คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นแห่งเส้นทาง
ณ ชนบทอันแสนห่างไกลซึ่งอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีอันอบอุ่นแห่ง องค์สมเด็จพระเจ้าหลวงมหาจักรพรรดิ์ และสมเด็จพระนางเจ้าแก้วกัลยา พระมหารานี แห่งมหานครอนันธรา ภายในจวนแห่งท่านผู้นำหมู่บ้านกำลังมีการเคลื่อนไหวกันดูอลหม่านโกลาหลไปทั่ว บ้างก็ส่งเสียงร้องบอกตะโกนสั่งการกันเป็นการใหญ่ บ้างก็วิ่งวุ่นตระเตรียมจัดหาข้าวของประดามีตามที่ได้รับคำสั่งจาก หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมผู้มีใบหน้าเคร่งเครียด แลเป็นกังวลกันอย่างจ้าละหวั่น แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่นั้น ก็ต้องหยุดชะงักในกิจที่กำลังกระทำกันอยู่ทันที เมื่อต่างได้ยินเสียงเด็กทารกกรีดร้องดังลั่นออกมาจากภายในเรือนใหญ่ อันเป็นที่พำนักของท่านเจ้าของเรือนแห่งนี้นั่นเอง และเสียงที่ทุกคนได้ยินนั้นก็ดุจดั่งว่า เป็นเสียงมาจากสรวงสวรรค์ เนื่องด้วยหลังจากที่เสียงทารกน้อยนันเงียบลงไป ก็พลันบังเกิดเสียงเซ็งแซ่จากเหล่าข้าไทในเรือนที่ต่างก็เปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชมยินดี ที่บัดนี้ทารกน้อยผู้เป็นทายาทแห่งท่านเจ้าของเรือนได้ถือกำเนิดขึ้นมาดูโลกอันแสนสวยในครั้งนี้
ภายในเรือน ชายหนุ่มใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเรือน กำลังยืนอยู่ที่หน้าห้องที่ได้ตระเตรียมไว้สำหรับเป็นห้องทำคลอดแก่ผู้เป็นภรรยาด้วยท่าทีกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ยิ้มกว้างขวางด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียงทารกน้อยดังออกมาจากภายในห้องคลอดนั้น สักพักหนึ่งประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกมา พร้อมๆกับร่างของหญิงชราผู้เป็นหมอทำคลอดประจำหมู่บ้านแห่งนั้น ก้าวออกมาพร้อมด้วยร่างของทารกตัวน้อยในมือก่อนที่จะยื่นมอบให้กับผู้เป็นบิดา ด้วยสีหน้าเป็นกังวลแปลกๆ ทว่าชายหนุ่มก็หาได้ทันสังเกตไม่ ด้วยกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้นในขณะนั้น และเมื่อได้ชื่นชมกับเด็กหญิงใบหน้าจิ้มลิ้ม และอวบอิ่มจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มจึงได้หันไปพูดกับหญิงชราคนดังกล่าว
"ข้าขอขอบใจแม่หมอมาก ที่ช่วยเหลือเมียและลูกของข้าในครานี้ ข้าจะสมนาคุณอย่างเต็มที่ทีเดียว"
"มะ...ไม่ต้องดอก ท่านพ่อบ้าน ข้าก็ทำตามหน้าที่ของข้านั่นแหละ ตะ...แต่ว่า..." หญิงชรากล่าวออกมาได้เพียงเท่านั้นก็ต้องก้มหน้าลง ไม่กล้าที่จะสบตากับชายหนุ่มผู้ที่ตนเรียกขานว่า "ท่านพ่อบ้าน" เนื่องจากชายหนุ่มผู้นี้มีตำแหน่งเป็น ผู้นำในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง
"ว่าอย่างไรรึ แม่หมอ ว่ามาเลยไม่ต้องเกรงใจ บุญคุณของท่านครั้งนี้ ข้าจักตอบแทนท่านอย่างเต็มที่แน่นอน"
แม่หมอทำท่ากลัวๆกล้าๆอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุดว่า
"ทะ...ท่านพ่อบ้าน...ข้ามีเรื่องสำคัญยิ่งที่จะบอกท่าน...คะ...คือว่า...แม่หญิง...แม่หญิงสิ้นใจเสียแล้วละท่าน"
"หา...ท่านว่าอย่างไรนะ...ไม่จริง...ท่านอย่าล้อข้าเล่นอย่างนี้สิแม่หมอ...ข้าไม่รู้สึกสนุกไปกับท่านดอกนะ" ท่านพ่อบ้านหนุ่มกล่าวออกมาด้วยสุ้มเสียงไม่สู้ดีนะ ก่อนที่จะรีบอุ้มร่างทารกน้อยวิ่งเข้าไปภายในห้องทำคลอดนั้นทันที แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องทรุดตัวลงไปกองอยู่พื้น ทั้งๆที่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้นได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ด้วยมองไปที่ร่างของภรรยาที่กำลังนอนสงบนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าป่านสีขาวสะอาด อยู่บนเตียงนอนใจกลางห้องนั้น แล้ว...น้ำตาแห่งความเสียใจก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคมเข้มสีเหล็กนั้น สร้างความเศร้าโศกเสียใจและสะเทือนใจแก่ผู้ที่กำลังก้าวตามเข้าไปในห้องนั้นทุกคน โดยเฉพาะกับ หญิงชราร่างแบบบางแต่ดูสง่าตามแบบของผู้สูงวัยนั้น ที่ทันทีที่ได้เห็นภาพอันแสนสลดใจนั้น ก็ต้องร่ำไห้ออกมาอย่างมิอาจอดกลั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่จะสิ้นสติไป
๕ ปีต่อมา...ขณะที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่บริเวณหน้าเรือนใหญ่ด้วยท่าทางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จนทำให้ไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกใสกังวานของเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่เกิน ๕ ป๊ที่กำลังวิ่งตรงมาหาด้วยท่าทางร่าเริงนั้น ก่อนที่จะกระโดดโผเข้าผู้เป็นพ่ออย่างแรง ด้วยต้องการที่จะแกล้งให้ผู้เป็นพ่อที่กำลังเอาแต่ครุ่นคิดอะไรอยู่นั้นต้องตกใจ
"โอ๊ะ...อะไรกัน ลูกหนูของพ่อ...มีอะไรรึ ถึงได้กระโดดเข้ามาหาพ่อเยี่ยงนี้" ท่านพ่อบ้านม่านเมืองเอ่ยถามเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงรักใคร่แกมเอ็นดู
"ไม่มีอะไรดอกท่านพ่อ ก็ม่านแก้วเรียกท่านพ่อเท่าใด ท่านพ่อก็หาตอบไม่ เอาแต่ยืนเฉยๆ ม่านแก้วก็เลยแกล้งท่านพ่อเล่นเท่านั้นเองค่ะ" เด็กหญิงม่านแก้วเอ่ยปากเล็กจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อๆนั้นอย่างคล่องแคล่วเกินกว่าเด็กหญิงในรุ่นราวคราวเดียวกัน ขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นบิดา ร่างเล็กนั้นดูเล็กกระจ้อยร่อยไปที่เดียวเมื่ออยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของผู้เป็นบิดาแบบนี้ จนทำให้หญิงชราที่กำลังก้าวเดินตามมานั้นอดที่จะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้ ก่อนที่จะเอ่ยถามผู้เป็นบุตรชายของตนอย่างแปลกใจ
"นั่นสิ...ม่านเมือง...ลูกกำลังคิดอันใดอยู่รึ ถึงได้เหม่อลอยเยี่ยงนี้ ลูกไม่เคยเป็นเยี่ยงนี้มาก่อนนี่นา"
"เอ่อ...ไม่มีอันใดดอกท่านแม่ ข้าก็แค่กำลังคิดเรื่องการต้อนรับคณะของพระอนุชาจักรทิพย์และพระชายาเท่านั้นเอง" ชายหนุ่มเอ่ยตอบผู้เป็นมารดา และผู้ที่ชายหนุ่มเอ่ยพระนามออกมานั้นก็คือ "พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจักรทิพย์" พระอนุชาในองค์สมเด็จพระเจ้าหลวงมหาจักรพรรดิ์ พระประมุขแห่งราชอาณาจักรอนันธราแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งพระองค์กำลังจะเสด็จประพาสมายังหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร พร้อมด้วยพระชายาในพระองค์ นั่นคือ "พระชายาสร้อยฟ้า"ซึ่งพระชายาสร้อยฟ้าพระองค์นี้ ก็คือ พี่สาวของอดีตภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วของท่านพ่อบ้านนั่นเอง
"จริงสินะ...แม่เองก็เกือบจะลืมไป แล้วนี่ทั้งสองพระองค์จะเสด็จมาถึงที่นี่เมื่อใดรึลูก"
"ตามหมายที่ส่งมาถึงข้า อย่างช้าก็คงเย็นวันรุ่งนี้ขอรับ" ชายหนุ่มกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จนผู้เป็นมารดาอดที่สงสัยไม่ได้ แล้วจึงได้เอ่ยถามออกมาทันที
"ท่าทาางลูกเป็นกังวลอะไรสักอย่างอย่างนั้นรึ"
"ขอรับ ท่านแม่คงยังจำได้ที่ข้าเคยบอกเอาไว้ว่า พระอนุชาและพระชายานั้น ไม่ทรงมีพระโอรสและพระธิดาเลย ทั้งๆที่ทั้งสองพระองค์ทรงเสกสมรสกันมาหลายปีแล้ว"
"อืม...นั่นสินะ แม่เองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่ว่าแล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องอะไรกับลูกอย่างนั้นรึ" แม่หญิงม่านฟ้า เอ่ยถามด้วยยังไม่คลายความสงสัย
"ข้าก็ยังไม่แน่ใจเท่าไรนัก แต่หากข้าคาดไว้ไม่ผิด ทั้งสองพระองค์ก็คงจะเสด็จมาด้วยเรื่องนี้นั่นแหละขอรับ"
"ถ้าอย่างนั้นลูกก็อย่าพึ่งเป็นกังวลไปเลย เออ...ดูสิ ท่าทางม่านแกวจะหิวแล้วกระมัง ไป...ขึ้นไปบนเรือนกันดีกว่า" ฉม่หญิงม่านฟ้ากล่าว ก่อนที่เดินนำขึ้นไปบนเรือนทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบอุ้มร่างบุ๖รสาวเดินตามขึ้นไปด้วยเรือนด้วยเช่นกัน จนทำให้ไม่ทันได้เห็นสีหน้าของผู้เป็นมารดา ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ด้วยแม่หญิงเองก็พอที่จะทราบสาเหตุของการเสด็จประพาสมายังหมู่บ้านแห่งนี้ของพระบรมวงศ์ทั้งสองพระองค์เช่นกัน.
ความคิดเห็น