คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1-2 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ
[Fan-Fic]
Touhou - Time of Black Spring
Chapter 1-2 : แสงเทียนสีดำจากก้นบึ้งของหัวใจ
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
มิติอันเต็มไปด้วยความมืด... ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างนับนานาชนิดกับกองกระดูกมนุษย์กองทับถมกันจนดูราวกับเป็นสุสานขนาดยักษ์ พื้นดินสีดำที่ไม่มีแม้เพียงต้นหญ้าเล็กๆ ขึ้น ประกอบกับบรรยากาศอันขุ่นมัวของหมอกสีดำซึ่งบัดนี้กำลังปกคลุมสถานที่แห่งนี้อยู่แล้ว.... ยิ่งชวนให้รู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก
นี่คือ... การต่อสู้ที่เขาถวิลหาอย่างนั้นหรือ
ชายหนุ่มนิรนามยังคงมองยูคาริไม่กระพริบ หยั่งเชิงและพิจารณาท่าทีของเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน จิตสังหารของเธอซึ่งกำลังแผ่ออกมาจากร่างกายนั้นรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเจอมา
หญิงสาวผู้ซึ่งเขาไม่รู้ว่าซ่อนรอยยิ้มแบบไหนเอาไว้หลังพัดเล่มนั้น สามารถบอกได้เลยว่าเธอไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
"จะเริ่มกันเลยรึยังล่ะ... คุณมนุษย์?"
ยูคาริเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะโบกพัดเป็นวงกลมรอบตัว ตามมาด้วยแสงสว่างเป็นจุดใหญ่คล้ายลูกบอล ลอยละล่องอยู่ในอากาศทั้งหมดหกลูก
คราวนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายยิ้มบ้าง ดูท่าทางว่ายูคาริเองก็คงต้องการจะหยั่งเชิงเขาก่อนเช่นกัน แต่พลังระดับนั้น ใช้ในมิติของเขาไม่ได้หรอก....
พลันดวงตาสีนิลจับจ้องไปยังบอลแสงทั้งหกลูก สายลมแรงก็กรรโชกทำให้ยูคาริต้องยกแขนขึ้นมาปิดตาโดยสัญชาตญาณ เมื่อลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าบอลแสงทั้งหมดของตนเองได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว
เป็นไปดังคาด... มิตินี้กักพลังของเธอเอาไว้ในระดับหนึ่งจริงๆ ด้วย ก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่าเวทย์อ่อนๆ แบบนี้คงจะทำอะไรเขาไม่ได้แน่ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งประหลาดใจ.... ถึงจะบอกว่าเป็นมนุษย์ แต่กลิ่นไอที่ออกมาจากตัวของชายคนนั้นกลับไม่ใช่มนุษย์
เป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์...
ลูกครึ่ง... งั้นรึ? ไม่ใช่... อะไรบางอย่างบอกเธอว่าเขาไม่ใช่ลูกครึ่ง เขาเป็นมนุษย์โดยแท้ แต่เพราะอะไรกัน... เพราะอะไรถึงสัมผัสความเป็นมนุษย์จากตัวเขาได้เบาบางเหลือเกิน
แต่แล้วยูคาริก็ต้องหยุดความคิดเหล่านั้นลง เมื่อเสียงที่เธอได้ยินเมื่อก่อนหน้านี้ลอยเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฏตัวของดาบสีดำทั้งหกเล่มขึ้นมาหมุนรอบตัวชายหนุ่ม ปลายดาบค่อยๆ ชี้ขึ้นและหันมาทางยูคาริอย่างช้าๆ แต่เธอไม่คิดจะสนใจดาบเหล่านั้น เพราะคราวนี้มันดังและชัดกว่าครั้งก่อนมาก เธอจะใกล้จะได้ยินแล้ว
"ช่....... ด......"
เสียงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันเริ่มชัดเป็นคำมากขึ้นทุกที ทว่าเพราะมันดังพร้อมกันหลายครั้งทำให้เธอยังแยกไม่ออกเสียทีว่าพูดว่าอะไรกันแน่ แต่ก็ใกล้แล้ว..อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
"ช่ว.......ด.......ย"
อีกแค่นิดเดียว.....
"ท่านยูคาริ ระวังค่ะ!!"
ฉึก!!
เสียงตะโกนของรันกระชากยูคาริออกมาจากห้วงความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เร็วเพียงพอที่จะบอกเธอให้ป้องกันตัวใดๆ ได้จากดาบทั้งหกเล่ม ซึ่งบัดนี้มันถูกเสียบเข้าที่หัวไหล่ แขน ต้นขาทั้งสองข้างของยูคาริ
ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดรินไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกดาบปัก ทำให้หญิงสาวต้องทรุดตัวลงนั่งชันเข่าเพราะตอนนี้เธอแทบไม่มีแรงจะยืนเลย
แต่ก็เกือบได้ยินชัดแล้ว.... เสียงที่เธอต้องการจะได้ยิน ....จากชายหนุ่มคนนั้น
นัยน์ตาสีนิลยังคงจ้องมองมาที่ร่างอันเต็มไปด้วยเลือดของยูคาริอย่างเย็นชา บนหน้าปราศจากความรู้สึกใดๆ และยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ท่ามกลางหมอกสีดำอันมืดมัวเหล่านี้...
รันที่นั่งดูอยู่นานไม่อาจทนเห็นเจ้านายของตัวเองต้องบาดเจ็บไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว เธอกัดฟันกรอด ดวงตาสีทองฉายแววแห่งวามพิโรธพลางวางร่างของเชนลงไว้กับพื้น
เจ้ามนุษย์!! มันเป็นใครกัน บังอาจโอหังได้ถึงเพียงนี้!! แค่ฆ่าให้ตายยังไม่สาสมด้วยซ้ำไป!!
ในหัวของรันตอนนี้ถูกโทสะเข้าครอบงำเรียบร้อยแล้ว ชิกิกามิสาวทะยานไปข้างหน้าโดยไม่ฟังเสียงห้ามของผู้เป็นนายที่ดังแว่วมาจากข้างหลัง เล็บทั้งสิบงอกยาวขึ้นพร้อมจะบดขยี้ศัตรูได้ทุกเวลา อีกนิดเดียวเธอก็จะถึงตัวมันแล้ว เจ้ามนุษย์ชุดดำผู้น่ารังเกียจ
"ตายซะ! เจ้ามนุษย์!!"
สิ้นเสียง รันก็ตวัดเล็บลงไปหมายฟันร่างของเจ้ามนุษย์ผู้โอหังให้ขาดเป็นสองท่อน แต่มือของเธอกลับคว้าได้แต่อากาศ ร่างของชายหนุ่มปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเธอและพุ่งเตะลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อเหยียบหัวของรันให้จมดิน แน่นอนว่ายังไม่ง่ายขนาดนั้น ชิกิกามิสาวพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อหนีจากการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด
มันยังไม่จบแค่นี้หรอก พลังของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้!
คิดดังนั้นแล้วรันก็คว้าไพ่ออกมาจากใต้เสื้อหนึ่งใบก่อนจะโยนมันออกไปข้างหน้า นัยน์ตาสีทองเจิดจรัสจับจ้องไปยังชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ คอยดูเถอะ... แล้วมันจะไม่กล้ามาเหยียบที่นี่อีก!
"พิธีฉลองสิบสองขุนพลเทพ!!"
สิ้นเสียง ไพ่ใบนั้นก็เปล่งแสงสว่างและค่อยๆ ปรากฏร่างของเทพอสูรทั้งสิบสององค์ขึ้นมา ทว่ายังไม่ทันที่สิบสองเทพจะเป็นรูปเป็นร่าง สายลมก็กรรโชกแรกอีกครั้ง พัดเอาแสงสว่างและสิบสองขุนพลเทพกลายเป็นเศษฝุ่นกระจายหายไปในพริบตา
"อะไรกัน!"
รันร้อง ดวงตาเบิกออกมองภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยความตกใจ สิบสงขุนพลเทพอันแข็งแกร่งของเธอถูกทำลายลงในพริบตา เป็นไปได้ยังไงกัน!!
ทว่าไม่มีเวลาจะให้ชิกิกามิสาวตื่นตระหนกไปได้นานกว่านี้อีกแล้ว ดาบสีดำสามเล่มพุ่งแหวกเมฆหมอกตรงเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วสูง แต่มันก็พลาดเป้าไปเพราะรันสามารถดีดตัวหลบออกข้างได้
ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้รันได้มีโอกาสหายใจ เขาสะบัดผ้าคลุมเป็นวงกว้างเพื่อสร้างดาบอีกสี่เล่มขึ้นมาและขว้างเข้าใส่รันทันที โชคดียังเป็นของรันที่ตีลังกาหลบพ้นได้ทั้งหมด แต่ก็ถูกเล่มสุดท้ายถากเข้าที่ต้นขา
เจ้ามนุษย์คนนี้สามารถโจมตีได้อย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาให้เธอได้ตั้งตัวเลยจริงๆ เธอคงจะประมาทมันไม่ได้เสียแล้ว
แต่รันก็รู้สึกตัวช้าไป เมื่อดาบอีกห้าเล่มพุ่งตามติดๆ กันมา คราวนี้เทพธิดาแห่งโชคดีไม่เข้าข้างเธออีกแล้ว รันหลบไม่พ้น และถูกดาบทั้งห้าเสียบเข้าที่ท้อง หัวไหล่และต้นขาทั้งสองข้างจนลอยละลิ่วลงไปนอนกองกับพื้น
เลือดไหลทะลักออกจากปากแผลและไหลย้อยลงมาจากมุมปากของเธอ ความเจ็บปวดเริ่มเข้าควบคุมร่างกายจนทำให้เธอแทบจะลุกไม่ขึ้น
แต่ว่า... เธอจะยอมแพ้มนุษย์ได้อย่างไรกัน มนุษย์ที่ทำร้ายท่านยูคาริกับเชน เธอจะแพ้มันได้อย่างไร!
"รัน! พอแค่นั้นแหละ"
เสียงห้ามจากยูคาริดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้หญิงสาวดึงดาบทั้งหกเล่มออกจากร่างกายเธอเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ดาบจะไม่เกะกะอีกต่อไป แต่บาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายนั้นจะเป็นอุปสรรคในการต่อสู้กับเธอมากแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้
ชิกิกามิสาวก็ทำอย่างเดียวกัน ดาบทั้งหมดถูกดึงออกมาทีละเล่มในเวลาต่อมา แค่เศษเหล็กคมๆ ไม่กี่เล่มไม่ทำให้เธอล้มได้เด็ดขาด
แต่ไม่รู้ทำไม... ราวกับพลังในร่างกายถูกดูดออกไป กำลังวังชาลดลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้แต่ยืนธรรมดาในตอนนี้ก็แทบพยุงร่างกายเอาไว้ไม่ได้ สมัยก่อนเธอเคยเจอกับการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้มาก
ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล การต่อสู้กินเวลาเป็นวันเป็นคืน ยังเสียพลังเวทย์ไปน้อยกว่าการถูกดาบพวกนี้เสียบซะอีก
แล้วท่านยูคาริล่ะ.... จะเป็นอย่างไรบ้าง
รันมองไปยังหญิงสาวผู้ยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดดำผู้มีดวงตาอันเย็นชาโดยไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีอะมีธิสท์นิ่งสงบเหมือนทะเลสาบใสกว้างขวาง หากแต่ก้นทะเลสาบนั้นกลับมีคลื่นกำลังโหมกระหน่ำรุนแรงโดยที่ไม่มีใครรู้
ยูคาริไม่สนใจแผลของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอต้องการได้ยินเพียงแค่คำพูดที่ยังไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง แม้แต่ตัวเธอเองยังแปลกใจ ว่าทำไมถึงได้ยึดติดกับมันขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เธอไม่จำเป็นจะต้องสนใจเลยแท้ๆ
แต่กลับมีอะไรบางอย่าง.... อะไรบางอย่างที่เธอคุ้นเคยดี และมันกำลังเรียกหาเธออยู่
ความรู้สึกอันคุ้นเคยที่เธอเคยสัมผัสได้เมื่อพันปีก่อน....
หญิงสาวเสกไพ่ขึ้นมาในมือสามใบ ก่อนจะคลี่มันออกและแสดงให้ชายหนุ่มเห็น
"ขอฉันได้ยินมันให้ชัดๆ อีกซักครั้งเถอะ แล้วเรา... ก็มาปิดเกมกัน" ยูคาริเริ่มเอ่ย "แล้วฉันจะแสดงให้เห็นว่าระหว่างมนุษย์อย่างคุณกับโยวไคอย่างฉัน มันยังห่างชั้นกันนัก"
จากนั้น ไพ่ใบแรกก็ถูกหยิบขึ้นมาจากกลุ่ม แล้วชูมันขึ้นเหนือศีรษะ
"เส้นแบ่งแดนมนุษย์กับภูติพราย
"
เกิดแสงสว่างเจิดจ้าจากไพ่ในมือของหญิงสาว ตามมาด้วยบอลแสงจำนวนมากพุ่งเข้าล้อมกรอบชายหนุ่มเอาไว้ มันรวมตัวกันและส่องประกายเจิดจ้าสีส้มไปทั่วบริเวณ เปลี่ยนอาณาเขตอันมืดมิดให้เต็มไปด้วยแสงสว่างจากพลังเวทย์
แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีอาการตกใจใดๆ เพราะเวทย์นี้ไม่สามารถกักขังเขาเอาไว้ได้หรอก มันใช้เวลานานเกินไป....
เมื่อลมพัดแรงอีกครั้ง แสงเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และเมื่อชายหนุ่มสะบัดผ้าคลุมเป็นวงกว้าง ก็ปรากฏดาบสีดำเรียงรายกันนับสิบเล่มเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าใส่ยูคาริได้ทุกเมื่อ
"เวทย์ของเธออันนี้ มีพลังมากทีเดียวนะ...." ชายหนุ่มเอ่ย ทว่ายูคาริไม่ได้ยินคำพูดของเขาเลย...
เพราะเสียงที่เธอกำลังเฝ้ารอที่จะได้ยิน มันดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว....
"ช่.....ย....ด...ว....ย"
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ดาบสีดำกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในอากาศ จากสิบเป็นยี่สิบ และจากยี่สิบเป็นสามสิบ มากขึ้น... มากขึ้น... และมากขึ้นอีก
ถึงอย่างนั้นยูคาริก็ยังคงเงี่ยหูฟังต่อไป พร้อมกับหยิบไพ่ใบที่สองขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่เข้าใจในการกระทำของโยวไคสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะอะไรกัน... เธอกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งใด ถึงไม่ได้ใส่ใจกับจำนวนของดาบที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ แต่แล้วเมื่อรอยยิ้มของหญิงสาวปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก็ทำให้ชายหนุ่มต้องตกใจ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ...เธอยังสามารถยิ้มได้อีกงั้นรึ?
"โดนแทงเมื่อกี้จนเพี้ยนไปแล้วรึไง? อยู่เหมือนคนสติไม่สมประกอบแบบนี้คงลำบากน่าดู" ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มเยาะ "ฉันจะช่วยให้เธอไปสบายเอง รับมือ!!"
สิ้นเสียง ดาบนับร้อยเล่มก็พุ่งตรงเข้าหายูคาริในทันที โยวไคสาวไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนมองดาบที่พุ่งผ่านไปราวกับห่าฝนนั้นอย่างสงบ
"ขอบเขตเวทย์จัตุรัส"
ยูคาริเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสงสว่างสีฟ้าที่วาบขึ้นจากไพ่ในมือใบที่สอง ก่อนแสงนั้นจะรวมตัวกันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสี่อันตีลังกาหมุนอยู่ตรงหน้าของยูคาริและปัดดาบที่พุ่งเข้ามาหาเธอออกไปทางด้านข้างจนหมด
โยวไคสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเดินหน้าไปช้าๆ ฝ่าดงดาบที่ยิ่งทวีความรุนแรงและจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่เกรงกลัว เพราะยิ่งเข้าไปใกล้ตัวชายหนุ่มมากเท่าไร เสียงมันก็ยิ่งชัดขึ้นมากเท่านั้น
ในทางกลับกัน ยิ่งใกล้ดาบก็ยิ่งเยอะ... จนเริ่มทำให้บาเรียเวทย์ของเธอเริ่มมีรอยร้าวและกำลังปริแตกอย่างช้าๆ
"เธอไม่ชนะหรอก ยอมแพ้ซะแล้วตายดีๆ ดีกว่า" ชายหนุ่มบอกกับยูคาริที่กำลังเดินฝ่าห่าดาบเข้ามาเรื่อยๆ
"ฉันไม่ได้สนใจเรื่องแพ้หรือชนะซักหน่อย" ยูคาริบอกตอบ "ฉันแค่อยากได้ยินสิ่งที่คุณพยายามจะบอกฉัน"
"ฉันไม่เคยพยายามจะบอกอะไรเธอ" ชายหนุ่มสวนห้วนๆ
"ไม่.... ไม่ใช่คุณ" หญิงสาวบอกอีก พร้อมกับเสียงดัง เพล้ง!! เป็นสัญญาณบอกว่า บาเรียเวทย์ของเธอได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยูคาริไม่มีอะไรป้องกันตัวได้อีกแล้ว เรียกรอยยิ้มและความปิติยินดีอันยิ่งยวดให้แก่ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
แต่ในพริบตาเดียวที่ดาบชุดสุดท้ายพุ่งรุมเข้าเสียบร่างอันบอบบางนั้น โยวไคสาวก็หายไป!
พอชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกที ร่างของยูคาริก็ปรากฏอยู่ข้างหลังเขาเสียแล้ว ไม่สามารถทำลายเวทย์ได้ทัน ไม่สามารถแม้แต่จะหันหลังกลับไปป้องกันตัวได้....
"เสียงที่ฉันได้ยินน่ะไม่ใช่คุณหรอก... แต่เป็นจิตใจของคุณต่างหาก มันร้องบอกว่า 'ช่วยฉันด้วย' น่ะ"
"ขอบเขตเวทย์จัตุรัสตรึงใจ!!"
ยูคาริตะโกนก้อง ปรากฏกระจกบานใหญ่รูปดาวหกแฉกขึ้นมากลางอากาศ ล้อมรอบด้วยแสงสีฟ้านวลผ่องชวนให้หลงใหล หากแต่มันคืออาคมเวทย์ที่มีพลังป้องกันละโจมตีสุดจะหยั่งถึง
แสงสะท้อนแยงเข้าตาชายหนุ่มพร้อมกับเปลี่ยนมิติทั้งมิติให้กลายเป็นสีขาว ร่างของเขาค่อยๆ ถูกดึงเข้าไปใกล้กระจกดาวหกแฉกนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถรั้งตัวเองเอาไว้ได้ ....
แม้แต่รันเองก็ไม่อาจจะดูเหตุการณ์นี้ต่อไปได้ไหว แต่เมื่อเธอสามารถลืมตาขึ้นมาได้ ก็พบว่า คนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายก็คือ
ท่านยูคาริ!!
ร่างไร้สติของชายหนุ่มล้มนอนลงกับพื้น พร้อมกับมิติอันเต็มไปด้วยซากปรักหักพังนี้แตกกระจายออกราวกับเศษกระจก หากแต่มันหาได้กลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีและท้องฟ้าสีครามกว้างสุดลูกหูลูกตาดั่งในตอนแรกไม่
กลับกลายเป็นแนวป่าโปร่ง ที่ต้นไม้ไม่หนาหญ้าไม่รก และยังพอเว้นเป็นช่องทางเดินให้ตรงไปสู่บันไดหินชันขึ้นไปบนเนินสูง
รันค่อนข้างจะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อมิติที่ชายหนุ่มชุดดำคนนี้สร้างหายไปกลับไม่ใช่สถานที่เดิมที่เคยอยู่กัน แต่สถานที่ใหม่แห่งนี้กลับดูคุ้นตาอย่างประหลาด รันพยายามมองบันไดหินเก่าๆ สูงๆ แห่งนี้อย่างตั้งใจ
และก็ต้องร้องอ๋อ เมื่อพบว่ามันคือ บันไดหน้าบ้านของพวกเธอนี่เอง!!
แล้วก็ต้องตกใจรอบสองเมื่อพบว่าบาดแผลบนตัวของเธอ ยูคาริและเชนทั้งหมด หายไปแล้ว!
ไม่เหลือแม้แต่คราบเลือดหรือรอยถลอกแม้แต่นิดเดียว
"ท่านยูคาริ..!!"
รันเรียกผู้เป็นนายด้วยความฉงนปนสับสนปานกลางถึงมากที่สุด ผิดกับยูคาริที่ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมานัก โยวไคสาวยังคงยืนนิ่งและมองสภาพแวดล้อมอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร หนำซ้ำยังหัวเราะเบาๆ ใส่ชิกิกามิผู้กำลังลนลานอีกต่างหาก
"ก็ดีแล้วนี่ ใกล้บ้านเราจะตาย"
"นั่นมันไม่ใช่ปัญหานะคะ! ที่สำคัญคือตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้ว!?" รันโวยวาย ยิ่งทำให้ยูคาริหัวเราะหนักเข้าไปอีก
"แหมๆ เอาเถอะน่า รอให้เชนกับผู้ชายคนนี้ฟื้นก่อนแล้วกัน แล้วเราค่อยถามเรื่องต่างๆ จากพวกเขา"
เธอพูดพลางสะบัดพัดประจำตัวขึ้นมาบังใบหน้าส่วนล่างไว้อีกครั้ง ก่อนจะมองไปยังร่างของชายหนุ่มชุดดำผู้กำลังหลับใหลไม่ได้สติบนพื้นดินอย่างนึกสนใจ
ว่าเบื้องหลังของเขาจะเป็นใครมาจากไหน...
กลิ่นอายแห่งความตายและพลังอันมืดมนที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา รวมถึงความรู้สึกเศร้าสร้อย สับสน และหวาดกลัวในตัวเองนี้ ชวนให้ยูคารินึกถึงเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่งเมื่อพันปีก่อนจริงๆ.....
ความคิดเห็น