ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #7 : SF ฮยองของผม 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 58


    SF ฮยองของผม 3




                        หลังจากเมื่อวานที่ผมล่วงเกินซองยอลฮยอง บอกตามตรงนะผมคงไม่มีหน้าที่จะไปเจอฮยอง
    เลย แถมยังถูกเจ้าตัวเอ่ยปากไล่ซะขนาดนั้น  ก็ใครมันจะไปทนกันได้เล่า ก็ดูฮยองดิเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแต่ไอ้หน้าปลาดุกนั่น ใครได้ยินมันก็มีอารมณ์ขึ้นกันบ้างแหละ แต่ที่มันหน้าเศร้าที่สุดก็ตรงโดนฮยองไล่ตะเพิดนี่สิ ฮือออผมอยากเจอหน้าฮยอง ถ้าผมไม่ได้เห็นหน้าฮยองผมคงต้องลงแดงตายแน่เลย


                         ฮือออออออ ว่าแล้วผมก็เอาหน้าซุกกับหมอนบนเตียง

     

                         รู้สึกเหมือนไม่อยากจะทำอะไรเลยแฮะ

     

                         ผมกระชับหมอนที่โอบกอดไว้แน่นขึ้น

     

                        ฮยองจะรู้ไหมเนี่ย ว่าฮยองมีอิทธิพลต่อจิตใจผมมากแค่ไหน

                   

     

     

     

     

     

                    “นี่ซองยอล แกว่าช่วงนี่มันแปลกๆไหม”  อูฮยอนที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆหันมองซ้ายมอง

    ขวาก่อนที่จะกระซิบกระซาบที่ข้างหูซองยอล

     

                    “แปลกอะไรของแก” ซองยอลที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอคอมหันหน้ามาเลิกคิ้วถาม

     

                    “ก็สองสามวันมานี้ ฉันยังไม่เห็นเจ้ามยองซูมาเกาะแกะแกเลยนะเว้ย” เมื่ออูฮยอนพูดถึงมยองซู ตัวของซองยอลก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

     

     

                    ก็หลังจากวันนั้น...

     

     

                    อยู่ๆหน้าของซองยอลก็แดงขึ้น อุณหภูมิในห้องแอร์เหมือนจะสูงขึ้นอย่างไงไม่รู้ ยิ่งคิดถึง

    เหตุการณ์วันนั้นที่เจ้าเด็กบ้านั่นทำกับเขา เขาก็แทบอยากจะเอาหัวโขกกับคอมให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งๆที่ทำ

    เรื่องอัปยศกับเขาไว้แท้ๆแล้วมาชิงหนี  

     

     

                    เอ...จะว่าไปเราก็เป็นคนไล่เจ้าเด็กนั่นเองนี่น่า

     

     

                    “ก็ดีแล้วนิ” ซองยอลพูดอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วกลับมาให้ความสนใจกับงานตรงหน้าต่อ แต่ก็สนใจกับงานได้ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น มือเรียวจึงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู

     

                    ใครโทรมานะ เบอร์ไม่คุ้นเลย ว่าแล้วก็กดรับ

     

                    “ฮัลโหลครับ”

     

                    [สวัสดีค่ะ คุณซองยอลใช่ไหมคะ] ซองยอลแปลกใจเล็กน้อยที่ปลายสายรู้จักชื่อเขา

     

                    “ครับ” เขาจึงทำได้เพียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

                    [ฉันเป็นคุณครูประจำฉันของมยองซูนะคะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครอง...] ซองยอลรีบพูดแทรกขึ้นทันควัน

     

                    “เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมไม่ใช่ผู้ปกครองของเขานะครับ”

     

                    [จริงเหรอคะ แต่ที่สมุดพกเขาเขียนว่าคุณเป็นผู้ปกครองนะคะ]

     

                    “เอ่อ แต่ว่าผม...”

     

                    [เอาเถอะค่ะ ฉันก็แค่อยากทราบว่ามยองซูเขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ] ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนที่จะต้องเถียง

     

                    “ครับ?” ปลายสายถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

     

                    [ก็สามวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้มาโรงเรียนเลย แม้ว่าเพื่อนๆจะโทรติดต่อเขาแต่ก็ไม่ได้เสียงตอบรับกลับ

    มา นี่คุณไม่ทราบจริงๆเหรอค่ะ...]

     

                    ตุ๊ด ตุ๊ด... ซองยอลกดวางสายโทรศัพท์

     

                    เด็กนั่นไม่ได้ไปโรงเรียน คงจะไม่ใช่เพราะเราใช่ไหม

     

                    อยู่ๆความรู้สึกผิดต่างๆมากมายก็บังเกิดขึ้นในใจ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงต้อง

    รู้สึกผิดกับเด็กนั่นด้วย  และสิ่งที่เขาจะทำ...

     

                    “อ้าวเฮ้ย ซองยอลแกจะไปไหนวะนั่น” อูฮยอนไล่ตะโกนตามหลัง แต่ซองยอลรีบวิ่งอกจากที่ทำงานพร้อมกับโบกมือเรียกรถแท็กซี่ ในหัวก็เฝ้าแต่กังวลเกี่ยวกับเจ้าเด็กบ้าที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม

    ตัวเขาจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเจ้าเด็กหัวรั้นนี่ด้วย คอยดูนะถ้าเจอตัวแม่จะด่าให้เข็ดเลย จะว่าไป

    มยองซูอาจจะอยู่ที่บ้านก็ได้  เขาจึงจัดการบอกแท็กซี่ให้ตรงไปที่บ้านของมยองซู  เมื่อมาถึง...

     

                    “มยองซูออกมาเดี๋ยวนี่นะ!!”  เขาทั้งตะโกนและกดออดหน้าบ้านแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ

     

                    “นี่!! เจ้าเด็กบ้าจะออกมาดีๆหรือจะให้ฉันแงะประตูบ้านเข้าไปห๊ะ”

     

                    “โอ๊ยๆ พ่อหนุ่มเจ้าของบ้านเนี่ยไม่อยู่หรอก” ซองยอลหันหน้าไปทางป้าคนนั้น

     

                    “แล้วเขาออกไปไหนเหรอครับ ออกไปนานหรือยัง” (ถามอย่างกะฉันตัวติดกับเจ้าของบ้าน : ป้าคิด)

     

                    “ก็เพิ่งออกไปซักพักแล้วล่ะ”

     

                    “อ่อ ขอบคุณครับ” ซองยอลส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วรีบขึ้นแท็กซี่ไป ถ้าเพิ่งออกจากบ้านก็คงฉันไปไหนได้ไม่ไกล รถแท็กซี่ค่อยๆขับเลียบทางเดิน ดวงตากลมโตกวาดส่องสายตาเพื่อหาเขาคนนั่น

     

                    “จอดตรงนี้แหละครับ” เขาบอกแล้วควักเงินจ่ายค่าโดยสาร แล้วรีบวิ่งออกจากรถไปยังที่ที่มี

    เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่าใต้ต้นไม้ริมแม่น้ำ

     

                    “ฮะฮยอง”  มยองซูที่นั่งกอดเข่ามองคนตรงหน้าที่เพิ่งวิ่งมาถึงอย่างเหนื่อยหอบ

     

                    “ก็ใช่น่ะเส่ะ” คนที่หอบเงยหน้ามาจิกตาใส่ก่อนจะรีบดึงหูมยองซูให้ลุกขึ้น

     

                    “โอ๊ยฮยองผมเจ็บนะครับ” มยองซูหลับตาปี้พยายามพาตัวเองให้ออกจากเอื้อมมือของฮยอง

    ตัวสูง

     

                    “ทำไมนายถึงไม่ไปโรงเรียนห๊า!!” ซองยอลออกแรงดึงหูให้มยองซูมาทางตน

     

                    “ฮยองรู้?

     

                    “เออดิ”

     

                    “ก็เพราะใครล่ะครับ” มยองซูหลบตาเสหน้าไปทางอื่น ซองยอลจึงปล่อยมือออก

     

                    ให้ตายเถอะทั้งๆที่ผมควรจะโกรธเจ้าเด็กนี่แต่ผมต้องมานั่งง้อเจ้าเด็กนี่ซะงั้น ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

                    “นายรู้ไหม นายนี่น่าจับมาตีให้ก้นลายซะจริงๆ” ซองยอลค่อยๆย่นตัวนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่

    ก่อนจะส่งสายตาเป็นนัยบอกให้มยองซูนั่งลงข้างๆซองยอลปลายตามองคนข้างๆที่นั่งกอดเข่าอยู่

    เงียบๆ ก่อนจะถอนลมหายใจออกอีกครั้ง

     

                    “เอาเป็นว่าขอโทษล่ะกัน”  ทันทีที่ซองยอลพูดจบเด็กน้อยก็รีบหันหน้ามามองฮยองด้วยความตกใจ ดวงตาเรียวที่แสงอาทิตย์ส่องประกายสะท้อนให้เห็นเงาคนตรงหน้า จนคนตรงหน้ามีแววตา

    ไหววูบ

     

                    “ฮยอง...

     

                    “ห้ามทำอย่างนี้อีกรู้ไหม” มือเรียวยื่นไปลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ แม้น้ำเสียงจะดูดุเอ็ดแต่สัมผัสที่มอบให้มันช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน  ใบหน้าของเด็กน้อยถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจนเผลอโผกอด

    ฮยองคนสวย

     

                    “คร๊าบบบบ” 

     

                    “นี่ๆพอเลย ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะ”  ซองยอลพยายามดันอกของมยองซูออก

     

                    “บัญชี?” เขาเลิกคิ้วถามทั้งๆที่ยังคงโอบกอดฮยองไว้แน่น

     

                    “ไม่ต้องมาทำไขสือเลย ก็ที่นายแอบอ้างว่าฉันเป็นผู้ปกครองนายน่ะ”

     

                    “เอิ่มก็...

     

                    “ปล่อยได้แล้วฉันร้อนเว้ยยย” ซองยอลออกแรงดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดของมยองซู  แต่ไม่วายจ้องหน้ามยองซูเพื่อเค้นเอาคำตอบ

     

                    “ฮ่าๆ ก็ฮยองน่ารักนิ” เท่านั้นแหละความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของฮยองคนสวย  -////-

     

                    วันนี้อุณหภูมิมันเท่าไหร่วะเนี่ย โคตรร้อนเลย

     

                    “พูดอะไรของนายห๊ะ เจ้าเด็กบ้า”

     

                    “ฮยองมาตรงจังหวะพอดีเลย ผมหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ” ว่าแล้วก็ลุกเดินนำหน้าฮยองไป

     

                    ไอ้เด็กบ้า ทำไมต้องรู้สึกตื่นเต้นอะไรอย่างนี้ด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

                    “เออ นี่ซองยอลนายรู้ไหมว่าเจ้าเด็กจอมตื้อนั่นน่ะ อยากเป็นอะไรหรืออยากเรียนต่ออะไร”

    อูฮยอนทักซองยอลขึ้นในขณะที่ซองยอลกำลังนั่งทำงานอยู่ข้างๆ

     

                    “อยากรู้แล้วทำไมไม่ไปถามเองล่ะ” ซองยอลตอบโดยไม่หันหน้ามามอง เล่นเอาคนที่ฟังถึง

    กับไปไม่เป็น

     

                    “ก็แหมๆ ฉันอยู่ในสถานะที่ควรจะถามซะเมื่อไหร่” อูฮยอนพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

    พลางหยิบปากกามาจรดที่ปลายคางแล้วทำหน้าอย่างครุ่นคิด

     

                    “จะว่าไปเจ้ามยองซูก็อยู่ม.ปลายปีสุดท้ายด้วยเนอะ ก็คงน่าจะมีแพลนในอนาคตแล้วล่ะมั้ง

    เนอะๆ” อูฮยอนหันมายิ้มให้ซองยอลอีกครั้ง 

     

                    แพลนในอนาคต?

                   

                    แต่จะว่าไปเด็กนั่นก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้วนี่น่า อยากรู้จังว่าเด็กนั่นอยากเป็นอะไร

     

                   

                   

     

     

     

     

     

                    วันนี้ซองยอลก็ยังกลับบ้านกับมยองซูเช่นเคย ถึงแม้ว่าทางกลับบ้านระหว่างบ้านเขากับมยองซูจะคนละทางกันก็เถอะ แต่มยองซูก็สมัครใจที่กลับบ้านเป็นเพื่อน

     

                    “นี่มยองซู นายคิดหรือยังว่าอยากจะเป็นอะไร” ซองยอลกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ มยองซูทำได้แต่เพียงก้มหน้าแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

                    “หึ เรื่องนั้นผมไม่สนใจหรอกครับ ผมสนแค่ว่าผมมีความสุขที่ได้อยู่กับฮยองก็พอแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฮยองพร้อมยิ้ม ซองยอลเห็นท่าทางของมยองซูอย่างนี้แล้วหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ เขาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักใจก่อนจะตีสีหน้าจริงจัง

     

                    “ให้ตายเถอะ นี่มันอนาคตของนายเลยนะนายควรจะคิดได้แล้วว่านายอยากจะเป็นอะไร อยากเรียนอะไร  อยากทำงานอะไร”

     

                    “เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญซะหน่อย” มยองซูหันหน้าหนีแล้วตอบเสียงอ่อน ซองยอลจับบ่าทั้งสองข้างของมยองซุอย่างมั่นคงเพื่อให้มยองซูสบตากับตนขณะพูด

     

                    “มยองซูฟังฉันนะ อนาคต ความฝัน มันเป็นสิ่งที่จะทำให้นายก้าวเดินออกไปอย่างมีเป้าหมาย ตอนนี้นายอาจจะยัง...” มยองซูจับแขนทั้งสองข้างของซองยอลออก เรียวตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่กลมโต

     

                    “ถ้าในอนาคตผมไม่มีฮยอง ทุกอย่างมันก็ไม่มีความหมายอะไรหรอกครับ ผมไม่รู้หรอกนะ

    ครับว่าอนาคต ความฝัน มันคืออะไร แต่ตราบใดที่ผมได้อยู่กับฮยองผม...” ซองยอลผลักมยองซูจนคนตรงหน้าเซถอยหลังอย่างมึนงง

     

                    “นายเข้าใจที่ฉันพูดบ้างไหมห๊ะ!!!

     

                    “ส่งฉันแค่นี้แหละ” แล้วเขาก็มุ่งตรงเดินเข้าบ้านโดยไม่หันมาสนใจคนข้างหลังที่ยังคงไม่เข้า

    ใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้

     

     

     

     

     

     

     

                    หงุดหงิด หงุดหงิดๆๆเว้ยยยย เสียงหมอนตีกับเตียงยังดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ดูเหมือนนี่จะ

    เป็นการระบายอารมณ์ของอีซองยอลสินะ

     

                    “ไอ้เด็กบ้านายเคยเข้าใจอะไรบ้างไหมห๊ะ นายไม่สามารถอยู่กับฉันได้ตลอดเวลาหรอกนะ

     เพราะซักวันหนึ่ง...นายก็ต้องออกเดินในเส้นทางของตัวเอง...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    “ซองยอลนายคบกับเด็กที่มาหานายทุกวันเช้าเย็นอยู่เหรอ” พนักงานสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา

    ทักซองยอลที่โต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเพื่อนของแธอ

     

                    “บ้าน่า เอาเรื่องอะไรมาพูด” ซองยอลเพียงแค่ตอบสียงเรียบไม่ใส่ใจมากนัก

     

                    “นี่ฉันพูดจริงๆนะ เค้าเม้ากันให้แซดว่านายกินเด็กน่ะ”

     

                    “เหลวไหลน่า”

     

                    “ก็นะอายุก็ห่างกันใช่เล่นเลยเนอะ” เพื่อนเธออีกคนพูดขึ้นมา ทำให้ซองยอลต้องละสายตา

    ออกจากงาน

     

                    “จะคบใครก็ดูความเหมาะสมด้วยนะ เนอะๆว่าม่ะ” เธอหันไปถามความเห็นของเพื่อนเธอ

    ก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากขึ้น รอยยิ้มที่มุมปากกับสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามนี่มันหมายความว่าไง

     

     

     

     

     

                    ขณะที่เดินกลับบ้านซองยอลปลายตามองคนข้างๆเป็นระยะ จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัว

     

                    “แน่ะๆ มองผมอยากนี้คิดอะไรกับผมป่ะเนี่ย” มยองซูยิ้มแบบกวนตามฉบับเดิม แต่ทว่า

    สิ่งที่ซองยอลจะพูดออกไปมันอาจทำให้เด็กน้อยที่อายุอ่อนกว่ายิ้มไม่ลงเลยก็ได้

     

                    “มยองซู”

     

                    “ครับ” มยองซูยิ้มตอบ ซองยอลรวบลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป

     

                    “ต่อไปนี้นายไม่ต้องมาให้ฉันเห็นนายอีกนะ” ใช่ นี่คือสิ่งที่เขาคิดมาตลอดทาง

     

                    “ฮยอง เมื่อกี้ฮยองพูดอะไรน่ะครับ” แม้ว่าจะตกใจกับสิ่งที่คนตัวสูงเพิ่งพูดแต่ก็ยังฝืนที่จะยิ้ม

     

                    “ฉันบอกว่าให้นายเลิกยุ่งกับฉันซักที นายรู้ไหมที่นายมาทำตัวเกาะแกะฉันทุกวันนี้ มันทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายมากแค่ไหน ชีวิตที่เรียบง่ายของฉันมันสูญเปล่าไปกับเด็กที่ไม่รู้จักโต ไม่รู้แม้กระทั่ง

    อนาคตของตนเอง” ซองยอลเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

     

                    “เพราะงั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปล่อยให้นายเข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน เพราะฉะนั้น นายช่วยออกจากชีวิตฉันที”

     

                    “ฮยอง”

     

                    “นายไม่ไปใช่ไหม ได้ฉันจะเป็นคนไปเอง”มยองซูคว้าข้อมือของซองยอลเอาไว้

     

                    “ผมจะไม่รั้งฮยองหรอกนะครับ ผมก็แค่จะบอกว่า...ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” มยองซูพูดก่อน

    จะหันหลังเดินออกไปอย่างช้าๆ ซองยอลมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไปอย่างช้าๆ เขาฝืนยิ้ม

    ให้กับตัวเองเล็กน้อยแล้วเดินหันหลังให้เหมือนกัน

     

                    แต่แล้วเสียงฝีเท้าของใครบ้างคนก็ดังขึ้น มยองซูออกแรงวิ่งตามหลังพร้อมกับแรงกระชากที่

    ต้นแขนของร่างบางแล้วจับใบหน้าของซองยอลเข้ามาทางตน ก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน

    ซองยอลเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจกับจูบของมยองซูที่เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเพียงเท่านั้น

     มยองซูค่อยๆถอนจูบออกช้าๆก่อนจะพูดขึ้น

     

                    “ฮยองอาจจะได้ยินมันบ่อย แต่ผมก็อยากจะบอกว่า...ผมรักฮยองนะครับ” มยองซูคลี่ยิ้มบางๆแบบที่เคยยิ้มให้ซองยอลแบบเคย แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงได้ดูเศร้า ดวงตาเรียวคมที่ท่อประกายเริ่มมีของ

    เหลวตกตะกอน มยองซูร้องไห้งั้นเหรอ ซองยอลจึงตัดสินใจเดินออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่แม้จะหัน

    หลังกลับไปมอง ทำไมแต่ละก้าวมันช่างลำบากอย่างนี้นะ

     

                   

                    จบแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ แบบที่เขาต้องการ... ไม่ใช่เหรอ

     

     




    มาต่อตอนที่ 3 แล้วเน้ออออ ขอโทษที่ให้รอนานน้าาาา เอ...ว่าแต่ นี่จะใช่บทสรุปของทั้งคู่ไหมน่าาาา อยากรู้ต้องติดตามต่อไปนะ อิอิ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×