ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #8 : SF ฮยองของผม 4 (End)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 58


    SF ฮยองของผม 4 (End)


         นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีเสียงของใครบางคนมาก่อกวน ไม่ได้เห็นหน้าทะเล้นของเด็กน้อยนั่น หลังจากที่เขาตัดสินใจที่จะจบเรื่องต่างๆด้วยตัวของเขาเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เขาทำไปก็เพื่ออนาคตของมยองซู เขาไม่อยากให้มยองซูต้องจมปักอยู่กับเขาโดยที่ไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง ส่วนกงชานก็ถูกย้ายให้ไปทำงานในสาขาอื่นที่ไม่ไกลมากนัก ตอนนี้เรื่องทุกอย่างเลยเข้าสู่สภาวะปกติ ปกติจริงๆสินะ...

                   

                    ทุกๆวันซองยอลก็ยังคงทำงานอย่างปกติไม่มีอะไรบกพร่อง แม้จะดูเผินๆเพื่อนของเขาจะดู  ปกติทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ว่าลึกเข้าไปในจิตใจซองยอลเพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนที่เขารู้ว่าซองยอลตีตัวออกห่างจากเด็กช่างตื้ออย่างมยองซู อูฮยอนก็ยิ่งตกใจเพราะตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมัน จะเป็นแบบนี้ เพียงแค่เพื่อนของเขาต้องการให้เจ้าเด็กมยองซูเดินไปบนเส้นทางที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่  เห็นต้องให้หายไปอย่างดื้อๆอย่างนี้นิ่

     

                    อูฮยอนล่ะไม่เข้าใจซองยอลจริงๆ แล้วดูสิ นี่อะไร ตัวเองก็ขยันเอาๆทำงานตัวเป็นเกลียว ไอ้ว่าขยันมันก็ดีอยู่หรอก         แต่อย่างนี้เขาเรียกว่าหักโหมเกินไปแล้ว มาทำงานแต่เช้าตรู่ส่วนกลับบ้านก็แทบจะกลับพร้อมรปภ.ออกเวร เขาเห็นสภาพของเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆก็อดห่วงไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายอาจจะไหวอยู่ แต่อีกไม่นานล้มป่วยไปจะทำอย่างไง แถมเจ้าตัวก็อยู่คนเดียวไม่มีคนคอยดูแลด้วย พอพูดถึงคนดูแลก็คิดถึงเจ้าเด็กมยองซูเนอะ ที่เมื่อก่อนคอยมาหาทุกเช้าเย็น แต่ตอนนี้สินานเท่าไหร่กันแล้วนะที่ไม่ได้เห็นเด็กนั้นมาเกาะแกะซองยอล

     

                    “ซองยอล” อูฮยอนเรียกร่างบางที่ตอนนี้ดูจะซูบลง

     

                    “อะไรหรอ” ซองยอลเงยหน้าจะเอกสารตรงหน้า แล้วสบตากับอูฮยอนด้วยสายตาที่ดูอิดโรย ซึ่งดูอย่างไงก็ไม่เหมือนเมื่อกัน

     

                    “แกโอเคป่ะว่ะ” อูฮยอนถามด้วยความเป็นห่วง

     

                    “ฉันโอเค สบายจะตาย” ซองยอลตอบพร้อมกับยิ้มก่อนจะยกแขนทำท่าเบ่งกล้ามเพื่อให้รู้ว่าตนแข็งแรงและไหว

     

                    “แน่ใจเหรอ” อูฮยอนเลิกคิ้วถามอีกครั้ง เพราะเขารู้ว่าซองยอลเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก ที่ทำอยู่นี่ก็แค่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วงสินะ

     

                    “ฉันโอเคจะตาย ดีซะอีกที่ไม่ต้องมีคนมากวนใจ” ซองยอลพูดพร้อมกับค่อยๆก้มหน้าลง

     

                    “ไม่ต้องมีคนมาทำให้รำคาญเช้าเย็น... มะมันก็ดีแล้วนิ” ร่างบางพยายามคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง น้ำเสียงที่เริ่มจะสั่นครื้นนั้น  มันยากเหลือเกินที่จะควบคุมมัน

     

                    “ปะเป็นแบบที่ฉันต้องการ ฮึก...” เพียงเท่านั้นน้ำตาที่เขาพยายามกักกลั้นมาตลอดมันก็ไหลออกมา อูฮยอนจึงรีบเข้าไปโอบกอดเพื่อนของตน ตัวของซองยอลสั่นเทาไปหมด ตอนนี้เขาไม่อายใครแล้วว่าคนอื่นจะมองอย่างไง เขาก็แค่ต้องการระบายความรู้สึกที่เขากลั้นไว้ตลอด

     

                    “แต่ฉันไม่เคยดีใจเลยซักนิด ฮึก ฮือออ” ซองยอลยังคงสะอื้นในอ้อมกอดของอูฮยอน อูฮยอนเองก็ทำได้เพียงปลอบประโลมเพื่อนของตัวเองเท่านั้น

     

                    “ฉันผิดเองที่เอาแต่คิดว่ามยองซูอายุน้อยกว่าฉัน จนมองข้ามความรู้สึกของตัวเอง” น้ำตาของซองยอลยังคงไหลพร้อมกับเสียงสะอื้น

     

                    “ไม่เอาน่า อย่าโทษตัวเองเลย” อูฮยอนผะซองยอลออก

     

                    “ถ้าแกคิดถึงทำไมไม่ลองโทรไปหาดูล่ะ” อูฮยอนคลี่ยิ้มหวังเพื่อให้คนตรงหน้ามีความหวังมากขึ้น

     

                    “จริงสิ” ซองยอลยิ้มก่อนจะคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานแล้วเลื่อนหารายชื่อที่ต้องการโทร ซองยอลเงยหน้ามองอูฮยอนเล็กน้อยด้วยหัวใจที่เต้นรั่ว อูฮยอนเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นเขาจึงตัดสินใจกดโทรออกไป

     

                    ขอโทษค่ะ ไม่มีเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณา...

     

                    ซองยอลกดวางสายมองเพื่อนของตัวเองด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความหวัง

     

                    ไอ้เด็กบ้า!!! ทีเวลาที่ฉันต้องการนาย แต่นายกลับไม่อยู่...

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

       


     

    ผ่านไป 7 ปี

     

                    “ซองยอลลลลลลล” อูฮยอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาซองยอลที่นั่งทำงานประจำที่ของตัวเอง

     

                    “อะไรของแกเนี่ย เสียงดังเอะอะโวยวาย” ซองยอลส่งสายตาดุใส่อูฮยอนก็เพราะเจ้าเพื่อนตัวดี ทำเสียงดังรบกวนพนักงานในบริษัท

     

                    “อ่ะ” อูฮยอนยิ้มแล้วยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้ซองยอล

     

                    “อะไรของแกเนี่ย” ซองยอลถามด้วยความแปลกใจ อารมณ์ไหนของเพื่อนเขาเนี่ย ก่อนจะยื่นมือไปรับช่อดอกไม้

     

                    “มีคนส่งมาให้อ่ะ”

     

                    “ใครอ่ะ” คิ้วเรียวเลิกถามขึ้น

     

                    “ไม่รู้อ่ะ แต่มีโปสการ์ดแนบมาด้วยนะ”

     

                    ใครกัน?

     

                    นั่นยิ่งทำให้ซองยอลสงสัย ก่อนจะพลิกซ้ายพลิกขวามองหาโปสการ์ดที่แนบมากับช่อดอกไม้        



     มาเจอกันที่สวนสาธารณะxxxตอนเย็น

                              ผมจะรอนะครับ

     

     

                    “แล้วแกจะไปป่ะ” อูฮยอนที่ชะเง้อหน้าอ่านโปสการ์ดที่แนบมาเงยหน้าถามขึ้น

     

                    “ไม่รู้อ่ะ โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้” ซองยอลวางช่อดอกไม้ในมือลงบนโต๊ะ แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

     

                    “ไปเถอะน่า ไหนๆตอนเย็นแกก็ว่างไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีอะไรเดี๋ยวแกก็กลับก็ได้นิ” มันก็จริงอย่างที่อูฮยอนว่าล่ะนะ แต่หวังว่าคงไม่มีใครมาเล่นตลกกับเขาหรอกนะ  

     

     

     

     

     

    ตกเย็น

     

                    จริงๆเขาก็ไม่ค่อยอยากจะมาซักเท่าไหร่อ่ะนะ คะคือสถานที่นี้มันดูเงียบๆชอบกล  ปกติมันจะต้องมีคนมาที่สวนสาธารณะนี่ไม่ใช่เหรอ จะว่าดึกแล้วก็ไม่ใช่ ท้องฟ้ายังสีส้มแสดเพราะพระอาทิตย์เพิ่งตกเมื่อกี้นี้เองนี่น่า ซองยอลกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาใครซักคนที่น่าจะเป็นจำของช่อดอกไม้กับโปสการ์ด แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววผู้คนหรือแม้แต่เสียงฝีเท้า รู้สึกขนลุกแปลกๆแหะ จึงทำได้แต่เดินไปรอบๆแล้วเอามือลูบแขนตัวเอง คงไม่มีใครเล่นตลกกลับเขาใช่ไหม

     

                    “เอ่อ มะมีใครอยู่แถวนี้ไหม” ด้วยความที่เขาอยู่ที่นี้ได้พักใหญ่แต่ก็ยังไม่มีใครผ่านมาซักคนเขาจึงเอ่ยปากถามไป

     

                    เอ๊ะ นั่นอะไรอ่ะ ซองยอลเหลือบเห็นกระดาษอะไรซักอย่างติดที่ต้นไม้ เขาจึงเดินเข้าไปเพื่อจะดูว่ากระดาษอะไร หวังว่าคงจะไม่ใช่ป้ายประกาศหาอะไรล่ะนะ

     

                    [ผมว่าแล้วฮยองต้องมา]

     

                    ฮยอง? ฮยองงั้นเหรอ

     

                    ซองยอลจึงกวาดสายตาเพื่อหากระดาษแผ่นต่อไป ทันที่ที่เห็นกระดาษแผ่นที่สองเขาก็รีบดึงกระดาษที่แปะออกจากต้นไม้

     

                    [ฮยองยังจำเด็กช่างตื๊อได้ไหมครับ...]  เด็กช่างตื๊อ? คิ้วเรียวขมวดขึ้นเล็กน้อย

     

                    [ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วนะครับ]

     

                    [ผมเรียนจบ แล้วก็มีงานทำ]

     

                    [แต่ที่ไม่เปลี่ยนคงจะเป็นส่วนสูง ฮยองอ่ะขี้โกงชะมัดที่สูงกว่าผม=3=]

     

                    [แต่ฮยองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เพราะผมจะใส่เสริมส้นสูงๆเวลาไปไหนฮยองจะได้ไม่อาย]

     

                    [ฮยอง.... ผมทำตามที่ฮยองบอกแล้วนะ]

     

                    [ตอนนี้ผมสามารถพูดเรื่องนี้กับฮยองได้แล้วใช่ไหม]

     

                    [...] แผ่นนี้ไม่มีอะไรเหรอ ร่างบางพยายามเดินหาแผ่นที่คาดว่าน่าจะเป็นแผ่นสุดท้าย แต่ก็ไม่มี

     

                    มยองซูนายเล่นตลกอะไรกับฉันเนี่ย

     

                   

                  ซองยอลหยุดนิ่งที่จะเดินหาต่อ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเขา เสียงนั่นทำให้ซองยอลหันไปตามเสียงและเห็นเงาของใครบางโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ พร้อมกับในมือที่ถือช่อดอกไม้ นั่นก็คือมยองซูเด็กน้อยจอมตื้อที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มยองซูคลี่ยิ้มน้อยๆแล้วสาวเท้าเข้าไปหาคนอายุเยอะกว่า จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ซองยอลมองมยองซูอย่างไม่เชื่อในสายตาว่าคนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นคนๆเดียวกันกับเด็กน้อยคนนั้น มยองซูยื่นดอกไม้ ให้คนตรงหน้า ดวงตากลมโตมองอย่างคาดหวังว่าคนที่หายไปหลายปีจะพูดอะไรออกมา

     

                    “เป็นแฟนกับผมนะครับ” คนอายุน้อยกว่ายิ้มแล้วยื่นดอกไม้ไปให้ แต่นั้นยิ่งทำให้คนอายุเยอะกว่าหงุดหงิดจนแจกมะเหงกไปหนึ่งดอก และก็ตามด้วยสัญชาตญาณ มยองซูรีบเอามือกุมหน้าผากของตัวเองด้วยสีหน้าเหยเก

     

                    “อะไรของฮยองเนี่ยยยย” มยองซูกุมหน้าผากแล้วมองคนอายุมากกว่าอย่างไม่เข้าใจ

     

                    “ฉันอายุจะ 30 นายเพิ่งจะมาขอฉันเป็นแฟนเนี่ยนะ!!

     

                    “ครับ” มยองซูแทบจะตอบทันทีที่ฮยองคนสวยพูดจบ นั้นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม นี่เจ้าเด็กนี่มันไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้เนี่ย เอาล่ะซองยอลเย็นเข้าไว้ หายใจเข้า หายใจออก  เย็นเข้าไว้ เขาลืมตาก่อนจะพูดขึ้น

     

                    “นายช่วยขออะไรที่มันมากกว่านี้หน่อยได้ไหม” มยองซูที่ได้ยินฮยองคนสวยพูดอย่างนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น

     

                    “ขออะไรเหรอครับ” เพียงเท่านั้นริ้วแดงจางๆก็เกิดขึ้นบนแก้มเนียน ไอ้เด็กบ้านายจะให้ฉันพูดจริงๆเหรอไง ฉันเขินนะเห้ย มยองซูยื่นหน้าเข้าไปใกล้หวังเพื่อฟังฮยองพูด

     

                    “กะก็ขะขอแต่งงาน” พูดจบซองยอลก็แทบจะมุดหน้าหนี พร้อมกับหันหลังใส่มยองซู ทำให้มยองซูที่ได้ยินเมื่อครู่ยิ่งตกใจ ไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไร

     

                    “จะขอไม่ขอ ไม่ขอจะกลับ” เพราะเห็นมยองซูนิ่งอยู่นานจึงพูดขึ้น ตอนนี้หน้าของซองยอล  แดงจนล่ามไปถึงใบหูอยู่แล้ว ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน

     

                    “คะครับ” มยองซูพยักหน้าเข้าใจเพราะอึ้งอยู่นาน ก่อนจะเดินไปอยู่ตรงหน้าร่างบาง แล้วคุกเข่าลง

     

                    “แต่งงานกับผมนะครับ...

     

     

    The End

     

    Special :

                    “ต่อจากนี้ไป ฮยองเป็นของผมคนเดียวนะครับ” มยองซูหรือเจ้าเด็กจอมตื้อพูดยิ้มร่าพร้อมกอดฮยองคนสวยไว้แน่น แต่ฮยองคนสวยกลับยู่ปากแล้วหันหน้าหนีซะงั้น

     

                    “เป็นอะไรไปครับ” เขายิ้มถาม

     

                    “ไม่เรียกฮยองได้ไหม” ร่างบางในอ้อมกอดพูดอ้อน

     

                    “เอ๊ะ?

     

                    “ก็แบบว่าเรียกฮยองแล้ว เหมือนฉันแก่เลยอ่ะ”

     

                    “งั้นอยากให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ” มยองซูกระชับอ้อมกอดขึ้นพลางคิดว่าจะหาคำเรียกแทนฮยองคนสวยอย่างไงดี

     

                    “คิดออกแล้วครับ!!!” ซองยอลหันหน้ามองมยองซูอย่างตื่นเต้น

     

                    “งั้นผมจะเรียกกว่า ที่รัก ที่รัก เป็นไง” ขณะที่พูดก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกแทบจะชนกันอยู่ล่อมล่อ ซองยอลจึงใช้ฝ่ามือดันหน้าของมยองซูออก ก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันหน้าหนี

     

                    “เรียกฮยองแบบเดิมนั้นแหละ!!!!” แล้วก็รีบเดินออกไป เขินสินะ น่ารักจัง ฮยองของผม อิอิ

     

     

     



    ชะแว๊บบบเค้ามาต่อฮยองของผมจบแล้วนะตัวเองงงงง ก็หวังว่ารีดเดอร์จะสนุกและชอบนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพเลย เพราะว่าติดสอบ555 ตอนนี้ก็รอสอบวิชาสามัญเงิบกันเลยทีเดียว55555555 อย่างไงก็อย่าเพิ่งลืมเค้านะตัวเองงงง 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×