึกถึงอีกบุคลิกที่สู้ด้วยก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
บางทีหากได้ความทรงจำของเขากลับมาแล้วล่ะก็ อาจจะรู้อะไรมากขึ้นก็ได้ ทั้งเรื่องพลังลึกลับที่เธอประเมินเอาไว้ว่ามันอาจจะเกินระดับของเธอไปเลยก็ได้ และเรื่องที่เขาเป็นใครมาจากไหน เข้ามาในเก็นโซเคียวได้อย่างไร รวมไปถึงเรื่องที่ยูคาริ.... เริ่มจะรู้สึกราวกับว่าเคยได้พบมุนากิที่ไหนซักแห่งมาก่อนด้วย
โยวไคสาวหันออกไปมองยังท้องฟ้าสีครามอันสดใสและไร้ขอบเขต พลางคิดว่าแม้เก็นโซเคียวจะแคบ แต่โลกเรานั้นก็ยังกว้างอยู่ดี ยังมีอะไรอีกมากที่โยวไคอายุนับพันปีอย่างเธอยังไม่รู้ และแน่นอนว่าเธอยังไม่ลืมที่จะตอบคำถามให้มุนากิ ว่าในวันพรุ่งนี้จะไปที่ไหน
"ไปศาลเจ้าฮาคุเรย์"
ความคิดเห็น