ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] The best I can do for you [Chanhun] [End]

    ลำดับตอนที่ #1 : ::: Part 1 :::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      5
      14 ธ.ค. 55


    'เทลาะกันมาอีกแล้วเหรอ' ผมเปิดประตูต้อนรับแขกขาประจำของห้องหมายเลข 18

    ซึ่งเป็นเลขห้องหอพักนักศึกษาที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักของผมเอง ตอนนี้ก็เป็นเวลา

    ตีสองกว่าแล้ว ไม่มีคนบ้าที่ไหนเค้ามาหาเพื่อนกันเวลานี้หรอก นอกเสียจากจะมี

    เรื่องอะไรเร่งด่วนมากๆจริงๆ
     

    ใบหน้าแดงก่ำกับดวงตาที่บวมเป่ง ไหนจะกลิ่นเหล้าที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งนั้นอีก

    ไม่ต้องเอ่ยปากถามเรื่องราวอะไรให้มากความก็รู้ได้เลยว่า ปาร์คชานยอล

    เทลาะกับพี่คริส รุ่นพี่ปี 4 พี่รหัสของผมเอง แล้วผมเนี่ยแหล่ะ

    ที่เป็นคนแนะนำให้พวกเค้าทั้งสองคนรู้จักกัน แต่ถ้าผมรู้ว่าสองคนนี้จะ

    เทลาะกันบ่อยขนาดนี้แล้วล่ะก็ ผมไม่มีทางแนะนำให้รู้จักกันเป็นอันขาด

    เพราะนอกจากจะทำให้ทั้งสองเจ็บปวดแล้ว มันยังกระทบมาถึงตัวผมด้วย
     

    อย่างแรกเลยคือ ผมสนิทกับคนทั้งคู่ เวลามีเรื่องอะไรก็ชอบมาระบายกับผม

    หนักเข้าหน่อยก็ฝากให้ผมไปคุยหรือไปง้อให้ด้วย ตอนช่วงที่จีบกันใหม่ๆ

    ก็มีผมเนี่ยแหล่ะคอยทำตัวเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเชื่อมความสัมพันธ์อันดีเข้าด้วยกัน

    จนกระทั่งเมื่อทั้งสองคนตกลงคบเป็นแฟนกัน ผมก็ได้อยู่ในเหตุการณ์อีกนั่นแหล่ะ

    แต่พอคบกันจริงๆแล้ว ผมก็รู้สึกว่าพวกเค้ารักกันมากนะ รักกันมากๆ

    เพียงแต่ว่า บางทีก็อาจจะอารมณ์รุนแรงใส่กันมากไปหน่อย เพื่อนผมมันก็ตรงๆแรงๆ

    ออกแนวจู้จี้ๆเล็กน้อย ส่วนพี่คริส พี่รหัสผมก็เป็นคนอารมณ์ร้อนแล้วก็พูดตรง

    แถมบางทีก็ขี้หงุดหงิดง่าย พออารมณ์แรงใส่กันมากๆ ก็บานปลายใหญ่โต

    กลายเป็นการมีปากเสียง จนสุดท้ายก็เทลาะกัน ถ้าไม่พี่คริสไปเมาปลิ้น ก็ต้องเป็น

    ไอ้ชานยอลเนี่ยแหล่ะที่เมา พอเมาก็จะซมซานมาหาผมที่ห้อง (นี่คงเป็นข้อเสีย

    ของการมีหออยู่ใกล้ๆร้านเหล้านะ) ส่วนไอ้พี่คริสนั่นก็ บางทีก็มาห้องผมบ้าง

    บางทีก็ไปห้องเพื่อนบ้าง ไม่ก็เมาอยู่ที่ห้องตัวเอง หรือถ้าอารมณ์เสียแบบสุดๆ

    ก็คว้ากุญแจรถซิ่งออกนอกเมืองไปไกลสุดลูกหูลูกตา และทุกครั้งก็เป็นผมเนี่ยแหล่ะ

    ที่คอยเป็นตัวประสานรอยร้าวของทั้งคู่ พอบทกลับมาดีกันก็รักกันดูดดื่ม หวานหยด

    ไม่ค่อยจะเห็นหัวผมเท่าไหร่หรอก
     

    อย่างที่สองคือ ผมเป็นเพื่อนที่สนิทกับ ชานยอลที่สุดแล้ว และเป็นคนที่

    อยู่กับชานยอลมาค่อนอายุปัจจุบัน ผมรู้จักกับชานยอลตั้งแต่อยู่ มัธยมต้น

    แทบบ้านยังอยู่ใกล้ๆกัน เลยกลับบ้านทางเดียวกันทุกวันเลย มัธยมปลาย

    ก็เลือกเรียน สายศิลป์เหมือนกันอีก พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้มหาวิทยาลัยที่เดียวกันอีก

    เพียงแต่คนละคณะ แต่ก็ต้องย้ายมาอยู่หอด้วยกัน ตอนแรกก็อยู่ด้วยกันมาตลอด

    แต่พอชานยอลเป็นแฟนพี่คริส ชานยอลก็ย้ายหอออกไปอยู่หอเดียวกับพี่คริส

    ทิ้งผมให้อยู่คนเดียว ซึ่งผมก็เข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร

     

    'ทำไมพี่คริสไม่เข้าใจกูเลย พี่คริสไม่เคยเข้าใจกู' ชานยอลที่แม้ก่อนหน้านี้จะ

    กินเหล้าเข้าไปมากพอควรแล้วก็ยังไม่วาย หิ้วขวดเหล้ามาก๊งที่ห้องผมต่ออีก

    ผมก็เลยต้องจำใจดื่มไปกับมันอีก ปากก็เฝ้าพร่ำบ่นระบายความในใจออกมา

    ไม่ขาดสายถึงความน้อยใจที่มีต่อพี่คริส ส่วนผมก็ได้แต่ พยักหน้า แล้วก็บอกว่า
     

    'กูเข้าใจ'
     

    'เออ กูเข้าใจ'
     

    'เอาน่า กูเข้าใจมึงนะ'
     

    ราวกับเครื่องตอบรับอัตโนมัติ แต่ผมตอบแค่นี้จริงๆ ผมไม่ขัดอะไรเค้าซักคำ

    ผมปล่อยให้เค้าพูดให้พอ จนฟุบลงไปเอง แล้วก็เป็นผมเองเนี่ยแหล่ะ

    ที่คอยดูแลชานยอลต่อ ทั้งถอดเสื้อผ้าให้ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว เสมือนเป็น

    พี่เลี้ยงจำเป็นคอยดูแลทุกสิ่งอย่างแล้วจึงเข้านอน ซึ่งบางทีผมก็มีเรียนตอนเช้านะ

    แต่ก็พยายามถ่างตาตัวเองเอา หรือวันไหนง่วงมากๆก็ไม่ไป ก็รอจนกว่าไอ้ชานยอล

    มันจะตื่นขึ้นมาแล้วค่อยพามันกลับไปส่งหอมันนั่นแหล่ะ
     

    บางคนสงสัยว่าทำไมผมถึงได้ทำให้ชานยอลได้มากขนาดนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้

    สักปีก่อนๆผมก็คงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่พอผมได้เห็นว่า ชานยอล

    ตอบตกลงเป็นแฟนพี่คริสไปนั่นแหล่ะ หัวใจผมมันก็เจ็บแปลบขึ้นมาซะงั้น

    อาการแบบนี้ฟ้องออกมาชัดเจนว่า ผมชอบชานยอล แต่ผมไม่เคยรู้ใจตัวเอง

    แต่ไหนแต่ไรผมอยู่กับชานยอลมาตลอด คอยดูแลอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะบ่น

    เรียกได้ว่าผมเป็นคนที่รู้ใจชานยอลดีที่สุด ชานยอลเองก็ติดผม

    ถ้าจะไปไหนก็ต้องลากผมไปด้วย เราเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญของกันและกัน

    เวลาเราจะไปไหนเราจะตัวติดกันเสมอ ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปห้าง ไปเดินตลาดนัด

    ไปหาอะไรกินตอนเย็น หรือแม้จะไป โรงพยาบาล ก็ช่วยดูแลกันเสมอ

    แล้วพอชานยอลเป็นแฟนกับพี่คริส เค้าก็เริ่มห่างผมไป แต่ผมไม่โทษใคร

    แล้วก็ไม่นึกอิจฉาพี่คริสด้วย เพราะผมรู้ดีว่าสำหรับชานยอล ผมเป็นได้แค่เพียงเพื่อน

    เพื่อนที่แสนดีที่สุดของชานยอล เป็นคนที่ชานยอลไว้ใจ และไม่มีวันคิดเป็นอื่น

    'เซฮุน กูถามอะไรอย่าง' ชานยอลที่เพิ่งกระดกเหล้าเข้าปากไปอีกแก้ว เอ่ยปากถามขึ้น

    ผมวางแก้วเหล้าของตัวเองลง มองหน้าชานยอลด้วยความแปลกใจ ปกติมันในช่วงเวลาแบบนี้

    มันไม่เคยปริปากถามอะไรผมเลย เพราะมันจะเอาแต่พูดๆอย่างเดียว ส่วนผมก็มีหน้าที่แค่ฟังอย่างเดียว

    แต่วันนี้มันมาแปลก อยู่ดีๆก็จะมาตั้งคำถามกับผม
     

    'อ่ะ มึงจะถามว่าอะไรล่ะ ก็ถามมาสิ'
     

    'มึงไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอวะ คือพอกูเห็นมึงอยู่คนเดียวแบบนี้แล้วกูก็เหงาแทน'ผมมองหน้ามัน

    ด้วยความแปลกใจกว่าเก่า ร้อยวันพันปีแม่งไม่เคยถามเรื่องพวกนี้กับผมเลย หรือว่าวันนี้

    มันจะดื่มหนักไปหน่อยวะ
     

    'ไม่รู้สิ กูก็โอเคของกูนะ ไม่ได้เหงาอะไร' ผมพูดปดให้ผู้ฟังสบายใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว

    ผมโคตรเหงา เหงาเพราะไม่มีมันนอนด้วยในห้องเนี่ยแหล่ะ ตอนแรกผมก็ไม่เคยคิดถึง

    เรื่องนี้มาก่อนเลย ว่าถ้าวันนึงผมกับชานยอลต้องแยกกันจะเป็นยังไง แต่พอถึงวัน

    ที่ช่วยชานยอลย้ายของไปที่หอพี่คริสเสร็จแล้วกลับมาที่ห้องที่ดูโล่งๆไปเท่านั้นแหล่ะ

    ห้ามไม่ได้เลยแต่จะใจหายกับภาพที่ปรากฏ ยิ่งพอตกกลางคืน มองไปตรงที่ชานยอล

    เคยนอนผมก็ยิ่งเหงา เหงาจนทำให้นอนไม่หลับไปหลายคืน ไม่สิ จะเรียกว่านอนไม่หลับ

    ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ต้องเรียกว่านอนร้องไห้ไปหลายคืนต่างหาก
     

    'จริงเหรอ มึงไม่เหงาจริงๆเหรอ กูขอโทษนะมึง เซฮุน กู ...' ชานยอลก้มหน้าลงต่ำ

    จมูกแดงก่ำ เริ่มหายใจฟึดฟัด ซึ่งผมมองแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่ามันกำลังร้องไห้

    ผมรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เพราะชานยอลไม่เคยร้องไห้เพราะผมมาก่อน

    คือหมายถึงว่า ส่วนมากก็จะร้องไห้เพราะเรื่องพี่คริสน่ะ แต่ครั้งนี้อยู่ดีๆมันก็พูด

    ขอโทษแล้วก็ร้องไห้ นี่มันหมายความว่ายังไง
     

    'มึงจะขอโทษกูทำไม มึงทำอะไรผิด' ผมเขยิบตัวเข้าไปนั่งข้างๆแล้วยกมือ

    ขึ้นตบไหล่มันเบาๆ ปลอบใจว่าอย่าคิดมากเลย ผมไม่รู้หรอกว่า

    มันรู้สึกผิดด้วยเรื่องอะไร แต่ยังไงผมก็เข้าใจมันนั่นแหล่ะ ยังไงซะ

    เซฮุนคนนี้ก็จะเป็นคนที่เข้าใจชานยอบตลอดไป
     

    'กู ... กูไม่รู้ บางทีกูก็คิดว่ากูเห็นแก่ตัวเกินไป ช่วงนี้กูกับมึง

    จะได้เจอกันก็ตอนที่กูมีปัญหาเท่านั้น แล้วทุกครั้งที่กูมีปัญหา

    มึงก็เป็นคนที่ยืนข้างกูตลอด' ชานยอลน้ำตาไหลนองนา

    ผมค่อยๆบรรจงใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจาก ดวงตากลมโตของเพื่อนสนิท

    ดวงตาที่เซฮุนคุ้นชินมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายปี ดวงตาคู่ที่แต่ก่อน

    ผมจะจ้องมองยังไงก็ได้ จนกระทั่งวันนี้ผมได้สูญเสียมันไปแล้ว
     

    'ไม่เป็นไรหรอกมึง' ผมยิ้มให้ชานยอล 'กูเเข้าใจมึง'ผมหวังว่าผม

    จะสามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ แต่ผมก็พูดได้แค่นี้จริงๆ ผมทำอะไรไม่ได้

    นอกจากเข้าใจ เข้าใจว่า ชานยอลเป็นแฟนกับพี่คริส ชานยอลรักพี่คริส

    และพี่คริสก็รักชานยอลมาก ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะเทลาะกันรุนแรงไปบ้าง

    แต่ยังไงซะ พวกเขาก็รักกัน และผมคงไม่ใจร้ายพอที่จะ ยุยงให้ชานยอล

    เลิกกับพี่คริสเพื่อกลับมาหาผม ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะนั่น

    หมายความว่าผมได้ชานยอลกลับมาเพียงแต่ตัว แต่ไม่อาจได้หัวใจ

    ถ้าผมกับชานยอลจะสามารถเป็นเพียงได้เพื่อนกันเท่านั้น ผมก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

    ขอให้ผมได้อยู่ใกล้ๆกับชานยอลก็พอแล้ว เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ชานยอลจะไว้ใจมากที่สุดก็ยังดี

    แค่นั้นก็ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว
     

    'กูรักมึงนะเซฮุน ขอบคุณมึงมากจริงๆ สำหรับทุกอย่าง ขอบคุณนะมึง ขอบคุณจริงๆ'
     

    ชานยอลโน้มตัวลงเอาใบหน้ามาซบกับไหล่ของผม ส่วนผมก็ได้แค่ยิ้มบางๆ

    พลางใช้มือข้างเดียวกับที่ชานยอลซบอยู่นั้นขึ้นมาลูบหัวเค้าเบาๆ พอเวลาผ่านไปซักพัก

    เค้าก็หลับไปโดยใช้ไหล่ของผมต่างหมอน
     

    'กูรักมึง ชานยอล รักมาก รัก ...' ผมพูดเบาๆจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ผมก็พูดได้แค่นี้แหล่ะ

    พูดได้แค่ตอนที่มันหลับไปแล้ว ตอนที่มันไม่รู้ตัวว่าผมกำลังจะบอกอะไรกับมัน

    ผมหันไปมองหัวกลมๆที่อยู่บนไหล่ของผม ก่อนจะกดจูบลงไปบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม

    ที่ผมสุดแสนจะคิดถึงมานานแสนนาน น้ำใสๆเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของผมอย่างช่วยไม่ได้

     

    ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมเจ็บแค่ไหนที่ต้องเสียชานยอลไป ว่ามันอึดอัดเพียงไรที่

    ต้องทนเก็บความรู้สึกเอาไว้แบบนี้ แต่ถ้าการที่ผมจะเปิดเผยความในใจ

    แล้วต้องแลกกับการสูญเสียชานยอลตลอดไป ผมก็ยอมเก็บมันไว้แบบนี้จะดีกว่า
     

    - เช้าวันต่อมา -
     

    ผมปลุกชานยอลให้ตื่นแต่เช้า เพราะวันนั้นผมมีเรียนตอนเช้าแล้วก็ขาดไม่ได้ซะด้วย

    ก็เลยต้องรีบๆไล่ให้มันไปอาบน้ำแล้วก็กลับไปหาพี่คริสของมันซะ เพราะตอนที่มันหลับไปแล้ว

    พี่คริสก็โทรเข้ามาหามันพอดี แต่ว่ามันไม่รู้เพราะว่าผมรับให้ พี่คริสตั้งใจโทรมาเพื่อขอโทษนั่นแหล่ะ

    ผมก็เลยพูดกับพี่คริสไปว่า ตอนนี้ชานยอลหลับไปแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมจะบอกให้นะ พี่คริสก็ไม่ได้

    บอกอะไรเพิ่มนอกจากถามสารทุกข์สุกดิบของผมอีกสองสามคำถามแล้วก็วางสายไป

    หลังจากที่ผมจัดการส่งชานยอลกลับไปที่หอของมันเสร็จผมก็บึ่งไปเรียน เลิกอีกทีก็บ่ายโมงกว่าโน่นเลย

    พอผมเลิกเรียนก็เดินลงมาที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก พูดคุยกับเพื่อนหลังเลิกเรียนตามประสา
     

    'เซฮุน' มีใครบางคนเรียกผมจากข้างหลัง ซึ่งผมจำเสียงนี้ได้ดี มันคือเสียงของ พี่คริสพี่รหัสของผมเอง

    'อ้าว พี่คริส หวัดดีครับ' ผมหันไปยกมือไหว้พี่คริส พร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนที่เดินจุงมือมากับพี่คริส

    ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย คนๆนั้นก็คือชานยอล
     

    'เซฮุน มึงเลิกเรียนแล้วใช่ป๊ะ ปะ ไปหาอะไรกินกัน' ชานยอลกล่าวด้วยความร่าเริง

    ร่องรอยคราบน้ำตาของชานยอลนั้นหายไปแล้ว คงเหลือไว้เพียงแต่รอยยิ้มสดใสเท่านั้น

    ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตผมแล้ว
     

    ผมพยักหน้าตอบรับคำชวนของเพื่อนสนิทและพี่รหัส ก่อนจะเดินตามคนทั้งสองนั้นไป

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะขอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชานยอลตลอดไป

    ถึงแม้ว่าผมจะลืมเค้าไม่ได้เลยก็ตามที
     

    'เอ้า มึง รีบเดินเข้าสิ เดินชักช้า ระวังอดนะมึง' ชานยอลหันมาตะโกนเรียกผม

    ด้วยสีหน้ากวนๆ

     

    'เออ รู้แล้วน่า ไอ้ชานยอล'

     

    TBC.

     

    Talk : ตอนแรกเขียนไว้เป็น One shot สั้นๆ ไปๆมาๆ ทำใจไม่ได้ ขอเขียนต่อเถอะ ดูแล้วมันค้างๆ ฮาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×