ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Touhou - Time of Black Spring

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1-1 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 49


     
    [Fan-Fic]

    Touhou - Time of Black Spring

    Chapter 1-1 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ

    ================================================


    แดดยามเช้าส่องแสงระยิบระยับผ่านเข้ามายังหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้ซึ่งไ ม่เคยปิด ราวกับมันยินดีที่จะรับแสงเหล่านั้นเข้ามาทุกเวลา ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังคงฉายแสงอยู่บนฟากฟ้า


    แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีผลกับหญิงสาวผมสีทองยาวสลวยซึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายอ ารมณ์บนฟูกผืนนุ่มในห้องนอนหลังหน้าต่างบานนั้นเลยแม้แต่น้อย


    เธอยังคงหลับตาพริ้มและจมอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันแสนสุขอยู่อย่างนั้น แม้แสงแดดจะเคาะเปลือกตาเธอนานเป็นวัน จนต้องจำใจยอมแพ้และโบกมือลากับท้องฟ้าไปในที่สุดก็ตาม


    แต่วันนี้ต่างออกไป.......


    ร่างของหญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ แล้วบิดตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหาวอีกหนึ่งครั้งโดยที่ดวงตายังคงปิดอยู่ หลอกให้แสดงแดดที่คิดว่าปลุกเธอได้สำเร็จแล้วต้องตกใจเล่น

    แน่นอน ว่าไม่ใช่แสงแดดหรอกที่ปลุกเธอ แต่เป็นเสียงของคนๆ หนึ่งต่างหาก เสียงที่เธอไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและสับสน
    ทว่า... เธอไม่รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน มันก้องอยู่ในหัวของเธอไม่นาน ก่อนจะหายไป


    ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอคือ เสียงนั้นเป็นเสียงของใคร มันไม่ใช่เสียงปลุกที่รื่นหูเลยซักนิด ความอยากรู้อยากเห็นต้องทำให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นในที่สุด และจัดแจงแต่งตัวเปลี่ยนจากชุดนอนสีชมพูบางเป็นชุดกระโปรงสีม่วงระบายลูกไม้ ตามขอบ ก่อนจะหยิบหมวกผ้าสีขาวผูกริบบิ้นสีแดงใบโปรดขึ้นมาสวมและออกจากห้องไป

    ห้องแรกที่หญิงสาวจะไปหลังจากตื่นแล้วทุกครั้ง มักจะเป็นห้องที่มีกลิ่นหอมโชยออกมาสามเวลาในแต่ละวัน เช้า กลางวันและเย็น แน่ล่ะ... ก็ห้องครัวไงล่ะ


    "รัน~!! ข้าวเช้าเสร็จรึยัง?"


    เสียงเรียกของหญิงสาวทำให้คนที่อยู่ในครัวต้องสะดุ้งโหยง แต่ด้วยรูปร่างของรันนั้น จะเรียกว่า 'คน' ก็คงไม่ถูกนัก แม้การที่เธอแต่ตัวด้วยชุดคลุมสีขาวยาวจรดพื้น สวมหมวกสีขาวรูปทรงคล้ายหูแมวและดวงตาสีทองเจิดจรัสจะทำให้ดูเหมือนมนุษย์ก็ ตาม ทว่าหางจิ้งจอกสีทองทั้งเก้าหางที่งอกออกมาจากสะโพกของรัน ก็เป็นจุดต่างที่ใครๆ ก็สามารถแยกแยะออกได้ไม่ยากนัก


    "ทะ... ท่านยูคาริ!? ยังไม่ถึงเวลาจัดโต๊ะอาหารเลยนี่คะ!?"
    รันโพล่งออกมาด้วยความตกใจ
    ก็แน่ล่ะ... คนอย่างยาคุโมะ ยูคาริหรือจะมีทางตื่นก่อนเวลาอาหาร ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็ตามถ้ายังไม่ถึงเวลาตื่นแล้วล่ะก็จะไม่มีทางลุกข ึ้นมาเอ้อระเหยอย่างเด็ดขาด ผู้ที่เป็นชิกิกามิของยาคาริอย่างเธอรู้ดีที่สุด


    "แหม อย่างฉันนี่จะตื่นก่อนบ้างไม่ได้หรือไง?" ยูคาริถามยิ้มๆ

    "ค่ะ…. อุ๊บ!"

    ชิกิกามิสาวยกมือขึ้นปิดปากทันควันหลังจากรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไร สะกิดใจเจ้าหล่อนเข้าไปเสียแล้ว และคราวหน้าต้องมีสติคิดก่อนพูดให้มากกว่าเดิมอีก เพราะครั้งนี้ยูคาริแค่เพียงส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายมาเท่านั้น ถึงคราวหน้าบ้านอาจจะแตกไปเลยก็ได้

    "แหมๆ เอาเถ๊อะ จะยกโทษให้ครั้งนึงละกัน ว่าแต่เชนไปไหนเหรอ ไม่เห็นเลย"

    "เชนออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะค่ะ จะกลับมาอีกทีก็คงเวลาจัดโต๊ะ" รันตอบ

    "งั้นเหรอเนี่ย... ดูท่าวันนี้ฉันเองก็คงจะต้องออกไปข้างนอกเหมือนกันนั่นแหละนะ" ยูคาริบอก ดวงตาเหม่อลอย ในหัวคอยคิดถึงแต่เสียงที่พยายามเรียกเธอในฝันเมื่อครู่

    "ไปหาท่านยูยูโกะหรือคะ?" รันถามอีก

    "เปล่าหรอก ไปหาคนอื่นน่ะ..... ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่ฉันก็จะไปหาเขา"

    ในตอนนี้.... รันทำได้แค่เพียงมองรอยยิ้มบางๆ ของยูคาริที่ไม่สามารถบอกอะไรอย่างอื่นได้เลยนอกจากคำว่า 'อยากพบ' ยูคาริไม่ได้เป็นคนที่จะเที่ยวไปหาใครเท่าไร นอกจากไซเกียวจิ ยูยูโกะเพื่อนสนิท และฮาคุเรย์ เรย์มุ มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ผู้ปกป้องเขตแดนแห่งเก็นโซเคียวเท่านั้น

    ปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ยูคาริจะคอยเฝ้ามองเหตุการณ์และบุคคลอยู่ห่างๆ มากกว่า
    ทำให้รันเกิดคำถามขึ้นในใจว่า คนๆนี้จะเป็นใครกันนะ ถึงขนาดทำให้ท่านยูคาริอยากจะออกไปพบได้.... คงจะต้องเป็นคนที่.... มีพลังอันเร้นลับซ่อนอยู่แน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น


    หลังจากรันทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว อาหารทั้งหมดก็ถูกจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะไม้ตัวเตี้ยซึ่งมีเบาะรองนั่งสีเข ียววางอยู่รอบๆ สามใบ แล้วยูคาริก็เริ่มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและมากกว่าปกติ เพราะวันนี้เธอต้องออกไปตระเวนข้างนอก พลังงานของร่างกายต้องถูกเผาผลาญมากกว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้น... ก็ไม่ได้กินในส่วนของคนที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะในเช้านี้ด้วยหรอกนะ...


    "เชน... หายไปไหนกันนะ" รันรำพันพลางมองไปยังเบาะที่ว่างเปล่าด้วยแววตาเป็นห่วง เชนไม่เคยกลับบ้านไม่ตรงเวลาเลย

    "อาจจะกำลังเล่นเพลินอยู่ที่ไหนซักที่ล่ะมั้ง" ยูคาริตอบเสียงเรียบ พลางหยิบหมูทอดชิ้นโตใส่ปาก

    "ไม่ค่ะ... ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย"
    รันบอกยูคาริถึงความรู้สึกของเธอในตอนนี้
    "ฉันจะออกไปดูหน่อยนะคะ"

    ชิกิกามิสาวพูดขึ้นก่อนจะวางตะเกียบและลุกจากโต๊ะไป มันต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นแน่ๆ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้มีแต่ความว้าวุ่นเต็มไปหมด ราวกับกำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในไม่ช้า


    "ช้าก่อน...."


    เสียงของผู้เป็นนายเรียก ทำให้รันต้องหยุดชะงัก ความเงียบเข้าปกคลุมทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทันที แต่ไม่ใช่เพราะวามเงียบอย่างเดียวหรอก เป็นเพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวยูคารินั้นเปลี่ยนไปต่างหาก ทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนตามไปด้วย

    "มีอะไรเหรอคะ ท่านยูคาริ?"

    ไม่มีคำตอบใดๆ จากหญิงสาว ดวงตาสีม่วงเข้มของเธอหรี่ลงพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย


    "เรียกฉัน... อีกแล้วเหรอ"


    คำพูดเพ้อของยูคาริ ทำให้รันต้องฉงนไปในทันที แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดเสียแล้ว เพราะยูคาริวางตะเกียบลงและวาดมือเป็นเส้นตรง ก่อนที่อากาศจะแหวกออกราวกับมันถูกมีดกรีดให้แยกออกจากกัน เกิดเป็นช่องว่างพอดีให้คนหนึ่งคนลอดผ่านเข้าไปได้ มันคือการแหวกมิติ หนึ่งในพลังของยูคาริ


    "มาสิ เราจะไปกันล่ะ" ยูคาริว่าก่อนจะก้าวเท้านำเข้าไปก่อน ตามด้วยรันที่ไม่รอช้า


    ทั้งคู่ลอดผ่านประตูมิติออกมายืนอยู่บนทุ่งหญ้าที่ไหนซักแห่ง รอบๆนี้ไม่มีต้นไม้เลยซักต้น มีเพียงทุ่งหญ้าสูงเพียงข้อเท้ากว้างสุดลูกหูลูกตา และท้องฟ้าสีครามไร้เมฆเท่านั้น


    ยูคาริเริ่มมองไปรอบๆ มองหา 'เขาคนนั้น' คนที่ปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหลอันโปรดปราน และแล้วเสียงนั้นก็ดังเข้ามาอีก มันไม่เป็นคำพูดหรือประโยคใดๆ เป็นเพียงเสียงที่พอทำให้รู้ว่ามันคือเสียงเท่านั้น เสียงที่ราวกับเป็นบทเพลงบรรเลงความเศร้า ความรู้สึกมืดมน และหมดหวัง ความรู้สึกอยากจะตายและหายไปจากโลกนี้ ความรู้สึกที่ไม่อยากจะมีตัวตนอยู่อีกต่อไป...


    "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก" ยูคาริพึมพำ ก่อนจะเริ่มเดินนำรันออกไป


    เมื่อทั้งคู่เดินมาได้ซักพัก รันก็สังเกตเห็นร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนไม่ได้สติบนพื้นหญ้า เธอสวมชุดกระโปรงสีแดง ผมสีน้ำตาลไหม้ มีหูแมวและมีหางแมวสองหาง ทว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นขาดรุ่งริ่ง ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกเต็มไปหมด ราวกับเพิ่งผ่านการต่อสู้กับใครซักคนเมื่อไม่นานมานี้


    "เชน!!" รันร้องด้วยความตกใจและดีดตัววิ่งออกไปแทบจะในทันที สองมือประคองร่างอันเต็มไปด้วยบาดแผลของเด็กน้อยขึ้นมา
    "อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้...."


    "เพราะแพ้ไงล่ะ.... เพราะแพ้ในการต่อสู้"


    เสียงหนึ่งดังขึ้นตอบคำถามของรันโดยที่ไม่ได้ขอ มันมาจากชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำซึ่งยืนตัดระหว่างท้องฟ้าสีครามและทุ่งหญ้าสี เขียว ดวงตาสีนิลมองลอดผ่านเส้นผมสีเดียวกันที่ยาวลงมาปรกหน้า


    "แกงั้นเหรอ!? แกงั้นเหรอที่ทำให้เชนเป็นแบบนี้!? เจ้ามนุษย์!"
    รันตะโกนถามด้วยความโกรธแค้น ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร!? ไม่เคยเห็นหน้าเลย สัมผัสถึงพลังก็ไม่ได้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม แต่กล้าทำกับเชนถึงขนาดนี้ก็จะไม่ขอไว้หน้ามันอีกต่อไป!
    "ถ้าแกเป็นคนทำล่ะก็ ฉันจะจัดการแกเอง อยากสู้มากนักใช่ไหม!? ได้.. ฉันจะเป็นคนดันมาคุกับแกเอง!"


    "รัน หยุดก่อน" เสียงของยูคาริดังขึ้นปรามรันเอาไว้ มือของเธอจับไว้ที่บ่าของชิกิกามิสาวเพื่อบอกให้รันสงบลงและเรื่องเหล่านี้เ ธอจะเป็นคนจัดการเอง


    ยูคาริเดินไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงบราบเรียบปนด้วยรอยยิ้มเบาๆ ส่งให้กับเขา นัยน์ตาสีอะเมธิสท์ของเธอสบกับนัยน์ตาสีนิลของชายหนุ่มไม่กระพริบ


    "ได้พบซักที ...คุณน่ะ เป็นคนเรียกฉัน ใช่รึเปล่า?" ยูคาริเอ่ยถาม ทว่าไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาจากชายหนุ่ม ดวงตาของเขายังคงมองมาที่เธอราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง


    "ฉันได้ยินเสียงของคุณชัดเจนเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ช่วยบอกฉันอีกครั้งได้ไหม?" ยูคาริพูดขึ้นอีก คราวนี้ชายหนุ่มทำท่าจะตอบ ทว่าทันทีที่อ้าปากขึ้น สายลมก็กรรโชกแรงพัดพาเอาคำพูดของชายหนุ่มหายไปทำให้ยูคาริไม่สามารถได้ยินไ ด้


    ไม่นาน บรรยากาศของทุ่งหญ้าสีเขียวและท้องฟ้าสีครามก็หายไป เมฆหมอกสีดำทะมึนลอยเข้ามาแทนที่ เสียงฟ้าร้องลั่นดังครืนๆ สนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ตามด้วยสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาตรงกลางระหว่างยูคาริและชายหนุ่ม แสงสว่างของมันเจิดจ้าจนทำให้ยูคาริและรันต้องหลับตา


    และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ทุ่งหญ้าสีเขียวก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพื้นดินสีดำที่รกร้าง มีแต่ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างและโครงกระดูกมนุษย์พาดไปทั่ว


    เรียกได้ว่า สถานที่นี้... มีแต่กลิ่นอายของความตายเต็มไปหมด....


    ยูคาริมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมในขณะนี้ด้วยท่าทีที่ปราศจากความตกใจใดๆ ก่อนจะหันมาถามชายหนุ่ม


    "เห... นี่เป็นพลังของคุณงั้นเหรอเนี่ย น่าสนใจจังเลยเนอะ... อย่างกับสร้างมิติขึ้นมาเองได้" เธอพูดพลางเปิดประตูมิติเล็กๆ ขึ้นตรงหน้าแล้วหยิบพัดออกมาจากประตูนั้นก่อนจะสะบัดกางออกเป็นพัดสีม่วงลวด ลายผีเสื้อ
    "ยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ ว่าคุณ... พูดอะไรกับฉัน"


    ยังคงไร้คำตอบจากชายหนุ่มเช่นเดิม หากแต่มีหลุมสีดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นกลางอากาศรอบๆ ตัวชายหนุ่มแทน


    ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงจ้องมาที่ยูคาริไม่กระพริบ ราวกับกำลังเชื้อเชิญ.... ให้เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหา
    แน่นอน... คนอย่างยาคุโมะ ยูคาริไม่เคยปฏิเสธคำเชิญของใคร และชายคนนี้ก็ดันมาทำให้เธอคาใจกับคำพูดของตัวเขาเองเสียได้ นอกจากนั้นแล้ว... คนที่มาปลุกให้เธอตื่นในตอนเช้าก็ไม่เคยมีใครกลับไปโดยไม่มีแผลซักราย...


    ยูคาริยกพัดขึ้นมาบดบังริมฝีปาก เพื่อซ่อนรอยยิ้มแห่งความยินดีของเธอเอาไว้ ดูท่าว่าเธอจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เสียแล้ว หากจะเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันรู้เรื่องกันได้ มันคงจะหนีไม่พ้น...


    ดันมาคุ....!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×