คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : ผู้พิทักษ์สายหมอก แห่ง วาเรีย
Chapter 1
ผู้พิทักษ์สายหมอก แห่ง วาเรีย
“ผมมารับคุณแล้วครับฟราน”
~~~10 ปีผ่านไป~~~~ (ไวเหมือนในฟิค)
แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นดิน ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในสวนแห่งหนึ่งมีเด็กหนุ่มสองร่าง
บอกว่าเป็นภาพมายาแล้ว ก็คงจะไม่มีใครดูออกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ของจริง
‘อาจารย์ครับ เมื่อไหร่คุณจะออกมาจากวินดิเช่ซักทีครับ คุกนะครับ ไม่ใช่ห้องนั่งเล่น’เด็กหนุ่มผมเขียวน้ำทะเลพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ
‘คุณก็พูดยังกับผมอยากอยู่งั้นแหละครับ ’ผู้มีเรือนผมสีไพลินเอ่ยตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
‘แล้วทำไมไม่แหกคุกออกมาสักทีละครับ ให้ me อยู่กับตัวประหลาด2ตัวนี้อยู่ได้’
‘คึหึหึ ก็แค่ผมยังมีเรื่องต้องทำ แล้วก็รอจังหวะเหมาะๆอยู่น่ะครับ’
‘อาจารย์ ก็ตอบmeแบบนี้ทุกที’
‘อ้อ จริงสิครับฟราน ผมมีเรื่องจะให้คุณทำ’
‘คุณนี่ชอบหางานมาให้meทำเรื่อยเลย แล้วจะให้ทำอะไรล่ะครับ’
‘คุณไปเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกของวาเรีย ให้ทีสิครับ รู้สึกว่าตำแหน่งมันจะว่างอยู่’
‘วาเรีย? แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับ อาจารย์ล่ะครับ’
‘ก็นิดหน่อยนะครับ เอาเป็นว่าคุณช่วยหน่อยแล้วกัน’
‘คร๊าบๆ’
‘อีกเดี๋ยวจะมีคนส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ แล้วก็เครื่องแบบของวาเรียด้วย เอาหละผมต้องไปแล้ว ไว้พบกันใหม่นะครับฟราน’
<Fran’s talk>
หลังจากสิ้นเสียงของผู้เป็นอาจารย์ ภาพของสวนดอกไม้ที่ปรากฏในความฝันก็จางหายไปดวงตาลืมปรือตื่นขึ้นจากความฝัน เจ้าของดวงตานั้นกรอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่ายพลางลุกขึ้นมานั่ง
“เฮ้ออ มีงานมาให้ทำอีกแล้วสิ” ผมได้แต่ถอนหายใจกับคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์ของผม
“มีอะไรเหรอฟราน” ผู้มีในตาสีเหลือง ผมสีเดียวกัน และหน้าเหมือนหมา เอ่ยถาม
“คุณมุคุโร่ ติดต่อมาหรอ” ผู้มีผมสีน้ำเงิน ใส่แว่น แต่งตัวไร้รสนิยม เอ่ยถามขึ้นเช่นกัน
“ครับ คุณจิคุสะ เมื่อกี้อาจารย์ติดต่อมา” ผมซึ่งเป็นผู้ถูกถามเอ่ยขึ้นตอบ
“คุณมุคุโร่ ติดต่อมาว่าไงบ้าง”
“เขาสั่งให้ผมไปเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกของวาเรียครับ” ผมตอบด้วยหน้าตาย
“หา! ว่าไงนะ” คุณเคน ร้องออกมาเสียงดัง คงจะแปลกใจไม่น้อยทีเดียว
“คุณมุคุโร่คิดอะไรของเขากันเนี่ย”
“เอาไปว่าผมจะไม่อยู่ที่นี่สักพักนะครับ”
“อ่า”
หลังจากตอบคำถามของคุณเคน กับ คุณจิคุสะ จบ ผมก็เดินไปดูที่ตู้จดหมายและพบว่ามีกล่องพัสดุวางอยู่แล้ว มันช่างเป็นบริการที่รวดเร็วทันใจจริงๆครับท่านรีดเดอร์ ผมเปิดของข้างก็พบ ตั๋วเครื่องไปอิตาลี ของวันพรุ่งนี้ ตอน เก้า โมงเช้าอยู่ พร้อมกับมีเครื่องแบบวาเรียอยู่ด้วย ผมจึงรีบไปจัดกระเป๋าเตรียมที่จะเดินทางแล้วก็ได้แต่พรรณนาว่าที่นั้นจะเป็นยังไงบ้าง
ณ ปราสาทวาเรีย
“โว้ยยยยยยยยยยย ไอ้พวกงี่เง่าทั้งหลายยยยยย” เสียงของบุรุษผมยาวสีเงินพลิ้วไสว ดังกึกก้องทั่วท้องปราสาท
“มีอะไรอะ สคอลโล่ เจ้าชายง่วงนะ” ผู้มีฉายาว่า Prince the ripper เอ่ยถาม
“นั้นสิฮ๊า ลุซกำลังพอกหน้าเพื่อเสริมความงามอยู่นะฮ๊า” เสียงของสาวใหญ่ผู้น่ารัก(?)แห่งวาเรียเอ่ยถามเช่นกัน
“ก็ไอ้บอสตะไล มันบอกว่าหาสวะ มาเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกได้แล้วน่ะสิ” ฉลามขาวตอบ
“ว้าย! ต๊ายตาย หาได้แล้วหรอฮ๊า ยังงี้ต้องเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับแล้วหละฮ๊า”
“จะทำอะไรของแกก็ทำ”
“อ้อ แล้วไอ้สวะเจ้าชาย แกช่วยไปรับมันที่สนามบินที แล้วก็ช่วยทดสอบมันด้วยก็แล้วกันว่าใจได้รึเปล่า”
“หา ให้เจ้าชายทำหรอ ชิชิชิ”
“รึแกจะไม่ทำ”
“ชิชิชิ ทำสิ เจ้าชายจะทำ จะได้หาโอกาสแกล้งเจ้าเด็กใหม่นั้นด้วย”
“เออ แต่อย่ามันตายก็แล้วกัน”
“ชิชิชิ”
ณ สนามบิน ประเทศอิตาลี
เอาล่ะตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบิน ที่อิตาลีแล้ว แต่เรื่องที่ผมลืมคิดที่สุดคือ ผมจะไปที่ปราสาทวาเรียยังไง เอ่าละสิครับท่านรีดเดอร์ หายนะครั้งใหญ่ของผมกำลังจะมาเยือนแล้ว ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังอยู่นั้นก็มีจิตสังหาร อันแรงกล้าจะข้างหลังแผ่ออกมาจะทำให้ผมสะดุ้ง
ด้วยสมองอันเฉลียวฉลาดของผมจึงตรัสรู้ได้ในทันทีว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยผมจึงเตรียมที่จะวิ่งหนีในทันที แต่แล้วก็มีมีดเล็กๆ อันนึงพุ่งมาหาผม ผมจึงรีบใช้ศาสตร์มายาเพื่อหลบการโจมตีนั้นทำให้มีนั้นทำลุผ่านร่างผมไป
“ชิชิชิ เก่งใช้ได้เลยนี่ หลบมีดของเจ้าชายได้ด้วย มาเล่นกับเจ้าดีกว่านะ”
ทันใดนั้นมีดนับสิบก็พุ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูง ผมจึงจำต้องกระโดดหลบ
“คุณเป็นใครกันแน่” ไม่ที่ผมจะพักหายใจมีดเล่มต่อไปก็พุ่งมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ชิชิชิ ก็เป็นเจ้าชายนะสิ”
หลังจากคนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชายพูดจบมีดที่ผมน่าจะหลบไปได้แล้ว มันดันเลี้ยวกลับมาหาผม ถึงผมจะหลบมีดได้ทุกเล่มแล้วก็ตามแต่ผมขยับ กลับไม่ได้เหมือนมีอะไรตรึงอยู่ มองดีๆแล้วมันคือลวดนั้นเอง ไอ้เจ้าชายนั้นมันร้อยลวดติดไว้กับมีดงั้นเรอะ
“แกสอบตกแล้ว เจ้าเด็กใหม่ เจ้าชายน่ะไม่ยอมรับแกหรอก”
“นี่คุณหันไปพูดกลับใครน่ะครับ” เมื่อผมพูดจบร่างมายาของผมที่โดนลวดตรึงอยู่ก็สลายหายไป คนคนนั้นจึงหันกลับมามองผมที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
“หืม ยังงี้สิถึงจะน่าสนใจ ชิชิชิ”
“meมีขอถามซ้ำอีกครั้ง คุณเป็นใคร”ผมถามซ้ำ
“ชิชิชิ แกสินะที่เป็นผู้พิทักษ์สายหมอกคนใหม่”เขาถามผมกลับ
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของ me เลยนะครับ”
“ชิชิชิ เจ้าเด็กใหม่วอนหาเรื่องซะแล้ว แต่เอาเถอะวันนี้เจ้าชายอารมณ์ดี จะไม่ถือสา เจ้าชายคือผู้พิทักษ์วายุชื่อ เบลเฟกอล” บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชายตอบผม
“Me ชื่อฟรานฮะ อ่ะ! นี้มันอะไรกันครับ” ในขณะที่ผมตอบนั้น เขาก็เอาหมวกกบประหลาดๆใบเบ้อเร้อมาใส่หัวผม
“ชิชิชิ เจ้าชายให้ แล้วก็ห้ามถอดออกด้วย ไม่งั้น
” เขาพูดพลางเอามีดแบบเดิมมาจ่อที่คอของผม
“คร๊าบๆ” เมื่อผมตอบเขาก็เอามีดที่จ่อที่คอออก
“ชิชิชิ ไปกันได้แล้ว”
“ครับๆ คุณเบลเฟลกอล”
“ไม่ต้องเรียกเต็มยศก็ได้ เจ้ากบเป็นรุ่นน้องเจ้าชาย เรียกรุ่นพี่แล้วกัน” เขาตอบพลางส่งยิ้มที่ดูแล้วโรคจิตมาให้ผม อยากบอกว่าดูแล้วโคตรจะไม่น่าไว้ใจ
“ครับ แต่ทำไมรุ่นพี่ต้องเรียก me ว่าเจ้ากบด้วยละครับ me ชื่อฟรานนะครับ” ผมถามเพราะตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็เรียกผมว่าเจ้ากบมาตลอด
“หมวกที่เจ้ากบใส่อยู่เป็นรูปอะไรละ”
“กบครับ”
“เจ้าชายเลยเรียก เจ้ากบว่าเจ้ากบไง” โอ้ เหตุผลที่เขาตอบผมมาช่างมีเหตุผลครับ เอาละผมคิดผิดแล้วที่ไปถามเหตุผลจากคนคนนี้
“เอ้า! เจ้ากบ ยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น มาเร็วสิ มาขึ้นรถ ชิชิชิ” เขากวักมือเรียกผมให้ไปขึ้นรถ
ผมที่ยืนเหม่ออยู่นั้นจึงรีบไปขึ้นรถ
“ไปกันได้แล้ว ชิชิชิ นั่งดีละเจ้ากบ”
หลังจากสิ้นเสียงของรุ่นพี่ รุ่นพี่ก็ขับรถออกไปด้วยความเร็ว ชนิดแสงยังตามไม่ทัน
“รุ่นพี่เบล! ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ”
“ชิชิชิ” รุ่นพี่หันมาหาผมแล้วหัวเราะด้วยเสียงประหลาดๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว ท่านรีดเดอร์ครับนั้นช่างเป็นคำตอบที่ผมอยากได้ยินเหลือเกิน
จากนั้นผ่านไปประมาณ 15 นาทีเราก็มาถึงปราสาทวาเรีย
“ถึงแล้วเจ้าจบ” เขาพูดพลางหันหน้ามาหาผม
“....”
“เจ้ากบ หน้าซีดเลยเป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมรู้สึกว่าผมอยากจะ อ้วกกกกกกก”
จากนั้นอาหารที่ผมกินเข้าไปก็ถูกนำออกมาหมดชนิดหมดไส้หมดพุง
“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจ
“โทษทีๆ ไม่คิดว่าเจ้าจบจะเมารถ” เขาพูดอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ me ไม่เป็น ระ ไร ร” จากนั้นผมรู้ว่าสติของผมก็ดับวูบลง เพราะผมมึนหัวเอามากๆ
<End Fran’s talk>
<Bal’s talk>
“เห้ย! เจ้ากบ ”เจ้าชายรีบรับเจ้ากบน้อยนั้นแถบจะไม่ทัน
เจ้าชายจึงอุ้มร่างอันบอบบางนั่นขึ้นไปบนห้อง
“อ้าว เบลจัง กลับมาแล้วหรอจ๊ะ แล้วนั้นเด็กใหม่หรอ เป็นอะไรมากมั้ยนั่น”
“ลุซ งานเลี้ยงคงต้องเอาไว้ตอนที่เจ้านี้ตื้นแล้วหละ เจ้าชายเล่นแรงไปหน่อย ชิชิชิ”
“จ้า จ้า เบลจัง ยังไงเบลจังก็ดูแลเขาด้วยละกันนะจ๊ะ”
“อืม” หลังนั้นเจ้าชายก็อุ้มร่างนั้นเดินต่อไปยังห้องของผู้พิทักษ์สายหมอก
เจ้าชายก็วางร่างนั้นไว้บนเตียง จากนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
“ไง ไอ้เบล” เสียงของฉลามขาวแห่งวาเรียดังขึ้น
“สคอลโล่ ”
“ว่าไง เจ้าเด็กใหม่นี่ผ่านการทดสอบไหม”
“อืม ผ่านสิ ”
“’งั้นชั้นไปก่อนนะเว้ย” แล้วเขาก็ออกไปจากห้องไป
ใช่ เจ้ากบน้อยนี่ผ่านแล้ว ผ่านการทดสอบในฐานะผู้พิทักษ์ แล้วก็ในฐานะอื่นด้วย ชิชิชิ ~ ~
<End bal’s talk>
ความคิดเห็น