คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ::: Part 2 :::
‘อ้าว ไง มึง ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ เข้ามาดิ’ ผมเชื้อเชิญเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
ให้เดินเข้ามาในห้องเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นมันมายืนทำหน้าเศร้าหน้าประตู
มือข้างหนึ่งหอบหิ้วถุงเหล้า โซดา แล้วก็น้ำแข็งมาด้วยช่วงพักหลังๆมานี้
ชานยอลมาห้องผมบ่อยมากจนดูผิดปกติ แต่สาเหตุที่มาก็ยังคงเป็นเรื่องเก่าๆ
กูทะเลาะกับพี่คริสอีกแล้วว่ะ .... คำตอบเดิมๆ ที่ไม่ว่าจะถามครั้งไหนก็ได้รับคำตอบมา
แบบนี้ทุกครั้งไป
ผมเดินไปหยิบแก้วเปล่า กับกระติก ออกมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตั้งกลางห้อง อย่างรู้หน้าที่
ชานยอลที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็หยิบขวดเหล้ากับโซดาออกมาจากถุง
จากนั้นก็แกะน้ำแข็งออกจากถุงเทใส่กระติก
ดวงตากลมโตมีสีแดงเจือปนอยู่ในตาขาว ใต้ตาบวมตุ่ย คาดว่าคงร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
กลิ่นเหล้าโชยเหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ผมใช้ช้อนตักน้ำแข็งลงแก้วทีละก้อนๆ
จนเต็มทั้งสองแก้วก่อนจะหยิบขวดเหล้าและโซดาออกมาเทผสมกันด้วยความชำนาญ
ชานยอลเองยังคงนั่งนิ่งๆเงียบๆไม่พูดอะไรจนผมต้องเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นเอง
‘คราวนี้ทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะ’ ผมพูดพร้อมยื่นแก้วสีขาส่งให้ชานยอล
‘พี่คริสไม่เคยยอมฟังกูเลย’ ชานยอลยกแก้วขึ้นจิบ แล้วก็พูดต่อ
‘แล้ววันนี้เพื่อนในคณะกู มาบอกกูว่า เห็นพี่คริสอยู่กับคนอื่น กูเลยไปถามพี่คริส
แต่แม่มก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามพอกูซักเข้ามากๆก็หาว่ากูเรื่องมาก ไม่ไว้ใจกันเหรอ
กูก็เลยพูดต่อว่าไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่แค่มาถามให้รู้เรื่องถ้าไม่ใช่ก็ตอบมาว่าไม่ใช่แค่นั้น
แล้วพี่คริสก็โกรธ เหวี่ยงใส่กู บอกว่ากูน่ารำคาญ แล้วก็เดินหนีกูไป ทำไมวะ
กูมันน่ารำคาญมากเหรอ เซฮุน มึงว่ากูน่ารำคาญมั๊ย มึงรำคาญกูมั๊ย
มึงรำคาญกูมั๊ยที่กูชอบมาหามึงตอนกูเป็นแบบนี้’
ชานยอลพูดทั้งน้ำตา ผมเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
ผมวางแก้วเหล้าในมือลงแล้วเขยิบไปนั่งข้างๆชานยอลผมใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยน้ำตา
บนใบหน้าของชานยอลออก
‘กูไม่รำคาญหรอก กูเพื่อนมึง กูเข้าใจมึง’ ผมพูดกับชานยอล นั่นทำให้น้ำตาของชานยอลไหล
ออกมาอีกราวกับเปิดก๊อกมันโน้มหัวลงมาซบกับไหล่ของผม ผมก็ยอมให้มันซบอย่างที่เคยทำๆมา
‘เซฮุน มึงอย่าทิ้งกูไปนะ’ ชานยอลพูดขึ้น
‘เออ กูไม่ทิ้งมึงไปหรอกน่า’ ผมใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นตบหัวกลมๆของมันเบาๆ
ในใจนั้นอยากจะบอกเหลือเกินว่ากูทิ้งมึงไม่ลงหรอก ก็กูรักมึงนี่ แต่ก็ได้แต่คิด
พูดออกไปไม่ได้สักที
‘เซฮุน กูถามไรอย่าง’ ชานยอลพูดขึ้นอีก ผมสังเกตว่าพักหลังๆมานี่มันเริ่มถามผมเยอะขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ตอนแรกๆไม่เคยจะตั้งคำถามอะไรกับผมเลย มาเพื่อระบายอย่างเดียวแล้วก็นอนหลับไป
‘เออ ถามมาดิ’ ผมพูด
‘กูได้ยินมาว่ามีคนมาจีบมึง’ ผมสะดุดไปเล็กน้อยกับคำถามนี้ สงสัยว่าใครคาบข่าวไปบอกมัน
ก็ใช่อยู่ที่ช่วงนี้มาคนมาคุยกับผมอยู่คนหนึ่ง คุยมาได้ซักพักแล้ว แต่ก็ได้แค่คุย
ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเค้าคนนั้นก็เป็นคนน่ารักดี เค้าชื่อ เทา อยู่อีกคณะหนึ่งที่ตึกคณะ
อยู่ติดๆกันกับตึกคณะผมก็ไม่แน่นะ ถ้าวันหนึ่งผมรู้สึกดีกับเทามากกว่านี้
ผมอาจจะตกลงปลงใจลองคบกับเค้าดูก็ได้
‘เออ ก็มีอ่ะ แล้วทำไม มึงหวงกูเหรอ ฮ่าๆ’ ผมพูดติดตลก หวังว่าจะให้ชานยอลมันขำด้วย
แต่มันไม่ขำมันนั่งนิ่งเงียบไปนานสองนานจบผมเกือบคิดว่ามันตายไปแล้วหรือเปล่า
ผมก้มหน้ามองหัวมันที่วางอยู่บนไหล่แล้วก็เห็นว่ามันยังไม่หลับ วันนี้มันมาแปลกอีกแล้ว
ปกติผมพูดอะไร มันจะขำๆไปกับผมตลอด
แต่วันนี้มันไม่ขำ มันเงียบ
ผมกับชานยอลนั่งเงียบอยู่นานสองนาน ไม่มีใครยอมพูดอะไร ผมเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอยู่เรื่อย
ส่วนไอ้ชานยอลหยุดไปนานแล้ว มันนั่งนิ่งราวกับหิน ผมก็สังเกตมันเป็นระยะๆ
ว่ามันจะหลับหรือเปล่าแต่พอผมก้มหน้าลงไปมอง ก็ยังเห็นมันลืมตาอยู่
ช่วงนี้ชานยอลดูแปลกๆในสายตาผมมาก
‘ไอ้คนที่มาจีบมึงอ่ะ หล่อมั๊ย’ อยู่ดีๆมันก็ถามผมขึ้นมาอีก แต่ผมพยายามไม่คิดอะไร
เพราะคิดแค่เพียงว่ายังไงผมก็เพื่อนมัน มันก็คงอยากรู้ถามภาษาเพื่อนน่ะ
‘ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยนะเว้ย หล่อๆเข้มๆดี’ ผมพูด ส่วนไอ้ชานยอลก็ชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าผม
คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหันก่อนน้อยๆ
‘หล่อกว่ากูมั๊ย’
‘ไม่รู้ดิวะ หล่อคนละแบบ ว่าแต่ มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ ฮ่าๆ’ ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอีกที
ชานยอลยกหัวขึ้นจากไหล่ของผม คิ้วขมวดเป็นปม สองตากลมมองมาที่ผมคล้ายคนกำลังไม่พอใจ
‘มึงเป็นไรไปเนี่ย ไอ้ชานยอล อยู่ดีๆก็ทำหน้าไม่พอใจกู’ ผมถามมัน
‘เปล่า ไม่มีอะไร กูว่ากูกลับดีกว่า’ อยู่ดีๆ มันก็ลุกพรวดขึ้น เดินไปใส่รองเท้าแล้วทำท่าจะออกจากห้อง
‘อ้าว ชานยอล มึง จะกลับแล้วเหรอ’ ผมตะโกนเรียกมัน แต่มันก็ไม่สนใจผม ไม่ยอมหัน
มาตามเสียงเรียกเลยด้วยซ้ำ
-ปัง-
มันกระแทกประตูห้องผมปิดเข้ามาเสียงดังลั่น จนผมตกใจ ผมรีบเดินไปหยิบมือถือที่วาง
อยู่บนเตียงเพื่อกดโทรหามันแต่มันก็ไม่ยอมรับสาย ผมทิ้งตัวลงบนเตียง
ได้แต่นั่งคิดว่ามันเป็นอะไร แต่ก็คิดไม่ออก
‘อะไรของมันวะ’
.
.
.
เช้าวันต่อมาผมก็ตื่นมาเรียนของผมตามปกติ ผมพยายามลองโทรหาชานยอลอีกครั้งในตอนเช้า
แต่ก็โทรไม่ติดผมเลยลองส่งข้อความไปถาม พี่คริสว่า เมื่อคืนชานยอลกลับไปที่ห้องใช่มั๊ย
พี่คริสก็ตอบข้อความมาว่า ใช่ผมเลยสบายใจ นึกว่ามันจะไปเมาหัวทิ่มที่ไหนไม่ยอมกลับห้อง
‘เซฮุน มึง เลิกเรียนแล้วมึงจะไปเที่ยวไหนวะ’ จงอินเพื่อนสนิทในคณะของผมถามขึ้นระหว่าง
คาบเรียนสุดท้ายของวัน
‘ไม่มีแพลนว่ะ ว่าแต่มึงอ่ะ ไปเที่ยวไหน’ ผมพูดขึ้น ไอ้จงอินทำครุ่นคิดอยู่แป๊ปหนึ่งก็หัน
มาบอกกับผม
‘ไปร้านเหล้ากัน วันนี้กูอยากแดกเหล้า อิอิ’ มันพูดแล้วก็ขำ ผมตบหัวมันเบาๆไปทีหนึ่ง
ชีวิตก็มีกันแค่นี้แหล่ะคิดไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ไม่พ้นร้านเหล้า
พอเลิกเรียนเสร็จ ผมกับจงอินแล้วก้เพื่อนอีกสองสามคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่ห้องเพื่อ
เปลี่ยนเสื้อผ้านัดกันดิบดีว่าประมาณ ทุ่มนึงให้ไปเจอกันที่ร้านเหล้าวึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอผมนัก
ร้านเหล้าแห่งนี้เป็นร้านใหญ่ เด็กในมหาลัยใครๆก็ชอบมากินร้านนี้ คนเลยค่อนข้างเยอะ
แต่จงอินมันรู้จักเจ้าของร้านพวกผมเลยไม่ต้องห่วงเรื่องหาโต๊ะนั่งให้เมื่อตุ้ม
‘เฮ้ยๆ ไอ้เซฮุน ทางนี้ๆ’ ผมหันไปมองทางเสียงเรียกก็เจอกับกลุ่มเพื่อน และไอ้จงอินโบกมือหยอยๆอยู่
วันนี้คนเยอะมาก เพื่อนที่มานั่งที่โต๊ะก็เยอะมากเช่นกัน ผมทักทายเพื่อนๆทุกคนเล็กน้อย
ก่อนจะนั่งลงข้างๆจงอินพวกเรากินเหล้าและพูดคุยเฮฮาเสียงดังกันไปซักพัก
ผมก็ได้ยินว่ามีใครบางคนมาเรียกอยู่ข้างหลัง
‘อ้าวเทา’ พอผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็น เทา ที่ยืนอยู่ ผมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเค้าที่นี่
เพราะไม่เห็นว่าเค้าจะโทรมาบอกผมเลย
‘เฮ้ย พวกมึงขอตัวแป๊ปนะ’ ผมลุกขึ้นออกจากโต๊ะ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ
เพราะพวกมันก็รู้ดีว่าเทาเนี่ยแหล่ะที่มาจีบผมอยู่
‘ทำไมมาที่นี่ไม่บอกเลยล่ะ’ ผมกับเทาเดินออกมาจากร้านเหล้า เพื่อมาหามุมเงียบๆคุยกันสองคน
ก็ในร้านเหล้ามันเสียงดังน่ะ ผมไม่ได้คิดอกุศลอะไรทั้งสิ้นนะ
‘ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะมาหรอก อยู่ดีๆเพื่อนมันก็ลากมา ดีใจนะที่ได้เจอนายน่ะ’
เทายื่นมือมาเกลี่ยผมหน้าม้าของผมออกแบบเบาๆ เทาเป็นผู้ชายที่หล่อเข้มแต่ว่าอ่อนโยนมาก
ผมเองก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะถึงผมจะยังไม่ได้รักเทาแบบที่รักชานยอล
แต่เทาก็เป็นคนที่ผมรู้สึกดีด้วยในระดับหนึ่ง
ผมกับเทายืนคุยกันซักพัก ผมก็ขอตัวกลับไปหาเพื่อน พวกมันก็โห่กันอีกและ
ตะโกนใหญ่เลยว่าผมจะมีแฟนกับเค้าแล้วผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมก็สังเกตเห็นว่า
ในวงเหล้ามีคนเพิ่มมาอีก คือ พี่คริสกับรุ่นพี่ในคณะผมอีกสองสามคนและชานยอล
ที่นั่งคิ้วขมวดก้มหน้าก้มตากินเหล้าไม่สนใจใครเลย ผมพยายามจ้องชานยอลอยู่นานสองนาน
มันเองก็เงยหน้าขึ้นมาบ้าง แต่พอมันเห็นผมจ้องมันอยู่ มันก็หลบสายตาผม
มันหันไปคุยกับพี่คริสบ้างเป็นครั้งคราวแต่มันไม่สนใจผมเลย
ไม่สนใจเลยจริงๆ ทั้งๆที่ปกติถ้ามันเจอหน้าผมมันจะรีบปรี่เข้ามาคุยด้วย แต่นี่มันเป็นอะไรไป
ทำไมมันถึงหลบตาผมผมไม่เข้าใจ
‘พี่คริส เรากลับกันเหอะ’ ชานยอลลุกขึ้นแล้วชวนพี่คริสกลับ แต่พี่คริสที่กำลังคุยเพลิน
ไม่ยอมกลับด้วย
‘ชวนเซฮุนกลับสิ ชานยอล พี่ยังไม่อยากกลับ’ พี่คริสชี้นิ้วมาทางผม ส่วนชานยอลก้ได้แต่
เหล่หางตามาทางผมแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะเหล้าไป
อะไรของมันวะ
ผมรีบลุกออกจากโต๊ะแล้ววิ่งไปหามันที่กำลังเดินออกจากร้านเหล้า พยายามดึงตัวมันไว้
ให้หันมาคุยกันก่อนชานยอลไม่เคยทำกับผมแบบนี้เลย แม้แต่ตอนที่ผมทะเลาะกับมัน
มันก็ไม่หนีผมแบบนี้เราจะตั้งหน้าตั้งตาตะโกนใส่กันจนกว่าจะพอใจ
แต่มันไม่เคยเลย ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะนิ่งเฉยใส่ผมแบบนี้
‘มึงเป็นเชี่ยไรวะ ชานยอล ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ’ ผมดึงมือชานยอลเอาไว้ ก่อนที่มันจะเดิน
ไปเรียกแท็กซี่กลับหอมันหันมามองหน้าผม สายตาขวางๆ
บ่งบอกควาไม่พอใจอะไรซักอย่างภายในตัวผม
‘กูว่ามึงกลับไปหาคนของมึงเหอะ’ ชานยอลพูดเหวี่ยงๆ พยายามสะบัดมือผมออก แต่ผมไม่ปล่อย
‘ใครวะ คนของกู มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย’
‘ก็คนที่มาจีบมึงไง ไอ้เทาอะไรนั่นน่ะ เมื่อกี้ยังเห็นคืนคุยกระหนุงกระหนิงอยู่เลยนี่’
ชานยอลเบะปากผมพยายามคิดว่า ผมไปยืนคุยกระหนุงกระหนิงกับเทาตอนไหน
แล้วผมก็นึกอ๋อในใจต้องเป็นเมื่อกี้ที่ผมออกมาคุยกับเทานอกร้านเหล้าแน่ๆ
‘กระหนุงกระหนิงอะไรล่ะ ไม่มีอะไรเลย ก็แค่คุย’ ผมพยายามอธิบาย แต่ชานยอลเบือนหน้า
ไปทางอื่นมันทำตัวอย่างกะกำลังหึงผมอย่างนั้นแหล่ะ
‘ปล่อยกูเหอะ กูจะกลับ’ ชานยอลพูดเสียงเย็น
‘เดี๋ยวกูไปด้วย’ ผมพูดทำท่าจะเดินไปขึ้นรถแท็กซี่กับมัน แต่มันใช้มืออีกข้างแกะมือของผมออก
สายตาของชานยอลที่มองมานั้น ผมล่ะเกลียดจริงๆ
‘มึงรอกลับกะไอ้เทานั่นเหอะ กูกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกะกู’ ชานยอลเดินผ่านผมไป
ส่วนผมได้แต่ก้มหน้าพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ อะไรทำให้มันเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
แล้วทำไมมันต้องพุดกับผมแบบนี้ด้วยผมไม่เข้าใจเลยนะ ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
.
.
.
ผมเดินกลับเข้าไปในร้านเหล้า เพราะยังไม่อยากกลับหอ ยิ่งชานยอลพุดแบบนั้นอีก
ผมล่ะอยากจะเมาให้โลกลืมแต่เมื่อผมเดินเข้ามาในร้านเหล้า
ก็เห็นภาพอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมโคตรโมโห
ภาพของพี่คริสกำลังนัวกับสาวคนหนึ่งที่โต๊ะเหล้าอีกโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบไล้ไป
ตามสัดส่วนของสาวคนนั้นอย่างเคลิบเคลิ้มผมล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าพี่คริสจะเป็นคนแบบนี้
พี่คริสเป็นแฟนชานยอลนะ
ผมพอจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้วจากเพื่อนในคณะ ว่าพวกมันเห็นพี่คริสควงสาวไปร้านเหล้าหรือ
ไม่ก็ผับอยู่บ่อยๆแต่ผมยังไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง ผมเลยยังไม่มั่นใจ จนเมื่อวานไอ้ชานยอล
มาคุยกับผมว่าได้ข่าวว่าพี่คริสไปมีคนใหม่ผมเลยเริ่มเชื่อมากขึ้น จนมาวันนี้ผมได้เห็นกับ
ตาตัวเองผมถึงได้เชื่อสนิทใจทั้งๆที่ชานยอลก็เพิ่งกลับไปได้ไม่นาน พี่คริสก็รีบนัวกับสาวใหม่ทันที
ทำแบบนี้ชานยอลจะรู้สึกยังไง
ไอ้เลว ...
ผมวิ่งเข้าไปถีบโต๊ะเหล้านั้นจนของกระจายเต็มพื้น พี่คริสผละตัวออกจากสาวคนนั้นแล้ว
หันมามองหน้าผมด้วยความงุนงงผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น
แต่ที่รู้ๆในตอนนั้นคือ ไม่ว่าพี่คริสจะเมาจนขาดสติขนาดไหนพี่คริสก็ทำแบบนี้ไม่ได้
นี่มันทำร้ายจิตใจชานยอลเกินไป
‘นี่มึงเป็นอะไรเนี่ย ไอ้เซฮุน’ พี่คริสถามผม ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งเข้าไปกอดเอวพี่คริสไว้
ผมเห็นแล้วอยากจะเข้าไปจิกผมออกมาตบซักที
‘ก็แล้วพี่คริสทำอะไรอยู่ล่ะ’ ผมถามออกไป ความโกรธในตัวค่อยๆทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
‘กูทำอะไร ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่’ พี่คริสใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ทำหน้ากวนส้นเท้าประมาณว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด
‘ก็พี่คริสไปนัวกับอีนั่น’ ผมชี้หน้าไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่พี่คริสกลับยักไหล่ไม่ใส่ใจ
‘มึงอย่ามายุ่งกับเรื่องของกูนะ ไอ้เซฮุน กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู’
‘แต่พี่คริสมีแฟนแล้ว พี่คริสเป็นแฟนชานยอล พี่คริสจะมาทำเลวๆแบบนี้กับเพื่อนผมไม่ได้’ ผมตะโกนออกไปท่ามกลางสายตาคนอีกเป็นสิบในร้านเหล้า ที่กำลังยืนจ้องผมกับพี่คริส
ปะทะอารมณ์กันเดือด เพราะพี่คริสเป็นคนดังของมหาลัย
ใครๆก็รู้จักและสนใจ ส่งผลให้ผมเป็นที่รู้จักใน ฐานะของน้องรหัสคนดังเช่นกัน
‘แล้วยังไง มึงจะทำอะไรได้ เซฮุน’ พี่คริสยิ้มเยาะ ‘มึงอย่าคริสว่ากูไม่รู้นะ ว่ามึงแอบชอบชานยอลอยู่
สมใจมึงแล้วสิถ้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกชานยอล แล้วทำให้กูเลิกกับชานยอลได้น่ะ’
ผมกับพี่คริสยืนจ้องหน้ากันนิ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่คริสรู้ได้ยังไง แต่ผมเองไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก
เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดีคือ ชานยอลรักพี่คริสเท่านั้น
‘ใช่ ผมรักชานยอล แต่ผมไม่เคยอยากให้พี่คริสเลิกกับชานยอล ผมรู้ดีว่าชานยอลรักพี่คริสมาก
แล้วพี่คริสไม่รักชานยอลเหรอ ถ้าไม่รักชานยอลจริง แล้วมาจีบเพื่อนผมทำห่าอะไร’
ผมพูดออกไปด้วยความโมโหหน้ามืดตามัวด้วยความเป็นห่วงชานยอลสุดชีวิต
‘ไอ้เซฮุน มึงเป็นน้องรหัสกูนะ มึงพูดแบบนี้กับกูได้ยังไง’ พี่คริสทำท่าจะเดินเข้ามาต่อยผม
ผมเองก็ทำท่าจะเดินเข้าไปต่อยพี่คริสเหมือนกัน ถึงพี่คริสจะสูงกว่าผม ตัวใหญ่กว่าผม
ผมก็ไม่กลัวเลยแต่เพื่อนๆของผมก็ช่วยกันเข้ามาห้ามไว้ จงอินพยายามดึงตัวผมไว้สุดชีวิต
ปากก็พร่ำบอกว่า อย่าต่อยกันเลยนั่นพี่รหัสมึงนะ รุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนพี่คริสก็พยายามห้ามพี่คริสเช่นกัน
แต่ตอนนั้นผมไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น ตอนนั้นผมคิดได้แค่ว่า ถ้าวันนี้ เดี๋ยวนี้
ผมไม่ได้เอาเลือดในหัวพี่คริสออกมา ผมคงจะขาดใจตาย
ผมสะบัดตัวหลุดจากมือเพื่อนๆ แล้วรีบปรี่เข้าไปตั้นหน้าพี่คริสอย่างแรงทีหนึ่ง
พี่คริสเองก็สะบัดตัวหลุดออกมาเช่นกันพี่คริสผลักผมล้มลงกับพื้นอย่างแรง
แล้วเข้ามาต่อยหน้าผมอีกที จนผมรู้สึกชาไปทั้งหน้าเพื่อนๆที่อยู่ห้อมล้อมรีบเข้ามาดึงตัวพี่คริสออกไป
ส่วนผมก็พยายามลุกขึ้นมาจะเข้าไปสวนหมัดอีกซักทีแต่ไอ้จงอินกับเพื่อนอีกหลายคน
ก็รีบมาลากตัวผมออกจากร้านเหล้าไป
‘ปล่อยกู ไอ้จงอินมึงปล่อย’ ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากจงอินและเพื่อนอีกสองสามคนที่ลากตัวผม
ออกมาจากร้านเหล้า แต่ก็ดิ้นไมหลุด ไอ้จงอินล็อกคอผมไว้แน่นมากจนผมเกือบคิดไปว่า
มันกำลังจะฆ่าผม
‘ไอ้เซฮุน มึงหยุดดิ้นเถอะ มึงไปมีเรื่องกับพี่คริสทำไม นั่นพี่รหัสมึงนะ’
‘ก็ดูแม่มทำดิ ไปนัวกับผู้หญิงคนไหนไม่รู้ ถ้าชานยอลรู้ล่ะจะเป็นยังไง’ ผมเถียงไอ้จงอินกลับ
‘ก่อนมึงจะห่วงชานยอลอ่ะ มึงห่วงตัวเองก่อนเหอะ ไป กลับหอ เดี๋ยวกูไปส่ง’
จงอินลากคอผมไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าร้านเหล้า ระหว่างทางผมได้แต่นั่งเงียบ
อาการชาที่ใบหน้าและรสชาติหวานปะแล่มที่ลิ้นก็คงยังไม่จางหายไป
ในหัวได้แต่นึกถึงชานยอลว่าตอนนี้จะเป็นยังไง ผมรู้ว่าอีกไม่นานเค้าก็ต้องรู้เรื่อง
ที่ผมชกต่อยกับพี่คริสเมื่อกี้และเค้าก็คงจะหัวเสียอยู่ไม่น้อย
สิ่งเดียวที่ผมหวังในตอนนี้คือ ขอให้ชานยอลไม่โกรธผม แต่ในใจผมเองก็รู้ดีว่า
ต่อจากนี้ระหว่างผมกับชานยอลคงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์ที่ร้านเหล้าผมก็ไม่ได้ไปมหาลัยอีกเลยหลายวัน จงอินบอกให้ผมนอน
อยู่กับห้องรักษาตัวไปจะดีที่สุดมันพาผมไปหมอมาด้วย หมอก็ให้ยามากินแล้วบอก
ว่านอนพักผ่อนอย่าให้ไปโดนอะไรอีกก็ไม่เป็นอะไรมากเพื่อนที่มหาลัยอีกหลายคนแวะเวียน
มาเยี่ยมผมที่ห้องไม่ขาดสาย ส่วนมากก็มานั่งคุยแล้วก็กลับเทาเองก็มาเยี่ยมผมทุกวัน
หาของกินมาให้ โทรศัพท์และส่งข้อความมาบ่อยมาก ผมเองก็ขอบคุณในความมีน้ำใจของเค้า
ส่วนคนที่ผมอยากเจอที่สุดกลับไม่มาหาผมเลย ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือโทรศัพท์มาซักสายก็ยังไม่มี
ส่วนผมก็ได้แต่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ แต่ไม่กล้ากดโทรออก ในใจก็ได้แต่กลัว กลัวว่ามันจะไม่รับ
กลัวว่ามันจะไม่พูดด้วย
-ก๊อกๆ-
ตอนประมาณห้าทุ่มมีคนมาเคาะประตูห้องผมรัวๆหลายที ตอนแรกผมก็นึกว่าจะเป็นไอ้จงอิน
เอาเสบียงมาส่งความเป็นจริงก็ไม่ต้องทำแล้วก็ได้ ในเมื่อพรุ่งนี้ผมจะไปกลับไปเรียนแล้ว
แต่เมื่อผมเดินไปเปิดประตู กลับไม่ใช่ จงอิน
แต่เป็น ชานยอล
ผมนิ่งไปซักพักเมื่อเห็นว่าเป็นชานยอล ชานยอลเองก็เงียบที่เห็นหน้าผม เราจ้องหน้ากันนิ่ง
ต่างฝ่ายต่างอึกอักที่จะพูดจนผมต้องเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน พยายามปรับสีหน้าท่าทางให้ดูเป็นปกติที่สุด
‘ไงมึง ทะเลาะกับพี่คริสอีกแล้วเหรอ’ ผมถามออกไปด้วยไม่รู้ว่าจะทักว่าอะไร
เพราะทุกครั้งที่มันมาห้องผมผมก็ทักแบบนี้จนกลายเป็นเครื่องตอบรับอัตโนมัติไปแล้ว
ชานยอลพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็เดินเข้ามาในห้องผม มันเดินไปนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องแบบ
ที่ทำประจำผมก็เดินไปหยิบแก้วมาสองใบเพราะคิดว่าไอ้ชานยอลคงซื้อเหล้ามา
แต่พอผมเดินมาที่โต๊ะ กลับไม่พบเหล้า โซดา หรือน้ำแข็งวางอยู่แถวนั้นเลย
‘อ้าว เหล้าล่ะ’ ผมถามชานยอล
‘หึ ไม่ได้ซื้อมา’ ชานยอลส่ายหน้ารัวๆ ‘กุไม่ได้อยากมาเมา’ ชานยอลนั่งก้มหน้า
ผมหยิบอาโค้กในตู้เย็นออกมา2 ขวดแล้วมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมัน
ต่างฝ่ายก็ต่างไม่พูดอะไรไปซักพักผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรกับมันเพราะยังเดาใจมันไม่ถูก
จนมันเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดขึ้นก่อน
‘ที่มึงโดนพี่คริสต่อย เป็นไงบ้าง’
‘ไม่เป็นอะไรแล้วแหล่ะ หายแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้ว แล้วพี่คริสอ่ะ เป็นไงบ้าง’ ผมถามกลับ
ยังไงมันก็พี่รหัสผม ผมก็แอบเป็นห่วงมันบ้าง แต่ยังไม่ได้โทรหามันแค่นั้นเอง
เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันหนักกว่าเดิม
‘ไม่รู้ดิ กูไม่ได้เจอหน้าพี่เค้าเลย’
‘อ้าว แล้วมึงโทรหาพี่เค้ามั๊ย’ ผมถามชานยอล สีหน้าชานยอลดูเคร่งเครียดเล็กน้อย
แต่ครั้งนี้เค้าไม่ได้ร้องไห้มา
‘ไม่อ่ะ ปล่อยเค้าไปเหอะ กูเบื่อ’ ชานยอลตอบปัดๆ
‘แล้ววันที่กูมีเรื่องกับพี่คริส มึงได้ข่าวมาว่ายังไงบ้าง’ ผมถามชานยอลต่อ
‘ก็...’ ชานยอลดูลังเลเล็กน้อยที่จะตอบ ‘ก็เพื่อนมึงเล่าให้กูฟังว่า มึงเห็นว่าพี่คริสกำลังนัวกับผู้หญิง
ที่ไหนไม่รู้มึงเลยโกรธพี่คริส’ ชานยอลหันมาจ้องหน้าผม แววตาดูเป็นห่วงเป็นใย
‘กูขอบคุณมากนะ มึงเป็นห่วงกูมากขนาดนั้น แล้วกูก็ ขอโทษมึงด้วย ที่ร้านเหล้าวันนั้น
ที่กูพูดไม่ดีกับมึง’
‘ไม่เป็นไรหรอกมึง’ ผมยิ้ม ‘มึงอย่าลืมนะว่ามึงเป็นเพื่อนกู’ผมยกมือขึ้นแตะไหล่มันเบาๆ
รู้สึกโล่งใจที่มันเข้าใจผมแต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างชานยอล
กับพี่คริสเป็นยังไงบ้าง
‘แล้วมึงกับพี่คริส...’
‘กูเลิกกับเค้าแล้ว’ ชานยอลพูดขึ้นก่อนที่ผมจะถามจบประโยค ผมถึงกับพูดไม่ออกกับคำตอบนั้น
‘อะไรนะ มึงเลิกกับพี่คริสแล้ว เลิกกันเพราะอะไร มึงเลิกกับเค้าได้ยังไง’
‘ก็เค้านอกใจกู มึงคิดว่ากูจะทนคบกับเค้าต่อไปเหรอ’ ชานยอลตอบเหวี่ยงๆ
สีหน้าดูเคร่งเครียดมากขึ้นเมื่อต้องตอบคำถามนี้ผมว่าคงมีหลายคนที่ถามชานยอลเหมือนกับผม
แล้วมันก็คงเบื่อที่จะตอบแล้ว
‘แล้วมึงเป็นไงบ้าง มึงไม่เสียใจเหรอ’ ผมถามต่อด้วยความเป็นห่วง
‘หึ มันเลยคำว่าเสียใจมานานแล้วแหล่ะ กูเสียน้ำตามาพอแล้ว กูควรจะเลิกกับเค้าได้
ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำไป’ ชานยอลพูดอย่างไม่ใส่ใจ เค้ายกขวดเป๊ปซี่ขึ้นมาซดต่างเหล้าหลายอึก
ผมว่าความเป็นจริงแล้วถ้าอยากจะนั่งระบายความในใจกันไม่จำเป็นต้องมีเหล้าเข้ามาเป็น
ส่วนร่วมด้วยเสมอไป
-rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr-
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมมองไปที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็น เทาที่โทรมา ผมกดรับสายอย่างไม่รีรอ
‘ว่าไงเทา’ ผมพูดทักไป และเทาก็ถามผมแบบที่เคยถามอยู่ทุกวันคือเป็นยังไงบ้าง ผมนั่งคุยกับเทา
ไปซักพัก จนเมื่อได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะจากคนที่นั่งข้างๆนั่นแหล่ะ ผมเลยบอกลาเทาแล้ววางสายไป
ผมหันมาหาชานยอล มันนั่งจ้องหน้าผมด้วยความไม่พอใจไม่ต้องบอกกรู้ว่ากำลังหงุดหงิด
อะไรบางอย่าง นี่มันเป็นอะไรไปอีกแล้ว เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย
‘มึงจ้องหน้ากูแบบนี้อีกและ มึงเป็นไรเนี่ย’ ผมถามมัน แต่มันส่ายหน้า หันไปยกขวดเป๊ปซี่
ขึ้นมาซดอีกรอบ
‘มึงโกรธอะไรกู มึงบอกมาเหอะ’ ผมพูดซ้ำ
‘มึงรู้ได้ไงว่ากูโกรธ’
‘โอ๊ย กูกับมึง เป็นเพื่อนกันมานานขนาดไหนแล้ว แค่มองตามึงกูก็รู้แล้วว่ามึงคิดอะไรอยู่’
ผมตอบมันส่วนมันก็ได้แต่แค่นยิ้ม แววตาแห่งความหงุดหงิดยังไม่จางหายไป
‘แล้วเมื่อกี้มันคุยกับใคร หน้าตาดูมีความสุข’ มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ผมงงเล็กน้อยแต่
ก็ตอบมันไปตรงๆ
‘ก็ เทา ไง มึงจำได้ใช่มั๊ย’
‘หึ มึงเป็นแฟนกับมันแล้วเหรอ’
‘โอ๊ย ยังหรอก’ ผมส่ายหน้า ‘ก็แค่คุยกันเฉยๆ ยังไม่มีอะไรคืบหน้า’
‘จริงอ่ะ’
‘จริงดิ’
‘แน่ใจนะ’ มันถามซ้ำ จนผมนึกรำคาญ
‘เออ จริงดิ นี่มึงจะถามเซ้าซี้ไปทำไม’ ผมหันไปทำหน้าดุใส่มัน จะถามอะไรกันนักกันหนา
โดยเฉพาะเรื่องเทาเนี่ยผมสังเกตหลายรอบแล้วว่า มันชอบหงุดหงิดใส่ผมเรื่องนี้
‘ก็ถามดูให้แน่ใจเฉยๆ’ มันยักไหล่ ส่วนผมก็หันไปยกขวดเป๊ปซี่ขึ้นมาซดบ้าง
‘เซฮุน กูขอไรอย่างดิ’ เงียบไปได้แป๊ปเดียวมันก็หันมาถามผมต่อ
‘จะขออะไรอ่ะ’
‘มึงสัญญากับกูก่อนดิ ว่ามึงจะทำเพื่อกู’ มันเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผม ใช้มือต้นเกาะแขนผมแล้ว
เขย่าเล็กน้อยเหมือนเด็กกำลังอ้อนขอขนม
‘มึงก็บอกกูมาก่อนดิ ว่าจะเอาอะไร’
‘มึงสัญญาก่อนดิ’
‘อ้าว ไอ้นี่’ ผมหันไปจ้องหน้ามัน และด้วยเพราะเป็นมันเนี่ยแหล่ะ ที่ทำให้ผมใจอ่อนทุกครั้ง
ไม่ว่ามันอยากได้อะไรผมก็ทำให้มันได้ทุกครั้ง
‘เออๆ ก็ได้ มึงจะเอาอะไรอ่ะ’
‘มึงอย่ามีแฟนเลยนะ’
‘อะไรนะ’ ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้งเพื่อดูว่ามันพูดเล่นหรือเปล่า
‘มึงว่าอะไรนะ พูดอีกทีดิ๊’
‘กูไม่อยากให้มึงมีแฟน’ ชานยอลเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก หน้าตามันดูจริงจังมากจนผมเชื่อ
สนิทใจว่ามันต้องการอย่างที่พูดจริงๆ
TBC.
ความคิดเห็น