Love you too ก็มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ - นิยาย Love you too ก็มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ : Dek-D.com - Writer
×

    Love you too ก็มันห้ามใจตัวเองไม่ได้

    จะทำอย่างไรเมื่อใจสับสน ทั้งที่ในใจก็ปฎิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามอบให้ ความรู้สึกในใจเรียกว่ากลัว หรือ รักกันแน่...

    ผู้เข้าชมรวม

    68

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    68

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 ส.ค. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    "นี่เธอ...นี่เธอ รถที่วิ่งผ่านโรงเรียนนครินทร์ผุสดีต้องนั่งสายไหน" นี่ถ้าให้ฟังเฉพาะเสียงนะ ฉันรับรองว่าหนุ่มตรึมแน่

                    "สาย 4 " นี่เห็นว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันนะถึงบอก

                    "แล้วเธอเรียนโรงเรียนอะไรล่ะ"

                    อืม...โรงเรียนอะไรดีล่ะ ฉันไม่บอกหรอกย่ะว่าเรียนที่เดียวกันไม่งั้นเราได้คุยกันยาวแน่ ความจริงฉันก็ไม่อยากโกหกเธอหรอกนะ แต่ว่าสำหรับคนที่ไม่รู้จักฉันจะไปบอกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองทำไมล่ะ

                    "เอ่อ...อยู่โรงเรียนสหฉัตร เธอคงอยู่นครินทร์ผุสดีสินะ"

                    ฉันบอกชื่อโรงเรียนข้างๆ ไป หวังว่าเธอคงจับพิรุธฉันไม่ได้นะ

                    "อืม ใช่...แล้วไม่มานั่งด้วยกันก่อนล่ะ ฉันคิดว่าอีกสักพักรถคงจะมา"

                    แหม...ช่างเป็นคนดีจริงๆ คงไม่ต้องแล้วล่ะรถมาพอดีเลย รถเมล์สาย 4 ค่อยๆ จอดเทียบที่หน้าป้ายอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดนิ่ง แล้วประตูรถก็เปิดออก คุณตากับคุณยายที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ลุกขึ้นจากม้านั่งโดยที่คุณตาก็ยังคงพยุงคุณยายไว้ไม่ให้ล้ม ฉันถอยออกจากประตูให้คุณตากับคุณยายขึ้นไปก่อนแล้วค่อยตามขึ้นไป โดยมียัยทอมเดินตามขึ้นมาติดๆ

                    ภายในรถมีคนนั่งเต็มที่นั่งหมดเลย สรุปแล้วคือฉันยืนนั่นเองและยัยนั่นก็ต้องยืนเหมือนกัน แต่ว่าไม่เลยขาได้ที่นั่งแล้ว คงเหลือแต่ฉันสินะที่ยืนห้อยโหนโตงเตงคนเดียว ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ เลยผู้ชายที่นั่งอยู่เนี่ย ยัยทอมหันมามองฉันแล้วกวักมือเรียกให้ไปนั่งด้วย แต่ไม่ล่ะ ขอบคุณ

                    "น้องๆ มานั่งนี่สิ ไม่เห็นเพื่อนกวักมือเรียกเหรอ"

                    รุ่นพี่ที่โรงเรียนนี่นา ฉันจำได้ ตะโกนบอกมาจากข้างหลังยัยทอม โอเคๆ ไปก็ได้ ทันทีที่ฉันเดินมายัยนั่นก็กระเถิบไปนั่งติดกระจกเพื่อให้ฉันได้นั่งด้วย ระหว่างเดินไปนั้นฉันก็ค่อยๆ ดันสายกระเป๋าที่สะพายอยู่ปิดตัวอักษรย่อของโรงเรียนอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เขารู้ตัว

                    ยัยทอมเท้าคางหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างทำให้ผมพลิ้วไปพลิ้วมา นี่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง ความจริงแล้วควรจะเป็นฉันมากกว่า โฮะๆๆๆๆ

                    จะว่าไปแล้วเขาก็หน้าตาดีใช้ได้ นี่ถ้าจับใส่วิกผมยาวหน่อยน่ารักเป็นบ้าเลย แต่เสียดาย...ไม่น่าเป็น ฉันมองตั้งแต่ทรงผม หน้าตา การวางท่า ไม่รู้ว่านานเท่าไรจนเจ้าตัวหันกลับมามองแบบแปลกๆ

                    "เป็นไรมากป่ะเนี่ย ไม่สบายเหรอ ฉันมียานะเอาเปล่า"

                    "เอ่อ...คะ คือ ไม่เป็นไร เราสบายดี ขอบคุณ"

                    "มีชื่อรึเปล่าเนี่ย"

                    "พู่กัน ฉันชื่อพู่กัน แล้วเธอล่ะ"

                    "เปิ้ล"

                    งั้นเหรอ อืม ไม่ว่าเธอจะชื่อแอปเปิ้ล เชอรี่ มังคุด ลิ้นจี่ หรืออะไรก็แล้วแต่ หลังจากลงรถครั้งนี้ก็อย่าได้เจอกันอีกเลย

                    รถเมล์ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ มีเบรกบ้าง แซงบ้าง ทำให้ตัวเราสองคนนี่แทบจะผสมกลมกลืนเป็นส้มตำอยู่แล้ว จนในที่สุดเจ้ารถมหาภัยก็จอดที่ป้ายรถเมล์โดยที่ถ้าเดินไปอีก 300 เมตร ก็ถึงโรงเรียน นักเรียนที่อยู่บนรถทยอยกันลงมาอย่างอึกทึกคึกโครม ใช่ นั่นหมายถึงฉันก็ด้วย ฉันลุกขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วเดินลงจากรถไป

    และไม่ทันที่จะคิด ยัยทอมก็พูดขึ้นมา

                    "พู่กัน เธอลงรถตรงนี้เหรอ"

                    "ใช่สิ ก็โรงเรียนฉันอยู่นี่จะให้ฉันไปลงอีก 3 ป้ายหน้าหรือไง"

                    "แน่ใจเหรอ...ก็เธอบอกว่าอยู่โรงเรียนสหฉัตรไม่ใช่เหรอ"

                    เออ ใช่สิ ฉันบอกหล่อนว่าอยู่กันคนละโรงเรียนนี่หว่า เอาล่ะ ซวยแล้วไงตู พูดไม่คิดเลย

                    "อะ เอ่อ คือ ฉันมาหาเพื่อนน่ะ ก็ฉันมีเพื่อนเยอะอ่ะนะ มันก็ต้องมีไปมาหาสู่กันบ้างแหละเนอะ แหะๆ"

                    "มาหาเพื่อนเหรอ ตอนนี้เนี่ยนะ ฉันคิดว่าเพื่อนเธอคงกำลังเรียนอยู่นะ"

                    แป่วววว นั่นดิ สงสัยเราคงจะเป็นโจรล่ะมั้ง มาขโมยหนังสือตอนที่นักเรียนอยู่ที่ห้องเรียน แว๊กๆๆ จะบ้าเหรอ ฉันไม่ใช่โจรนะ

                    "ก็...ก็ มันก็มาสายเหมือนกันล่ะน่า เดี๋ยวคงเจอแถวๆนี้เนี่ยแหละ แล้วนี่ก็สายแล้วนะ เธอไม่มีเรียนหรือไงห่ะ ถึงมาไล่จับผิดฉันเนี่ย"

                    "อะไร อะไร ฉันนี่นะไล่จับผิดเธอ ก็แค่ถามเฉยๆ ร้อนตัวรึเปล่า"

                    "อ๊ายยย อยู่บนรถก็ดูเงียบนะ แต่ทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้นะ"

                    ไม่ทันแล้ว ถึงพูดไปยัยทอมก็คงไม่ได้ยินแน่ๆ เพราะเดินตามกลุ่มพี่ๆไปโน่นแล้ว หึ่ย!!! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ มาสายก็มากพอแล้ว แถมยังมาโดนยัยนี่พูดไม่เข้าหูอีก รู้ยังงี้ไม่คุยด้วยตั้งแต่อยู่ป้ายรถเมล์แล้ว เสียอารมณ์จริงๆ เมื่อกลุ่มนักเรียนที่ลงตรงป้ายรถเมล์แถวโรงเรียนเดินลับไปฉันถึงค่อยเดินเข้าไปทีหลังเพราะขืนเข้าไปพร้อมกันมีหวังยัยนั่นรู้แน่ว่าฉันโกหก เออ!! แล้วฉันจะโกหกยัยนั่นทำไมเนี่ย งงตัวเองเหมือนกัน แต่ช่างเถอะเอาเป็นว่ารู้สึกเหมือนไม่ถูกชะตากับยัยนี่ก็แล้วกัน

                    วันนี้คาบแรกฉันมีเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ฉันเกลียดที่สุดในโลกและที่ปรึกษาของฉันก็เป็นคนสอนเอง เหลือเวลาอีก 20 นาที เอาฟ่ะ!!! เป็นไงเป็นกัน อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้โดดเรียนคาบแรกก็แล้วกัน ที่หน้าห้องเรียนฉันเห็นนักเรียนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องกำลังคุยกับใครสักคนที่อยู่ข้างใน พอฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ เท่านั้นแหละ ยัยเปิ้ล!!! หล่อนมาทำอะไรที่นี่ยะ เท่าที่จะทำได้ตอนนี้คือเดินออกห่างจากจุดอันตรายให้เร็วที่สุด แต่ฉันก็ต้องเบรกตัวเมื่อคนที่อยู่ข้างในห้องเรียกชื่อฉัน  ฮือๆๆ วันนี้มันวันซวยจริงๆ นะเนี่ย

                    “จันษกร หยุดอยู่ตรงนั้นนะ ส่วนเธอเข้าห้องไปได้” อาจารย์บอกให้เปิ้ลเข้าห้องไปนี่แสดงว่าเราเรียนห้องเดียวกันอ่ะดิ  โฮๆๆๆๆ ไม่นะ

                    “เปิดเทอมวันแรกเธอก็มาสายแล้วนะ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ”

                    “อาจารย์ก็ให้หนูเข้าไปนั่งเรียนสิคะ” ฉันก้มหน้าพูดเสียงแผ่วเบาๆ กับตัวเอง

                    “นี่!!!...ยังจะพูดอีก ในฐานที่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกฉันจะลงโทษเธอแบบเบาๆ ก็แล้วกัน”

                    ฉันเงยหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย ขอบคุณค่ะอาจารย์นี่เป็นเพราะยังเห็นคุณงามความดีของหนูใช่ไหมคะถึงได้อนุโลมโทษให้เบาแบบนี้ อาจารย์เป็นที่ปรึกษาที่น่ารักที่สุดในโลกเลย จะให้หนูไม่ต้องเข้าเรียนคาบนี้รึเปล่านะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเลยสิ

                    แป่ว~~~ แต่ไหงอาจารย์ทำกับหนูเยี่ยงนี้ล่ะคะ ให้หนูมายืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง มันใช่มั๊ยเนี่ย มันไม่เป็นธรรมเลยด้วยซ้ำ คาบไม้บรรทัดไม่เท่าไรแต่ให้ถือรองเท้าด้วยนี่สิ โฮๆๆๆ แถมยังเอากระดาษอะไรไม่รู้มาแปะบนหัวฉันอีก ฉันจะบ้าตาย เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นบอกว่าหมดคาบแล้ว นักเรียนเริ่มทยอยออกมาจากห้องทั้งเพื่อนๆ ในห้องและนักเรียนห้องข้างๆ ต่างมองฉันกันยกใหญ่ แล้วยังแซวกันอีก ทำไมย่ะไม่เคยเห็นคนโดนทำโทษเหรอไง แล้วฉันก็เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องอยู่ในสภาพนี้ ไม่ใช่อาจารย์หรือเพื่อน แต่เป็นยัยทอมเปิ้ล (ทำผิดเองแล้วโทษคนอื่นเนี่ยนะ)

                    “ยิ้มทำไม สะใจเธอใช่ไหมล่ะที่เห็นฉันอยู่ในท่านี้”

                    “เธอทำตัวของเธอเองต่างหาก จะมาซี้ซั้วว่าฉันไม่ได้นะ”

                    “ฉันไม่ได้ซี้ซั้ว ก็เธอมันกวนประสาทฉันนี่นา”

                    “ตอนไหน ฉันไม่เคยไปกวนเธอสักหน่อย เธอต่างหากที่บอกว่าอยู่คนละโรงเรียนกัน”

                    “ก็ตอนนี้ไง”

                    “ถ้าจะคิดแบบนั้นก็แล้วแต่นะ อ้อ!!! จะขอบอกให้เอาบุญนะที่หัวเธอน่ะ” ยัยเปิ้ลดึงกระดาษที่ติดอยู่ที่หัวฉันออกมา แล้วอ่านให้ฟัง

                    “ถ้าดิฉันมาสายอีกครั้ง ดิฉันจะเต้นเมียงูให้ดู ดิฉันขอสาบาน” อาจารย์นะอาจารย์จะเอาให้หนูอายไปถึงไหนเนี่ย

    “อืม...เข้าท่าแฮะ พรุ่งนี้มาสายอีกนะ แต่ดูจากสภาพแล้วเต้นเพลงเป็ดจะรอดมั๊ยก็ไม่รู้” พูดเสร็จปุ๊บก็แปะไว้ที่เดิม นี่เธอจะทำให้โนเป็นพญาจอมปลวกหรือไงห่ะ กระแทกซะเต็มแรงเลยไหนๆ ก็เอาออกแล้วจะมาติดให้เป็นอนุสาวรีย์ทำไมละเนี่ย

    ในตอนนี้เองที่ฉันกำลังโมโห อาจารย์ก็ออกมานอกห้องเพื่อดูสภาพฉันที่ถูกลงโทษ ส่วนยัยเปิ้ลก็รีบเปลี่ยนสีหน้าจากที่ทำแล้วดูน่าหมั่นไส้กลายเป็นหน้าที่มองฉันแบบสงสารที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

    “ไง...รู้สึกดีขึ้นไหมจันษกร ปกตินั่งในห้องเรียนเธอก็ไม่ค่อยมองกระดานอยู่แล้วนี่”

    “โธ่!! อาจารย์ มองหนูด้านเดียวหรือเปล่าเนี่ย หนูก็เรียนเหมือนกันนะแต่อาจารย์ไม่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหนูสักที”

    “ไม่หรอก...ฉันมองเธอทุกด้านแล้ว เธอก็แบบนี้เสมอต้นเสมอปลายทุกที”

    “...” ใช่สิ ก็หนูมันตัวป่วนของห้องนี่คะ แต่เวลามีกิจกรรมอะไรหนูก็ร่วมทำทุกอย่าง ถ้าไม่มีหนูเป็นตัวนำ ห้องเราก็ไม่ได้รางวัลห้องดีเด่นในด้านกิจกรรมหรอกค่ะ

    “เออ แล้วนี่ภานุมาศนักเรียนใหม่ รู้จักกันไว้สิ” รู้ว่าเป็นนักเรียนใหม่แม้ว่าจะมาสายแต่ก็ไม่ทำโทษ ไม่แฟร์กันเลย

    “เราชื่อเปิ้ลนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ไม่ต้องมาทำหน้าใสซื่ออินโนเซนท์เลยนะ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้กว่าเก่าอีก

    “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันนะ” อ้วกๆๆ อยากรู้จักตายแหละ

    “งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

    “จ้า...” ไปเลยแล้วไม่ต้องกลับมา ไม่อยากเห็นหน้าโว๊ยยยยยย

    “ส่วนเธอจันษกรถ้าเธอยังไม่ปรับปรุงตัวล่ะก็...ฉันให้เธอเต้นเมียงูจริงๆ ด้วย”

    “ค่าาาาาา...ต่อไปหนูจะไม่มาสายอีกแล้ว” ใครจะยอมเต้นเมียงูล่ะ ไม่มีทางหรอก

    “โอเคเธอไปได้” ฉันเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกจากตรงนั้น แต่ไม่ทันที่จะพ้นห้องเพื่อนๆ สุดที่เลิฟของฉันก็ทักขึ้นซะก่อน

    “นี่...พู่กัน วันแรกก็มาสายแล้วเหรอยะ” ยัยข้าวปุ้น เรียกตามแบบฉบับของมัน

    “เออดิ วันแรกก็น่าจะเพลาๆ ให้หน่อย ดูดิเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย” ฉันว่าพลางทุบขาของตัวเองไปด้วย

    “เธอรู้ใช่ป่ะ ว่าห้องเรามีนักเรียนมาใหม่” อย่าพูดถึงยัยนั่นได้มั๊ยเนี่ยยัยอินดี้

    “รู้”

    “แล้วเมื่อกี๊คุยอะไรกัน ฉันเห็นนะ” ยัยตะวันพูดขึ้น ทำให้ฉันนึกหมั่นไส้ยัยทอมเปิ้ลมากขึ้นทุกที

    “คุยอะร๊าย ไม่มี๊ ไม่ได้คุยอะไรเลย อย่ามามั่วนะยัยตะวัน”

    “เอาน่ารู้จักกันไว้เร็วๆ นั่นแหละดีแล้วเขาเป็นนักเรียนที่เข้ามาใหม่ อะไรที่เราพอจะช่วยเขาได้ก็น่าจะทำนะ” อินดี้พูดขึ้น จ้าแม่พระ ในกลุ่มของเรามีแต่พวกทะลึ่งๆ เฮฮา ไร้สาระ (บางครั้ง) มีอินดี้คนเดียวที่น่าจะเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม แต่บางทียัยนี่ก็เหมือนผีเข้าผีออกนึกอยากจะมีบทโหดก็โหดนึกอยากจะร้องไห้ก็ร้อง แต่ถ้าในกลุ่มเราถ้าไม่มีอินดี้พวกเราคงจะเรียนลำบากแหงๆ

    “พู่กันเย็นนี้ไปซิกตี้วันนะ ฉันนัดอินดี้กับข้าวปุ้นแล้ว ไหนๆ ก็เปิดเทอมทั้งทีไปสังสรรค์กันหน่อยเหอะ”

    “ก็ได้ แล้วกี่โมงล่ะ”

    “ทุ่มหนึ่ง”

    ซิกตี้วันคือคลับที่เปิดขึ้นเพื่อใช้เป็นที่สังสรรค์สำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะมีแต่วัยรุ่นของนครินทร์ผุสดีกับสหฉัตรเข้ามาบ่อยๆ ทำให้กิจการแห่งนี้รุ่งเรือง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านยัยตะวันพวกเราไปบ่อยมาก เนื่องจากยัยตะวันรู้จักกับคนของคลับเป็นการส่วนตัว ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใคร

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น