ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ก้าวแรก
หลังจากที่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ และ พระชายาสร้อยฟ้า พร้อมด้วยพระธิดาบุญธรรม "ม่านแก้ว" ได้เสด็จกลับไปพักผ่อนพระวรกายจากการเดินทางไกลภายในพระตำหนัก ณ "วังจักรทิพย์"อันเป็นวังที่ประทับส่วนพระองค์แล้วนั้น ในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง สมเด็จพระเจ้าหลวง พระมหาจักรพรรดิ์ และ สมเด็จพระนางเจ้าแก้วกัลยา พระมหารานี จึงได้มีพระบรมราชโองการรับสั่งให้เข้าเฝ้ายัง ณ พระที่นั่งมหาสุรเทพ ภายในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงสอบถามเรื่องพระกรณียกิจที่ได้ทรงหมอบหมาย ตลอดจนเรื่องการรับตัวพระธิดาบุญธรรมของพระเจ้าน้องยาเธอฯ อีกด้วย
ดังนั้น ในช่วงเวลาเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ จึงได้เสด็จพระดำเนินพร้อมด้วย พระชายาสร้อยฟ้า,คุณท้าวการะเกด,พระองค์หญิงจันทกา และ พระธิดาบุญธรรม "ม่านแก้ว"ตลอดจนเหล่านางกำนัลภายในพระตำหนักจำนวนหนึ่ง เสด็จเข้าไปยังภายในพระบรมมหาราชวังหลวง ซึ่งตลอดทางนั้นต่างก็ได้รับการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงยิ่งจากเหล่าพระบรมวงศ์ฝ่ายในที่ประทับอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังแห่งนั้น เนื่องจาก พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ นั้น ถือได้ว่าทรงเป็นพระอนุชาธิราชในสมเด็จพระเจ้าหลวงที่ทรงสนิทสนมเป็นที่สุด ด้วยทรงเป็นพระอนุชาร่วมพระบรมราชบิดาเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ซึ่งนอกเหนือจาก พระอนุชาพระองค์นี้ ก็คงจะมีเพียงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อีก ๒ พระองค์ และ พระเจ้าน้องนางเธอ อีกหลายพระองค์ด้วยกัน จึงทำให้ทั้งสองพระองค์จึงทรงมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
ณ พระที่นั่งมหาสุรเทพ ภายในท้องพระโรงนั้น คราคร่ำไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย ที่ต่างก็แต่งองค์ด้วยเครื่องทรงเต็มพระยศ เพื่อเตรียมการที่จะรอรับเสด็จ องค์สมเด็จพระเจ้าหลวงและสมเด็จพระมหารานีนั่นเอง และเมื่อพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ และคณะผู้ตามเสด็จได้เสด็จพระดำเนินเข้าไปถึงยังภายในท้องพระโรงแห่งนั้นแล้ว จึงได้เสด็จตรงเข้าไปถวายความเคารพแก่พระบรมวงศ์ซึ่งทรงมีพระอิศริยยศสูงสุดในที่แห่งนั้นทันที ซึ่งผู้ที่ทรงเสด็จพระดำเนินตรงเข้าไปถวายความเคารพก่อนพระบรมวงศ์ใดๆนั้นก็คือ องค์"สมเด็จพระพันปีหลวง พระนางเจ้ากุสุมาวดี พระบรมราชชนนี" พระราชมารดาในสมเด็จพระเจ้าหลวงนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นทรงประทับอยู่บนพระแท่น เยื้องๆกับพระราชอาสน์ขององค์พระเจ้าหลวงและพระมหารานี ทรงแต่งพระองค์ด้วยเครื่องทรงอย่างพระบรมวงศ์ชั้นสูงสุด สีทองอร่ามดูน่าเกรงขามและงดงามตามพระชันษานั้น
"ถวายพระพรสมเด็จพระพันปี ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญด้วยพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเจ้าข้า" พระเจ้าน้องยาเธอฯ ทรงนำการถวายความเคารพต่อสมเด็จพระพันปีหลวง ซึ่งก็ทรงได้รับพระเสาวนีย์ตอบกลับด้วยพระเมตตายิ่งนัก
"ขอบใจมากชายจักร เจ้ากลับมาแล้วรึ สบายดีรึไม่"
"ขอบพระทัยพระจ้าข้า ข้าพระบาทและพระชายาสบายดีพระเจ้าข้า"
"งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไหน..ได้ยินมาว่าเจ้าไปครั้งนี้เพื่อไปรับตัวพระธิดาบุญธรรมมาด้วยรึ ไหนขอเราเห็นหน้าหน่อยเถอะ" ทรงมีพระเสาวนีย์ถึง ม่านแก้ว ทันที ทำให้พระชายาสร้อยฟ้าห้องหันพระวรองค์ไปทางเบื้องหลัง ก่อนที่จะมีรับสั่งให้คุณท้าวประจำองค์ ให้ส่วตัวม่านแก้วให้กับพระองค์ ก่อนที่จะทรงมีรับสั่งตอบกลับสมเด็จพระพันปีด้วยความเคารพยิ่ง
"ม่านแก้วอยู่ที่นี่แล้วเพคะ สมเด็จฯ" จากนั้นจึงได้ส่งตัวม่านแก้วให้คลานเข่าเข้าไปพบ สมเด็จพระพันปีหลวง ณ เบื้องพระแท่นที่ประทับนั้นทันที ซึ่งภายหลังจากที่ทรงทอดพระเนตรใบหน้าของม่านแก้ว ซึ่งบัดนี้จนพอพระทัยแล้ว จึงได้ผินพระพักตร์ไปยังพระชายาสร้อยฟ้าก่อนที่จะมีพระเสาวนีย์กับพระชายา
"อืม...กิริยามารยาทใช้ได้ทีเดียว หน้าตารึก็สวยงามสมวัย โตขึ้นคงจะงามไม่แพ้ "สร้อยแก้ว" น้องของเจ้าดอกนะนี่"
"เพคะ หม่อมฉันเองได้เห็นหน้าครั้งแรก ก็ยังคิดว่า ช่างเหมือนกับสร้อยแก้วสมัยเด็กๆมากทีเดียวเพคะ" พระชายาทรงรับสั่งตอบ
"หม่อมฉันก็ว่าอย่างนั้นเพคะ สมเด็จแม่ นี่ถ้าสมเด็จฯเสด็จออกมาทอดเนตรเห็นละก็ หม่อมฉันว่า พระองค์จะต้องทรงนึกรักเด็กคนนี้แน่นอนเพคะ หรือหญิงสุดาว่าอย่างไรจ้ะ" สตรีอีกผู้หนึ่งที่ประทับอยู่เคียงข้างพระพันปีหลวงทรงมีรับสั่งออกมาบ้าง ซึ่งพระนางก็คือ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าหญิงกุสุมโกมล อัครเทวีสุดา" ซึ่งก็ทรงหันไปรับสั่งถามความเห็นจากพระน้องนางอีกพระองค์ที่ประทับถัดออกไปข้างๆพระองค์คือ "สมด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี อัครราชาวดี" พระพี่นางในสมเด็จพระเจ้าหลวงนั่นเอง ซึ่งก็ทรงมีรับสั่งออกมาว่า
"หญิงก็ว่าเช่นนั้นเพคะ"
และยังไม่ทันที่จะทรงมีรับสั่งเช่นไรกันต่อนั้น มหาดเล็กก็ออกมาประกาศว่า สมเด็จพระเจ้าหลวง และ พระมหารานี กำลังจะเสด็จออกมายังท้องพระโรงแล้ว ทำให้ทุกพระองคืในที่นั้นต้องหยูดบทสนทนาในทันที ก่อนที่จะลุกจากที่ประทับนั้น ขึ้นมาประทับยืนรอการเสด็จออกของทั้งสองพระองค์ โดยทรงหันพระวรองค์ไปยังพระราชอาสน์ใต้พระมหาเศวตฉัตรในท้องพระโรงแห่งนั้น สักพักหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าหลวง พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระมหารานี พร้อมด้วย "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาจักราวุธ พระบรมราชโอรส" จึงได้เสด็จออกมายังบนพระราชอาสน์ พร้อมๆกับการถวายความเคารพและถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันของทุกๆพระองค์ในที่นั้น และเมื่อประทับบนพระราชอาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์อื่นๆจึงได้ประทับบนพระที่ของแต่ละพระองค์บ้าง และหลังจากที่ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งทักทายพระบรมวงศ์จนทั่วแล้ว สมเด็จพระเจ้าหลวงจึงได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์โดยตรง
"เป็นอย่างไรบ้างชายจักร, พระชายาสร้อยฟ้า การเดินทางสบายดีรึ เราต้องขอขอบพระทัยทั้งสองพระองค์มากที่เสด็จออกไปปฏิบัติพระกรณียกิจแทนเราในครั้งนี้"
"หามิได้พระเจ้าข้า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่างหากพระเจ้าข้า ที่ทรงไว้พระทัยให้ข้าพระบาทปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในครั้งนี้"
"เอาเถอะ อย่างไรเสียเราก็ต้องขอขอบใจทั้งสององค์อยู่ดี นั่นแหละ...จริงสิไหนว่า ไปครั้งนี้จะไปรับตัวธิดากำพร้าของน้องสาวของพระชายาสร้อยฟ้ามาด้วยมิใช่รึ แล้วอยู่เสียที่ไหนเล่า"
"อยู่นี่แล้วเพคะ" พระชายาสร้อยฟ้าทูลตอบก่อนที่จะรีบ พาม่านแก้วคลานเข่าเข้าไปเบื้องพระบาททั้งสององค์ ซึ่งม่านแก้วก็สามารถทำได้ดีตามที่ได้รับการอบรมาก่อนหน้านี้แล้ว และในขณะที่ทุกๆพระองค์กำลังให้ความสนพระทัยกับเรื่องนี้อยู่นั้นเอง ณ ที่ประทับอีกด้านหนึ่ง ในฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นที่ประทับของ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายุทธศักดา" (ทรงเป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอในสมเด็จพระเจ้าหลวงพระองค์ก่อน) พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังเบื้องพระราชอาสน์ด้วยสายพระเนตรที่ไม่ทรงพอพระทัย ด้วยทรงเห็นว่า ม่านแก้วเป็นเพียงเด็กกำพร้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะต้องทรงสนพระทัยถึงขนาดนี้ เช่นเดียวกับ คุณท้าวการะเกด ชายาในพระองค์เจ้าจักรทิพย์ ที่ก็กำลังมองดูด้วยไม่พอใจ และมีสีหน้าและแววตาที่หากมีพระองค์ใดหรือผู้ใดในที่นั้นได้เห็น ย่อมต้องรู้สึกไม่สบายใจต่อสายตานั้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น ในช่วงเวลาเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ จึงได้เสด็จพระดำเนินพร้อมด้วย พระชายาสร้อยฟ้า,คุณท้าวการะเกด,พระองค์หญิงจันทกา และ พระธิดาบุญธรรม "ม่านแก้ว"ตลอดจนเหล่านางกำนัลภายในพระตำหนักจำนวนหนึ่ง เสด็จเข้าไปยังภายในพระบรมมหาราชวังหลวง ซึ่งตลอดทางนั้นต่างก็ได้รับการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงยิ่งจากเหล่าพระบรมวงศ์ฝ่ายในที่ประทับอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังแห่งนั้น เนื่องจาก พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ นั้น ถือได้ว่าทรงเป็นพระอนุชาธิราชในสมเด็จพระเจ้าหลวงที่ทรงสนิทสนมเป็นที่สุด ด้วยทรงเป็นพระอนุชาร่วมพระบรมราชบิดาเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ซึ่งนอกเหนือจาก พระอนุชาพระองค์นี้ ก็คงจะมีเพียงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อีก ๒ พระองค์ และ พระเจ้าน้องนางเธอ อีกหลายพระองค์ด้วยกัน จึงทำให้ทั้งสองพระองค์จึงทรงมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
ณ พระที่นั่งมหาสุรเทพ ภายในท้องพระโรงนั้น คราคร่ำไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย ที่ต่างก็แต่งองค์ด้วยเครื่องทรงเต็มพระยศ เพื่อเตรียมการที่จะรอรับเสด็จ องค์สมเด็จพระเจ้าหลวงและสมเด็จพระมหารานีนั่นเอง และเมื่อพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ และคณะผู้ตามเสด็จได้เสด็จพระดำเนินเข้าไปถึงยังภายในท้องพระโรงแห่งนั้นแล้ว จึงได้เสด็จตรงเข้าไปถวายความเคารพแก่พระบรมวงศ์ซึ่งทรงมีพระอิศริยยศสูงสุดในที่แห่งนั้นทันที ซึ่งผู้ที่ทรงเสด็จพระดำเนินตรงเข้าไปถวายความเคารพก่อนพระบรมวงศ์ใดๆนั้นก็คือ องค์"สมเด็จพระพันปีหลวง พระนางเจ้ากุสุมาวดี พระบรมราชชนนี" พระราชมารดาในสมเด็จพระเจ้าหลวงนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นทรงประทับอยู่บนพระแท่น เยื้องๆกับพระราชอาสน์ขององค์พระเจ้าหลวงและพระมหารานี ทรงแต่งพระองค์ด้วยเครื่องทรงอย่างพระบรมวงศ์ชั้นสูงสุด สีทองอร่ามดูน่าเกรงขามและงดงามตามพระชันษานั้น
"ถวายพระพรสมเด็จพระพันปี ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญด้วยพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเจ้าข้า" พระเจ้าน้องยาเธอฯ ทรงนำการถวายความเคารพต่อสมเด็จพระพันปีหลวง ซึ่งก็ทรงได้รับพระเสาวนีย์ตอบกลับด้วยพระเมตตายิ่งนัก
"ขอบใจมากชายจักร เจ้ากลับมาแล้วรึ สบายดีรึไม่"
"ขอบพระทัยพระจ้าข้า ข้าพระบาทและพระชายาสบายดีพระเจ้าข้า"
"งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไหน..ได้ยินมาว่าเจ้าไปครั้งนี้เพื่อไปรับตัวพระธิดาบุญธรรมมาด้วยรึ ไหนขอเราเห็นหน้าหน่อยเถอะ" ทรงมีพระเสาวนีย์ถึง ม่านแก้ว ทันที ทำให้พระชายาสร้อยฟ้าห้องหันพระวรองค์ไปทางเบื้องหลัง ก่อนที่จะมีรับสั่งให้คุณท้าวประจำองค์ ให้ส่วตัวม่านแก้วให้กับพระองค์ ก่อนที่จะทรงมีรับสั่งตอบกลับสมเด็จพระพันปีด้วยความเคารพยิ่ง
"ม่านแก้วอยู่ที่นี่แล้วเพคะ สมเด็จฯ" จากนั้นจึงได้ส่งตัวม่านแก้วให้คลานเข่าเข้าไปพบ สมเด็จพระพันปีหลวง ณ เบื้องพระแท่นที่ประทับนั้นทันที ซึ่งภายหลังจากที่ทรงทอดพระเนตรใบหน้าของม่านแก้ว ซึ่งบัดนี้จนพอพระทัยแล้ว จึงได้ผินพระพักตร์ไปยังพระชายาสร้อยฟ้าก่อนที่จะมีพระเสาวนีย์กับพระชายา
"อืม...กิริยามารยาทใช้ได้ทีเดียว หน้าตารึก็สวยงามสมวัย โตขึ้นคงจะงามไม่แพ้ "สร้อยแก้ว" น้องของเจ้าดอกนะนี่"
"เพคะ หม่อมฉันเองได้เห็นหน้าครั้งแรก ก็ยังคิดว่า ช่างเหมือนกับสร้อยแก้วสมัยเด็กๆมากทีเดียวเพคะ" พระชายาทรงรับสั่งตอบ
"หม่อมฉันก็ว่าอย่างนั้นเพคะ สมเด็จแม่ นี่ถ้าสมเด็จฯเสด็จออกมาทอดเนตรเห็นละก็ หม่อมฉันว่า พระองค์จะต้องทรงนึกรักเด็กคนนี้แน่นอนเพคะ หรือหญิงสุดาว่าอย่างไรจ้ะ" สตรีอีกผู้หนึ่งที่ประทับอยู่เคียงข้างพระพันปีหลวงทรงมีรับสั่งออกมาบ้าง ซึ่งพระนางก็คือ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าหญิงกุสุมโกมล อัครเทวีสุดา" ซึ่งก็ทรงหันไปรับสั่งถามความเห็นจากพระน้องนางอีกพระองค์ที่ประทับถัดออกไปข้างๆพระองค์คือ "สมด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี อัครราชาวดี" พระพี่นางในสมเด็จพระเจ้าหลวงนั่นเอง ซึ่งก็ทรงมีรับสั่งออกมาว่า
"หญิงก็ว่าเช่นนั้นเพคะ"
และยังไม่ทันที่จะทรงมีรับสั่งเช่นไรกันต่อนั้น มหาดเล็กก็ออกมาประกาศว่า สมเด็จพระเจ้าหลวง และ พระมหารานี กำลังจะเสด็จออกมายังท้องพระโรงแล้ว ทำให้ทุกพระองคืในที่นั้นต้องหยูดบทสนทนาในทันที ก่อนที่จะลุกจากที่ประทับนั้น ขึ้นมาประทับยืนรอการเสด็จออกของทั้งสองพระองค์ โดยทรงหันพระวรองค์ไปยังพระราชอาสน์ใต้พระมหาเศวตฉัตรในท้องพระโรงแห่งนั้น สักพักหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าหลวง พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระมหารานี พร้อมด้วย "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาจักราวุธ พระบรมราชโอรส" จึงได้เสด็จออกมายังบนพระราชอาสน์ พร้อมๆกับการถวายความเคารพและถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันของทุกๆพระองค์ในที่นั้น และเมื่อประทับบนพระราชอาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์อื่นๆจึงได้ประทับบนพระที่ของแต่ละพระองค์บ้าง และหลังจากที่ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งทักทายพระบรมวงศ์จนทั่วแล้ว สมเด็จพระเจ้าหลวงจึงได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์โดยตรง
"เป็นอย่างไรบ้างชายจักร, พระชายาสร้อยฟ้า การเดินทางสบายดีรึ เราต้องขอขอบพระทัยทั้งสองพระองค์มากที่เสด็จออกไปปฏิบัติพระกรณียกิจแทนเราในครั้งนี้"
"หามิได้พระเจ้าข้า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่างหากพระเจ้าข้า ที่ทรงไว้พระทัยให้ข้าพระบาทปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในครั้งนี้"
"เอาเถอะ อย่างไรเสียเราก็ต้องขอขอบใจทั้งสององค์อยู่ดี นั่นแหละ...จริงสิไหนว่า ไปครั้งนี้จะไปรับตัวธิดากำพร้าของน้องสาวของพระชายาสร้อยฟ้ามาด้วยมิใช่รึ แล้วอยู่เสียที่ไหนเล่า"
"อยู่นี่แล้วเพคะ" พระชายาสร้อยฟ้าทูลตอบก่อนที่จะรีบ พาม่านแก้วคลานเข่าเข้าไปเบื้องพระบาททั้งสององค์ ซึ่งม่านแก้วก็สามารถทำได้ดีตามที่ได้รับการอบรมาก่อนหน้านี้แล้ว และในขณะที่ทุกๆพระองค์กำลังให้ความสนพระทัยกับเรื่องนี้อยู่นั้นเอง ณ ที่ประทับอีกด้านหนึ่ง ในฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นที่ประทับของ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายุทธศักดา" (ทรงเป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอในสมเด็จพระเจ้าหลวงพระองค์ก่อน) พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังเบื้องพระราชอาสน์ด้วยสายพระเนตรที่ไม่ทรงพอพระทัย ด้วยทรงเห็นว่า ม่านแก้วเป็นเพียงเด็กกำพร้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะต้องทรงสนพระทัยถึงขนาดนี้ เช่นเดียวกับ คุณท้าวการะเกด ชายาในพระองค์เจ้าจักรทิพย์ ที่ก็กำลังมองดูด้วยไม่พอใจ และมีสีหน้าและแววตาที่หากมีพระองค์ใดหรือผู้ใดในที่นั้นได้เห็น ย่อมต้องรู้สึกไม่สบายใจต่อสายตานั้นอย่างแน่นอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น