ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] What you crying for ? [Luhan x Sehun]

    ลำดับตอนที่ #5 : [Part 5] Want you to be my baby

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 783
      0
      1 ธ.ค. 55





    'เหนื่อยมั๊ย' คำสองคำนี้จะดังขึ้นทันที เมื่อสิ้นสุดคำสั่งแยกย้ายของหัวหน้าวงโย เป็นอันคุ้นชินกันไปแล้วว่า
    ทุกวันหลังซ้อมเสร็จ จะมี รุ่นพี่ ม.6 คนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาที่ปลายแถว พร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวสะอาดในมือ 1 ผืน
    บรรจงค่อยๆซับลงบนใหน้าขาวน่ารักของเด็กนักเรียน ม.5 คนหนึ่งอย่าทะนุถนอม พร้อมกับเปล่งเสียงตั้งคำถาม
    ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เหนื่อยมั๊ย เมื่อยมั๊ย ไหวมั๊ย อย่างนั้นอย่างนี้ จนคนที่ถูกตั้งคำถามอายม้วนติ้วหน้าแดง
    จนเพื่อนๆในวงโยหลายคนสงสัยว่า แท้จริงแล้วนั้น เซฮุนอาจจะเป็นญาติกับกิ้งกือ 
     
    'เหนื่อยมากมั๊ย เซฮุน' ลู่หานยิ้มหวาน บรรจงซับผ้าขนหนูลงไปบนพวงแก้มของเซฮุน
    ที่ตากแดดกลายเป็นสีชมพูเลือดฝาดน่ารักน่าชัง  ใจจริงอยากจะใช้มือเปล่าๆจับลงไปเลย
    แต่ถ้าทำแบบนั้น ไก่ตื่นแน่นอน งั้นขอสัมผัสผ่านผ้าขนหนูนิ่มๆแทนแล้วกันนะ
    'ไม่เหนื่อยครับ' เซฮุนก้มหน้างุด ถึงเวลาจะผ่านไปอาทิตย์กว่าๆแล้วก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องมีใครซักคน
    เดินเข้ามาเช็ดหน้าให้ พร้อมกับช่วยแบกทูบาเดินเข้าไปเก็บในตึก บางครั้งก็มีน้ำเย็นมาให้ดื่มจนชื่นใจ
    แปลกมากเลยที่แต่ก่อนกินน้ำเย็นๆหลังซ้อมเสร็จก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันจะชื่นไปได้ถึง 'หัวใจ' ขนาดนี้
     
    'เอ้อ เซฮุน พรุ่งนี้ว่างมั๊ย' ลู่หานที่ช่วยเซฮุนเก็บทูบาที่ห้องเก็บเครื่องดนตรีเสร็จแล้ว พูดขึ้นระหว่าง
    ทั้งสองคนกำลังเดินลงบันไดเพื่อกลับบ้านอย่างเช่นทุกวัน 
     
    'ก็ว่างแหล่ะครับ ทำไมเหรอครับ'
     
    'ก็ ... ว่าจะชวนไปเที่ยว' 
     
    'แล้วไปกับใครบ้างเหรอครับ' เซฮุนถามต่อ เพราะใช่ว่านี่จะเป็นการออกไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก
    ก่อนหน้านี้ก็เคยไปหาไรกินด้วยกันหลังเลิกเรียนมาแล้ว แต่ว่ามีเพื่อนในวงโย พี่คริสประธานวงโย
    กับพี่ซิ่วหมินไปด้วยอีกคน 
     
    'ก็มี พี่ กับเซฮุน ... แค่ 2 คน'ลู่หานหยุดเดินแล้วหันไปจ้องหน้าเซฮุน ใจเต้นตึกตัก
    เฝ้ารอคำตอบที่เซฮุนน้อยจะพูดออกมา เค้าเองวางแผนไว้หลายวันแล้วว่า
    อยากจะพาเซฮุนไปเที่ยวด้วยกันแค่สองคนดูซักครั้ง แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่กล้าชวน
    เพราะกลัวว่าน้องจะปฎิเสธ แต่ลองคิดๆดูแล้ว ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ 
     
    'ห๊า 2 คน' ขาเล็กผอมที่กำลังห้าวลงบันไดนั้นหยุดชะงัก ใบหน้าเรียวหันไปมอง
    ใบหน้ารุ่นพี่คนพิเศษด้วยความไม่เชื่อ หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ 
    นี่พี่ลู่หานชวนเค้าออกเดทใช่มั๊ย หรือว่าเค้าหูฝาดไป
     
    'ก็ใช่ไง 2 คน ก็แบบไปเที่ยวกันสองคน กินข้าวกันสองคน ดูหนังกันสองคน
    อะไรประมาณนั้นไง' ลู่หานหันไปพูดก่อนจะดึงมือเซฮุนให้ก้าวลงบันไดต่อไป
    โดยไม่กล้าหันไปสบตาอีก ในใจได้แต่ภาวนาขออย่าให้เซฮุนปฎิเสธคำชวนของเค้าเลย
     
    'อ้อ ' เซฮุนพยักหน้ารับ แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่ออีกครั้ง ดวงตาเหลือบมองคนข้างๆเป็นครั้งคราว
    อันที่จริงเค้าไม่ได้รังเกียจพี่ลู่หานเลย ไม่งั้นคงไม่ยอมให้วิ่งเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าหรอก
    แล้วก็คงไม่ยอมให้ไปส่งที่บ้านแบบนี้ด้วย มิหนำซ้ำยังคิดว่าพี่ลู่หานน่ารักดี คอยดูแลเอาใจใส่ตลอด
    ถึงบางทีจะดูป้ำๆเป๋อๆไปบ้าง แต่โดยรวมๆแล้ว เซฮุนคิดว่า พี่ลู่หานน่ารัก
     
    คือถ้าจะให้ตัดสินใจคบด้วย เซฮุนตอบได้ไม่ยากเลย แต่มันติดอยู่เดียวคือพี่ลู่หานไม่ยอมถามซักที
    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารออะไรอยู่
     
    'แล้วตกลง จะไปป๊ะ' ลู่หานพูดโดยไม่มองหน้าเซฮุน พยายามจดจ่อกับการก้าว
    เดินลงบันไดที่ละขั้น ทีละขั้น เพื่อให้มั่นใจว่า ถ้าเซฮุนบอกปัด เค้าจะได้ไม่ขาอ่อน
    หกล้มหน้าคว่ำลงไป 
     
    'นัดที่ไหน กี่โมงเหรอครับ'
     
    'ก็พี่กะว่าจะไปรับที่หน้าบ้าน ประมาณเที่ยง เฮ้ย เดี๋ยวนะ ตกลงไปเหรอ เซฮุน โอ๊ย'
    ลู่หานหยุดเดินแล้วกระชากเซฮุนเข้ามากอดอย่างลืมตัว พร้อมกับซุกไซร้ใบหน้าลงไปบนซอกคอ
    ขาวของเซฮุน ที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ใบหน้าร้านผ่าว สัมผัสได้ถึงอ้อมแขน
    ของรุ่นพี่คนสนิทที่ตอนนี้กำลังกระชับตัวของเค้าไว้แน่นมากขึ้นเรื่อยๆ และสัมผัสนิ่มๆ
    บริเวณซอกคอที่ทำให้ไรขนอ่อนสีน้ำตาลบนร่างกายลุกซู่นั่นอีก ใจหนึ่งก็อยากจะให้พี่ลู่หานกอดนานๆ
    แต่ตอนนี้ขาของเค้าแทบไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว
     
    'เอ่อ พี่ลู่ครับ ปล่อยเถอะครับ' เซฮุนยกสองมือขึ้นดึงไหล่ของลู่หานออก ส่วนลู่หานที่เพิ่งรู้สึกตัว
    ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ผละตัวเองออกมาด้วยความตกใจ และพบว่าตอนนี้ตัวเค้าและเซฮุนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
    ริมฝีปากสีอ่อนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่าย ที่แก้มใสขึ้นสีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด
    นี่เค้าเผลอเล่นฉากรักเบาๆกันตรงขั้นบันไดเลยเหรอ สาบานได้ว่าเมื่อกี้เค้าไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรตรงไป
    ก็แค่ดีใจจนลืมตัว .. แค่นั้น จริงๆนะ
     
    'เอ่อ ผมว่าเรารีบเดินกันเถอะครับ ผมอยากกลับบ้านแล้ว'เซฮุนรีบจ้ำเท้าเดินนำลู่หานลงบันไดไป
    ส่วนลู่หานก็เดินตามไปแบบสบายๆ พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ถึงแม้ว่าเค้าจะกอดเซฮุน
    ไปโดยไม่รู้ตัว แต่รสสัมผัสจากริมฝีปากของเค้าที่แตะๆไปบริเวณซอกคอของเซฮุนเมื่อสักครู่นั้น
    เค้ารู้สึกตัวเป็นอย่างดี มันทั้งนุ่ม นิ่ม และหอมหวาน อย่างที่เค้าเคยจินตนาการไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
     
    แค่คิดถึงวันพรุ่งนี้ก็มีความสุขแล้ว 
     
    .
    .
    .
     
    -เที่ยง- 
     
    เซฮุนเดินไปหยิบหมวกสีน้ำเงินม่วงใบเก่งมาสวมเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งที่หน้าบ้าน 
    วันนี้เป็นวันหยุดที่เซฮุนตื่นเช้าที่สุดในรอบปี และหลังจากลองใส่ชุดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบ
    ก็มาลงตัวที่เสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีขาวน้ำเงินพับแขนกับกางเกงสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีแดงคู่โปรด
    เซฮุนเดินมาที่หน้ากระจกบานใหญ่อีกครั้งเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนออกไปเจอกับรุ่นพี่คนสนิท
     
    'โอเค ดูดีแล้ว'เซฮุนพูดกับคนในกระจก หมุนซ้ายหมุนขวาอีกสองสามทีก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าประตูบ้าน
     
    ลู่หานที่ยืนรออยู่หน้าบ้านใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเดินตรงออกมาจากบ้านนั้นดูน่ารักมากในชุดไปรเวท
    แถมที่น่าตกใจกว่านั้นคือ พวกเค้าสองคนใส่ชุดเหมือนกันทั้งๆที่ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน เซฮุนที่เห็นลู่หานใส่เสื้อ
    ลายสก๊อตแบบเดียวกับของตนก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน จนเมื่อทั้งสองคนมายืนอยู่ข้างกันที่หน้าประตูบ้าน
    ต่างฝ่ายก็ต่างอึกอัก มองกันไปมองกันมาด้วยความเขินอาย 
     
    'พี่ลู่ครับ ไปกันเถอะ' เซฮุนพูดขึ้นทำลายความอึดอัด ริมฝีปากบางอมยิ้มเล็กน้อย ส่วนลู่หานก็ยกมือขึ้นมาเกาหัวแกร็กๆ
     
    'โอเค งั้นไปกันเถอะ' 
     
    'ครับ'
     
    .
    .
    .
     
    'ดูหนังเรื่องอะไรดี' ลู่หานหันไปถามเซฮุนที่กำลังเงยหน้ามองจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่กำลังแสดงรอบฉาย
    ภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ใบหน้าเรียวจดจ้องตัวเลขบนจอไล่ลงมาช้าๆ ปากน้อยๆขมุบขมิบไล่ชื่อหนัง
    และตัวเลขในช่องต่างๆ คิ้วสีน้ำตาลอ่อนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ครุ่มคิดในใจว่าจะเลือกดูหนังเรื่องอะไรดี
    ลู่หานไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เลย เพราะมันน่ามองยิ่งกว่าหนังที่กำลังลงโรงฉายมากกว่าหลายพันเท่า
     
    'พี่ลู่หานอยากดูเรื่องอะไรเหรอครับ'
     
    'ตามใจเราเถอะ พี่ดูเรื่องอะไรก็ได้'
     
    'ผมก็ตามใจพี่ลู่หานครับ พี่ลู่หานเป็นคนจ่ายค่าตั๋วหนัง พี่ลู่หานเลือกเถอะครับ'
     
    'เซฮุนเลือกดีกว่า เซฮุนอยากดูเรื่องไหน พี่ก็อยากดูเรื่องนั้นเหมือนกัน'ลู่หานยิ้มหวาน เซฮุนสบสายตา
    ที่เต็มไปด้วยความรักของลู่หานได้เพียงแป๊ปเดียวก็ต้องเสไปมองหน้าจอฉายรอบหนังต่อ ใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
    เพราะยังรู้สึกได้ว่า คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ช่วยกันดูรอบหนังเลย แต่กำลังจองมองมาที่ตนด้วยสายตาที่ทำเอา
    เซฮุนแทบละลายไปตรงนั้น ตัวเค้าก็เลยทำได้แค่แสร้งทำเป็นจริงจังกับการดูอย่างอื่น
     
    'เอาเรื่องนี้แล้วกันครับพี่ลู่หาน' เซอุนชี้นิ้วไปที่รูปโปสเตอร์ของหนังเรื่องหนึ่งบนจอภาพ
    ที่มีรูปเลื่อยและซี่ฟันของมนุษย์ปรากฏอยู่ 
     
    'SAW 8 เหรอ'
     
    'อื้ม ครับ ผมดูมาทุกภาคแล้ว กำลังอยากดูภาคใหม่อยู่พอดีเลยครับ' เซฮุนยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
    ส่วนลู่หานที่ตอนนี้แม้แต่หายใจเข้าออกยังรู้สึกว่าทำได้ยากลำบาก เพราะเค้าไม่ชอบหนังแนว
    ตัดเลื่อยเฉาะร่างกายมนุษย์เอาซะเลย อย่างเรื่อง SAW นี่ก็เลื่อยตัดมาหลายภาคแล้ว
    มันยังไม่เลิก หั่นตัดชำแหละกันอีกเหรอ !!!
     
    'จะดูจริงๆเหรอ' ลู่หานถามอีกครั้งเสียงสั่นเครือ ให้ยอมรับแบบลูกผู้ชายแมนๆ
    เลยก็ได้ว่าเค้ากลัวเลือด กลัวเข็ม ที่สุดในชีวิตและ แล้วนี่ให้มาดูหนังที่ เอาสิ่งของที่
    น่ากลัวยิ่งกว่าเข็มมาชำแหละเนื้อมนุษย์ให้ดูกันนานเป็นชั่วโมง แต่ก็ต้องพยักหน้ารับ
    ตามคำขอของเซฮุนเพราะเค้าก็เป็นคนพูดเองว่า ถ้าเซฮุนอยากดูอะไรเค้าก็อยากดูด้วย
     
    ก็เค้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เซอุนจะชอบดูหนังแนวนี้ได้ TT
     
    'พี่ลู่เป็นอะไรครับ ดูหน้าซีดๆ' เซฮุนทักลู่หานที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตูทางเข้า
    โรงหนัง SAW ต่อตัดตาย ภาคที่ 8 กับโรงหมายเลขที่ 8 ที่ลู่หานต้องพยายามควบคุมสองขาของตัวเอง
    ไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ 
     
    'พี่ลู่หานครับ ไหวนะครับ' เซฮุนหันมาถามพี่ลู่หานอีกครั้งหลังจากหาที่นั่งในโรงหนังเจอแล้ว
    ถึงแม้ว่าตอนนี้ในโรงหนังจะรายล้อมไปด้วยความมืดก็เถอะ แต่เซฮุนก็รู้สึกได้ว่า
    ลู่หานดูตระหนกเกินกว่าปกติ แถมยังหายใจเข้าออกถี่ซะจนเซฮุนผิดสังเกต
     
    'ไหว พี่ไหว' ลู่หานพยักหน้าถี่ๆ หลับตาปี๋ ขอให้เค้ารอดพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยเถอะ
    ชีวิตนักเรียน ม.ปลาย ที่หลบเลี่ยงหนังแนวนี้มาตลอด ต้องมาพบจุดจบ
    เพราะว่าเค้าดันกำลังตามจีบ หนุ่มน้อยผู้หลงใหลในภาพยนตร์แนวเลิอดสาดทะลุจอ
     
    หลังจากหนังตัวอย่างและโฆษณาจบลงไป ก็เริ่มเข้าสู่การฉายเนื้อภาพยนตร์ แค่เปิดมาฉากแรก
    ก็เริ่มมีเลือดสาดออกมาน้อยๆ เซฮุนนั่งดูตาไม่กระพริบ ในมือถือป๊อปคอนถังใหญ่ หยิบใส่ปาก
    อย่างมีความสุข ส่วนลู่หานนั้นก็ลืมตาดูบางช่วง แล้วหลับตาลงเมื่อเป็นฉากตีรันฟันแทง พยายามนั่งให้นิ่งที่สุด 
    ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลู่หานถือคติว่า ต่อหน้าเซฮุน ลู่หานต้องเป็นรุ่นพี่ที่เก่งและแมนที่สุด 
    จะมาหลุดฟอร์มที่เพียรพยายามสร้างไว้ (?)ในวันออกเดทกันครั้งแรกได้อย่างไร
     
    'กรี๊ดดด' มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขึ้นมาระหว่างหนังกำลังฉาย เมื่อถึงฉากที่ตัวละครคนหนึ่ง
    ถูกตัวละครอีกตัว ใช้ค้อนปอนด์อันใหญ่ทุบลงกลางหน้าผากจนเลือดไหลนอง ภาพของหนัง
    ก็บรรยายออกมาได้ละเอียดเหลือเกิน เน้นทุกขั้นทุกตอนที่ กระโหลดศีรษะของมนุษย์
    ถูกทุบด้วยของแข็งอันใหญ่จนแหลกละเอียด เลือดสีแดงและภาพของเนื้อสมองของมนุษย์นั้น
    สร้างความสยดสยองเป็นอย่างมาก
     
    'เค้าทำภาพน่ากลัวเนอะพี่ลู่เนอะ' เซฮุนที่กำลังเพลินเพลินกับหนังหันไปคุยกับลู่หาน
    ที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ หมายจะหาพวกให้เห็นดีเห็นงามด้วยกัน แต่ก็พบว่าตอนนี้
    รุ่นพี่ที่นั่งข้างๆนั้นกำลัง นั่งตัวงอ หลับตาปี๋ มือสองข้างปิดปากแล้วหันหน้าไปอีกทาง
     
    'พี่ลู่หานเป็นอะไรไปครับ' เซฮุนเอื้อมมือไปดึงตัวลู่หานให้หันกลับมา
    เพราะคิดว่าลู่หานอาจจะปวดท้องหรือว่าไม่สบาย 
     
    'ไม่เอา กลัวแล้ว' 
     
    'พี่ลู่ครับ'
     
    'โอ๊ย กลัวๆๆ พอแล้ว' ลู่หานสะดุ้งสุดตัวเมื่อเซฮุนดึงตัวอีกครั้ง จนเผลอเข้า
    กอดเอวของรุ่นน้องตัวบางข้างๆไว้แน่น เซฮุนก็ได้แต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    พยายามนั่งตัวตรงๆ ให้ลู่หานเกาะเอาไว้แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรซักคำ
     
    'กลัวๆๆๆ ไม่อยากดูแล้ว กลัวๆๆ ' ลู่หานหลับตาแน่น หลังจากที่ทนดูหนังไปได้ 20 นาที เค้าก็ทนไม่ไหว
    ต้องหันหน้าหนีภาพบนหน้าจออันใหญ่ไปนอนเอาหัวซุกเบาะที่หนังหลบหลีก
    ฉากเลือดสาดตรงหน้า พอเซฮุนมาดึงแขนก็เหมือนสติขาดผึงอีกรอบ กระโดดเข้าเกาะเอวบาง
    ไว้แน่น หาที่ยึดเหนี่ยวกับให้ สติสัมปะชัญญะที่กำลังหลุดลอยด้วยความกลัว
     
    'โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะครับ' เซฮุนใช้มือข้างที่ใกล้ๆกับลู่หานยกขึ้นลูบหัวของผู้เป็นพี่เบาๆด้วยความเอ็นดู
    กลัวหนังแบบนี้ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก สงสัยคงไม่อยากจะขัดใจตนเลยยอมเออออห่อหมกตาม
    ปากก็บอกว่าไม่กลัวๆ แต่ก่อนเข้าโรงหนังนี่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว
     
    'ถ้าพี่ลู่หานกลัวก็กอดเอวผมไว้นะ' เซฮุนหันไปกระซิบข้างๆหูคนเป็นพี่ ส่วนลู่หานก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
    สองแขนที่โอบเอวไว้กระชับแน่นขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำปลอบประโลมข้างๆหู อีกทั้งพยายามเบียดใบหน้าของตัวเอง
    ลงกับไหล่นิ่มๆ ลามไปถึงบริเวณใกล้ๆซอกคอ จนเซฮุนรู้สึกจั๊กกะจี้แต่ก็พยายามอดทนนั่งนิ่งๆให้ลู่หานได้กอด
     
    ชั่วขณะหนึ่งที่เซฮุนคิดว่านี่คือแผนของลู่หานที่พยายามหลอกแต๊ะอั๋งในโรงหนังแบบที่เค้าเคยได้ยินมา
    แต่จากที่สัมผัสอาการตัวสั่นเทา จนตอนนี้สงบนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งเซฮุนคาดว่าคงเป็นเพราะหลับไปแล้วนั้น
    คงไม่น่าจะใช่ ประกอบกับพี่ลู่หานดูไม่ใช่คนที่น่าจะคิดอะไรแบบนั้นกับตน
     
    โอเค๊ งั้นยอมก็ได้
     
    .
    .
    .
     
    'นี่พี่หลับไปจนหนังจบเลยเหรอเนี่ย' ลู่หานเกาหัวแก้เขินหลังจากเดินออกมาจากโรงหนัง โดยมีเซฮุน
    เดินข้างๆ เซฮุนพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ส่วนลู่หานก็ได้แค่ยิ้มเก้อๆ อุตส่าห์บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีทาง
    หลุดฟอร์มแล้วเชียวนะ
     
    'ใช่ครับ แถมยัง ...' เสียงของเซฮุนขาดหาย แก้มใสขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงหนัง
    ไม่อยากจะบอกว่านั่งตัวเกร็งแทบแย่ ดูหนังก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ไม่คุ้มค่าตั๋วหนังเอาซะเลย
    และทั้งหมดนี่คงต้องโทษผู้เป็นพี่ที่นั่งกอดเอวท่านั้นตลอดตั้งแต่หนังยังฉายไปไม่ถึงกลางเรื่อง ยันจบ
     
    'ที่พี่กอดเอวอ่ะเหรอ' ลู่หานจ้องหน้าเซฮุนแบบหวาดๆกลัวๆ เดาใจไม่ถูกว่าน้องที่รักจะโกรธหรือเปล่า
    แต่ถ้ายอมให้กอดนานขนาดนั้นโดยไม่สะบัดออกก็แสดงว่าไม่ได้โกรธสินะ
     
    'เอ่อ รีบไปกันเถอะครับ' เซฮุนเริ่มเขิน เลยรีบเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าไปก่อน ส่วนลู่หานก็ยกยิ้มมุมปาก
    แล้วรีบเดินตามไป เค้าไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั๊ย ว่าแก้มเซฮุนแดงเหมือนมะเขือเทศสุกตอนที่พูดถึงเรื่องกอดเอวในโรงหนัง
     
    'เดี๋ยวก่อนสิๆ จะรีบไปไหน' ลู่หานสาวเท้าจนทันเซฮุน แล้วเอื้อมมือไปคว้าแขนของผู้เป็นน้องเอาไว้ 
     
    'ก็รีบไป ...' เซฮุนอึกอักจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็จะให้พูดย้อนไปถึงเรื่องกอดเอวในโรงหนังนั่น
    เค้าก็ไม่ค่อยอยากจะพูดหรอกนะ นี่แค่คิดก็ยังอายอยู่เลย
     
    'ทำไมล่ะ ไม่อยากคุยกับพี่เรื่องนั้นเหรอ' ลู่หานได้ทีแซวเซฮุนแบบจัดหนัก ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้าง
    มองอีกฝ่ายด้วยสายตาและท่าทางหยอกล้อ ยิ่งจ้องมากเท่าไหร่ดูเหมือนว่า แก้มใสๆก็ยิ่งขึ้นสีระเรื่อ
    มากขึ้นเป็นทวีคูณ นี่ลู่หานก็ยังสงสัยว่าถ้าล้อแบบนี้ทั้งวัน แก้มเซฮุนคงถึงคราวเก็บเกี่ยว
    ไปปรุงอาหารทานได้ดั่งเช่นลูกมะเขือเทศสุกในสวน
     
    'ไม่ใช่ครับ ก็แค่ ว่าเรื่องนั้น เอ่อ มัน ... โอ๊ย พี่ลู่หานอ่ะ หยุดล้อเหอะครับ' เซฮุนเหลืออด
    แอบแว๊ดใส่ผู้เป็นพี่ไปเบาๆเพราะสุดจะทน ทั้งๆที่รู้ว่าอายก็ยังจะล้ออยู่นั่นแหล่ะ รู้ก็รู้ว่าอาย
    ก็ยังจะแกล้งพูดอยู่นั่น
     
    'โอ๋ๆ ขอโทษครับ ไม่ล้อแล้วไม่ล้อ' ลู่หานทำท่าจะเข้าไปกอดเอวเซอุนอีกรอบ เซฮุนเลย
    ทำตาถมึงทึงกลับมาพร้อมกับยกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้นมาชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง ลู่หานเห็นแบบนั้นก็ถึงกับชงัก
    แล้วชักมือทั้งสองข้างกลับมาเกาหัวแกร็กๆ ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแบบเก้อๆ อุตส่าห์หวังว่าอีกฝ่ายจะยอม
    ให้กอดอีกสักรอบ
     
    'แล้วนี่พี่ลู่หานจะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ' เซฮุนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ถ้าไม่หาเรื่องอื่นคุยก็คงไม่วาย
    กลับไปคุยกันเรื่องกอดเอวอีกแน่นอน 
     
    'อือ นี่ก็เย็นแล้วใช่มั๊ย พี่ว่าจะพาเซฮุนไปเที่ยวที่หนึ่ง ตอนกลางคืนสวยมาก' ลู่หานยื่นข้อเสนอ
    ความเป็นจริงแล้วที่เค้าชวนเซฮุนออกมาเที่ยวในวันนี้ก็เพราะอยากจะพา น้องเซฮุนคนดีไปเที่ยวที่นี่แหล่ะ 
    เป็นที่ที่ลู่หานชอบไปเดินเที่ยวหลังเลิกเรียน เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเค้าเท่าไหร่นัก แต่ก่อนที่เคยเดินๆ
    ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พักหลังๆก็เริ่มมีความรู้สึกในใจว่าถ้าได้ใครสักคนมาเดินด้วยกันก็คงจะดี
     
    'อืม งั้นก็ไปกันเถอะครับ' เซฮุนส่งยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินนำหน้าตรงที่ไปทางออกของห้าง ส่วนลู่หาน
    ก็ได้แต่เดินตามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบ 'กรุ้มกริ่ม'
     
    ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ลู่หานหวังด้วยเถอะ
     
    .
    .
    .
     
    'โห ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่า มีสถานที่แบบนี้แถวบ้านเราด้วยอ่ะ' เซฮุนยิ่มร่ากับภาพที่ปรากฏตรงหน้า
    แสงและสีของดวงไฟในยามค่ำคืนจากบ้านเรือนและตึกสูงริมฝั่ง สะท้อนกับพื้นน้ำไหลเอื่อย
    ที่มีเรือลำน้อยใหญ่กำลังล่อยละล่อง ท้องฟ้าสีเข้มและดวงดาวมองดูคล้ายผ้ากำมะหยี่ที่ประดับประดา
    ไปด้วยเม็ดคริสตัลส่องเจิดจ้า เมื่อมองจากที่สูงก็ทำให้เห็นภาพในมุมที่กว้างกว่าเก่า 
    และสายลมที่พัดมานั้นก็สร้างความสดชื่นให้กับเซฮุนได้มาก เค้าหลับตาลงพร้อมกับสูดอากาศเย็นสดชื่น
    เข้าไปจนเต็มปอด ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวน้อยสองอัน ลู่หานมองภาพตรงหน้า
    ด้วยความสุข เห็นแล้วก็อยากจะวิ่งเข้าไปกอดข้างหลังแล้วกดจูบที่แก้มใสซักฟอด ถ้าได้ทำแบบที่คิดก็
    คงจะดีสินะ คงจะชื่นใจกว่าแค่ได้ขึ้นมาสูดอากาศบนนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า
     
    ลู่หานพาเซฮุนขึ้นมาบนสะพานข้ามแม่น้ำ เพื่อชมวิวในตอนกลางคืน ทิวทัศน์ในยามนี้นั้นสุดแสนจะวิเศษ
    แถมยังไม่ค่อยมีผู้คนเดินสัญจรกันมากนัก เหมาะแก่การขึ้นมายืนพักผ่อนหาความสบายใจ 
    ท่ามกลางเมืองกรุงที่สุดแสนจะวุ่นวายและไม่มีวันหยุดพัก ที่แห่งนี้แลดูจะเป็นที่เดียวที่ไม่ได้ไหล
    ไปตามเข็มของนาฬิกาที่เดินไปเร็วเสียเหลือเกิน หรืออย่างน้อย ก็เท่าที่ลู่หานจะนึกออก
     
    'เป็นไงเซฮุน สวยมั๊ย' ลู่หานเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเซฮุน มือสองข้างจับราวสะพานไว้แน่น
    คล้ายกำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง
     
    'สวยมากครับ โห ผมชอบที่นี่มากเลยอ่ะ'เซฮุนยิ้มร่า ทั้งที่เค้าก็ยืนตรงนี้มาซักพักแล้ว แต่ก็
    ไม่มีวี่แววว่าจะเบื่อเลย ภาพที่ปรากฎตรงหน้านี้มันสวรรค์ชัดๆ
     
    'งั้นเหรอ ไว้พี่จะพามาบ่อยๆ ดีมั๊ย'
     
    'ดีครับ ดีมากๆเลยอ่ะ' เซอุนหันไปยิ้มกับผู้เป็นพี่ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
    โดยไม่มีอะไรเคลือบแฝง คงต้องขอบคุณบรรยากาศดีๆรอบๆที่ทำให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน
    โดยไม่มีใครออกอาการเคอะเขิน
     
    'เอ่อ เซฮุน คือพี่น่ะ อยากจะ ...' ลู่หานพยายามจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
    แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะลงเพราะความสนอกสนใจในสิ่งรอบข้างของเซฮุน
     
    'อุ้ย พี่ลู่หาน ดูนั่นสิครับ' เซฮุนสะกิดลู่หานให้หันไปดูทางซ้ายมือ เมื่อเห็นว่ามี
    ผู้ชายสองคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
     
    'อะไรเหรอ' ลู่หานหันไปดูตามที่เซฮุนชี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เซอุนจะชี้ให้ดูนั้นจะอยู่ไกล
    ออกไประยะหนึ่งแต่ก็พอจะเห็นได้ว่า ตรงจุดนั้นเป็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ ที่ลู่หานแน่ใจ
    ว่าเป็นผู้ชายเพราะเห็นว่า ทั้งสองนั้นสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนชายระดับมัธยมปลายทั้งคู่
    แต่ที่แปลกคือสองคนนั้นยืนอยู่ใกล้กันมากเหลือเกิน มากจนผิดปกติ
     
    'พี่ลู่หานว่าเค้าทำอะไรกันอ่ะ' เซฮุนพยายามเพ่งมองภาพตรงหน้า ส่วนลู่หานนั้น
    เมื่อลองเพ่งอีกสักพักก็เกิดคำตอบขึ้นในใจ
     
    นั่นมันยืนจูบกันนี่หว่า หัวชนกันซะขนาดนั้นน่ะ
     
    'พี่ว่าเค้าน่าจะจูบกันนะ'
     
    'จูบเหรอ จูบจริงๆอ่ะ' เซฮุนหันมาทำตาโตใส่ลู่หาน ริมฝีปากอ้ากว้างออกด้วยความตะลึง
    หันกลับไปมองภาพของผู้ชายสองคนนั้นอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา
     
    'โอ๊ย เค้าจูบกันจริงๆด้วย โหย จูบกันบนที่แบบนี้ ดูโรแมนติคเนอะ' เซฮุนหันมายิ้มหวานกับลู่หาน 
    ส่วนลู่หานก็ได้แต่ยิ้มตอบรู้สึกได้ว่าฝ่ามือนั้นเย็นเฉียบเหลือเกิน เมื่อตัดสินใจว่าจะพูดประโยคอะไรบางอย่างออกไป
     
    'อยาก ... อยากลองจูบดูบ้างมั๊ยล่ะ' ลู่หานกล่าวหน้านิ่ง เป็นอีกครั้งที่หัวใจของลู่หาน
    เต้นรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ตั้งแต่ได้คุยกับเซฮุนมา ไม่เคยเลยสักครั้ง
    ที่เค้าไม่ต้องลุ้นกับอะไร ตัวเค้าต้องลุ้นกับคำตอบของอีกฝ่ายจนแทบอยากจะลงไปดิ้นกับพื้น
    เพราะช่างยากเหลือเกินที่จะเดาใจคนตรงหน้า แต่เค้าก็คิดมาซักพักแล้วว่า ยังไงซะก็อยากจะพูด
    คำนี้กับเซฮุน เพราะถึงยังไง เซฮุนที่เค้ารู้จักมาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น ก็ทำให้เค้าตกหลุมรัก
    จนถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งได้มองก็ยิ่งหลง ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรัก เค้ามั่นใจว่าเซฮุนคือคนที่ใช่ แต่สำหรับเซฮุนแล้ว
    เค้าคือคนที่ใช่หรือเปล่าก็ไม่อยากจะคาดเดา มีทางเดียวคือต้องถาม
     
    'จูบ ... จูบหรอครับ ผมกับพี่ลู่หานจูบกันเหรอครับ ได้ไงอ่ะ ไม่ใช่แฟนกัน ...' เซฮุนเริ่มลนลาน
    ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นตึกตัก อยู่ดีๆพี่ลู่ก็มาถามอะไรไม่ให้ทันตั้งตัว แล้วนี่เค้าต้องทำอะไรต่อ
    แล้วนี่มาขอจูบ ยังไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย อยู่ดีๆจะมาขอจูบได้ยังไงกัน
     
    'ถ้างั้น ก็เป็นแฟนกันสิ' ลู่หานเอื้อมมือไปจับมือของเซฮุน 'คบกับพี่นะ' ลู่หานจ้องตาเซฮุนนิ่ง
    ส่วนเซฮุนก็ได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นและคล้ายจะหมดแรง ดวงตาของผู้เป็นพี่มองมา
    ก็เหมือนจะสะกดไม้ให้เค้าสามารถขยับตัวไปไหนได้อีก ลู่หานค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้เซฮุนเรื่อยๆ จนใบหน้าเริ่ม
    ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนจมูกของทั้งสองมาชนกัน 
     
    'พี่รักเซฮุนนะ' ลู่หานพูดเสียงเบา แต่ถึงแม้จะเบาขนาดไหน เซฮุนก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ ทุกสิ่งรอบตัว
    หยุดเคลื่อนไหว ตอนนี้ประสาทสัมผัสของเค้าไม่รับรู้อะไรอย่างอื่นอีกแล้ว นอกจาก สัมผัสที่ปลายจมูก 
    ที่มือ และลมร้อนๆที่กำลังเคลื่อนไหวบริเวณริมฝีปาก
     
    ลู่หานค่อยๆแตะริมฝีปากของตนเองกับอีกฝ่ายแบบค่อยเป็นค่อยไปที่สุด มือข้างที่จับมือของผู้เป็นน้องไว้
    ก็พยายามจับไว้ให้แน่นที่สุดเพราะกลัวว่าจะวิ่งหนีหายไป ถ้าเซอุนจะปฏิเสธเค้าก็ขอให้เค้าได้บอก
    ความในใจที่มีทั้งหมดก่อน แล้วจะปฏิเสธรักกันก็คงห้ามไม่ได้
     
    ลู่หานประทับริมฝีปากอยู่ซักพักก่อนจะเริ่มขยับมุมเพื่อหาความหวานที่ซ่อนอยู่ มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้น
    มาจับคางมนของอีกฝ่ายเพื่อความถนัดในการเสาะหามุมต่อๆไป เซฮุนที่หลับตาปี๋ในช่วงแรกๆ
    ก็เริ่มเคลิ้มตามกับรสสัมผัสที่อีกฝ่ายกำลังปรนเปรอให้ และเมื่อเวลาผ่านไปซักพักเซฮุนก็
    ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้เป็นพี่ต้องการ
     
    จะให้ปฏิเสธอย่างไร ในเมื่อใจของเค้าก็รักพี่ลู่หานเหมือนกัน และในเมื่อวันนี้พี่ลู่หาน
    กล้าพูดความในใจออกมาแล้ว เค้าก้ไม่กลัวที่จะพูดบ้าง 
     
    ลู่หานยังไม่กล้าทำอะไรมากกว่าไปกว่าการเบียดริมฝีปากถอนจุมพิตออกมาสบสายตากับ
    ผู้เป็นน้อง ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็แอบอมยิ้มเล็กๆ ดวงตาใสมองหลุบต่ำ
    ด้วยความอาย แก้มใสเริ่มขึ้นสีระเรื่อน่ามองขึ้นมาอีกครั้ง และถ้าไม่เป็นการเข้าข้างตัวเอง
    เดินไปซักหน่อย เค้ารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดต่างกันเลย
     
    'คบกับพี่นะ' ลู่หานเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนชนจมูกชนอีกครั้ง เซฮุนยิ้มหวาน
    กับคำถามรอบที่สองของอีกฝ่าย ก่อนพยักหน้ารับสองสามที แล้วขยับปากแบบไม่ออกเสียง
    ซึ่งลู่หานเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเซอุนต้องการจะบอกว่าอะไร 
     
    ((ผมรักพี่ลู่หานครับ))
     
    ลู่หานประคองใบหน้าขาวให้เข้ามาชนกันแล้วประทับจุมพิตอีกครั้ง 
     
    ลึกซึ้ง เนิ่นนาน จนแทบหยุดหายใจ
     
    ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามที่สุดในใจของทั้งสองคน
     
     
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×