ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic reborn: I need you.My frog (BF)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : เสร็จสิ้นภารกิจ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 54



    Chapter 8


    เสร็วสิ้นภารกิจ


    _________________________________________________________________________________

    <Fran's talk>

             ตอนนี้ผมนั่งอยู่หน้าห้องของหัวหน้าแผนกบริหาร ตามคำแนะนำของพนักงานสาวนั้น พร้อมกับครุ่นคิดว่าจะทำยัง

    ไงดี  แผนการจะสำเร็จหรือเปล่าน๊า ในขณะที่ผมกำลังติดอยูในห่วงแห่งความคิดมีเสียงของคนๆนึงดังขึ้นมาในโสตประสาท

    "เอ่อคุณใช่ คุณ ฟารินเน่ ที่จะมาเป็นเลขาคนใหม่ของผมรึเปล่าครับ"

             เค้า คงเป็นใช่ไม่ได้นอกจาก คุณหัวหน้าฝ่ายบริหาร พัสเซิล เอิลเลย์ ว่าแต่เมื่อเค้าเรียกผมว่าอะไรนะ ฟารินเน่ ?

    นั่นชื่อผมหรอ  คงเป็นชื่อในแฟ้มประวัติกระมัง  รุ่นพี่นั่นทำอะไรไม่เตี้ยมกันก่อนเลยถ้าความแตกขึ้นมาจะทำยังไง

    "ใช่ค่ะ  คุณคือคุณพัสเซิล  เอิลเลย์ สินะคะ" เอาเหอะ ตอบๆไปก่อนแล้วกัน

    "เรียกเอิลเลย์เฉยๆก็ได้ครับ" เขาพูดพร้อมกับผายมือมาให้ผมประมาณว่าให้ผมไปกับเค้า ถ้าผมเป็นผู้หญิงอาจจะเคลิ้มก็ได้

    นะ  เพราะเค้าก็หน้าตาใช่ได้อยู่ บุคคลิกดูดี ฐานะคงรวยไม่ใช่เล่น  แต่! ผมไม่ใช่ผู้หญิเพราะงั้นเลยแอบขยะแขยงอยู่บ้าง

    "ค่ะ ขอบคุณคะ"ผมพูดพร้อมยื่นมือไปให้เค้า

    "ตามผมมาทางนี่สิครับ" เค้าพูดพร้อมเดินนำหน้าผม เพื่อนำทางไปยังห้องทำงาน

    "เชิญทางนี้ครับ" เค้าหยุดเดินหน้า และเปิดประตูออก พร้อมบอกให้ผมเข้าไปข้างใน

            ผมจึงเดินเข้าไปข้างในซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของเค้า

    "คุณเคยทำงานที่ไหนมาก่อนรึเปล่าครับ"

    "ยังคะ  ยังไม่เคยเลย"

    "งั้นผมจะอธิบายคร่าวๆให้ฟังนะครับ"

    "ค่ะ"

    "งานที่คุณต้องทำมีไม่มาก ก็แค่เอาเอกสารให้ผมเซ็น แล้วตรวจสอบงาน ถ้ามีประชุมก็มาแจ้งให้ผมทราบ งานส่วนใหญ่

    ก็มีแค่นี้แหละครับ  นอกจากซะว่าคุณอย่างทำอย่างอื่น..."

    "..." ไอ้อย่างอื่นที่ว่าช่างฟังดูหน้าขนลุก  ผมได้แต่ยืนทำหน้าเอ้อ อยู่สักพัก

    "อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมแค่ล้อเล่น"

    "อย่างอื่นงั้นเหรอคะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นละก็ชั้นอาจจะทำก็ได้นะคะ" ผมคงต้องแหล ไปตามสถานการณ์ แต่ไอ้อย่าง

    อื่นที่ว่าของมันคือกอะไรหวา

    "ว้าว ผมชักสนใจคุณขึ้นมาแล้วสิ" เค้าพูดพลางเอื้อมมือมาจับที่ไหลของผม อ๊ากกก ขนลุกเป็นบ้าเลย


    ก็อก  ก็อก  ก็อก


            เสียงสวรรค์ดนบันดาลมาช่วยผมแล้ว  เมื่อได้ยินเสียงนั้น เค้าก็ผละตัวออกจากผมทันที แล้วเดินไปเปิดประตู

    "มีอะไรรีเปล่าครับ" เขาถามบุคคุลที่มีเคาะประตู

    "มีประชุมด่วนครับ เชิญที่ห้องประชุมด้วย"

    "จะไปเดี๋ยวนี้แหละ  คุณรอผมอยู่ที่ห้องก่อนนะเดี๋ยวผมจะรีบกลับ" เค้าพูดประโยคทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องไป

             เอาหละ ได้เวลาลงมือค้นห้องแล้ว  อย่างน้อยก็น่าจะเก็บเอกสารไว้ที่ในสักแห่งนะ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงจัดการ

    สำรวจห้องทันที ในขณะที่ผมกำลังค้นข้าวของในห้องอยู่นั้นเสียงประตูก็ดังขึ้น  ซวยละสิ

    แอ๊ด~~~

            ซวยละสิ  ถ้าถูกจำได้จะทำยังไง  

    "เจ้ากบอยู่รึเปล่า" อ่ะ เสียงนี้มันรุ่นพี่นี่นา โล่งอกไปที

    "รุ่นพี่" เมื่อรู้ว่าเป็นรุ่นพี่ผมจึงลุกขึ้นมาจากที่ที่ผมนั่งค้นเอกสารอยู่เมื่อกี้

    "ทำอะไรหนะ ชิชิชิ"

    "กำลังค้นเอกสารอยู่นะสิครับ ถามได้"

    "งั้นเหรอ ระวังหน่อยก็แล้วกัน"

    "ครับ   แล้วทำไมรุ่นพี่ถึงแต่งตัวแบบนั้นครับ" ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากพิจารณาการแต่งตัวของรุ่นพี่มาสักพัก

    "ก็ ชุดพนักงานทำความสะอาดนะสิ"

    "ห่ะ  รุ่นพนังงานทำความสะอาดงั้นหรอครับ ช่างเหมาะดีจัง"

    "พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ปาดคอซะหรอก"

    "คร๊าบๆ  แล้วนี่ขึ้นมาทำไมครับเนี่ย"

    "ก็แค่จะมาดูความเป็นอยู่ของกบบ๊องซะหน่อย  แล้วก็  ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้เรียกเจ้าชายนะ"

    "เอ๋ รุ่นพี่เป็นห่วงผมรีไงครับเนี่ย"

    "ปะ เปล่าสักหน่อย แค่อยากจะสร้างบุญคุณกับกบอย่างแงเอาไว้เยอะๆ ชิชิชิ"

    "จะเชื่อก็ได้ครับ"

    "งั้นเจ้าชายไปก่อนนะ  เดี๋ยวจะโดนสงสัย" ว่าแล้ว วายุ ผู้มาไวไปไว ก็จากไปราวกับสายลม

          หลังจากรุ่นพี่ไปแล้ว ผมก็ค้นเอกสารต่ออย่างจริงจัง  ค้นไปค้นมา ก็ยังไม่เจอเอกสารที่เกี่ยวข้องเลย ยังไงมันก็คงไม่

    ง่ายนักหรอก   แต่เอ่ะมือผมคลำไปเจออะไรสักอย่างใต้ลิ้นชักดูเหมือนจะเป็นกลไลลับ ได้การละ ทันทีที่ผมกำลังจะกดมัน

    ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ห้องขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบเก็บเอกสารแล้ว ทำเหมือนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาเหอะอย่างน้อยก็

    พอรู้แล้วว่าเอกสารนั้นอยู่ตรงไหน

    "รอนานมั้ยครับ"

    "ไม่นานหรอกคะ"

    "นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวกันดีมั้ยครับ ผมจะได้รู้จักคุณมากขึ้นด้วย"

    "ก็ดีเหมือนกันค่ะ" ตามตำราแล้วเราต้องไปคนเออ ออ ตามเค้าไปก่อน

    "งั้นเราไปกันเถอะครับ" เขาพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือผม

            จากนั้นเค้าก็พาผมมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านที่หรูไม่เบาเลยทีเดียว

    "คุณจะทานอะไรครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง"

    "อะไรก็ได้ค่ะ" ก็ผมไม่รู้จะกินอะไร ก็ปล่อยให้สั่งไปแล้วกัน

    "คุณไม่มีอะไรที่ชอบทานเป็นพิเศษเลยหรอครับ"

    "ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะคะ"

    "แหม่แย่จังผมยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ซะด้วยสิ"

    "เอาแบบคุณก็ได้คะ   ชั้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" เพื่อไม่ให้บรรยากาศชวนขนลุกนี้แทรกซึมเอามาอีกผมจึงขอไป

    เข้าห้องน้ำ

            หลังจากผมไปเข้าห้องน้ำเสร็จ เมื่อกลับมาก็พบมาว่าอาหารถูกนำมาเสริฟแล้ว

    "ทานให้อร่อยนะครับ" เขาพูดพลางส่งยิ้มเจ้าเลย์มาให้ มันทำให้ชวนคิดว่ามีอะไรเปล่านะ

    "คะ" แต่ชั่งมันเถอะ  หลังจากเค้าเอ่ยคำเชื้อเชิญ ผมก็ลงมือรับประทานอาหาร

           แต่ผมก็ต้องฉงักเมื่อเค้าจ้องผมไม่วางสายตาเลยทีเดียว

    "มีอะไรติดที่หน้าชั้นรึเปล่าคะ"

    "เปล่าครับ  ก็แค่คิดว่าคุณสวยมากเลยนะครับ" หา ผมเนี่ยนะสวย ผมเป็นผู้ชายนะคร๊าบบบบ

    "ขอบคุณคะ" ตอบตามมารยาทไปก่อนแลวกัน 

    "คุณเเหมือนสายหมอกเลยนะครับ ดูลึบลับน่าค้นหา ล่องลอย เบาบาง และอ่อนโยน" ถึงจะฟังแล้วดูขนลุกแต่อย่างน้อยเค้าก็

    รู้ว่าผมมีธาตุอะไร

    "อย่างงั้นเหรอคะ" ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากได้แต่ตอบรับเท่านั้น

           หลังจากทานอาหารเสร็จ เค้าและผมก็กลับมาที่บริษัท  งานในฐานะเลขของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการจัดเอกสารให้

    เค้าเซ็น ถึงแม้เอกสารนั้นจะมากอยู่  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยอะไรมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักชีวิตแสนสงบสุขของ

    ผมก็ต้องจบลงเมื่อเอาเอื้อมมาเสยคางผมขึ้น

    "อะไรคะเนี่ย"

    "คุณเคยบอกผมไม่ใช่หรอว่าอยากทำอย่างอื่นที่น่าตื่นเต้น"

    "เอ๋"  ไอ้เรื่องนั้นผมแค่ตอบไปมั่วเท่านั้นเองหละครับ

           ตอนนี้มือทั้งสองข้างของผมถูกตรึงอยู่กับฝาผนัง  แต่คิดหรอว่าผมจะยอม  ผมรวบแรงทั้งหมดเตะกระเด็นออกไป

    แล้วขวาแจกันดอกไม้ฟาดลงไปที่หัวเค้า

    "เฮ่ออ  บ้าจริง ในเมื่อเป็นแบบนี้คงต้องรีบเอาเอกสารแล้วรีบหนีซะแล้วสิ"

          ผมจริงรีบวิ่งตรงไปที่ลิ้นชักเมื่อครู่นี้ แล้วกดปุ่มที่ซ่อนอยู่  ทันใดนั้นก็มีชั้นลับโผล่ออกมาผมหยิบเอกสารในนั้นออกมา

    พบว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับว่องโกเล่จริงๆ  ผมจึงเปิดดูข้างในเพื่อตรวจสอบ ดูเหมือนฝ่ายนั้นคงคิดจะใช้ ประโยชน์จากวาเรีย

    เนื่องจากเห็นว่า เคยมีศึกภายในแฟมมิลี่ระหว่าง บอสแห่งวาเรีย กับ วองโกเล่รุ่นที่สิบ  ผมจึงคิดว่าวองโกเล่คงได้เวลาเก็บ

    ไอ้เจ้าแฟมมิลี่พันธมิตรนี้ทิ้งได้แล้ว  เพราะคิดว่าพวกเค้าเริ่มไม่อยกาเป็นมิตรกับเราเท่าไหร่แล้ว แต่เรื่องนั้นชั่งมันก่อน

    เดี๋ยวคงมีคำสั่งจากเบื้ยงบนลงมาเอง  ตอนนี้ต้องหนีก่อน

          ในขณะที่ผมกำลังจะวิ่งออกไป  มีมือๆหนึงมาจับแขนผมไว้ ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจาก คุณเอิลเลย์ ที่น่าจะสลบไปแล้ว

    แย่ละสิ

    "หน่อยแก เป็นใครกันแน่" ตอนนี้มือของเค้าก็รวบมือผมไว้กับกำแพงอีกครั้ง

          เพราะอะไรกัน ตอนนี้ผมรู้สึกไม่มีแรงเลย  สติค่อยหลุดลอย เบาบางลงเรื่อยๆ เหมือนโดนวางยา

    "หึ ฤทธิ์ยาคงจะออกอาการแล้วสินะ แกหนีไม่รอดแล้วตอบมาซะ" ยาหรอ  รีว่าอาหารเมื่อตะกี้  บ้าจริงจะทำไงดีละ

           ในขณะที่สติของผมกำลังหลุดลอย คำพูดของคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดกลับผุดขึ้นมาในหัว



    "ระ รุ่นพี่ ช่วยด้วยครับ!!" 

    "ร้องหาคนช่วยก็ เปล่าประ  อากกกก"


    ฉึก  ฉึก   ฉึก 

          เสียงของมีดที่พุ่งเขาไปปักหัวของศัตู ที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น  นั้นคงเป็นสาเหตุของเสียงกรี๊ดร้องของศัตรู

    "ชิชิชิ ปล่อยมือสกปรกของแก ออกจากของๆ เจ้าชายนะ"  ผมรวบรวมสติทั้งหมดที่เหลือยู่ลืมตาขึ้นมาดู

          ตอนนี้รุ่นพี่กำลังกระชากคอเสื้อของไอ้หัวหน้านั้นขึ้นมา  แล้วปักมีดเล่นอย่างเมามัน  หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็เดินตรงมา

    ที่ตัวผม แล้วช้อนตวผมขึ้นแล้วเก็บเอกสารที่หล่นกองอยู่บนพื่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า

    "ต้องให้ช่วยจนได้สิหน่า ชิชิชิ เจ้ากบงี่เง่า"

          นั้นคือภาพและเสียงสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนสติจะดับวูบลง


    <End Fran's talk>

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×