ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic reborn: Only devil (1827)

    ลำดับตอนที่ #1 : Only devil "O" : obscure

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 56


    Only devil

     

    obscure

     

     

    ท้องฟ้าในยามราตรีนั้นถูกฉาบแต่งแต้มด้วยสีดำ

     

    เมื่อมองผ่านดวงตาของคุณแล้วเป็นสีเช่นใด

     

    สำหรับผมแล้วมันก็ยังคงเป็น สีดำ

     

                    ใบหน้าหวานแหงนมองท้องฟ้าที่ในยามนี้เป็นสีดำ หากแต่มีแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบกับเรือนร่างขาวนวลขลับให้เจ้าของร่างบอบบางนั้นยิ่งดูน่ามองมากขึ้น จนเกือบทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องลืมเหตุการณ์อันตรายที่ตนกำลังเผชิญ แต่ก็ต้องคืนสติเมื่อดวงตาคู่สวยปรายสายตาลงมามองอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง

     

    ช่างโง่เขลาจริงๆ ทั้งที่ผมเตือนแล้วแท้ๆว่าผม…” ไม่ใช่มนุษย์ เสียงหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ริมฝีปากบางนั้นแสยะยิ้มพลางพูดกับอีกฝ่าย

     

                    ดวงตากลมโตสีน้ำตาลจ้องมองไปยังร่างของชายหนุ่มที่นอนสั่นระรึกอยู่บนพื้น ตะเกียดตะกาย คลานหนีออกห่างจากตน มือทั้งสองข้างพยายามจะหยัดกายขึ้นมา  หากแต่ การกระทำเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์

     

    เมื่อร่างกายนั้นคล้ายกับถูกโซ่ตรวนที่ไม่อาจมองเห็นตรึงไว้ ราวกับว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดของชายผู้นั้นได้หายไปสิ้น ช่างอ่อนแอนัก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์คือเหยื่อของเขาเท่านั้น

     

    วางใจเถอะผมไม่ฆ่าคุณหรอก เพียงแต่ขอรับเศษเสี้ยววิญญาณของคุณไปแล้วกัน…”เมื่อสิ้นเสียงนั้น ดวงตาสีน้ำตาลพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง

     

                    เพียงแค่จ้องมองด้วยตานั้น แสงสีขาวขุ่นก็หลุดลอยออกมาจากร่างของชายหนุ่ม แสงนั้นแลดูคล้ายเกล็ดหิมะ เกล็ดหิมะที่เปล่งแสง เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณคืออาหารของปีศาจ

     

                    หากเป็นปีศาจตนอื่นคนไม่รับไปแค่เศษเสี้ยว แต่คงกลืนกินทั้งหมด นับว่าเขาใจดีมากทีเดียวเมื่อเทียบกับปีศาจตนอื่น  มือบางประทาบทับลงบนศีรษะของบุรุษตรงหน้า หลับตาพร้อมท่องคาถาบางอย่างออกมา

     

                    เขาไม่อยากทำให้ผู้คนที่ตกเป็น เหยื่อ ของเขาต้องหวาดกลัว ทุกๆครั้งที่เขากลืนกินวิญญาณของผู้อื่น ก็จะลบความทรงจำของคนผู้นั้นออกไปด้วย พร้อมทั้ง

     

    เพื่อเป็นเกียรติแก่วิญญาณที่ได้รับมา จะขอเอ่ยนามของเราให้เจ้าได้รับรู้

     

    นามของเราคือ สึนะโยชิ นั้นคือเสียงสุดท้ายที่ชายหนุ่มได้ยิน ดวงตาทั้งสองของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าของเจ้าของชื่อนั้น ใบหน้าหวานนั้นปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนโยน อ่อนโยนเสียจนเขาจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายจนยิ้มตาม ก่อนสติของเขาจะดับวูบลงไปพร้อมกับความทรงจำที่หายไป

     

    ผมเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าสิ่งตอบแทน

     

    สำหรับปีศาจแล้วไม่มีสิ่งใดได้รับมาโดยไม่สูญเสียสิ่งใดไป

    .

    .

    .

                    ฝ่ามือบอบบางผายออก เบรับเกล็ดน้ำแข็งจากท้องฟ้าพลางถอนหายใจออกมาก จนเห็นเป็นไอ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

     

    เรือนร่างบอบบางนี้ดึงดูดสายตาจากผู้คนที่เดินสัญจรผ่านไปมา ในขณะดวงตากลมโตคู่สวยเหม่อมองทอดไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมายช่างลับใบหน้าหวานสะสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื้อจากอาการหนาว ผมสีน้ำตาลที่ฟูฟ่องที่ปล่อยยาวลงมาเป็นรากไทรแลดูน่าสัมผัสปลายผมเกลี่ยลงมาตามแผ่ลงมาตามคอและแผ่นหลัง หากเจ้าตัวไม่หายใจต้องคนอื่นคิดว่าเป็นตุ๊กตาแน่

     

    นี่เธอน่ะอยู่คนเดียวเหรอในขณะที่ร่างบางกำลังนั่งเหม่อ เสียงกล่าวทักนี้ก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องหลุดจากภวังค์

     

    ครับ ผมอยู่คนเดียวมานานแล้วมาอีกแล้วเหยื่อที่โง่เขลาของเขา สึนะโยชิเอ่ยรับด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่สำหรับร่างบางนั้นคงเป็นช่วงเวลาที่นานเกินจะทน ช่วงเวลาที่อย่างเดียวดาย

     

    เอ๋งั้นมากับชั้นมั้ยล่ะเด็กหนุ่มคนนั้นแสดงทีท่าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกแทนตัว แต่ฝ่ายนั้นก็ยังคงเอ่ยเชิญชวนอย่างกระตือรือร้น ความจริงแล้วเขาไม่เคยเชิญชวนใครก่อน จะเลือกเฉพาะเหยื่อที่เข้ามาหาเขาเองเท่านั้น

     

    ฮ่ะๆ แต่ว่าผมเป็นปีศาจนะครับกล่าวความจริงออกไปตามตรงด้วยเสียงหัวเราะ นี่คือคำเตือนจากเขา

     

    ฮ่าๆๆ เข้าใจเล่นมุกนะชายหนุ่มตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะผายมืออกไปเชิญอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนองจึงคว้ามือของร่างเล็กออกแรงดึงให้ไปด้วยให้ไปด้วยกัน

     

    คิดว่าเขาล้อเล่นเหรอ

     

    .

    .

    .

     

                    สึนะโยชิมองร่างของชายหนุ่มที่สลบไป ก่อนจะค่อยๆลากร่างนั้นมาว่าพิงไว้ตรงกำแพงในพื้นที่ที่ไร้ผู้คน  ร่างทั้งร่างรู้สึกอ่อนล้า เพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณอันน้อยนิดไม่อาจเยียวอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ได้ 

     

                    บ่อยครั้งที่ปีศาจมักสู้กันเองเพื่อแย่งเหยื่อชั้นเลิศ แต่เขาไม่เคยคิดแย่งของพันนั้นกับใคร การที่เขากินแค่เศษเสี้ยววิญญาณทำให้อ่อนแอกว่าปีศาจตนอื่นมาก ด้วยเหตุที่เขาอ่อนแอนี้คงเป็นเหตุให้ปีศาจตนอื่นคิดจะกำลังจัดเขา เพื่อลดจำนวนผู้ล่าที่เป็นคู่แข่ง

     

                    แม้ไม่อยากก็คงต้องฝืนทำ คงต้องกลืนกินวิญญาณมนุษย์สักคนก่อนที่เขาจะบ้าคลั่ง จนไม่อาจควบคุมตนเองได้  อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับปีศาจที่อ่อนแอเกินไป ซึ่งสึนะโยะชิคิดว่าการคลุ้มนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความเป็นอมตะหลังจากที่ตนกลายเป็นปีศาจเสียอีก จึงไม่อยากให้เกินเหตุการแบบนี้ขึ้น

     

                    ขอแค่เพียงวิญญาณมนุษย์ที่ใกล้ตายเท่านั้น นอกจากนั้นเขาจะไม่แตะเลย

     

                    สึนะโยชิเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ในถิ่นที่ได้เขาเรียกว่าสถานที่โสมม ถิ่นของมาเฟีย หากเป็นสถานที่แห่งนี้ก็รับประกันได้เลยว่าต้องมีเหยื่อที่เขาต้องการแน่นอน ก็ที่นี่น่ะมันมีการฆ่ากันนองเลือดเกิดขึ้นทุกวันยังไงล่ะ

     

                    ค่อยๆก้าวไปทีละก้าวอย่างไม่รีบร้อน ค่อยๆรับรู้ถึงกลิ่นและลางแห่งความตาย ปีศาจนั้นไม่จำเป็นต้องเห็นบาดแผล หรือ รับรู้ถึงโรคภัยไข้เจ็บของ เหยื่อ  เพราะปีศาจสามารถรับรู้ลางแห่งความตายได้

     

                    ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนนั้นมองไปยังซอกหลืบของตึกเล็กๆ ได้ยินเสียงหายใจหอบอย่างแผ่วเบามาจากที่นั่น กลิ่นของลางนั้นยิ่งชัดเด่นขึ้น นัยน์ตาคู่สวยพิจารณาวิญญาณดวงนี้ช้าๆ ไม่บริสุทธิ์และสกปรกจนเกินไปนับว่าเป็นเหยื่อที่ใช่ได้ที่เดียวหากเข้ามาหาในถิ่นที่แสนโสมมแห่งนี้

     

                    อีกฝ่ายนั้นเหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าถูกเขามองอยู่จึงหันกระบอกปืนมาทางเขา ร่างบางสังเกตเห็นรอยเลือดไหลออกมาเล็กน้อยที่ข้อเท้าของอีกฝ่าย ดูเหมือนจะหนีอะไรมา แม้ยังไม่ได้รับบาดแผลใดๆที่ส่งผลต่อชีวิตแต่เขารู้ได้ว่าคนคนนี้กำลังจะตาย ได้มาเจอเขาก่อนนั้นนับว่าโชคดีมาก เพราะการฆ่าของเขานั้นไม่เจ็บปวด...ไร้ซึ่งบาดแผลแต่ก็ไม่อาจดิ้นรนหรือหลุดพ้นไปได้

     

    ------------------------------------------

     

    คุณเคียวครับ สายของเรา ที่ส่งไปสอดเนมถูกจับได้และโดนเก็บไปแล้วครับชายหนุ่มไว้ผมทรงรีเจนท์รายงานข่าวต่อเจ้านายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

    หึ โง่จริงๆมุมปากเรียวแสยะยิ้มสบถคำด่าออกมาเพียงเล็กน้อย นัยน์ตาสีรัตติกาลไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆออกมาราวกับไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้น

     

    แต่มันมีบางอย่างที่ประหลาดมากครับคุณเคียวลูกน้องผู้ซื่อสัตย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อย ก่อนจะนำรูปของศพและสถานที่เกิดเหตุไปให้เจ้านายของตนดู

     

    ทางเราเจอร่างของศพนั้นโดยไม่พบบาดแผลที่อื่นเลยนอกจากข้อเท้าครับ แทบจะไม่ร่องรอยการต่อสู้เลยด้วย แถมที่ที่พบศพก็อยู่ห่างจากถิ่นของฝ่ายนั้นมากทีเดียวครับ

                   

    ฮิบาริ  เคียวยะ จ้องมองรูปนั้นพร้อมกับฟังคำบรรยายของลูกน้อง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จะว่าก็แปลกจริงๆ ร่างของศพแทบจะไม่บาดแผลเลย สาเหตุการเสียชีวิตนั้นดูเหมือนอยู่ดีๆก็หยุดหายใจไปเฉยๆ ลูกน้องของเขาคนนี้เพิ่งเข้ามาใหม่ และไม่มีโรคประจำตัวด้วย

     

    เขาคิดพลางจ้องมองรูปนั้นอีกครั้ง แต่แล้วอยู่ๆดีร่างสูงก็ยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดว่า

     

    ฉันจะไปข้างนอก

     

    ครับ คุณเคียว

     

                    ร่างกายกำยำของชายหนุ่มออกเดินทอดไปเรื่อยตามเส้นทางอย่างไม่รีบร้อน ภายในสมองกำลังคิดประมวลสิ่งต่างๆมากมาย เขาเชื่อว่าลูกน้องของเขาไม่หนีออกมามีเปล่าแน่ๆ และเขายิ่งมั่นใจเมื่อเห็นรอยเลือดที่ถูกเขียนไว้บนพื้น

     

    ดาดฟ้าโรงเรียนนามิโมริงั้นเหรอเขาพูดออกมาลอยๆ พลางคิดว่านี่คือสารก่อนตายของลูกน้องของเขางั้นหรือ

     

                    เขานึกสงสัยเล็กน้อยว่าเหตุใดจึงเป็นที่โรงเรียนแถมยังเป็นโรงเรียนที่ในอดีตเขาเคยเรียนอยู่ แม้ลูกน้องส่วนใหญ่ของเขาจะรู้ก็ตาม  แต่ยังไงก็แลดูน่าสงสัยจนชวนคิดว่าเป็นกับดักหรือเปล่า

     

    ไปถึงก็คงจะรู้ เสียงทุ้มพูดขึ้นพลางบิดลูกบิดของประตูดาดฟ้า

     

    แอ๊ด

     

                    ดวงตาสีรัตติกาลมองใบยังร่างของใครบางคนที่ยืนเกาะลูกกรงของดาดฟ้า ผมสีน้ำตาลฟูฟ่องยาวปลิ้วไสวไปตามแรงลม ในมือของร่างนั้นถือเอกสารบางอย่างอยู่

     

                    เมื่อสึนะโยะชิได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ก็รีบหมุนตัวมาหาอีกฝ่าย มือบางข้างหนึ่งพลางปาดน้ำตาที่ไหลของมาโดยไม่รู้ตัวอย่างดาษๆ

     

                    ดวงตาคู่สวยมองใบยังร่างของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ พิจารณารูปลักษณ์ ใบหน้าคมคายหล่อเหลารับกับผมสีรัตติกาลที่ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูภูมิฐานมากขึ้น ก่อนจับจ้องไปยังดวงตาสีนิลที่ขมวดคิ้วจ้องมองมาที่เขา

     

    มาเร็วดีนี่ครับ กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะยอมมารึเปล่า ถ้าไม่มาผมคงลำบาก

     

    อืมหน้าตาเหมือนเป๊ะ อย่างที่ความทรงจำของคุณไซโตะบอก คงไม่ผิดคนสินะครับ คุณฮิบาริ เคียวยะเสียงหวานกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางเดินเข้าไปหาร่างสูง

     

                    ฮิบาริ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย คิ้วที่ขมวดก่อนหน้านี้ยิ่งชิดติดกันจนคิ้วผูกโบว์ รู้จักลูกน้องที่เพิ่งตายไปของเขา รู้จักชื่อของเขา แถมยังบอกว่าความทรงจำอีกอะไรนั้นอีก มันยังไงกันแน่

     

    เขาวานผมเอามาให้คุณในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่ร่างเล็กนั้นก็ยืนเอกสารที่ถืออยู่ในมือมากให้

     

                    เขารับมาก่อนจะรีบตรวจสอบ นี่มันเอกสารข้อมูลที่เขาให้ลูกน้องไปเอามาจากอีกฝ่ายนี่ 

     

    หน้าที่ของผมหมดแล้วงั้นลาล่ะครับสึนะโยชิเอ่ย แล้วเดินผ่านร่างของฮิบาริไปทางประตู

     

                    แต่แล้วก็ข้อมือบางนั้นก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ ร่างบางหันกลับไปมองร่างสูงอีกครั้ง เชิงถาม

     

    เธอมากับฉันเจ้าของดวงตาสีนิลกาฬกล่าวอย่างจริงจัง พลางมองไปที่ร่างเล็กไม่วางตา

    เอ๋แต่ว่าผมเป็นปีศาจนะครับ…”ยังคงกล่าวเตือนด้วยท่าทีทีเล่นทีจริง บวกกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่บริสุทธิ์ประหนึ่งเทวดา

     

    แล้วใครจะเชื่อกันล่ะ?

     

     

                    กร๊ากกกกกกกก เปิดฟิคใหม่อีกแล้วที่จริงเรื่องนี้เป็นฟิคสั้นที่เขียนไว้ตั้งแต่ฮาโลวีนปีที่แล้วค่ะ  แต่พอคิดไปคิดมา เฮ้ย! มันไม่สั้นว่ะ //ตบเข่า  เลยกลายมาเป็นเรื่องยาวประการฉะนี้แล เรื่องนี้น่าจะอัพช้า (มันยังจะช้าได้อีก)  

                    อะแฮ่มๆ เนื่องจากตอนนั้นชีวิตดราม่าก็เลยอยากลองเปลี่ยนมาเป็นแนวดาร์กนิดๆดราม่าหน่อยๆดูบ้าง อะไรบ้าง (มันจะไปได้สักกี่น้ำว่ะ) เอาเถอะ(?) ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ บ๊ายบาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×