คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Only devil "N" : Nasty 100 %
Only devil 2
Nasty
คำโกหกหลอกลวงของผู้คนนั้น
เมื่อฟังจากหูของคุณแล้วเป็นเสียงเช่นไร
สำหรับผมมันคงเป็นเสียงที่“น่าสะอิดสะเอียน”
เสียงฝีเท้าของสองร่างดังขึ้นเบาๆในยามราตรีที่เงียบสงัด แสงจันทร์ลอดส่องผ่านมาตามซอกตึกที่สลับสูงเตี้ยปรากฏให้เห็นเงาร่างของคนสองคนที่เดินไปตามทางเดินเล็กๆนั้น
ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆออกมาทั้งสิ้น เพียงแต่ใช้ดวงตากลมโตของตนจับจ้องไปยังร่างสูงที่เดินอยู่ข้างหน้าตนสลับกับโซ่ที่คล้องข้อมือของเขากับอีกฝ่ายไว้ด้วยความสงสัย
“จะให้ผมมาด้วยไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนะครับ ไม่คิดเลยว่าคนอย่างคุณจะมีรสนิยมแบบนี้”เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพร้อมทั้งทิ้งประโยคยั่วอารมณ์คนสูงกว่าไว้ปิดฉาก
ร่างสูงที่อยู่เบื้องหน้าไม่ตอบกลับมา ยังคงเดินต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย ทำให้สึนะโยชิรู้สึกสนุกขึ้นมาเล็กๆ เขาไม่ได้เขาหาชายคนนี้แต่จะบอกว่าชายคนนี้เข้าหาเขาก่อนก็ไม่ใช่ แต่แก่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพคล้ายนักโทษจะโดนตำรวจสอบปากคำ
ถึงแม้เขาไม่ได้มีแรงถึงขนาดกระชากโซ่เหล็กนี้ให้ขาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหนีไปไม่ได้ เขาน่ะมีวิธีอีกมากมายเชียวล่ะ เพียงแต่ด้วยความที่เขาเบื่อจึงแค่อยากหาอะไรสนุกๆทำเท่านั้นแหละ
“กลัวผมหนีขนาดนั้นเชียวเหรอครับ” สึนะโยชิกล่าวถามอีกฝ่ายก่อนจะเร่งสปีดการเดินจากที่เคยตามหลังให้มาอยู่ในระดับเดียวกัน
อีกฝ่ายได้แต่เดินต่อไปนิ่งๆ ทำให้ร่างบางเริ่มเกิดอาการณ์ไม่พอใจเล็ก พร้อมเบ้ปาก แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มนึกสนุก
มือบางแตะที่มือของคนตัวสูงกว่าเบาๆ ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันมามองที่คนตัวเล็กกว่า นัยน์ตาสีรัตติกาลฉายความหงุดหงิดออกมาเต็มที เพราะ ร่างบางนั้นเดิมทีก็น่าสงสัยอยู่แล้วแถมยังส่งเสียงหนวกหูมาตั้งแต่เมื่อกี้นี่ถ้าไม่ติดว่าเขามีสิ่งที่ต้องการจะรู้คงจะขย้ำตายคาที่ไปแล้ว
“มีอะไร”เสียงเรียบเอ่ยขึ้นพลางดึงกระชับสายโซ่ที่ล้ามติดทั้งสองไว้ เป็นสัญญาณเตือนว่าตนกำลังอารมณ์ไม่ดี
“ใจร้ายจังเลยนะครับ นี่คงคิดว่าถ้าเค้นความลับจากผมเสร็จแล้วจะขย้ำผมถึงทันทีเลยใช่มั้ย”สึนะส่ายไปมาตัดพ้อกับตัวเองให้คนตรงหน้าฟัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะไม่ยอมบอกความจริงกับคุณหรอกครับ ผมน่ะไม่ใช่สายของมิลฟิโอเร่หรอกนะ หึหึ”ร่างบางยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
ฮิบาริ เคียวยะ ที่ได้ยินคำพูดของร่างบางก็ยิ่งขมวดคิ้ว เพราะร่างเล็กตรงหน้ารู้เรื่องของแฟมิลี่ที่เป็นอริกับเขายังไม่พอ มันยังตรงกับสิ่งที่เขาคิดอีกด้วย…
“ไม่ต้องสงสัยไปหรอกครับ ก็เสียงในความคิดคุณมันออกจะดังขนาดนั้น”
ใช่…ความสามารถของปีศาจ…เมื่อสัมผัสถูกตัวของอีกฝ่ายก็จะสามารถอ่านความคิดได้
“นี่เธอ…เป็นใครกันแน่?”คำพูดและการกระทำต่างๆของร่างบางทำให้ฮิบาริยิ่งสงสัยเขาไปอีก
“หืม? ถามว่าเป็นใครเหรอ ผมซาวาดะ สึนะโยชิ แล้วก็เป็นปีศาจครับ”เสียงกล่าวออกมาอย่างขี้เล่นพร้อมรอยยิ้มบริสุทธิ์เหมือนเด็กที่ไร้เดียงสา ราวกับเป็นสโลแกนประจำตัวเขาในชื่อปีศาจโปรยยิ้ม
ร่างสูงนิ่งเงียบไม่ผู้อะไรตอบ คำพูดของร่างบางไม่ได้ทำให้เขาตกใจ เพราะเขาได้ยินประโยคนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เขาเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าล้อเล่นหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่
“หึ งั้นเราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว ซาวาดะ สึนะโยชิ ”เสียงหัวเราะลอดออกจากริมฝีปากของร่างสูงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาทางร่างบางราวกับเป็นการท้าทาย
“ไม่มีปัญหา ยังไงผมก็ว่างอยู่แล้ว”เสียงเล็กยังคงเอ่ยอยากอารมณ์ดี ก่อนจะเดินนำหน้าคนตัวสูงกว่า
“รังของคุณไปทางนี้สินะครับ ไปกันเถอะคุณคุซาคาเบะรออยู่นี่ครับ ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่เรียกออกมาโดยที่งานของคุณยังสุมเป็นภูเขาแบบนั้น”สึนะโยชิหมุนตัวกลับมาเอ่ยออกมาบ่งบอกถึงความสามารถอีกอย่างนึงของตน การอ่านความทรงจำ…
ฮิบาริไม่ได้แสดงสีหน้ากริยาใดออกมา เพราะเขากำลังได้เจอเรื่องสนุก ดูเหมือนเขาจะต้องประเมินความสามารถของ“ปีศาจ”ตนนี้อย่างละเอียดเสียแล้ว
.
.
.
.
“คุณเคียว! กลับมาแล้วเหรอครับ”ชายหนุ่มไว้ผมทรงรีเจนท์วิ่งหน้าตื่นออกมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะสะดึงกับกุญแจมือที่อยู่ที่แขนของหัวหน้าของตัว
ดวงตาของลูกน้องผู้ซื่อสัตย์มองไล่ไปโซ่ที่รอยคล้องไปทางข้างหลัง กุญแจมืออีกฝั่งร้อยไปที่ข้อมือบางของใครบางคน ร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างหลังก้าวออกมาเล็กน้อย เขาค่อยๆไล่มองเจ้าของใบหน้าสวยหวานที่มองมาทางเขา ราวกับมีมนต์สะกดทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้
“คุซะ มองอะไร”เจ้าของนัยต์ตาสีรัตติกาลมองลูกน้องกับปีศาจผู้ต้องส่งสัยสลับกัน เมื่อเริ่มเห็นปฏิกิริยาที่แปลกไปของหนุ่มผมทรงรีเจนท์จึงได้เอ่ยทักขึ้น
“อะ! เอ่อ! ขอประทานอภัยครับคุณเคียว ไม่ทราบว่าท่านนั้น…”คุซาคาเบะรีบกล่าวคำขอโทษขอโพย อันตัวเขายังไม่ทราบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็แอบจินตการไปไกลกว่าที่ตาเห็น(?)
“ผมชื่อซาวาดะ สึนะโยชิครับ คุณคุซาคาเบะ”สึนะพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งๆ แล้วหันไปสบตาคุซะอีกครั้งหนึ่งพลันด้วยตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อใช้พลังอ่านความคิด
แม้ความจริงไม่ต้องอ่านก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่เขาก็เผลอทำทุกครั้ง นี่อาจจะเป็นนิสัยเสียอีกอย่างหนึ่งของเขา เพราะเขารู้ว่าถูกการหลอกลวงมันเจ็บปวดแค่ไหน เขากลัว…การหลอกลวงจึงต้องการล่วงรู้ทุกอย่างในใจของผู้คน แม้ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน มันก็คงดีกว่าเจ็บลึกกว่าหลังถูกหลอกลวง
“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นครับ กุญแจมือนี่คุณฮิบาริแค่กันผมหนี ผมแค่จะมาอธิบายเรื่องคุณไซโตะให้ฟัง”
คิ้วของชายหนุ่มทรงผมรีเจนท์ถึงกับกระตุกเกร็ง เรื่องของลูกน้องที่เพิ่งตายไปงั้นหรือ ร่างเล็กตรงนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกันแน่ จะบอกว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ หรือเป็นคนฆ่าอย่างนั้นหรือ…ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา…
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ ในเอกสารนั้นก็บอกถึงแผนที่ในฐานทัพที่ญี่ปุ่นของมิลฟิโอเล่ตามที่คุณได้มอบหมายงานให้คุณไซโตะไปทำ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นข้อมูลจริงรึเปล่า เพราะได้ข่าวมาว่าฐานทัพที่นี่เปลี่ยนแปลงตลอดราวกับเป็นเขาวงกต”สึนะโยชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวบุรุษซึ่งเป็นเจ้าของฐานทัพแห่งนี้ ทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างเท้ากับโต๊ะด้วยท่าทางผ่อนคลายไม่สมกับคนที่ตกอยู่ในฐานะจำเลยเอาเสียเลย
“ที่ฉันต้องการรู้ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่ต้องการจะรู้ว่าเอกสารนี่มาอยู่กับเธอได้ยังไง” ฮิบาริที่นั่งฟังร่างเล็กอยู่ก็รีบเอ่ยสวนไป เรื่องนั้นเขารู้อยู่แล้วก็เขาเป็นคนสั่งเองนี่
“งั้นเหรอๆ ผมก็บอกคุณตั้งสองหนแล้วว่าผมเป็นปีศาจ ผมแค่ทำการแลกเปลี่ยนกับเขาเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”ร่างนั้นว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตาดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเพราะตอนนี้เขาไม่สัมผัสอีกฝ่ายอยู่จึงอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่ดูจากท่าทางแล้วชายตรงหน้าคงอยากให้เขาพูดต่อให้จบๆเสียที
“ผมเผอิญผ่านไปเจอลูกน้องของคุณถูกยิง และได้ยินเสียงคนจำนวนมากไล่ตามเขามา ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่รอดแน่ ผมก็เลยช่วยสะสางงานต่อให้จบ พร้อมกับรับวิญญาณของเขามาเป็นสิ่งตอบแทนเท่านั่นแหละครับ”เสียงหวานว่าต่อด้วยท่าทีแบบเดิมเพียงแต่ดวงตานั้นจ้องคู่สนทนาไม่วางเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่จ้องเขาไม่วางเช่นเดียวกัน
เมื่ออีกฝ่ายอธิบายจบฮิบาริก็เงียบไปพักใหญ่ เพื่อใช้ความคิด ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็จะสามารถอธิบายสภาพศพและสถานที่ที่พบศพที่ผิดแปลกไปได้ แต่เขาควรจะเชื่อคนคนนี้ดีหรือเปล่า ตามหลักความเป็นจริงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่เชื่อเลยซะทีเดียว
ทั้งการอ่านใจนั้นยังไม่แน่ชัดว่าอ่านได้จริงหรือไม่ อาจจะเป็นหลักจิตวิทยาแขนงหนึ่งก็เป็นได้ หรือมีพลังอ่านใจจริงๆ แล้วยังมีพลังอีกอื่นหรือเปล่า หรือเด็กหนุ่มนี่จะเป็นสปายจะฝั่งมิลฟิโอเล่จริงๆ ทั้งเรื่องที่รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วก็เรื่องที่รู้เรื่องของมิลฟิโอเล่ที่ดูท่าทางจะไม่ใช่รู้แค่นิดหน่อย ช่างน่าสงสัยนัก
“ไม่เชื่อผมจริงๆด้วย”มือบางเข้ามาสัมผัสมือของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวทำให้ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะมองคนตัวเล็กด้วยท่าทีหวาดระแวงกว่าเดิม
“ไม่ว่าคุณจะไม่เชื่อเรื่องอื่นหรือไม่ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ใช่พวกมิลฟิโอเล่ เพราะผม…เกลียดบอสของมัน เกลียด…เบียคุรัน!”ทันทีที่เอ่ยชื่อบอสแห่งมิลฟิโอเร่ออกไปแววตาและน้ำเสียงของสึนะโยชิเปลี่ยนไปวูบหนึ่งก่อนสงบสติอารมณ์แล้วกุมมือฮิบาริไว้ประสานนัยน์ตากับอีกฝ่าย
ร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาสีนิลได้แต่ยืนนิ่ง ปกติเขาไม่เคยให้ใครสัมผัสตัวเขาได้ง่ายขนาดนี้ ทั้งทีอีกฝ่ายไม่น่าไว้ใจ แต่เขากลับคิดว่าไม่อันตราย แถมยังไม่สลัดร่างเล็กออกอีกด้วย มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
“ขอคุณเชื่อผมแค่เรื่องนี้เท่านั้น”ร่างบางยังกล่าวย้ำอีกครั้ง จะเรื่องใดก็ตามเขาไม่อยากชื่อว่าเป็นพวกของเบียคุรันมันเท่านั้น ที่เอาไม่อาจให้อภัยได้ มันเท่านั้น…
“คุณฮิบาริ… คุณตั้งใจจะทำอะไรกับมิลฟิโอเร่”สึนะปล่อยมือจากฮิบาริ แล้วเอ่ยถามคนสูงกว่า แม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม…
“จะขยี้มันให้สิ้นซาก”เสียงทุ่มตอบออกมาในทันทีที่ได้ยินคำถาม เจ้าพวกนี้ชอบสุมหัวกันก็ความน่ารำคาญทำให้เขาไม่สบอารมณ์
“คุณอยากรู้สินะ ว่าผมพลังอะไรบ้าง ผมจะให้คุณใช้มันด้วยตัวเองเลยล่ะ”ทันทีที่สึนะโยชิว่าจบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิต
สึนะโยชิขยับกายเข้าไปใกล้ฮิบาริจนเรียกได้ว่าแนบชิด ก่อนจะลอยตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ความสูงพอดีกัน นัยน์ตาสีนิลยังคงมองร่างเล็กว่าจะทำอะไรต่อ จนกระทั่งเขาต้องเขาต้องเบิกตากว้าง เมื่อมีสัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปาก สึนะโยชิกดแนบริมฝีปากทาบอยู่แบบนั้นอยู่ชั่วครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนออกอย่างไม่เร่งร้อน
“ด้วยนามแห่งข้า ซาวาดะ สึนะโยชิ ขอสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าจนกว่าเป้าหมายนั้นจะลุล่วง พันธสัญญาเสร็จสมบูรณ์”เสียงหวานพูดอย่างแช่มช้า ก่อนจะปรากฏตราสัญญารูปปืนไว้ภายในมีโล่ที่ล้อมกระสุมไว้ด้านบนมีรูปหอยกางปีกออก
ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งราวกับกลายเป็นหิน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้สึกมึนหัวอย่างมาก ในสมองพลันขาวโพลน เพียงแต่เขาได้ยินเสียงบางอย่างแทรกเขามา จับความได้เพียง…
“มุ…คุ...”
“มุคุ..โร่!! อย่าทิ้งผมไว้ ผมไม่อย่างอยู่คนเดียว!!”
“เบียคุรัน คุณฆ่าเขา!!”
“เป็นความผิดของเธอ สึนะโยชิคุง…”
“ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อเสร็จสัญญาแล้วคุณจะตาย เพราะวิญญาณของคุณเป็นชนิดพิเศษ” เสียงสึนะโยชิแทรกเข้ามาในหัวทำให้เขาหลุดจากผวังค์ เขาจึงหันมาตั้งใจฟังร่างเล็กว่าต่อ พร้อมกับจดจำเสียงในความคิดนั้นไว้
“วิญญาณของคนเราก็แบ่งเกรดเช่นเดียวกัน คุณถือว่าอยู่ในระดับที่หาได้ยากรองลงมาจากจิตวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นก็คือจิตวิญญาณที่แข็งกล้า ดังนั้นต่อให้ผมรับวิญญาณของคุณไปเป็นข้าตอบแทนเล็กน้อยๆคุณก็ไม่ตายหรอก”ปีศาจตัวเล็กอธิบาย พร้อมเดินไปมารอบห้องราวกับห้องนี้เป็นของตนเองก่อนจะหันหลังกลับมามองร่างสูง
ได้ยินผมไหมครับ คุณฮิบาริ
“นี่เป็นความพิเศษหนึ่งของผู้ให้สัญญา และผู้ทำพันธสัญญา ขอแค่คุณคิดผมก็ได้ยินโดยไม่ต้องสัมผัสตัวคุณ แน่นอนว่าคุณก็ได้ยินความคิดผมเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นรู้ความทรงจำของอีกฝ่ายหรอก นั่นจะเป็นอีกขั้นหนึ่ง เข้าใจใช่มั้ยครับ”
เข้าใจ…
เขาลองตอบรับอีกฝ่ายในใจดู ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นเต้นราวกับเป็นเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ นี่คงเป็นอธิพลจากสึนะโยชิที่ชอบทำตัวกระดี้กระด้ากับเรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นตัวเขาเองที่เปิดใจรับอีกฝ่ายมากเกินไปกันนะ…
_________________________________________________________________________________________________
มาต่อแล้วนะคะหลังจากไม่ได้อัพมาชาติเศษ งืงงือ ยอมรับตรงๆว่าลืมเนื้อเรื่องที่คิดไว้ตอนแรกไปแล้วต้องมานั่งอ่านทวนนั่งนึกใหม่เลยทีเดียว...
ความคิดเห็น