คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ
เราทุกคนยืนตากแดดเข้าแถวทำกิจกรรมกันนานสองนาน กลับไม่เห็นมีเด็กใหม่มาเปิดตัวสักทีหรือกระทั่งเลิกแถว หรือว่าสองคนนั้นจะกลับไปแล้ว นี่ละหน๋าคนเมืองไม่เคยอยู่บ้านนอกก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันส่ายหัวไปมา (ที่จริงเซ็งมากกว่า) ฉันเดินมากับเพื่อนในกลุ่ม อิว เบเบ้ ผึ้ง แอม เอริ์น โม จุดมุ่งหมายของเราคือ โรงอาหารซึ่งเป็นที่ที่วิเศษที่สุดภายในโรงเรียนเพราะเข้าไปเมื่อไหร่ทั้งเสียตังค์และอิ่มท้อง พวกเรามีร้านประจำอยู่เจ้าหนึ่ง ป้าแกเปิดขายมาประมาณสองปี (ก่อนพวกเราจะเข้ามาเรียนเสียอีก) เป็นร้านข้าวแกงและอาหารตาม(แต่)สั่งธรรมดาแต่รสชาติเด็ดมาก ใครได้ชิมต่างติดใจกันทั้งนั้น เราทั้งแก๊งค์ตบเท้าเข้ามาทานทุกเช้าหลังจากทำกิจกรรมเสร็จ
“ขอข้าวผัดคะ กระเพราะไก่ ผักพริก หมูทอดกระเทียม กระเพรารวม แล้วก็...”
“กระเพราปลาหมึกคะ/ครับ”
เสียงใครคนหนึ่งสั่งอาหารพร้อมฉัน เพราะสงสัยแกมหงุดหงิดที่มีคนมาสั่งอะไรเหมือนตัวเองจึงอดไม่ได้ที่จะหันมอง ปรากฎว่าเป็นผู้ชายหน้าโอเค (หล่อมาก) คนหนึ่งทำหน้าขรึมยืนซ้อนหลังฉันอยู่ ทำให้จั๊กจี้ไม่เบาเลย
อ้าย!! O.o ที่อื่นไม่มียืนหรือไง (คิดในใจ) ฉันพยายามไม่พูด แต่ค่อยๆแทรกตัวออกมาแบบระวังสุดๆเพราะไม่อยากให้ตัวเองไปถูกตัวผู้ชายคนนั้น อีตานั้นเหล่ตามองฉันนิดนึง ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารที่ตนสั่ง (คงไม่คิดว่าฉันบ้าหรอกนะ) แน่นอนมันเป็นนิสัยของฉันเองแหละ ^__^ ที่ไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชาย ไม่ใช่เกลียดนะ แค่มีอคตินิดนึง....ในที่สุดก็หลุดออกมาจนได้
“เฮ้อ... -.-^ รอดเสียที” ฉันพึมพำคนเดียวเงียบๆแต่วายมองกลับไปยังต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องสวมวิญญาณหอยทาก ก่อนจะเดินหน้ายี้กลับไปนั่งรอที่โต๊ะ
“เป็นไรไปจ๊ะ กระต่ายน้อยขนปุย หรือว่ามีคนมาดึงหางจ๊ะ”
ฉันอดไม่ได้จึงตีเข้าที่แขนแอมเสียครั้งนึงทำเอาอีกฝ่ายรีบหดแขนหนี
“บ้านะ”
“เออๆ ไม่กวนแล้ว ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงเดินหน้าบูดเป็นตูดลิงมาแบบนี้”
“เปล่า”
“เอาะหรอ งั้นก็แล้วไป เออว่าแต่แกเห็นนักเรียนมาไหม่หรือยัง”
“หือ ใครอะ”
“โน้นไง นั่งอยู่ตรงโน้นแน่ะ เหมือนนักร้องเกาหลีเลยอะ นี่แค่ด้านข้างนะยังหล่อขนาดนี้ ถ้าเป็นด้านหน้าจะหล่อขนาดไหนเนี้ย”
เอ้า -.-^ เอาเข้าไปเพื่อนฉันแต่ละคน เล่นเท้าคางจ้องหมอนั่นจนน้ำลายหยดเป็นปลากระป๋องปุ้มปุยไปซะแล้ว จริงซินายคนนี้หน้าตาก็โอเค ผมสีดำวาวปอยผมด้านหน้าปัดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเรียว ริมฝีปากบางผิวขาว ลักษณะท่วงท่าสง่าผึงผาย ดูมีเสน่ห์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับฉัน
“ข้าวของหนูนาเสร็จแล้วนะคะ”
เสียงคุณป้าร้านข้าวแกงตะโกนก้อง คิดไปคิดมาก็สงสารแกเหมือนกันที่ต้องมาร้องแข่งกับนักเรียนเกือบครึ่งโรงเรียน
“เออนี่เดี๋ยวฉันไปเอามาเสริฟก่อนนะ”
“เออ” แน่นอนเรื่องไรพวกนี่จะยอมละสายตาจากหมอนั่นได้ละ
ฉันทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีถืออาหารมาเสริฟเพื่อนๆถึงโต๊ะเนื่องจากถาดใส่อาหารมันเล็กจึงเหลือจานของฉันสุดท้าย เดี๋ยวค่อยมาเอาละกัน ฉันยอมทิ้งอาหารของตนเองไว้ตรงนั้นเพื่อเอาข้าวมาให้เพื่อนๆก่อน
“เอ้า ของใครก็หยิบเอาเลยนะ” ฉันวางถาดไว้ก่อนจะเดินมาเอาข้าวของตัวเอง แต่กลับมีมือของใครอีกคนมาจับจายข้าวของฉันเหมือนกัน
“นายอีกแล้วเหรอเนี่ย ปล่อยนะนี่มันของฉัน”
เขาเหล่มองเช่นเคย
“ขอโทษ..”
ฉันเกือบยอมใจอ่อนหากไม่ได้ยินคำส่งท้ายที่ว่า
“ไม่อยากแตะเท่าไหร่หรอก หากไม่คิดว่ามันเป็นของฉัน”
ฉุนเลยคะ ในเวลานี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเขาพูดเป็นนัยไว้ให้คิดจริงจริง ฮึย อยากชกสักหมัดจัง ~ >.< ~
“ขอโทษคะ ฉันจะไปเอาช้อน”
“ฉันไม่ได้มัดขาเธอไว้นี่”
ฉันหยุดลงทันที ครั้งที่สองแล้ว ฉันพยายามใจเย็นไม่ทำอะไรวู่วามต่อหน้านักเรียนรุ่นน้องรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน ฉันเดินไปหยิบช้อนแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมในใจนึกด่าหมอนั่นสารพัด
“เอ้ยแก เป็นไรอีกอะ” ผึ้งสะกิดแขนฉัน
“เปล่า” เพื่อนๆเอ่ยขึ้นพร้อมฉันอย่างรู้ทัน
“ประจำ...” อิวทิ้งท้าย
“เอ้ย มีอะไรบอกได้นะ”
“เปล่ามี ทานข้าวเหอะ หิวแล้ว เดี๋ยวไม่อร่อย” ฉันตัดบทอีกตามเคย
“เหอะ แน่อยู่แล้ว ถ้าพี่ทีมาทานด้วย โน้นยิ้มหวานมาแต่ไกลเชียว เฮ้ย! อิว ผึ้งขยับซิ”
แอมกล่าวลอยๆไม่นานพี่ทีรุ่นพี่ที่อยู่คณะเดียวกันก็มานั่งแทรกข้างกายฉันดีที่เขาขยับห่างออกนิดนึง
“รอนานไม่จ๊ะน้องนา”
“ใครบอกว่ารอ” คำตอบของฉันเล่นเอาพี่ทีหุบยิ้มเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนต่างปิดปากหัวเราะกันเป็นแถว กระนั้นพี่เค้ายังสามารถปั้นหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
“ทานข้าวเสร็จแล้ว ให้พี่ไปส่งที่ห้องเรียนนะ”
“ไม่ละคะ ห้องเรียนไม่ขาวิ่งหนีไม่ได้ พวกเราอิ่มแล้วขอตัวก่อนนะคะต้องรีบเข้าเรียนเดี๋ยวอาจารย์บ่น”
ฉันยอมเสียมารยาทลุกเดินออกจากโต๊ะโดยไม่ยอมหันกลับพี่ทีเลย ในทางกลับกันฉันกลับหันมองนายขี้เก็กจอมหยิ่งนั้นแทน นี่มันอะไรกันเนี้ย เราบ้าไปแล้วรึไงถึงมองตานั่น โอ้ย!!! บ๊องจริงๆ ยัยนาเอ้ย....
"เออนี่แก ฉันว่าพี่ทีเขาก็ดูดีนะ ลูกคนรวยด้วยนะ..."
"แต่ทำตัวติดดิน.." ผึ้งพึมพำ
"พวกแกจะพูดอะไรกันแน่"
"คือ ฉันก็อยากให้แกลองรับพี่ทีมาพิจารณาสักครั้งเท่านั้นเอง"
"ไม่มีทาง โนๆ" เรื่องอะไรจะเอาห่วงมาห้อยคอเล่า
"เรื่องนั้นหยุดไว้ก่อนเหอะ ว่าแต่ใครเอา แกรมม่ามาบ้าง"
เบเบ้เอ่ยถาม
แน่นอนฉันซิ แต่เอ๊ะอยู่ไหนละเนี้ย เอ้ยไม่เห็น
"นาแก เป็นอะไรจะฉีกกระเป๋าหรือไง ค้นอยู่ได้"
"ฉันต้องลืมหนังสือไว้ที่โต๊ะกินข้าวแน่เลยแก เดี๋ยวขอฉันกลับไปเอาก่อนนะ"
"เอ้ยไปด้วย"
ฉันไม่รออนุญาติรีบบึ่งไปที่โตวนั้นแบบเต็มสติม พอไปถึงกลับพบแค่ความว่างเปล่า ตายแน่ฉัน ตายแน่ๆ อาจารย์ต้องด่าแน่เลย แค่คิดก็สยอง ฉันงานหาอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่ามันอยู่ตรงหน้าและพบว่ามีมือใครคนหนึ่งอยู่ด้วย ฉันไม่ยอมลังเลที่จะยื่นมือออกไปรับมัน
"ขอบคุณคะ"
"ไม่เป็นไร มันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น"
อึก!น้ำเสียงเหยียดหยามแบบนี้ อย่าบอกนะว่า...
"นาย!!!!!"
"อย่ามาชี้หน้าฉัน ฉันไม่ชอบ คราวหน้าคราวหลังก็เก็บไว้ดีหน่อย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง"
ว่าแล้วเดินหนีเหรอ มีหรือคนอย่างเกล็ดนาคาจะยอม
"เดี๋ยว นายกล้าดียังไงมาว่าหนังสือฉันเป็นขยะ"
เขาหยุดยืนกอดอกมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเย็นชา
"ถ้าเห็นว่าเป็นขยะแล้วเก็บไว้ทำไม ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายเก็บไว้ให้ซะหน่อย"
"ก็แล้วแต่จะคิด.."
ตาบ้าเอ้ยพูดแล้วเดินหนี น่าโมโหชะมัด
"นายน้ำแข็งเอ้ย!!"
แต่ก็ยังดีที่หนังสือสุดที่รักไม่หายไป เฮ้อ! อย่างน้อยก็ไม่โดนด่า
ที่จริงอีตานั่นก็นิสัยใช้ได้นะหากไม่ติดที่ชอบพูดเสียดแทงใจคน ฉันคงจะชื่นชมได้เต็มที่ แต่เวลาเท่าไหร่แล้วเนี้ย
10:45 น. อ้าย!!! >.< เข้าเรียนสายจนได้ซวยแน่ๆอุตส่าห์นึกว่ารอดแล้วเชียว.............
ความคิดเห็น