ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { SF EXO} Bside · CHANBAEK · KRISBAEK · HUNBAEK · BAEKDO ·

    ลำดับตอนที่ #3 : · KRISBAEK · Last Christmas

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 374
      1
      4 ม.ค. 58



    Last Christmas

     

    ค่อยๆเปิดกล่องที่ปิดผนึกเอาไว้

    ฟื้นเอาความทรงจำของสองเราที่สร้างร่วมกันเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว

     

     

                หิมะสีขาวสะอาดร่วงหล่นจากท้องฟ้ามืดมิดที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยหลอดแอลอีดีหลากหลายสี ดูราวกับเป็นดวงดาวที่มนุษย์สร้างขึ้นปลุกชีวิตยามค่ำคืนให้ดำเนินต่อ อุณหภูมิติดลบต่ำ อากาศเย็นจัดปกคลุมไปทั่วพื้นที่สี่เหลี่ยมไม่ใหญ่ไม่เล็กมากแห่งนี้ เวลาที่ผู้คนเลือกนอนหลับพักผ่อนอยู่กับเตียงกว้าง และสร้างความอบอุ่นให้ตนเอง หากแต่ยังมีร่างหนึ่งที่ยังคงตื่นอยู่

     

     

    ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองทัศนียภาพเมืองโอซาก้าที่ถูกฤดูสีขาวสะอาดยึดครอง ลูกแก้วใสสะท้อนภาพดวงไฟหลากสีที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามเรียงรายยาวไปสุดลูกหูลูกตา รอยยิ้มบางๆแต่งแต้มบนเรียวปากบางเฉียบขณะที่ฝ่ามือเรียวกระชับผ้าพันคอสีแดงสดเข้ากับลำคอเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย

     

     

    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า คอนเสิร์ตวันที่สามของพวกเขาทั้งสิบคนก็จบลงด้วยดี ท่ามกลางรอยยิ้มและกำลังใจที่แฟนๆชาวญี่ปุ่นส่งมอบมาให้คนบนเวที แม้ต่างชาติต่างภาษาแต่รอยยิ้มของคนที่สนับสนุนเขาให้มีชื่ออยู่บนวงการก็สามารถดับความเหนื่อยลงไปได้มาก ขณะที่สมาชิกอีกเก้าคนเลือกที่จะนอนพักเอาแรง แต่แบคฮยอนไม่คิดจะทำ เพราะคืนนี้...เป็นคืนที่พิเศษเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้มันเลยผ่านไปได้

     

     

    ค่ำคืนวันที่ยี่สิบสี่ธันวาคม คืนที่หลายครอบครัวเฝ้ารอ เขาเองก็นึกถึงบรรยากาศของวันคริสมาสต์ที่มีต้นไม้ต้นใหญ่ประดับประดาไปด้วยของตกแต่งหลากสี นึกถึงกล่องของขวัญที่เมมเบอร์ทุกคนตั้งใจเลือกเพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนกัน และนึกถึงรอยยิ้มแห่งความสุขที่ไม่เคยจืดจางไปแม้ช่วงเวลานั้นจะผ่านไปจนกำลังจะครบหนึ่งปีในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

     

     

    เขาจำได้แม่น ยี่สิบสี่ธันวาคมปีสองพันสิบสาม พวกเราทั้งสิบสองคนฉลองคริสมาสต์พร้อมกับถ่ายทำรายการวาไรตี้ไปด้วย ของขวัญที่แบคฮยอนได้คือชานมไข่มุกรสช็อกโกแลตของเซฮุนซึ่งทั้งสองแก้วก็ถูกแชร์โดยคิมจงแดจนหมดแก้วในไม่ช้า

     

     

    แต่รู้อะไรมั้ย คริสมาสต์ปีที่แล้วแบคฮยอนได้ของขวัญล้ำค่ามากยิ่งกว่านั้น...

     

     

    15th December 2013

     

     

    ดวงตาเรียวรีหรี่มองเกล็ดหิมะบางๆที่ปลิวไปตามแรงลม รอยยิ้มถูกเผยออกมาจนแก้มสองข้างดันดวงตาให้โค้งขึ้นเป็นขีด ปลายนิ้วแตะที่กระจกใสของยานพาหนะที่เขานั่งอยู่ราวกับต้องการสัมผัสละอองน้ำแข็งสีขาวสะอาดนั้น เพียงแค่เห็นหิมะแรกก็ทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาได้อย่างง่ายได้ นั่นเพราะวันนี้คนตัวเล็กอารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าใคร

     

     

    รถยนต์สีขาวชะลอตัวขณะเคลื่อนผ่านหลังคาสูงเข้าตัวอาคาร ไม่เห็นหิมะแล้วแต่ริมฝีปากเรียวบางของเมนโวคอลตัวเล็กยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เขาได้ยินเสียงเมเนเจอร์ปลุกจงแดกับคยองซูที่นอนหลับคอพับอยู่อีกฝั่ง ทั้งคู่บ่นอะไรสักอย่างซึ่งแบคฮยอนไม่อาจจับใจความได้เพราะไม่ได้สนใจมากเท่าใดนัก ร่างเล็กเร่งกวาดโทรศัพท์มือถือและหูฟังใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทและเปิดประตูออกไปทันที

     

     

    แบคฮยอน คยองซู จงแด และลู่หานเดินตามกันขึ้นมาจนถึงหน้าประตูหอพัก ทั้งสี่คนที่มีรายการวิทยุตอนกลางคืนยืนชิดกันพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาระบายความหนาวขณะรอให้เมเนเจอร์เปิดประตู หอพักมืดสนิท เมมเบอร์ทั้งแปดคนคงเลือกจะนอนหลับมากกว่าตั้งหน้าตั้งตารอพวกเขากลับบ้าน ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ทีมที่เพิ่งมาถึงแปลกใจแต่อย่างใด

     

     

    แบคฮยอนเดินตรงมาที่บานประตูห้องนอนริมสุด เขาปฏิเสธจงแดที่ชวนอาบน้ำด้วย และเดินย่องเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมที่ใช้เป็นี่พักผ่อนมาหลายเดือนแล้ว

     

     

    “หลับอ่อ...ฮยอง”

     

     

    คนตัวเล็กส่งเสียงเรียกเบาๆ ทว่าไม่มีคำตอบ ดวงตาที่เริ่มปรับให้ชินกับความมืดหรี่มองไปยังโปงผ้าห่มที่มีร่างของคนที่บอกว่าจะรอนอนคุดอยู่ เห็นแค่นั้นแบคฮยอนก็เบ้ปากและอดไม่ได้ที่จะฟาดลงไปบนก้อนกลมๆนั่น แต่อีกคนก็ไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน ยังคงนอนเหยียดยาวต่อจนคนตัวเล็กต้องก้าวขึ้นมาประทุษร้ายก้อนมนุษย์ที่นอนหลับอุตุด้วยการตีรัวๆไปที่แผ่นหลังกว้าง

     

     

    “เฮ้ย ฮยอง! แกล้งหลับเหรอ!

     

     

    ตัวแสบโวยลั่นเมื่อถูกเอาคืนโดยคนตัวโต สองแขนยาวล็อกข้อมือเรียวทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะดึงเข้าหาตัว กอดก่ายร่างเล็กแทนหมอนข้างเน่าที่ถูกถีบตกเตียงไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

     

     

    “หมอนข้างนิ่มจัง งืม”

     

     

    เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ชิดผิวขาว พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกอยู่ที่ซอกคอ แบคฮยอนหลุดยิ้มออกมาทั้งๆที่มือยังหยิกเอวคนขี้แกล้งไม่หยุด จนกระทั่งถูกหอมแก้มแรงๆนั่นแหละถึงได้เลิกทำร้ายร่างกายอีกคน

     

     

    “คริสฮยอง พอแล้ว”

     

     

    “พออะไรเล่า ก็เราตัวนิ่ม น่าฟัด”

     

     

    ว่าจบก็รัดร่างเล็กแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว กดปลายจมูกลงบนเนื้อแก้มนิ่มอย่างมันเขี้ยวจนคนตัวเล็กหัวเราะออกมาด้วยความจักจี้ ยอมนอนให้คริสฟัดจนพอใจ

     

     

    “ไลฟ์วันนี้โอเคใช่มั้ย”

     

     

    “แน่นอนสิ แบคฮยอนซะอย่าง”

     

     

    ร่างเล็กตอบประโยคนั้นพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้น ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อถูกดึงเข้ามากอดพร้อมกับคาร์ดิแกนตัวใหญ่ที่โอบรัดเขาจนแนบชิดกับผิวกายอบอุ่น ตอนนี้ทั้งคู่เหมือนกำลังใส่เสื้อตัวเดียวกัน แบคฮยอนยิ้มพร้อมกับแนบแก้มเย็นๆของตัวเองลงกับไหล่กว้าง สอดมือกอดเอวสอบอย่างออดอ้อน

     

     

    “ถึงจะดีแต่ก็เหนื่อยจังเลย เหนื่อยมากๆ”

     

     

    “เหรอ เมื่อกี้ยังหยิกฮยองแรงๆได้อยู่เลยนะ”

     

     

    คริสยิ้มให้กับประโยคอู้อี้ของคนในอ้อมกอด เขาได้เสียงขู่ในลำคอเป็นการตอบแทน และมันน่ารักเสียจนต้องยิ้มกว้างๆออกมา

     

     

    นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขามองว่าเด็กผู้ชายคนนี้น่ารักกว่าคนอื่น ทั้งๆที่พี่ใหญ่หลายคนในวงส่ายหน้าให้กับความแสบสันและกวนประสาทเวลาที่ปากเล็กๆเอ่ยแซวชาวบ้านไปทั่ว แต่สำหรับคริสมันน่าเอ็นดูขึ้นทุกครั้ง และแบคฮยอนทำให้เขาอยากบีบแก้มกลมๆนั่นแรงๆให้แตกคามือ

     

     

    ในช่วงที่รู้จักกันแรกๆเขาก็ทำได้เพียงในความคิด อย่างมากก็แค่หัวเราะตามเวลาที่แบคฮยอนทำอะไรตลกๆ แต่เมื่อทั้งเคและเอ็มย้ายมาโปรโมทรวมกัน เด็กคนนี้ก็หาทางเข้าใกล้เขาถี่ขึ้น โดยให้เหตุผลที่ว่า ผมคิดว่าเราเหมือนกันมาก น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ และนั่นมันทำให้ช่องว่างของพวกเขาแคบลงเรื่อยๆ

     

     

    จนกระทั่งฝ่ามือสามารถสัมผัสกันได้

     

     

    แบคฮยอนเป็นฝ่ายยื่นมือมาหาเขาในตอนแรก ยิ้มแล้วบอกว่า ผมชอบฮยองมากกว่าพี่ชายแล้วล่ะ ความรู้สึกแรกคืออึ้ง แน่นอนว่าเขาไม่เคยถูกเด็กผู้ชายสารภาพรักมาก่อนในชีวิต คริสไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว เรายังอยู่ด้วยกัน คุยกัน เล่นกันอย่างปกติ แบคฮยอนไม่ทำให้เขาอึดอัดกับคำว่า มากกว่าพี่ชาย ของเด็กคนนั้น”

     

     

    “คืนนี้นอนด้วยนะ”

     

     

    ประโยคออดอ้อนที่ถูกส่งมาทำลายภวังค์ของคริส และแทนที่ด้วยดวงตาเรียวสีเข้มที่เงยมองเขาเป็นเชิงขออนุญาต แน่นอนว่าการได้หมอนข้างนุ่มนิ่มแถมหน้าตาน่ารักนอนกอดคลายหนาวทั้งคืนย่อมดีกว่าตุ๊กตาอัลปาก้าเน่าเป็นไหนๆ คริสตอบตกลง พร้อมกับสอดมือรั้งเอวแบคฮยอนเข้ามาชิด และกอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก

     

     

    “นี่แบคฮยอน”

     

     

    “หืม มีอะไรอ่ะ”

     

     

    “เราชอบวันคริสมาสต์มั้ย”

     

     

    “ชอบสิ”

     

     

    “งั้นปีนี้ฮยองจะทำให้เราชอบมันมากกว่าเดิม”

     

     

    ...
     40%




     

    Just like the Christ mas day

    คล้ายกับวันคริสมาสต์ ที่ผมเฝ้ารอมาตลอด

     

     

    19th December 2013

     

     

    แบคฮยอนที่กำลังแหกปากร้องท่อนฮุคของเพลง Christmas day ชะงักทันทีเมื่อฝ่ามืออรหันต์ของคยองซูโบกเน้นๆมาที่กบาลเขาจนผมสีแดงปลิวกระจาย ใบหน้าน่ารักเอ๋อไปเล็กน้อยท่ามกลางเสียงหัวเราะของลู่หานที่เห็นเหตุการณ์นั้นจะๆ แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่กล้าหันไปทำอะไรคยองซูหรอก เขาได้แต่นั่งนิ่งหน้ากระจกแล้วฮัมเพลงในลำคอแทน

     

     

    คนกำลังอิน ทำไมชอบขัดความสุขก็ไม่รู้!

     

     

    คิดในใจพลางหยิบที่คาดผมเขากวางสีแดงมาสวม เขาเพิ่งได้เป็นรางวัลจากวาไรตี้ที่เพิ่งอัดเสร็จเมื่อครู่นี้เอง มือเล็กประคองสิ่งที่อยู่บนศีรษะแล้วหันไปหาลู่หานที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ

     

     

    “ฮยอง เข้ากับผมมะ”

     

     

    แบคฮยอนทำนิ้วเป็นรูปตัวแอลวางไว้ใต้คาง เก๊กหน้าซูเปอร์โมเดลใส่พี่ชายชาวจีนที่หลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

     

     

    “เหมาะๆ น่ารักดี ฮ่าๆๆ”

     

     

    ยิ่งคนพี่หัวเราะชอบใจแบคฮยอนยิ่งเปลี่ยนท่าตลกๆจนลู่หานเอื้อมมือมาหยิกแก้มเพราะมันเขี้ยวเหลือเกิน กระโดดไปมาพร้อมกับเขากวางประจำตำแหน่งได้ไม่นาน ประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออก พร้อมกับคิมจงแดและเมมเบอร์ที่เหลือทยอยเดินเข้ามา ทั้งหมดนอกจากโวคอลไลน์อยู่ในชุดต้นคริสมาสต์ (เสื้อเชิ้ตสีเขียวกับกางเกงยีนส์ แบคฮยอนเรียกชุดนี้ว่าต้นคริสมาสต์)

     

     

    “ฮยอง!

     

     

    เสียงโวยวายนั้นเล่นเอาคนที่เป็นฮยองหลายคนในกลุ่มเลิกคิ้วงงๆว่าสรุปแบคฮยอนเรียกใครกันแน่ แต่ก็สงสัยได้ไม่นาน เพราะเจ้าตัวกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งหน้าบานมาหาคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม พร้อมกับคว้ามือสองข้างของคริสไปจับเขากวางสีแดงบนหัวตัวเอง

     

     

    “น่ารักป่ะ น่ารักมั้ย”

     

     

    เมมเบอร์กลุ่มใหญ่ส่ายหัวไปตามๆกัน แต่ก็เริ่มชินเสียแล้ว เพราะพักนี้แบคฮยอนน่ะ อะไรๆก็คริสฮยองไปเสียหมด

     

     

    “กวางอะไรคิ้วบ๊างบาง”

     

     

    “ย่า! เงียบไปเลยเทา”

     

     

    แบคฮยอนหันกลับไปแตะหน้าแข้งเด็กโข่งที่หัวเราะเสียงแหลมสูงชี้หน้าเขาแบบลืมอาวุโส คริสยกยิ้มพร้อมกับดึงร่างเล็กมาข้างหลังแล้วโบกมือไล่จื่อเทาไปก่อนที่จะถูกแบคฮยอนจองเวรมากไปกว่านี้ ซึ่งเจ้ามักเน่ชาวจีนก็ยิ้มล้อเลียนเล็กน้อยก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับชานยอลและเซฮุนแทน

     

     

    "ผมบอกนูนาแล้วนะว่าถ้าเปิดผมก็ให้เขียนคิ้วให้หน่อย นูนาก็ไม่ยอมทำ ดูดิ แถมยังบอกอีกว่าคอนเซ็ปนี้ก็ต้องโปร่งๆโล่งๆแบบนี้แหละ"

     

     

    “ฟ้องใหญ่เลย ฮ่าๆ แบบนี้ก็ดูดีแล้วน่า”

     

     

    คริสยื่นมือมาบีบปากที่บู้ออกของแบคฮยอนอย่างมันเขี้ยว เขายิ้มขำท่าทางฟึดฟัดนั่นเล็กน้อย อยากจับมาฟัดอยู่หรอก แต่ติดที่คนเยอะเกินไปน่ะสิ

     

     

    “เด็กๆ ไปเตรียมตัวสแตนด์บายได้แล้ว”

     

     

    เมเนเจอร์เปิดประตูเข้ามาบอก ทั้งห้าคนที่ต้องเพอร์ฟอร์ม Miracles in December ก็ลุกจากที่นั่ง แบคฮยอนโน้มตัวลงกอดคริสหลวมๆ พร้อมกับบอกให้ไปยืนเชียร์ด้วยนะ ซึ่งลีดเดอร์ตัวสูงก็ไม่ได้อิดออดอะไร ยอมเดินตามออกมาจนถึงหน้าเวทีที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม คริสยืนกอดอกอมยิ้มมองแบคฮยอนในชุดสีขาว ร่างเล็กที่ยืนบนเวทีกำลังตั้งใจทำสมาธิ สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังจะแสดงออกมาทุกครั้งเวลาที่อยู่บนเวที นั่นเพราะพวกเขาทุกคนล้วนอยากให้สิ่งที่แฟนๆรอคอยออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     

    สตาฟฟ์ของทางเอ็มเน็ทเดินมาเช็คไมค์ให้ทั้งสี่คน แบคฮยอนยืนโบกมือไปมาระหว่างรอคิว เขายิ้มไปทางแฟนๆและมองมาที่มุมเวทีซึ่งคริสกำลังยืนอยู่ รอยยิ้มฉีกออกกว้างมากขึ้นเมื่อเขาโบกมือกลับไป

     

     

    “จำเป็นต้องยิ้มขนาดนั้นเลยรึไง”

     

     

    เสียงทุ้มต่ำที่ดังทำลายความเงียบเล่นเอาร่างสูงแทบสะดุ้ง คริสหันมองชานยอลที่เดินมาตั้งแต่ไม่ไหร่ไม่ทราบพลางเลิกคิ้วถามเชิงว่าเมื่อกี้พูดอะไร ซึ่งเด็กหนุ่มตัวสูงก็ส่ายหน้าแล้วจ้องมองไปยังเวทีแทน

     

     

    การอัดไลฟ์ของวันนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงเปียโน ทำนองเพลงช้าหวานหูดำเนินไปเรื่อยๆ สามนาทีกว่าที่คนตัวสูงทั้งสองจับจ้องที่เวทีโดยไม่ละสายตา โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังจับจ้องไปที่จุดหมายเดียวกัน จนกระทั่งการแสดงจบลง แฟนๆส่งเสียงต้อนรับอย่างร้อนแรง ทั้งห้าคนก้มหัวโค้งขอบคุณ ก่อนจะทยอยเดินเรียงกันลงมาจากเวที แบคฮยอนป็นคนสุดท้ายที่ลงมาได้ แต่เป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงบริเวณที่คริสกับชานยอลยืนอยู่

     

     

    “เก่งมาก”

     

     

    เห็นหน้าก็รู้เลยว่าอยากได้คำชม คริสเลยเอ่ยบอกแบบนั้นก่อนที่อีกคนจะทวง แบคฮยอนจึงยิ้มกว้างจนตาหยี เสียงเจื้อยแจ้วขยันเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้คนข้างกายฟัง พร้อมกับวาดมือไม้ออกท่าทางอย่างน่าเอ็นดู ท่อนแขนยาวโอบรอบไหล่บาง กระชับเข้ามาใกล้เมื่อถึงประตูทางเข้าแบ็คสเตจซึ่งสามารถเดินผ่านได้เพียงคนเดียว

     

     

    เมื่อมาถึงห้องแต่งตัว เมเนเจอร์ก็รีบบอกให้ทุกคนเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับหอพัก หลายคนส่งเสียงล้อเลียนเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนตัวติดกับคริสอีกแล้ว คนถูกแซวก็ใช่ว่าจะเขิน ยิ้มรับแถมยังกอดแขนฮยองเสียแน่น

     

     

    ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มีใครคนหนึ่งที่ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง รอยยิ้มเบาบางแต่งแต้มบนมุมปากอิ่ม เขาไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับบรรยากาศสดใสที่กำลังเป็นอยู่ ไม่มีแม้ความรู้สึกอยากจะฝืนทำตัวร่าเริงอย่างที่เป็นมาตลอด

     

     

    ที่เป็นแบบนี้ เพราะมันใกล้วันคริสมาสต์ขึ้นมาทุกที...

     

     

    และเขาคงเกลียดคริสมาสต์ปีนี้มากที่สุด

     

     

     

    ...

               

     

    22nd December 2013

               

     

    การซ้อมคอนเสิร์ต SMtown Week เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีเมื่อใกล้วันงาน กว่าจะร้อง เต้น ซ้อมคิวได้อย่างใจเหล่าสตาฟฟ์ก็ปาเข้าไปดึกดื่นค่อนคืน หลังจากกลับมาจากบริษัทจึงไม่แปลกที่ไฟทุกห้องจะปิดเงียบ ไร้เสียงตัวกวนเจ้าประจำเพราะสลบเหมือดกันไปหมด

     

     

    ล่วงเข้าคืนวันที่ยี่สิบสองมาสามชั่วโมงแล้ว อากาศภายในหอพักเอ็กโซอุ่นจัดอย่างทุกครั้ง หากแต่บรรยากาศเงียบสนิทในคืนนี้กลับถูกทำลายโดยเสียงทุ้มต่ำที่ฮัมเพลงในลำคอ แสงไฟดวงเล็กจากโคมไฟตั้งโต๊ะสว่างพอจะเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ตื่นอยู่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมของคริสจับจ้องไปที่กระดาษแข็งพับครึ่งที่แบอยู่ตรงหน้า มันถูกแต่งแต้มไปด้วยตัวอักษรภาษาเกาหลีที่ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ และรูปการ์ตูนที่คนวาดคิดว่ามันน่ารักและดูดีไม่เบา

     

     

    “ฮยอง ไม่ยอมนอนอีกแล้วเหรอ”

     

     

    เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาอีกด้านเรียกความสนใจจากคริสให้หันไปหา เขาพยักหน้ารับ  ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา ปาร์คชานยอลดันเดินมาหยุดข้างๆแบบไร้เสียงเล่นเอาสะดุ้ง

     

     

    “ทำอะไรน่ะ...การ์ดเหรอ?”

     

     

    คริสหยิบกระดาษใบนั้นหนีเมื่อชานยอลยื่นมือมาและทำท่าจะหยิบมันไป เขาค้อนใส่อีกคนพร้อมกับเก็บมันซ่อนลงในกล่องสีแดงสดที่วางอยู่ไม่ไกลนัก

     

     

    “ไม่ต้องซ่อนหรอก ผมรู้แล้ว”

     

     

    “รู้อะไร กลับไปนอนได้แล้วน่า”

     

     

    “รู้ว่าไอ้การ์ดนั่นฮยองทำให้ใคร อ้อ แล้วก็ของในกล่องใบนั้นด้วย”

     

     

    ชานยอลกำลังยิ้มบางๆ ทว่าดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตาม และคริสเองก็รับรู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้เลนส์สีน้ำตาลคู่นั้นซึ่งเขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร มือหนาลูบลงบนกล่องกระดาษสีแดงที่ประดับโบว์สีทอง ชานยอลมองตามการเคลื่อนไหวนั้น ก่อนจะเลื่อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของเจ้าตัว

     

     

    “เชื่อใจฮยองใช่มั้ย จะดูแลให้ดีที่สุดเลย”

     

     

    มันเป็นประโยคที่คริสพูดขึ้นมาลอยๆ หากแต่ชานยอลก็สามารถรับรู้ได้ มันคือประโยคที่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายของผู้พูด แต่มันก็สามารถดับแสงริบหรี่ในดวงตาอีกคนให้มอดลงได้ในไม่กี่วินาที

     

     

    ในตอนนั้นชานยอลไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องตอบว่าอะไร จึงมีเพียงรอยยิ้มที่ใช้แทนคำพูด

     

     

    ยิ้มที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกยินดีเลยสักนิดเดียว

     

     

     

    ...

     

     

    แสงบนถนนค่อยๆขึ้นทีละดวงสองดวง

    ฤดูสีขาวได้เข้ามาเยือนเสียแล้ว

     

     

    24th December 2013

               

     

    “และนี่คือ EXO! We are one! ขอบคุณคร้าบบบบบ”

               

     

    มือที่ถูกจับกันเป็นทอดยกขึ้นชูเหนือศีรษะ ก่อนทั้งหมดจะโค้งหัวลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างอิ่มเอมของแฟนๆที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ คอนเสิร์ต SMtown Week ในวันแรก ภาพแท่งไฟหลากสีโบกสะบัดไปมาท่ามกลางความมืดเป็นเหมือนแหล่งพลังงานที่มองไม่เห็น ผลักได้ให้ริมฝีปากของทุกคนบนเวทียิ้มรับทั้งๆที่เหนื่อยกายจนเหงื่อท่วม

     

     

    แบคฮยอนโบกมือให้แฟนๆพร้อมๆกับพูด อันนยองงงง~ ใส่ไมค์อยู่แบบนั้น จนถึงเวลาต้องจบการแสดงจริงๆทั้ง EXO และ f(x) ก็ทยอยกันเดินกลับหลังเวที เสียงคุยดังปนกันมั่วเมื่อคนสิบเจ็ดคนอยู่รวมกัน แม้จะแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร แต่ที่สัมผัสได้คือความสุขและความประทับใจที่พวกเขาซึ่งเป็นผู้ให้ก็มีไม่น้อยไปกว่าแฟนๆเลย

     

     

    หมวกขนรูปหมีสีขาวสะบัดไปมาตามจังหวะการโยกหัวของแบคฮยอนที่ยังร้องเพลงกระโดดไปมาไม่เลิก เขาแหย่คนนู้นคนนี้เล่นรอบห้องแต่งตัว ถึงแม้จะโดนบ่นโดนตีแต่ก็ฉุดความอารมณ์ดีให้น้อยลงมาไม่ได้จริงๆ

     

     

    ทำไมน่ะเหรอ...ก็วันนี้คริสมาสต์อีฟไง!

     

     

    เผื่อจำไม่ได้ เมื่ออาทิตย์ก่อนคริสเปรยๆกับเขาเรื่องวันคริสมาสต์ นี่แอบคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆ...อะไรแบบที่เขารอมาตั้งหลายเดือนน่ะ เพราะแบบนั้นแทนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับไปพัก แบคฮยอนเลยเอาแต่นั่งหมุนเก้าอี้หน้ากระจกเล่น

     

     

    ติ๊ง

     

     

    จนสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างหน้าส่งเสียงร้องเตือน แบคฮยอนชะโงกหน้ามองแจ้งเตือนบนล็อกสกรีน เขายิ้มกว้างมองข้อความที่ถูกส่งผ่านโปรแกรมแชท

     

     

    อยากได้ของขวัญมั้ย? เปิดประตูแล้วเดินมาเรื่อยๆสิ

     

     

    ร่างเล็กลุกขึ้นทำตามอย่างที่คริสบอกทันที สองขาของแบคฮยอนเดินออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างไม่เร่งรีบ บริเวณทางเดินไม่มีใครอยู่แม้แต่สตาฟฟ์สักคน

     

     

    เข้ามาสิ

     

     

    ข้อความนั้นอยู่ในกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งที่แปะลงบนบานประตูสุดทางเดิน ปลายนิ้วเรียวสวยแตะมันเบาๆพร้อมกับที่ริมฝีปากเล็กถูกเจ้าตัวขบกัด แบคฮยอนเปิดประตูออกช้าๆ ความมืดเป็นสิ่งเดียวที่เห็น แต่คนตัวเล็กก็ไม่รีรอที่จะก้าวเท้าเข้าไป

     

     

    “โอ๊ะ จับได้อะไรเนี่ย ลูกหมาเหรอ หน้าตาน่ารักซะด้วย...”

     

     

    “ฮยองตกใจหมด!

     

     

    แบคฮยอนถองศอกใส่คนที่โอบเขาจากทางด้านหลังข้อหาทำให้ตกใจ ได้ยินเสียงคริสแกล้งร้องโอดโอยเหมือนว่าเจ็บนักหนาก็ยิ่งหมั่นไส้อยากจะหยกให้แขนเขียว แต่เขาดันถูกอีกคนเอาคืนโดนการก้มลงมางับปลายจมูกแทน พอแบคฮยอนทำท่าจะสู้ก็ถูกรัดเอวจนขยับไม่ได้ แถมด้วยการบีบพุงกะทิน้อยๆจนคนตัวเล็กหัวเราะคิกคักบอกให้คริสหยุดเล่น

     

     

    “มีอะไรจะขอมั้ย ซานต้าคริสอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ”

     

     

    คนที่ออกตัวเป็นซานต้าก้มลงกระซิบชิดผิวแก้มขาว แบคฮยอนเหลือบตามองใบหน้าหล่อเหลาที่เกยอยู่บนไหล่ตน ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาอย่างเดิม เพราะทั้งจมูกและปากของคริสฝังลงบนแก้มเขาเต็มๆ คราวนี้ก็ได้แต่นึกขอบคุณที่ห้องนี้มันมืดจนอีกคนไม่มีทางเห็นริ้วเลือดฝาดบนแก้มเขาแน่ๆ

     

     

    “เร็วสิ ถ้าแบคฮยอนขออะไร ฮยองจะให้หมดเลย”

     

     

    “หมดเลยจริงเหรอ”

     

     

    “อืม แน่นอนอยู่แล้ว”

     

     

    ร่างเล็กของแบคฮยอนถูกจับหมุนมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูง คริสจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังขมวดคิ้วราวกับกำลังค้นหาความปรารถนาสูงสุดของตัวเองเพื่อตอบเขา ฝ่ามือใหญ่จับประคองที่ผิวแก้มขาว และบังคับให้แบคฮยอนสบตา

     

     

    “นึกออกยัง”

     

     

    “ไม่ออก ไว้ค่อยขอดีกว่า ถึงตอนนั้นต้องให้ผมจริงๆนะ”

     

     

    “ก็ได้ งั้นฮยองขอบ้าง”

     

     

    “อะไรเล่า ผมไม่ใช่ซานต้าเสียหน่อย”

     

     

    “เพราะเป็นแบคฮยอนนั่นแหละที่จะทำตามคำขอของฮยองได้ ซานต้าให้ไม่ได้หรอก”

     

     

    แบคฮยอนขมวดคิ้วเมื่ออีกคนจบประโยค คริสอมยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู เขาเลื่อนสายตาไปตามปลายนิ้วตัวเองที่ลากอ้อยอิ่งอยู่บนผิวเนียนละเอียด สายตาอยากรู้นั่นน่ารักน่าชังจนคนมองอดจนประทับริมฝีปากลงข้างขมับไม่ได้ คริสยังไม่ได้พูดอะไร เขาจรดเลื่อนสัมผัสอุ่นจัดลงมาที่ผิวแก้มขาว แบคฮยอนอุ่นมากจนแทบร้อน ดวงตาเรียวรีนั้นหลับลง เป็นวินาทีเดียวกับที่ไฟที่ประดับแต่งต้นคริสมาสต์นอกหน้าต่างเริ่มสว่างขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าแบคฮยอนน่ารักเพียงไร

     

     

    “คบกันนะครับ”

     

     

    ทุกสิ่งของแบคฮยอนหยุดลงตอนนั้น เขามองแพขนตาสีเข้มที่อยู่ไม่ห่างจากตนนัก มองเข้าไปในแก้วตาสีน้ำตาลและกอบโกยเอาความอบอุ่นที่คริสเพียรส่งผ่านมา แสงไฟหลากสีกระทบเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ดวงดาวสีเหลืองสดบนยอดต้นคริสมาสต์สว่างขึ้นเป็นลำดับสุดท้าย เหมือนหัวใจของเขาที่ถูกทำให้สว่างไสวไปด้วยไฟแห่งความยินดี

     

     

    ทั้งสวยงามและอบอุ่นไปในคราวเดียวกัน

     

     

    อานุภาพของประโยคนั้นทำให้จังหวะการเต้นของอวัยวะสำคัญถี่รัวมากยิ่งกว่าเดิม...หากแต่อานุภาพของริมฝีปากหยักที่ประทับลงบนเรียวปากบางมันรุนแรงมากยิ่งกว่า แบคฮยอนรู้สึกถึงสัมผัสบางเบาราวกับขนนกแตะ สมองมึนเบลอ รู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจเบนสายตาไปมองสิ่งอื่นได้อีก

     

     

    “ครับ”

     

     

    แบคฮยอนตอบกลับเพียงเท่านั้น แผ่วเบาทว่าคริสได้ยินมันอย่างชัดเจน เขาแย้มรอยยิ้มกว้างกระชับกอดอดีตน้องชายที่เพิ่งเลื่อนสถานะกลายเป็นแฟนหมาดๆเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ลูกหมาตัวน้อยของเขาตัวแข็งทื่อ ดูท่าจะเขินไม่เบา ท่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองนะเคยบอกชอบเขาแบบหน้าตายมาแล้ว

     

     

    “ฮยองมีอะไรจะให้ด้วย”

     

     

    คริสว่า พร้อมกับดึงผ้าพันคอสีแดงสดบนลำคอตัวเองออกมา แล้วค่อยๆพันมันลงบนลำคอของอีกคนแทน ฝ่ามือหนาจับไหมพรมที่ปิดไปถึงปากแบคฮยอนให้ลงมาอยู่ใต้คาง คริสจับชายผ้าสีสวยที่ทิ้งตัวลงขึ้นมาประทับจูบแผ่วเบาลงไป มันมีตัวอักษร KB สีขาวถักทอปนกันสีแดงสดอย่างสวยงาม

     

     

    “เอาไว้ใช้เวลานึกถึงฮยองนะ มันเป็นของเรา ฮยองก็เป็นของเรา”

     

     

    “งื่อ...”

     

     

    แบคฮยอนพูดไม่ออก เขาเดินเข้าหาคนตัวสูงกว่า และโถมตัวกอดคนที่เขารักแน่นๆแทนคำขอบคุณ แทนความรู้สึกดีๆที่ตอบรับมา แทนการดูแลเอาใจใส่ที่ทำมาตลอด แทนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาไม่อาจพูดมันออกมาได้

     

     

    “ฮยองรักเรานะ”

     

     

    “ผมก็รักฮยอง คริสมาสต์นี้ผมขอพร...”

     

     

    “...”

     

     

    “ขอให้ฮยองอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป รักผมแบบนี้ตลอดไปนะ”

     

     

    “ครับ ซานต้าคริสจะทำให้พรของแบคฮยอนเป็นจริงนะ”

     

     

    ไฟด้านนอกของหน้าต่างไล่เปิดขึ้นทีละดวงเมื่อวินาทีของวันที่ยี่สิบห้าธันวาคมมาเยือน หิมะสีขาวสะอาดล่วงหล่นจากฟากฟ้าสีดำมืดราวกับต้องการเป็นพยาน ไอหมอกจางม้วนขึ้นจากพื้นดิน กอบตัวลอยสูงขึ้นวนเวียนเป็นเกล็ดสีขาวตามวัฏจักรธรรมชาติ แสงสีสวยงามด้านนอกตอบรับพรของคนทั้งคู่

     

     

    “MERRY CHRISTMAS”

     

     

     

               

     

     

    25th December 2014

               

     

    “MERRY CHRISTMAS”

     

     

    ประโยคสั้นๆถูกเอ่ยออกมาจากเรียวปากสีสด ควันสีขาวแสดงถึงอากาศเย็นยะเยือกได้เป็นอย่างดี แบคฮยอนจ้องมองดวงดาวที่ประดับบนยอดต้นคริสมาสต์พร้อมกับรอยยิ้มจาง ไฟหลายดวงที่พร้อมใจกันสว่างต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ภาพนั้นซ้อนทับกับภาพทรงจำในอดีตในดวงตาของเขา มือบางลูบไล้เนื้อผ้าไหมพรมสีแดงสดบริเวณที่มีตัวอักษรย่อเคบีสลักอยู่ ราวกับนิ้วเขาชา แบคฮยอนแทบจะไม่รู้ถึงสัมผัสของมันอีกแล้ว

     

     

    “...”

     

     

    ความเงียบกัดกินบรรยากาศเมื่อแบคฮยอนเงียบลง หยดน้ำสีใสร่วงหล่นจากแก้วตาหวานกระทบตัวอักษรเคก่อนมันจะซึมหายไปราวกับไร้ตัวตน

     

     

    “ฮยอง สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปีครับ”

     

     

    “...”

     

     

    เป็นอีกค่ำคืนที่แบคฮยอนถูกตัวตนของคนที่เขารักที่สุดเล่นงานจนจมกองน้ำตา คริสยังคงชัดเจนในหัวใจเสมอแม้ว่าเขาคนนั้นจะเลือกเดินจากแบคฮยอนไปแล้ว มีเพียงผ้าพันคอผืนนี้ที่ช่วยทำให้ไอจางๆในความทรงจำของเขาก่อร่างกลายเป็นตัวตน

     

     

    “ฮึก ผม...ผมรักฮยองนะ”

     

     

    แบคฮยอนยังคงคิดถึงคริสมาสต์ปีที่แล้ว ปีที่เขาเคยได้รับพรวิเศษ และเขามีความสุขที่สุด

     

     

    โดยหารู้ไม่...ว่ามันอยู่กับเขาได้เพียงไม่นาน

     

     

    สิ่งที่ยังอยู่คงเป็นความจริงที่เสียดแทงหัวใจจนเจ็บซ้ำๆทุกวัน

     

     

    ...เขาไม่สามารถกอดคริสได้อีกต่อไปแล้ว...

     

     

     

    หิมะสีขาวร่วงหล่นลงมาทับเป็นชั้นหนาๆ

    หิมะที่ละลายหายไป พร้อมกับตัวตนของคุณที่หายไปพร้อมฤดูหนาวนี้

     

     

     

    ...

    115%
    ไม่งงใช่มั้ย มันคือฟิคอิงความจริง
    ซึ่งความจริงตอนนี้คริสก็ไม่ได้อยู่กับแบคฮยอนแล้ว
    นี่รีบปั่นมากจนมันดูห้วนๆไงไม่รู้ แต่ตั้งใจมากนะสำหรับเรื่องนี้
    รักคริสแบค
    แล้วก็เอารูปวันที่อยู่ในฟิคมาให้ดู

    ชุดต้นคริสมาสต์กับเขากวาง น่าเอ็นดูป่ะล่ะ
    อันนี้รายการ Mnet Wild open studio เนอะ มีซับไทยด้วย ดูกันยัง น่ารักดี ><




    กับหมวกหมี ใช่หมีมะ 5555
    อันนี้ SMtown week 131224

    และเราขี้เกียจหารูปพี่คริส สองงานนี้ไม่มีในเครื่องเรา แต่จำได้ว่าในคอนพี่เขามัดจุกครึ่งหัวอ่ะ หล่อๆ


    แล้วฝากตามภาคต่อ This Christmas ด้วยนะ เป็นชานแบค 
    ทายซิว่าแบคจะหายเศร้ามั้ย ไปละ ><
    #ficBside


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×