ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องวุ่นๆลุ้นรักนายไฮโซ

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 54


    เราทุกคนยืนตากแดดเข้าแถวทำกิจกรรมกันนานสองนาน กลับไม่เห็นมีเด็กใหม่มาเปิดตัวสักทีหรือกระทั่งเลิกแถว หรือว่าสองคนนั้นจะกลับไปแล้ว นี่ละหน๋าคนเมืองไม่เคยอยู่บ้านนอกก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันส่ายหัวไปมา (ที่จริงเซ็งมากกว่า) ฉันเดินมากับเพื่อนในกลุ่ม อิว เบเบ้ ผึ้ง แอม เอริ์น โม จุดมุ่งหมายของเราคือ โรงอาหารซึ่งเป็นที่ที่วิเศษที่สุดภายในโรงเรียนเพราะเข้าไปเมื่อไหร่ทั้งเสียตังค์และอิ่มท้อง พวกเรามีร้านประจำอยู่เจ้าหนึ่ง ป้าแกเปิดขายมาประมาณสองปี (ก่อนพวกเราจะเข้ามาเรียนเสียอีก) เป็นร้านข้าวแกงและอาหารตาม(แต่)สั่งธรรมดาแต่รสชาติเด็ดมาก ใครได้ชิมต่างติดใจกันทั้งนั้น เราทั้งแก๊งค์ตบเท้าเข้ามาทานทุกเช้าหลังจากทำกิจกรรมเสร็จ

    “ขอข้าวผัดคะ กระเพราะไก่ ผักพริก หมูทอดกระเทียม กระเพรารวม แล้วก็...”

    “กระเพราปลาหมึกคะ/ครับ”

    เสียงใครคนหนึ่งสั่งอาหารพร้อมฉัน เพราะสงสัยแกมหงุดหงิดที่มีคนมาสั่งอะไรเหมือนตัวเองจึงอดไม่ได้ที่จะหันมอง ปรากฎว่าเป็นผู้ชายหน้าโอเค (หล่อมาก) คนหนึ่งทำหน้าขรึมยืนซ้อนหลังฉันอยู่ ทำให้จั๊กจี้ไม่เบาเลย

     อ้าย!! O.o  ที่อื่นไม่มียืนหรือไง (คิดในใจ) ฉันพยายามไม่พูด แต่ค่อยๆแทรกตัวออกมาแบบระวังสุดๆเพราะไม่อยากให้ตัวเองไปถูกตัวผู้ชายคนนั้น อีตานั้นเหล่ตามองฉันนิดนึง ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารที่ตนสั่ง (คงไม่คิดว่าฉันบ้าหรอกนะ) แน่นอนมันเป็นนิสัยของฉันเองแหละ ^__^ ที่ไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชาย ไม่ใช่เกลียดนะ แค่มีอคตินิดนึง....ในที่สุดก็หลุดออกมาจนได้

    “เฮ้อ... -.-^ รอดเสียที” ฉันพึมพำคนเดียวเงียบๆแต่วายมองกลับไปยังต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องสวมวิญญาณหอยทาก ก่อนจะเดินหน้ายี้กลับไปนั่งรอที่โต๊ะ

    “เป็นไรไปจ๊ะ กระต่ายน้อยขนปุย หรือว่ามีคนมาดึงหางจ๊ะ”

    ฉันอดไม่ได้จึงตีเข้าที่แขนแอมเสียครั้งนึงทำเอาอีกฝ่ายรีบหดแขนหนี

    “บ้านะ”

    “เออๆ ไม่กวนแล้ว ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงเดินหน้าบูดเป็นตูดลิงมาแบบนี้”

    “เปล่า”

    “เอาะหรอ งั้นก็แล้วไป เออว่าแต่แกเห็นนักเรียนมาไหม่หรือยัง”

    “หือ ใครอะ”

    “โน้นไง นั่งอยู่ตรงโน้นแน่ะ เหมือนนักร้องเกาหลีเลยอะ นี่แค่ด้านข้างนะยังหล่อขนาดนี้ ถ้าเป็นด้านหน้าจะหล่อขนาดไหนเนี้ย”

    เอ้า -.-^ เอาเข้าไปเพื่อนฉันแต่ละคน เล่นเท้าคางจ้องหมอนั่นจนน้ำลายหยดเป็นปลากระป๋องปุ้มปุยไปซะแล้ว จริงซินายคนนี้หน้าตาก็โอเค ผมสีดำวาวปอยผมด้านหน้าปัดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเรียว ริมฝีปากบางผิวขาว ลักษณะท่วงท่าสง่าผึงผาย ดูมีเสน่ห์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับฉัน

    “ข้าวของหนูนาเสร็จแล้วนะคะ”

    เสียงคุณป้าร้านข้าวแกงตะโกนก้อง คิดไปคิดมาก็สงสารแกเหมือนกันที่ต้องมาร้องแข่งกับนักเรียนเกือบครึ่งโรงเรียน

    “เออนี่เดี๋ยวฉันไปเอามาเสริฟก่อนนะ”

    “เออ” แน่นอนเรื่องไรพวกนี่จะยอมละสายตาจากหมอนั่นได้ละ

                    ฉันทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีถืออาหารมาเสริฟเพื่อนๆถึงโต๊ะเนื่องจากถาดใส่อาหารมันเล็กจึงเหลือจานของฉันสุดท้าย เดี๋ยวค่อยมาเอาละกัน ฉันยอมทิ้งอาหารของตนเองไว้ตรงนั้นเพื่อเอาข้าวมาให้เพื่อนๆก่อน

    “เอ้า ของใครก็หยิบเอาเลยนะ” ฉันวางถาดไว้ก่อนจะเดินมาเอาข้าวของตัวเอง แต่กลับมีมือของใครอีกคนมาจับจายข้าวของฉันเหมือนกัน

    “นายอีกแล้วเหรอเนี่ย ปล่อยนะนี่มันของฉัน”

    เขาเหล่มองเช่นเคย

    “ขอโทษ..”

    ฉันเกือบยอมใจอ่อนหากไม่ได้ยินคำส่งท้ายที่ว่า

    “ไม่อยากแตะเท่าไหร่หรอก หากไม่คิดว่ามันเป็นของฉัน”

    ฉุนเลยคะ ในเวลานี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเขาพูดเป็นนัยไว้ให้คิดจริงจริง ฮึย อยากชกสักหมัดจัง ~ >.< ~

    “ขอโทษคะ ฉันจะไปเอาช้อน”

    “ฉันไม่ได้มัดขาเธอไว้นี่”

    ฉันหยุดลงทันที ครั้งที่สองแล้ว ฉันพยายามใจเย็นไม่ทำอะไรวู่วามต่อหน้านักเรียนรุ่นน้องรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน ฉันเดินไปหยิบช้อนแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมในใจนึกด่าหมอนั่นสารพัด

    “เอ้ยแก เป็นไรอีกอะ” ผึ้งสะกิดแขนฉัน

    “เปล่า” เพื่อนๆเอ่ยขึ้นพร้อมฉันอย่างรู้ทัน

    “ประจำ...” อิวทิ้งท้าย

    “เอ้ย มีอะไรบอกได้นะ”

    “เปล่ามี ทานข้าวเหอะ หิวแล้ว เดี๋ยวไม่อร่อย” ฉันตัดบทอีกตามเคย

    “เหอะ แน่อยู่แล้ว ถ้าพี่ทีมาทานด้วย โน้นยิ้มหวานมาแต่ไกลเชียว เฮ้ย! อิว ผึ้งขยับซิ”

    แอมกล่าวลอยๆไม่นานพี่ทีรุ่นพี่ที่อยู่คณะเดียวกันก็มานั่งแทรกข้างกายฉันดีที่เขาขยับห่างออกนิดนึง

    “รอนานไม่จ๊ะน้องนา”

    “ใครบอกว่ารอ” คำตอบของฉันเล่นเอาพี่ทีหุบยิ้มเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนต่างปิดปากหัวเราะกันเป็นแถว กระนั้นพี่เค้ายังสามารถปั้นหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

    “ทานข้าวเสร็จแล้ว ให้พี่ไปส่งที่ห้องเรียนนะ”

    “ไม่ละคะ ห้องเรียนไม่ขาวิ่งหนีไม่ได้ พวกเราอิ่มแล้วขอตัวก่อนนะคะต้องรีบเข้าเรียนเดี๋ยวอาจารย์บ่น”

    ฉันยอมเสียมารยาทลุกเดินออกจากโต๊ะโดยไม่ยอมหันกลับพี่ทีเลย ในทางกลับกันฉันกลับหันมองนายขี้เก็กจอมหยิ่งนั้นแทน นี่มันอะไรกันเนี้ย เราบ้าไปแล้วรึไงถึงมองตานั่น โอ้ย!!! บ๊องจริงๆ ยัยนาเอ้ย....
                     "เออนี่แก ฉันว่าพี่ทีเขาก็ดูดีนะ ลูกคนรวยด้วยนะ..."
    "แต่ทำตัวติดดิน.." ผึ้งพึมพำ
    "พวกแกจะพูดอะไรกันแน่"
    "คือ ฉันก็อยากให้แกลองรับพี่ทีมาพิจารณาสักครั้งเท่านั้นเอง"
    "ไม่มีทาง โนๆ" เรื่องอะไรจะเอาห่วงมาห้อยคอเล่า
    "เรื่องนั้นหยุดไว้ก่อนเหอะ ว่าแต่ใครเอา แกรมม่ามาบ้าง"
    เบเบ้เอ่ยถาม
    แน่นอนฉันซิ แต่เอ๊ะอยู่ไหนละเนี้ย เอ้ยไม่เห็น
    "นาแก เป็นอะไรจะฉีกกระเป๋าหรือไง ค้นอยู่ได้"
    "ฉันต้องลืมหนังสือไว้ที่โต๊ะกินข้าวแน่เลยแก เดี๋ยวขอฉันกลับไปเอาก่อนนะ"
    "เอ้ยไปด้วย"
    ฉันไม่รออนุญาติรีบบึ่งไปที่โตวนั้นแบบเต็มสติม พอไปถึงกลับพบแค่ความว่างเปล่า ตายแน่ฉัน ตายแน่ๆ อาจารย์ต้องด่าแน่เลย แค่คิดก็สยอง ฉันงานหาอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่ามันอยู่ตรงหน้าและพบว่ามีมือใครคนหนึ่งอยู่ด้วย ฉันไม่ยอมลังเลที่จะยื่นมือออกไปรับมัน
    "ขอบคุณคะ"
    "ไม่เป็นไร มันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น"
    อึก!น้ำเสียงเหยียดหยามแบบนี้ อย่าบอกนะว่า...
    "นาย!!!!!"
    "อย่ามาชี้หน้าฉัน ฉันไม่ชอบ คราวหน้าคราวหลังก็เก็บไว้ดีหน่อย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง"
    ว่าแล้วเดินหนีเหรอ มีหรือคนอย่างเกล็ดนาคาจะยอม
    "เดี๋ยว นายกล้าดียังไงมาว่าหนังสือฉันเป็นขยะ"
    เขาหยุดยืนกอดอกมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเย็นชา
    "ถ้าเห็นว่าเป็นขยะแล้วเก็บไว้ทำไม ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายเก็บไว้ให้ซะหน่อย"
    "ก็แล้วแต่จะคิด.."
    ตาบ้าเอ้ยพูดแล้วเดินหนี น่าโมโหชะมัด
    "นายน้ำแข็งเอ้ย!!"
    แต่ก็ยังดีที่หนังสือสุดที่รักไม่หายไป เฮ้อ! อย่างน้อยก็ไม่โดนด่า
    ที่จริงอีตานั่นก็นิสัยใช้ได้นะหากไม่ติดที่ชอบพูดเสียดแทงใจคน ฉันคงจะชื่นชมได้เต็มที่ แต่เวลาเท่าไหร่แล้วเนี้ย
    10:45 น. อ้าย!!! >.< เข้าเรียนสายจนได้ซวยแน่ๆอุตส่าห์นึกว่ารอดแล้วเชียว.............

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×