ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องผีๆวิญญาณและไสยศาสตร์

    ลำดับตอนที่ #85 : ผีสาวเฮี้ยนร้องโดนฆ่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 772
      1
      9 ธ.ค. 49

    ผีสาวเฮี้ยนร้องโดนฆ่า
    พ.ต.ต.ฌกวิท กิ่งนอก สว.เวร สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งว่า พบโครงกระดูกในร่องสวน บ้านเลขที่ 107 ซอยเรืองสอน 1 แยกซอยเพชรเกษม 63 แขวงบางแค เขตบางแค กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์จากแผนกนิติเวชฯ รพ.ศิริราช

    ไปถึงพบว่า ซอยเกิดเหตุเป็นซอยลูกรังแคบๆ สองข้างเป็นสวน จุดที่พบศพมีชาวบ้านยืนมุงดูจำนวนมาก พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับกระดูก ที่พบเป็นกะโหลกศีรษะ ท่อนขาทั้ง 2 ข้าง และซี่โครง นอกจากนั้นเป็นเครื่องประดับ ประกอบด้วย หวีพลาสติกสีชมพู กำไลทองแดง 1 วง และกำไลสเตนเลสอีก 1 วง ข้างๆกองกระดูกมีนางสมจิตร์ จันทองดี อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 119/1 หมู่ 2 ซึ่งอยู่ในซอยที่พบศพ นั่งร่ำไห้

    นางสมจิตร์ให้การว่า มั่นใจว่าเจ้าของโครงกระดูกที่พบคือ น.ส.นี หรือฝน ทับเจ็ดริ้ว ลูกสาววัย 16 ปี ของตน ที่หายตัวไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เนื่องจากจำหวีพลาสติกสีชมพู และกำไลทั้ง 2 วงได้ว่าเป็นของ น.ส.นี นอกจากนี้ที่ฟันยังเห็นเขี้ยวที่มุมปาก 2 ข้าง ตรงกับเขี้ยวของ น.ส.นี โดยลูกสาวหายไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ปี 2541 ตอนนั้นสงสัยว่าจะถูกล่อลวงไปขายเพราะลูกสาวเป็นเด็กหน้าตาดี จึงได้ไปแจ้งความคนหายเอาไว้ที่ สน.เพชรเกษม หลังจากที่ น.ส.นีหายตัวไปใหม่ๆ นางศิริ ขันทองดี อายุ 71 ปี แม่ของตน ซึ่งเป็นยายของ น.ส.นี เล่าให้ฟังว่า เคยฝันว่า น.ส.นีมาบอกว่าหนาวเพราะจมอยู่ในน้ำ เคยไปให้ หมอดูช่วยตรวจสอบ หมอดูก็บอกทำนองเดียวกันว่า น.ส.นี อยู่ในน้ำ มีอะไรบางอย่างทับไว้ ญาติพากันตามหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ

    น.ส.มาลี หรือผึ้ง ทับเจ็ดริ้ว อายุ 20 ปี น้องสาวของ น.ส.นี ให้การว่า วันที่ น.ส.นีหายตัวไป ได้ไปเดินเที่ยวกัน ที่ห้างเดอะมอลล์ บางแค จนกระทั่งห้าทุ่มแยกกัน ตนกลับบ้านแต่ น.ส.นีไปเที่ยวผับต่อกับนายบอย แฟนของ น.ส.นี จำได้ว่าขณะเดินเข้ามาในซอยจะถึงบ้าน พบชาย 3 คน ยืนรออยู่แล้ว ถามว่า "ฝนกลับหรือยัง" ตนกลัวจึงไม่ได้ตอบ แล้วรีบวิ่งหนีเข้าบ้าน จากนั้นมาก็ไม่พบพี่สาวอีก ต่อมาได้พบนายบอยจึงถามถึงพี่สาวว่าหายไปไหน นายบอยบอกว่า หลังจากไปเที่ยวผับกันก็ไปส่งปากซอย แต่ไม่ได้เข้าไปส่งถึงบ้าน เพราะนายโอ แฟนอีกคนของ น.ส.นีอยู่บ้านใกล้ๆกับบ้านของ น.ส.นี หาก เจอกันเข้าจะมีเรื่อง อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านละแวกนั้น มีชาวบ้านบางคนบอกว่า ราวๆตี 2 ของคืนนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

    นายกี อาปะโกเศรษฐ์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นผู้พบ โครงกระดูก ให้การว่า มาเช่าที่บริเวณดังกล่าวปลูกบ้านและทำสวนได้ปีเศษ เย็นวันที่ 26 พ.ย. ลงไปขุดดินในร่องสวนเพื่อทำบ่อเลี้ยงปลา ขุดพบกะโหลกศีรษะ ครั้งแรก คิดว่าเป็นกะโหลกของคนโบราณ จึงตั้งใจว่าจะทำโกศใส่ แล้วทำบุญ เพื่อขอหวยและหากถูกหวยจะทำบุญให้ แต่ ปรากฏว่าตอนกลางดึกฝันว่ามีผู้หญิงมาบอกว่า "ช่วยหนูด้วย ช่วยขุดต่อไป" พอตื่นเช้าขึ้นมาจึงรีบไปขุดต่อและพบกระดูกขาทั้ง 2 ข้าง พร้อมเครื่องประดับต่างๆ จึงรู้ว่ากะโหลกที่พบไม่ใช่กะโหลกของคนโบราณ แต่เป็นของชาวบ้านย่านนั้น จึงไปป่าวประกาศให้มาช่วยกันดูว่าเป็นศพใคร จนนางสมจิตร์มาดูแล้วยืนยันว่าเป็นศพลูกสาวที่หายไปถึง 6 ปีแล้ว

    พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.บก.น. 9 ส่งชุดสืบสวนเข้าไปหาข่าวกับชาวบ้านในละแวกนั้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.นีทราบว่านายโอมีภรรยาแล้ว จึงโทรศัพท์ ไปด่าภรรยาของนายโอ ทำให้นายโอทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรง ชุดสืบสวนจึงไปสอบปากคำนายโอ ซึ่งทราบว่าชื่อนายกำธร ประภามณฑล อายุประมาณ 30 ปี ทำงาน เป็นบุรุษพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค นายกำธรปฏิเสธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่รู้จัก น.ส.นี หรือฝนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นตำรวจสงสัยนายกำธร แต่ไม่มีหลักฐาน จึงได้แต่สอบปากคำเอาไว้ เพื่อรอการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ได้ส่งโครงกระดูก น.ส.นีไปที่แผนกนิติเวชฯ รพ.ศิริราช เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งตรวจสอบดีเอ็นเอโดยเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของมารดาและน้องสาว


    Attached Image


    ข้อมูลจาก ที่นี่ดอทคอม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×