ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1-1 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ
Touhou - Time of Black Spring
Chapter 1-1 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ
================================================
แดดยามเช้าส่องแสงระยิบระยับผ่านเข้ามายังหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้ซึ่งไ ม่เคยปิด ราวกับมันยินดีที่จะรับแสงเหล่านั้นเข้ามาทุกเวลา ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังคงฉายแสงอยู่บนฟากฟ้า
แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีผลกับหญิงสาวผมสีทองยาวสลวยซึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายอ ารมณ์บนฟูกผืนนุ่มในห้องนอนหลังหน้าต่างบานนั้นเลยแม้แต่น้อย
เธอยังคงหลับตาพริ้มและจมอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันแสนสุขอยู่อย่างนั้น แม้แสงแดดจะเคาะเปลือกตาเธอนานเป็นวัน จนต้องจำใจยอมแพ้และโบกมือลากับท้องฟ้าไปในที่สุดก็ตาม
แต่วันนี้ต่างออกไป.......
ร่างของหญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ แล้วบิดตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหาวอีกหนึ่งครั้งโดยที่ดวงตายังคงปิดอยู่ หลอกให้แสดงแดดที่คิดว่าปลุกเธอได้สำเร็จแล้วต้องตกใจเล่น
แน่นอน ว่าไม่ใช่แสงแดดหรอกที่ปลุกเธอ แต่เป็นเสียงของคนๆ หนึ่งต่างหาก เสียงที่เธอไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและสับสน
ทว่า... เธอไม่รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน มันก้องอยู่ในหัวของเธอไม่นาน ก่อนจะหายไป
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอคือ เสียงนั้นเป็นเสียงของใคร มันไม่ใช่เสียงปลุกที่รื่นหูเลยซักนิด ความอยากรู้อยากเห็นต้องทำให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นในที่สุด และจัดแจงแต่งตัวเปลี่ยนจากชุดนอนสีชมพูบางเป็นชุดกระโปรงสีม่วงระบายลูกไม้ ตามขอบ ก่อนจะหยิบหมวกผ้าสีขาวผูกริบบิ้นสีแดงใบโปรดขึ้นมาสวมและออกจากห้องไป
ห้องแรกที่หญิงสาวจะไปหลังจากตื่นแล้วทุกครั้ง มักจะเป็นห้องที่มีกลิ่นหอมโชยออกมาสามเวลาในแต่ละวัน เช้า กลางวันและเย็น แน่ล่ะ... ก็ห้องครัวไงล่ะ
"รัน~!! ข้าวเช้าเสร็จรึยัง?"
เสียงเรียกของหญิงสาวทำให้คนที่อยู่ในครัวต้องสะดุ้งโหยง แต่ด้วยรูปร่างของรันนั้น จะเรียกว่า 'คน' ก็คงไม่ถูกนัก แม้การที่เธอแต่ตัวด้วยชุดคลุมสีขาวยาวจรดพื้น สวมหมวกสีขาวรูปทรงคล้ายหูแมวและดวงตาสีทองเจิดจรัสจะทำให้ดูเหมือนมนุษย์ก็ ตาม ทว่าหางจิ้งจอกสีทองทั้งเก้าหางที่งอกออกมาจากสะโพกของรัน ก็เป็นจุดต่างที่ใครๆ ก็สามารถแยกแยะออกได้ไม่ยากนัก
"ทะ... ท่านยูคาริ!? ยังไม่ถึงเวลาจัดโต๊ะอาหารเลยนี่คะ!?"
รันโพล่งออกมาด้วยความตกใจ
ก็แน่ล่ะ... คนอย่างยาคุโมะ ยูคาริหรือจะมีทางตื่นก่อนเวลาอาหาร ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็ตามถ้ายังไม่ถึงเวลาตื่นแล้วล่ะก็จะไม่มีทางลุกข ึ้นมาเอ้อระเหยอย่างเด็ดขาด ผู้ที่เป็นชิกิกามิของยาคาริอย่างเธอรู้ดีที่สุด
"แหม อย่างฉันนี่จะตื่นก่อนบ้างไม่ได้หรือไง?" ยูคาริถามยิ้มๆ
"ค่ะ . อุ๊บ!"
ชิกิกามิสาวยกมือขึ้นปิดปากทันควันหลังจากรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไร สะกิดใจเจ้าหล่อนเข้าไปเสียแล้ว และคราวหน้าต้องมีสติคิดก่อนพูดให้มากกว่าเดิมอีก เพราะครั้งนี้ยูคาริแค่เพียงส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาเท่านั้น ถึงคราวหน้าบ้านอาจจะแตกไปเลยก็ได้
"แหมๆ เอาเถ๊อะ จะยกโทษให้ครั้งนึงละกัน ว่าแต่เชนไปไหนเหรอ ไม่เห็นเลย"
"เชนออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะค่ะ จะกลับมาอีกทีก็คงเวลาจัดโต๊ะ" รันตอบ
"งั้นเหรอเนี่ย... ดูท่าวันนี้ฉันเองก็คงจะต้องออกไปข้างนอกเหมือนกันนั่นแหละนะ" ยูคาริบอก ดวงตาเหม่อลอย ในหัวคอยคิดถึงแต่เสียงที่พยายามเรียกเธอในฝันเมื่อครู่
"ไปหาท่านยูยูโกะหรือคะ?" รันถามอีก
"เปล่าหรอก ไปหาคนอื่นน่ะ..... ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่ฉันก็จะไปหาเขา"
ในตอนนี้.... รันทำได้แค่เพียงมองรอยยิ้มบางๆ ของยูคาริที่ไม่สามารถบอกอะไรอย่างอื่นได้เลยนอกจากคำว่า 'อยากพบ' ยูคาริไม่ได้เป็นคนที่จะเที่ยวไปหาใครเท่าไร นอกจากไซเกียวจิ ยูยูโกะเพื่อนสนิท และฮาคุเรย์ เรย์มุ มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ผู้ปกป้องเขตแดนแห่งเก็นโซเคียวเท่านั้น
ปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ยูคาริจะคอยเฝ้ามองเหตุการณ์และบุคคลอยู่ห่างๆ มากกว่า
ทำให้รันเกิดคำถามขึ้นในใจว่า คนๆนี้จะเป็นใครกันนะ ถึงขนาดทำให้ท่านยูคาริอยากจะออกไปพบได้.... คงจะต้องเป็นคนที่.... มีพลังอันเร้นลับซ่อนอยู่แน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น
หลังจากรันทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว อาหารทั้งหมดก็ถูกจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะไม้ตัวเตี้ยซึ่งมีเบาะรองนั่งสีเข ียววางอยู่รอบๆ สามใบ แล้วยูคาริก็เริ่มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและมากกว่าปกติ เพราะวันนี้เธอต้องออกไปตระเวนข้างนอก พลังงานของร่างกายต้องถูกเผาผลาญมากกว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้น... ก็ไม่ได้กินในส่วนของคนที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะในเช้านี้ด้วยหรอกนะ...
"เชน... หายไปไหนกันนะ" รันรำพันพลางมองไปยังเบาะที่ว่างเปล่าด้วยแววตาเป็นห่วง เชนไม่เคยกลับบ้านไม่ตรงเวลาเลย
"อาจจะกำลังเล่นเพลินอยู่ที่ไหนซักที่ล่ะมั้ง" ยูคาริตอบเสียงเรียบ พลางหยิบหมูทอดชิ้นโตใส่ปาก
"ไม่ค่ะ... ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย"
รันบอกยูคาริถึงความรู้สึกของเธอในตอนนี้
"ฉันจะออกไปดูหน่อยนะคะ"
ชิกิกามิสาวพูดขึ้นก่อนจะวางตะเกียบและลุกจากโต๊ะไป มันต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นแน่ๆ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้มีแต่ความว้าวุ่นเต็มไปหมด ราวกับกำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในไม่ช้า
"ช้าก่อน...."
เสียงของผู้เป็นนายเรียก ทำให้รันต้องหยุดชะงัก ความเงียบเข้าปกคลุมทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทันที แต่ไม่ใช่เพราะวามเงียบอย่างเดียวหรอก เป็นเพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวยูคารินั้นเปลี่ยนไปต่างหาก ทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนตามไปด้วย
"มีอะไรเหรอคะ ท่านยูคาริ?"
ไม่มีคำตอบใดๆ จากหญิงสาว ดวงตาสีม่วงเข้มของเธอหรี่ลงพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย
"เรียกฉัน... อีกแล้วเหรอ"
คำพูดเพ้อของยูคาริ ทำให้รันต้องฉงนไปในทันที แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดเสียแล้ว เพราะยูคาริวางตะเกียบลงและวาดมือเป็นเส้นตรง ก่อนที่อากาศจะแหวกออกราวกับมันถูกมีดกรีดให้แยกออกจากกัน เกิดเป็นช่องว่างพอดีให้คนหนึ่งคนลอดผ่านเข้าไปได้ มันคือการแหวกมิติ หนึ่งในพลังของยูคาริ
"มาสิ เราจะไปกันล่ะ" ยูคาริว่าก่อนจะก้าวเท้านำเข้าไปก่อน ตามด้วยรันที่ไม่รอช้า
ทั้งคู่ลอดผ่านประตูมิติออกมายืนอยู่บนทุ่งหญ้าที่ไหนซักแห่ง รอบๆนี้ไม่มีต้นไม้เลยซักต้น มีเพียงทุ่งหญ้าสูงเพียงข้อเท้ากว้างสุดลูกหูลูกตา และท้องฟ้าสีครามไร้เมฆเท่านั้น
ยูคาริเริ่มมองไปรอบๆ มองหา 'เขาคนนั้น' คนที่ปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหลอันโปรดปราน และแล้วเสียงนั้นก็ดังเข้ามาอีก มันไม่เป็นคำพูดหรือประโยคใดๆ เป็นเพียงเสียงที่พอทำให้รู้ว่ามันคือเสียงเท่านั้น เสียงที่ราวกับเป็นบทเพลงบรรเลงความเศร้า ความรู้สึกมืดมน และหมดหวัง ความรู้สึกอยากจะตายและหายไปจากโลกนี้ ความรู้สึกที่ไม่อยากจะมีตัวตนอยู่อีกต่อไป...
"ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก" ยูคาริพึมพำ ก่อนจะเริ่มเดินนำรันออกไป
เมื่อทั้งคู่เดินมาได้ซักพัก รันก็สังเกตเห็นร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนไม่ได้สติบนพื้นหญ้า เธอสวมชุดกระโปรงสีแดง ผมสีน้ำตาลไหม้ มีหูแมวและมีหางแมวสองหาง ทว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นขาดรุ่งริ่ง ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกเต็มไปหมด ราวกับเพิ่งผ่านการต่อสู้กับใครซักคนเมื่อไม่นานมานี้
"เชน!!" รันร้องด้วยความตกใจและดีดตัววิ่งออกไปแทบจะในทันที สองมือประคองร่างอันเต็มไปด้วยบาดแผลของเด็กน้อยขึ้นมา
"อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้...."
"เพราะแพ้ไงล่ะ.... เพราะแพ้ในการต่อสู้"
เสียงหนึ่งดังขึ้นตอบคำถามของรันโดยที่ไม่ได้ขอ มันมาจากชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำซึ่งยืนตัดระหว่างท้องฟ้าสีครามและทุ่งหญ้าสี เขียว ดวงตาสีนิลมองลอดผ่านเส้นผมสีเดียวกันที่ยาวลงมาปรกหน้า
"แกงั้นเหรอ!? แกงั้นเหรอที่ทำให้เชนเป็นแบบนี้!? เจ้ามนุษย์!"
รันตะโกนถามด้วยความโกรธแค้น ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร!? ไม่เคยเห็นหน้าเลย สัมผัสถึงพลังก็ไม่ได้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม แต่กล้าทำกับเชนถึงขนาดนี้ก็จะไม่ขอไว้หน้ามันอีกต่อไป!
"ถ้าแกเป็นคนทำล่ะก็ ฉันจะจัดการแกเอง อยากสู้มากนักใช่ไหม!? ได้.. ฉันจะเป็นคนดันมาคุกับแกเอง!"
"รัน หยุดก่อน" เสียงของยูคาริดังขึ้นปรามรันเอาไว้ มือของเธอจับไว้ที่บ่าของชิกิกามิสาวเพื่อบอกให้รันสงบลงและเรื่องเหล่านี้เ ธอจะเป็นคนจัดการเอง
ยูคาริเดินไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงบราบเรียบปนด้วยรอยยิ้มเบาๆ ส่งให้กับเขา นัยน์ตาสีอะเมธิสท์ของเธอสบกับนัยน์ตาสีนิลของชายหนุ่มไม่กระพริบ
"ได้พบซักที ...คุณน่ะ เป็นคนเรียกฉัน ใช่รึเปล่า?" ยูคาริเอ่ยถาม ทว่าไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากชายหนุ่ม ดวงตาของเขายังคงมองมาที่เธอราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
"ฉันได้ยินเสียงของคุณชัดเจนเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ช่วยบอกฉันอีกครั้งได้ไหม?" ยูคาริพูดขึ้นอีก คราวนี้ชายหนุ่มทำท่าจะตอบ ทว่าทันทีที่อ้าปากขึ้น สายลมก็กรรโชกแรงพัดพาเอาคำพูดของชายหนุ่มหายไปทำให้ยูคาริไม่สามารถได้ยินไ ด้
ไม่นาน บรรยากาศของทุ่งหญ้าสีเขียวและท้องฟ้าสีครามก็หายไป เมฆหมอกสีดำทะมึนลอยเข้ามาแทนที่ เสียงฟ้าร้องลั่นดังครืนๆ สนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ตามด้วยสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาตรงกลางระหว่างยูคาริและชายหนุ่ม แสงสว่างของมันเจิดจ้าจนทำให้ยูคาริและรันต้องหลับตา
และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทุ่งหญ้าสีเขียวก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพื้นดินสีดำที่รกร้าง มีแต่ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างและโครงกระดูกมนุษย์พาดไปทั่ว
เรียกได้ว่า สถานที่นี้... มีแต่กลิ่นอายของความตายเต็มไปหมด....
ยูคาริมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมในขณะนี้ด้วยท่าทีที่ปราศจากความตกใจใดๆ ก่อนจะหันมาถามชายหนุ่ม
"เห... นี่เป็นพลังของคุณงั้นเหรอเนี่ย น่าสนใจจังเลยเนอะ... อย่างกับสร้างมิติขึ้นมาเองได้" เธอพูดพลางเปิดประตูมิติเล็กๆ ขึ้นตรงหน้าแล้วหยิบพัดออกมาจากประตูนั้นก่อนจะสะบัดกางออกเป็นพัดสีม่วงลวด ลายผีเสื้อ
"ยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ ว่าคุณ... พูดอะไรกับฉัน"
ยังคงไร้คำตอบจากชายหนุ่มเช่นเดิม หากแต่มีหลุมสีดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นกลางอากาศรอบๆ ตัวชายหนุ่มแทน
ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงจ้องมาที่ยูคาริไม่กระพริบ ราวกับกำลังเชื้อเชิญ.... ให้เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหา
แน่นอน... คนอย่างยาคุโมะ ยูคาริไม่เคยปฏิเสธคำเชิญของใคร และชายคนนี้ก็ดันมาทำให้เธอคาใจกับคำพูดของตัวเขาเองเสียได้ นอกจากนั้นแล้ว... คนที่มาปลุกให้เธอตื่นในตอนเช้าก็ไม่เคยมีใครกลับไปโดยไม่มีแผลซักราย...
ยูคาริยกพัดขึ้นมาบดบังริมฝีปาก เพื่อซ่อนรอยยิ้มแห่งความยินดีของเธอเอาไว้ ดูท่าว่าเธอจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เสียแล้ว หากจะเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันรู้เรื่องกันได้ มันคงจะหนีไม่พ้น...
ดันมาคุ....!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น