คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดเปลี่ยนแปลง
ขบวนเสด็จพระราชดำเนินของ "พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์" และ "พระชายาสร้อยฟ้า" เป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ทั้งด้วยจำนวนของเหล่านางกำนัลและนางในจำนวนมาก พร้อมด้วยเหล่ากองทหารเกียรติยศอีกหลายร้อยนายนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจและประทับใจแก่ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ที่ต่างก็มารอเฝ้ารับเสด็จทั้งสองพระองค์เป็นอย่างยิ่ง กอปรกับทั้งสองพระองค์มิได้ทรงถือพระองค์ใดๆทั้งสิ้น ทั้งโบกพระหัตถ์ให้แก่ราษฎรทั้งหลายดพร้อมทั้งสีพระพักตร์ยิ้มแย้มแจ่มใสเปี่ยมไปด้วยพระเมตตานั้น ยิ่งทำให้เหล่าราษฎรที่ต่างพร้อมใจกันมาเฝ้าตลอดสองข้างทางนั้นต่างประทับใจยิ่งขึ้น บ้างก็เปล่ง "ทรงพระเจริญ" บ้างก็ร่ำไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้มยิ่งนัก ดว้ยจะว่าไปแล้วหมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่ได้ขบวนเสด็จของพระบรมวงศ์มานานหลายปีแล้ว จึงทำให้ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นยินดีเมื่อได้ทราบข่าวนี้จากทางท่านพ่อบ้านม่านเมือง
กระทั่งขบวนเสด็จได้เคลื่อนขบวนมาจนถึง ตำหนักที่ประทับ ซึ่งทางท่านพ่อบ้านได้จัดเตรียมไว้ถวายสำหรับเป็นี่ประทับตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองพระองค์ทรงประทับอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งที่หน้าตำหนักที่ประทับนั้นเอง "ท่านพ่อบ้านม่านเมือง" พร้อมด้วยมารดา คือ "แม่หญิงม่านฟ้า" และบุตรสาวตัวน้อย "ม่านแก้ว" ต่างก็รอรับเสด็จอยู่กันถ้วนหน้า และเมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากพระราชยานยนต์นั้น ท่านพ่อบ้านจึงได้ถวายคำนับก่อนที่จะกล่าวต้อนรับทั้งสองพระองค์ ซึ่งก็ได้รับการทักทายตอบกลับอย่างเป็นกันเองจากทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะจาก "พระชายาสร้อยฟ้า" ที่ทรงมีศักดิ์เป็น "พี่ภรรยา" ของท่านพ่อบ้าน ซึ่งเมื่อทรงได้รับการถวายพวงมาลัยจากเด็กหญิงม่านแก้ว ถึงกับทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปรับตัวเด็กหญิงจากผู้เป็นย่ามาโอบกอดไว้แนบพระอุระ ด้ยทรงรักใคร่และเมตตาเป็นอย่างยิ่ง สร้างความประทับใจต่อผู้ที่ได้พบและชื่นชมพระบารมีอยู่ใกล้ๆนั้นถ้วนหน้า แล้วจากนั้นก็ไม่ทรงปล่อยร่างเด็กน้อยให้ห่างองค์เลย จนกระทั่งท่านพ่อบ้านนำเสด็จทั้งสองพระองค์เข้าไปในตำหนักที่ประทับ และเมื่อทรงประทับบนพระเก้าอี้ โดยมีท่านเจ้าเมืองและมารดาเฝ้าอยู่ใกล้ๆนั้น พระอนุชาในพระเจ้าหลวงจึงได้ทรงมีรับสั่งออกมาก่อน
"เราทั้งสองต้องขอขอบใจท่านมากนะ ท่านพ่อบ้าน ที่ได้ตระเตรียมการต้อนรับเราทั้งสองเป็นอย่างดีเยี่ยงนี้"
"หามิได้ กระหม่อม ข้าพระบาท ต่างหากที่ต้องขอ พระอนุญาตถวายการขอบพระทัยทั้งสองพระองค์ที่เสด็จพระราชดำเนินมายังหมู่บ้านของข้าพระบาท ทั้งๆที่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็แสนจะห่างไกลจากพระนครยิ่งนัก" ท่านพ่อบ้านม่านเมืองทูลตอบอย่างถ่อมตน ทำให้พระอนุชาถึงกัลแย้มพระสรวลออกมาอย่างพระทัยดี จากนั้น พระชายา จึงได้ตรัสถามออกมาบ้าง
"แล้วท่านป้าหญิงเล่าคะ สบายดีหรือคะ เราเองก็ไม่ได้พบท่านป้าหญิงมานานมากแล้ว"
"เพคะ หม่อมฉันสบายดีตามอัตภาพเพคะ แล้วพระชายาเล่าเพคะ ทรงพระเกษมสำราญดีนะเพคะ" แม่หญิงม่านฟ้าทูลตอบ ก่อนที่จะทูลถามกลับไปบ้าง
"ขอบใจท่านป้าหญิงมากคะ เราสบายดี จริงสิ...แม่หนูนี่ชื่อว่ากระไรหรือ เราเองก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก ไม่ได้เจอกันนานเต็มที ดูสิ...โตขึ้นมากเลยทีเดียวนะคะ" พระชายาเอ่ยถึง เด็กหญิงม่านแก้วที่นั่งอยู่ข้างๆพระองค์นั้น ด้วยไม่ทรงยินยอมให้เด็กหญิงย้ายลงไปนั่งข้างผู้เป็นย่านั่นเอง
"เอ่อ...ม่านแก้วเพคะ ตอนนี้ก็อายุได้ ๕ปีแล้วเพคะ"
"ม่านแก้วรึ...อืม...ชื่อเพราะมาก ว่าอย่างไรม่านแก้ว เจ้าอยากจะไปอยู่กับป้าที่ในพระนครไหมลูก" ทรงตรัสถามเด็กหญิงผู้มีศักดิ์เป็นหลานสาวแท้ๆของพระองค์ แต่กระนั้นรับสั่งที่ถามออกมานั้นก็ทำให้ทั้ง ท่านพ่อบ้านและแม่หญิงม่านฟ้าต้องหันไปมองตากันอย่างวิตก
"อยากค่ะ แต่ต้องให้ท่านพ่อกับท่านย่าไปด้วยนะคะ" เด็กหญิงตอบอย่างฉาดฉาน ยิ่งเพิ่มความน่าเอ็นดูให้กับพระชายายิ่งขึ้นไปอีก
"ได้สิจ้ะ สัญญากับป้าแล้วนะ" พระชายารีบรับสั่งทำสัญญาทันที
"อะไรกัน น้องหญิง...พูดแบบนี้ประเดี๋ยว ท่านพ่อบ้านกับท่านป้าหญิงก็ตกใจกันพอดี ลูกเขาทั้งคนจะมาขอกันง่ายๆอย่างนั้นรึ" พระอนุชาทรงรับสั่งแย้งพระชายาบ้างด้วยทรงสังเกตเห็นความอึดอัดใจของผู้เป็นบิดาและย่าของเด็กหญิงนั่นเอง
"ไม่เป็นไรดอกกระหม่อม ต้องถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งกระหม่อม ที่พระชายาทรงมีพระเมตตาต่อบุตรีของข้าพระบาทเยี่ยงนี้" ทูลออกไปแล้วก็ได้แต่ใจหาย แต่ก็ด้วยเห็นถึงความสุขของเด็กหญิงเป็นที่ตั้งนั่นเอง
"เอาเถอะ เราว่าเรื่องนี้ไว้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะนะ ตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่องของหมู่บ้านแห่งนี้กันดีกว่า ท่ามีเรื่องอะไรที่ต้องการให้เรานำไปกราบทูลทูลกระหม่อมพี่ของเราบ้างหรือไม่ ท่านม่านเมือง" พระอนุชาหันมาปรึกษาเรื่องการบ้านการเมืองกับม่านเมืองแทน
ค่ำวันเดียวกันนั้นเอง พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์ พร้อมด้วย พระชายาสร้อยฟ้า ได้ทรงร่วมโต๊ะเสวย ในการที่ท่านพ่อบ้านม่านเมืองได้จัดเลี้ยงพระกระยาหารเย็นถวาย ทั้งสองพระองค์ทรงพระเกษมสำราญเป็นอย่างดี และหลังจากที่ทั้งสองพระองค์และแขกรับเชิญคนอื่นๆ ได้ร่วมโต๊ะเสวยเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งทูลลากลับกันไปจนเกือบหมดแล้วนั้น พระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าหลวงก็ทรงมีรับสั่งต่อ ท่านพ่อบ้านม่านเมือง และ แม่หญิงม่านฟ้าให้อยู่ต่อ ด้วยทรงมีพระธุระจะหารือด้วย
ดังนั้นเมื่ออยู่กันตามลำพังทั้งสองพระองค์และสองคนที่ได้ถูกเชิญตัวไว้นั้น พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์จึงมีรับสั่งต่อทั้งสองคนทันที ด้วยทรงมีพระอุปนิสัยตรงไปตรงมา และไม่ทรงชอบการอ้อมค้อม
"ท่านม่านเมือง, แม่หญิง เชิญทำตัวตามสบายเถอะนะ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนักดอก จะว่าไปแล้ว พวกเราทั้งสี่คนก็ถือว่าเป็นเครือญาติกันทั้งนั้น"
"ข้าพระบาทมิบังอาจดอกกระหม่อม พระองค์ทรงเป็นพระบรมวงศ์ในองค์สมเด็จพระเจ้าหลวง ส่วนพมกกระหม่อมเป็นเพียงแค่ข้าใต้เบื้องพระบาทเท่านั้น หาบังควรอาจเอื้อมไม่กระหม่อม" ม่านเมืองรีบทูลตอบปฏิเสธทันที ด้วยเกรงว่าหากผู้อื่นมาได้ยินเข้าจะเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศของทั้งสองพระองค์นั่งเอง
"โธ่...ม่านเมือง ท่านคิดมากไปได้ ในนี้น่ะมีแค่เสด็จพี่กับเรา แล้วก็ท่านทั้งสองคนเท่านั้น อย่าคิดมากไปเลย อีกอย่าง เราเองก็หาใช่เจ้ามาแต่กำเนิดก็หาไม่ ทั้งยังเป็นพี่สาวแท้ๆของ "สร้อยแก้ว" ภรรยาของท่านอีกด้วย แล้วทำไมท่านจึงจะเห็นว่าเราเป็นคนห่างไกลเล่า" พระชายาทั้งมีรับสั่งแย้งบ้าง
"ก็จริงอย่างที่มีรับสั่งเพคะ แต่พวกหม่อมฉันก็หาควรที่จะไปนับญาติกับทั้งสองพระองค์ไม่นะเพคะ แต่ถ้าทั้งสองพระองค์จะทรงมีพระเมตตา หม่อมฉันทั้งสองคนก็ขอรับไว้ด้วยใจเพคะ" ม่านฟ้าทูลตอบออกไปบ้าง ทำให้ทั้งสองพระองค์ได้แต่มองสบพระเนตรกันและกัน ก่อนที่พระอนุชาจะทรงเป็นฝ่ายเริ่มมีรับสั่งต่อไป
"ถ้าเยี่ยงนั้น เราก็ไม่ขอโยกโย้อะไรอีกแล้วนะ เราขอบอกกับท่านทั้งสองตามตรงเลยว่า ในการที่เราทั้งสองเดินทางมาที่นี่ หนึ่งก็เพื่อเป็นผู้แทนพระองค์ทูลกระหม่อมในการออกตรวจตราและดูแลทุกข์สุขของเหล่าราษฎร ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งนั้น ก็เป็นด้วยเรื่องของ "ม่านแก้ว" ธิดาของท่านม่านเมืองนั่นเอง" พระเจ้าน้องยาเธอ ทรงมีรับสั่งออกมาอย่างตรงไปตรงมา ตามพระอุปนิสัยที่ทรงเป็นคนตรงไปตรงมา จากนั้น พระชายาสร้อยฟ้า จึงได้มีรับสั่งตามออกมาเช่นกัน
"ถูกแล้วค่ะท่านม่านเมือง, ท่านป้าหญิง...ที่เรามาในวันนี้ก็ด้วยเรื่องของ "ม่านแก้ว"ด้วยเช่นกัน ก็อย่างที่ท่านทั้งสองทราบดีว่า...เราเองก็ได้ถวายตัวเข้ารับราชการในพระองค์เสด็จพี่มานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังหาได้มีบุญได้มีโอกาสที่จะมีพระโอราและพระธิดาสนองพระกรุณาธิคุณไม่ เราจึงได้ทูลขอพระวินิจฉัยจากเสด็จพี่ว่า เราอยากที่จะขอรับ "ม่านแก้ว" เป็น "ธิดาบุญธรรม" ซึ่งเสด็จพี่ก็ทรงเห็นดีด้วย"
"ขอบพระทัยมากกระหม่อม ข้าพระบาทรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ยิ่งนัก แต่ทว่า..."ม่านแก้ว" ก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าพระบาท เอ่อ...ข้าพระบาท..." กล่าวได้เพียงนั้น ฒ่านเมืองก็มีความรู้สึกเหมือนกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ทำให้ไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใดๆออกมาได้อีก เช่นเดียวกับแม่หญิงม่านฟ้า ที่ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ แลมีสีหน้าวิตกยิ่งนัก
"เอาเถอะ...ท่านทั้งสองค่อยๆคิดไปก่อนก็ได้ เรายังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน แต่เพื่อให้ท่านสบายใจยิ่งขึ้น เราก้อยากที่จะบอกท่านว่า การณ์นี้เราทั้งสองก็หาได้หารือกันเพียงสองคนไม่ หากแต่...เราเองก็ไก้กราบทูลต่อทูลกระหม่อมให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยด้วยเช่นกัน ซึ่งพระองค์ท่านก็ทรงเห็นดีด้วยทุกประการ ทั้งยังทรงมีพระราชกระแสรับสั่งอีกว่า หากท่านทั้งสองตกลงยก "ม่านแก้ว" ให้เป็นพระธิดาบุญธรรมของเราแล้ว ทูลกระหม่อมเองก็จะทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระอิศริยยศให้แก่ "ม่านแก้ว" ในฐานะของ "พระเจ้าหลานเธอ"เป็นกรณีพิเศษ ทั้งยังมีสิทธิและฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์อื่นๆอีกด้วย" พระเจ้าน้องยาเธอทรงมีรับสั่งอธิบายให้แก่ม่านเมืองและม่านฟ้าได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าหลวง ซึ่งก็ยังความปลาบปลื้มปีติต่อทั้งสองยิ่งนัก โดยเฉพาะกับ "ม่านฟ้า" ที่ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจจนไม่อาจที่จะกลั้นเอาไว้ได้
"ถ้าเยี่ยงนั้น ข้าพระบาททั้งสองก็คงต้องขอทูลเกล้าถวายตัว "ม่านแก้ว" แก่ทั้งสองพระองค์ด้วยกระหม่อม" ม่านเมืองตัดสินใจออกทูลตอบออกมาในที่สุด จากนั้นจึงก้มลงกราบแทบพระบาททั้งสองพระองค์ และนิ่งอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน
ความคิดเห็น