ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #6 : SF ฮยองของผม 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 58


    SF ฮยองของผม 2



    หลังจากกินไอศกรีมเสร็จทั้งสองก็ออกมาเดินเล่น ก่อนกลับบ้าน

                    “ฮยองเมื่อไรฮยองจะรับรักผมซะที” ร่างเพรียวสูงจากที่เดินดูทิวทัศน์รอบๆยิ้มแล้วก็ต้องชะงักกับคำถามของเด็กที่เดินอยู่ข้างๆ

                    “นี่แน่ะ ไอ้เด็กแก่แดด” เขาเขกหน้าผากของมยองซูทีหนึ่ง เด็กนี่ซักจะเอาใหญ่แระ ถ้าเราไม่ตักเตือนเด็กนี่ต้องเอาแต่พูดเรื่องพรรคนี้อย่างเดียวแน่

                    “โอ๊ยฮยอง วันนี้ฮยองเขกหัวผมครั้งที่เท่าไหนแล้วเนี่ย ดูนิหัวปูดแล้วแน่ๆ”  มยองซูเอามือลูบหน้าผากตัวเองแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

                    “ดีสมน้ำหน้าเด็กแก่แดดอย่างนายต้องโดนซะบ้าง”

                    “ถ้าผมเป็นเด็กแก่แดด ฮยองก็ระวังจะแก่ขึ้นคานนะครับ” มยองซูพูดเสร็จก็ขำเล็กขำน้อย จนซองยอลต้องถลึงตาใส่

                    “นี่เจ้าเด็กบ้า! มาหาว่าฉันจะแก่ขึ้นคานเหรอ”

                    “ก็มันจริงนี่ครับ” ยัง ยังไม่หยุดล้ออีกนายได้ตายก่อนแก่แน่มยองซู และแล้วก็เกิดสงครามวิ่งไล่จับระหว่างฮยองตัวสูงกับเด็กหน้ามึนมยองซู พวกเขาสองคนวิ่งไล่ตามกันจนคนรอบข้างต่างพากันมองแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มกับความน่ารักของทั้งคู่ ด้วยความที่วิ่งไล่มยองซูมานานพอสมควรจนขาของเขาเริ่มจะไม่มีแรงแล้วสิ

                    “เด็กบ้าหยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ” ซองยอลค่อยๆหยุดวิ่งค่อยๆย่อตัวแล้วเอามือเท้าไปที่หัวเข่าทั้งสอง พร้อมกับลอบหายใจถี่ๆอย่างเหนื่อยอ่อน มยองซูที่เห็นว่าซองยอลคงไม่มีทางที่จะวิ่งไล่ตีตนแล้วก็เดินมาหาฮยอง แล้วพาฮยองมานั่งพัก

                    “เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้นะครับ” แล้วมยองซูก็เดินไปซื้อน้ำแตงโมปั่นที่อยู่ใกล้ๆมาให้ซองยอล

                    “ดื่มน้ำก่อนครับ” มยองซูส่งน้ำปั่นให้ซองยอล ซองยอลรับน้ำปั่นมาดูด

                    “นายเล่นเอาฉันเหนื่อยเลยนะ” ขณะดูดก็ไม่วายแอบจิกด่าเจ้าเด็กแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ

                    “ก็ฮยองอ่ะ เอะอะตีเอะอะตีอย่างเดียวเลย” ก็แล้วนายมันน่าตีไหมล่ะ ขณะที่ซองยอลดูดน้ำแตงโมปั่นเพลินๆอยู่ๆมยองซูก็ยื่นมือมากุมเขามือข้างที่ไม่ได้ถือแก้วน้ำ พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้า แววตาของมยองซูไร้ซึ่งวี่แววทะเว้นเหมือนเคย แต่กับเป็นแววตาที่มุ่งมั่นแน่วแน่

                    “ฮยอง...” มยองซูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เบาจนทำให้ซองยอลหวั่นใจ เผลอสบตาเรียวคมของมยองซู

                    “ฮยองก็รู้ว่าผมรู้สึกอย่างไงกับฮยอง แต่ทำไมฮยองถึงไม่...” มยองซูยังพูดไม่ทันจบประโยคซองยอลก็เตรียมง้างมือจะตีเข้าที่หน้าผากของมยองซู แต่ดีที่มยองซูไหวตัวทันจึงรีบเอามือมาป้องฝ่ามืออรหันเอาไว้ก่อน ไม่งั้นคงได้โดนตีจนหน้าผากช้ำไปหลายวันแน่

                    “ผมรักฮยองนะครับ” แววตาแกร่งจ้องมองไปที่ซองยอลเขาพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ทั้งๆที่มือก็ยังจับหน้าผากของตัวเอง เพราะคิดว่าอย่างไงฮยองตัวสูงต้องไม่พอใจแน่ที่เขายังดื้อด้านที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองอยู่อย่างนี้

                    “ฉันจะไม่ตีนายแระ แต่ฉันจะเตะนายแทน” มยองซูลดมือออกจากหน้าผากตัวเอง

                    “ฮยองจะตีผมหรือเตะผมก็ได้ แต่ผมอยากให้ฮยองรู้ไว้ว่าความรู้ที่ผมมีให้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ” ซองยอลง้างมือขึ้นจนมยองซูสะดุ้งหลับตาปี๋ยอมรับฝ่ามือของฮยอง แต่ซองยอลกับเอื้อมลูบหัวของมยองซูอย่างเบาๆ มยองซูแปลกใจเล็กน้อยค่อยๆลืมตาขึ้น

                    “เอาล่ะๆ ฉันรู้ว่านายคิดอย่างไง แต่ตอนนี้ฉันอยากให้นายตั้งใจเรียน เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย มีงานดีๆทำ พอถึงตอนนั้นนายอยากจะพูดอะไรหรือจะทำอะไรฉันจะไม่ห้ามนายเลย”  มยองซูเอื้อมมือจับมือเรียวของฮยองที่ยังคงลูบตนอยู่มากุมไว้

                    “ฮยองสัญญากับผมก่อนสิ ว่าฮยองจะรอผม” ซองยอลนิ่งไปครู่หนึ่งจนมยองซูใจแป้ว เขากลัวกลัวว่าฮยองจะเจอคนที่ฮยองรักโดยที่คนคนนั้นไม่ใช่เขา เขาไม่อยากเสียฮยองให้กับใครทั้งนั้น เพราะฮยองเป็นของเขาคนเดียว ที่ขอบตาเรียวคมเริ่มมีน้ำตาหน่วงขึ้นมา

                    “เฮ้ยมาดรามาอะไรตอนนี้เนี่ย ฉันไม่ทิ้งนายไปไหนหรอกน่า” ซองยอลพูดแหย่เล่น ก็อยู่ๆเจ้าเด็กนี่อยู่ก่อมาก่อดรามาเฉยเลย ซองยอลมองซ้ายมองขวาดูว่ามีใครมองมาที่พวกเขาสองคนไหม ถ้ามองมามีหวังโดนข้อหารังแกเด็กแน่

                    “เลิกร้องได้แล้วน่า ฉันจะรอนายโอเคไหม” ซองยอลยิ้มแล้วลูบหัวมยองซูอีกครั้ง เด็กน้อยน้อยเช็ดคราบน้ำตาออกแล้วเงยหน้ามองซองยอล

                    “ฮยองสัญญาแล้วนะ”

                    “อืม ไอ้เด็กติ้งต๊อง ไปกลับบ้านกัน”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

                     หลังจากที่หยุดพักผ่อนมาพอสมควรก็ได้เวลาทำงาน เห็นเขาบอกกันว่าวันนี้จะมีพนักงานคนใหม่มาฝึกคนด้วย ไม่ต้องถามหรอกนะว่าเขารู้ได้อย่างไง ก็เขานะมีแหล่งข่าวอยู่ใกล้ๆตัวอย่างอูฮยอน อูฮยอนเพื่อนเขาน่ะชอบจริงๆ ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเขาไปทั่ว และก็ดูเหมือนอูฮยอนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษคงจะหนีไม่พ้นเรื่องคนหน้าตาดีสิน่ะ ซองยอลส่ายหัวหน่ายๆให้กับเพื่อนของตัวเองที่ไปจับกลุ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานในเวลางาน ถ้าผู้จัดการมาเห็นมีหวังซวยแน่อูฮยอน

                    ขณะที่ซองยอลกำลังนั่งเช็ครายงานเอกสารเล่มโตอยู่ เขาก็รับรู้ได้ถึงเสียงคุยจอแจ้ในห้องทำงาน นี่พวกอูฮยอนยังไม่หยุดเม้าท์กันอีกหรอก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนั่งเช็คงานต่อ จนซองยอลรู้สึกเหมือนมีใครมายืนหน้าโต๊ะทำงานเขาจึงเงยหน้ามอง

                    “โอ๊ะ ผู้จัดการ” ซองยอลรีบลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมโค้งทำความเคารพ ผู้จัดการใส่แว่นมาดนิ่งแต่ตอนนี้กับมีใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะพาคนที่อยู่ข้างหลังมาแนะนำตัว

                    “ซองยอลนี่พนักงานคนใหม่ชื่อกงชาน อย่างไงก็ฝากคุณดูแลด้วยนะ” ชายหนุ่มที่ชื่อกงชานยิ้มให้ซองยอลเล็กน้อย นี่สินะสาเหตุที่พนักงานในบริษัทคุยกันไม่จบไม่สิ้นเสียที ซองยอลปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากงชานหน้าตาดี แต่เดี๋ยวนะแล้วทำไมผู้จัดการต้องให้เขามาดูแลกงชานด้วยนะ พนักงานคนอื่นก็ออกจากเยอะแยะแล้วทำไมถึงต้องเป็นเขาล่ะ ซองยอลทำท่าจะพูดทัดท้วงแต่ผู้จัดการชิงพูดเสียก่อน

                    “โอเคนะซองยอล” โดนสายตาแอคแทคนั่นเข้าคงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ

                    “ค-ครับ”

                    “ตั้งใจทำงานล่ะกงชาน” ผู้จัดการเดินไปตบบ่ากงชานเบาๆ นี่ไม่ใช่คำขู่ใช่ไหมรู้สึกขนลุกเป็นบ้า

                    “ครับ” กงชานยิ้มให้ผู้จัดการแล้วผู้จัดการก็เดินไปห้องทำงานของตัวเอง

                    “สวัสดีครับผมกงชานชิค หรือกงชานครับ” กงชานแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ หน้าตาดูไม่เป็นพิษเป็นภัยค่อยน่าทำงานร่วมหน่อย

                    “ฉันอีซองยอล ยินดีที่ได้รู้จัก” ซองยอลส่งยิ้มให้

                    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” กงชานยื่นมือไปจับมือเชคแฮนด์กับซองยอล

                    “เอาล่ะมาเริ่มงานกันดีกว่า” แล้วซองยอลก็แนะนำการทำงานให้กงชาน



     

     

     

     ตอนเย็น

                    วันนี้ซองยอลยุ่งกับงานมากเพราะต้องคอยฝึกงานให้กงชาน แต่โชคดีที่กงชานเป็นคนหัวไว ถ้าไม่งั้นเขาคงต้องประสาทกินแน่ๆ

                    “ฮยองงงง” คงจะไม่ต้องบอกล่ะนะว่าใครมา เสียงดังมาแต่ไกลเชียว เด็กนี่มันไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงฟ่ะ เด็กนี่รีบวิ่งแจ้นมาหาเขา จนกงชานที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆหันมาถาม

                    “ใครเหรอครับ”  

                    “อ่อ...”

                    “ฮยองผม...” มยองซูพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นคนที่อยู่ข้างๆฮยองของเขา

                    “ฮยองนั่นใครอ่ะ”มยองซูกระซิบถามซองยอลเบาๆ ซองยอลมองหน้าทั้งสองคนไปมาเขาควรจะแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันสินะ ซองยอลยืนขึ้นแนะนำมยองซูคนแรก

                    “นี่มยองซูเป็นน้องที่ฉันรู้จัก ส่วนมยองซูนี่กงชานเพื่อนร่วมงานฉันเอง” กงชานลุกขึ้นยื่นมือหวังจะเชคแฮนด์กับมยองซู แต่มยองซูเมินใส่แถมยังมองกงชานด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกต่างหาก เหมือนกงชานจะหน้าแตกเล็กน้อยแต่ช่างเหอะ

                    “มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” ซองยอลขัดขึ้นเพราะเห็นบรรยากาศเริ่มมาคุเต็มที

                    “ก็เหมือนเดิมแหละครับ” มยองซูยื่นหน้ามาใกล้ๆซองยอลแล้วยิ้มให้ ก่อนจะไปนั่งรอซองยอลที่โซฟาเหมือนเช่นเคย ขณะรอมยองซูรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา จะไม่ให้หงุดหงิดได้ไง ก็ดูไอ้หมอนั่นที่ชื่อกงชานอะไรนั่นสิ ทำไมต้องทำตัวสนิทสนมชิดเชื้อกับฮยองของเขาขนาดนั่น แค่จะถามข้อมูลอะไรบางอย่างกับซองยอล แล้วทำไมต้องยื่นหน้าไปใกล้ๆฮยองของเขาด้วยล่ะ น่าหมั้นไส้หมอนี่ชะมัด

                    “เออ มยองซูวันนี้ไม่ต้องรอนะ” ซองยอลเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารบอกมยองซู

                    “ทำไมล่ะครับ”

                    “วันนี้มีเลี้ยงฉลองพนักงานใหม่น่ะ”

                    “แล้วจะเสร็จกี่โมง”

                    “ก็คงดึกอยู่แหละ นายน่ะรีบกลับบ้านไปทำการบ้านเถอะ” เพียงแค่ซองยอลพูดเสร็จกงชานก็แอบลอบยิ้มหน่อยๆ มยองซูเห็นรอยยิ้มของกงชานแล้วเขาอยากจะปล่อยหมัดชกหน้าหมอนั่นให้หายหมั้นไส้ซะจริงๆ แต่ก็ได้แค่คิดในใจสุดท้ายเขาก็ต้องเดินออกจากที่ทำงานของซองยอล รู้สึกไม่ชินเลยแฮะปกติจะต้องมารับฮยองกลับบ้าน แต่วันนี้...

    มันก็แค่วันเดียวเท่านั้นแหละ!!



     

                    หลังจากเคลียงานที่บริษัทเสร็จเหล่าพนักงานก็ตัดสินใจไปฉลองต้อนรับพนักงานใหม่ที่ร้านเนื้อย่างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก

                    “ซองยอลไม่ดื่มหน่อยเหรอครับ” กงชานยื่นแก้วเหล่าส่งให้ซองยอลเพราะเห็นซองยอลนั่งเหม่อคาบแต่ตะเกียบ แทนที่จะใช้ตะเกียบคีบเนื้อแต่กับเอาแต่คาบอยู่ที่ปากอย่างนั่น

                    “อ่อ อ้อ ไม่ล่ะ” ซองยอลยิ้มปฏิเสธ

                    “เอาน่าซองยอลถือว่าฉลองต้อนรับพนักงานใหม่นะ แค่แก้วเดียวก็ได้” อูฮยอนพูด

                    ก็แค่แก้วเดียว...

     



     

                    หลังจากกลับมาถึงบ้านมยองซูก็จัดการธุระของตัวเองแล้วรีบมาทำการบ้าน เขาพาตัวเองมานั่งบนเก้าอี้ที่บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือ เขาหยิบหนังสือขึ้นตรงหน้า มือจับปากกาพร้อมที่จะทำ สายตาค่อยๆกวาดมองโจทย์บนหนังสือ เมื่ออ่านจนเข้าใจก็เริ่มลงเมื่อเขียนสิ่งที่โจทย์ต้องการ ขณะที่ทำการบ้านแต่จิตใจกับไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมัวแต่คิดฟุ้งซ่านไปทั่ว ยิ่งคิดถึงรอยยิ้มกวนบาทาของเจ้าหมอนั่นเขายิ่งอยากจะวิ่งเข้าไปกระชากคอแล้วต่อยหน้าซักหมัด พอๆเขาจะไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน เขาจึงทำต่อไปเรื่อยๆ

                    “ข้อนี้...” แต่หมอนั่นทำไมต้องทำตัวเข้าใกล้ฮยองขนาดนั้น ไม่เอาน่ามยองซูไม่มีอะไรหรอกทำงานต่อเถอะ แต่มันก็ไม่น่าไว้ใจ เกิดมันคิดอะไรกับฮยองขึ้นมาล่ะ จากที่มือไล่เขียนหนังสือก็ต้องหยุดแล้ววางปากกาลง

                    “ไม่ทงไม่ทำมันแระ” ตามไปหาฮยองดีกว่า อย่างน้อยก็ไปเป็นไม้กันหมาก็ยังดี ว่าแต่...เขาฉลองกันที่ไหนอ่ะ คิดสิวะๆ มยองซูได้แต่เอามือทุบหัวตัวเองทั้งสองข้างจนผมยุ่งไปหมด ก่อนที่จะคิดอะไรได้

                    “อูฮยอนฮยอง อูฮยอนฮยองต้องช่วยเราได้” ว่าแล้วเขาก็รีบมองหาโทรศัพท์ที่วางไว้บนเตียงนอน แล้วไล่นิ้วกดโทรหาเบอร์เป้าหมาย รอพียงไม่นานปลายสายก็รับ

                    “อูฮยอนฮยอง” มยองซูพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

                    [ว่าไงมยองซู จะถามเรื่องซองยอลใช่ไหม] อูฮยอนพูดอย่างรู้ทัน เพราะมีไม่กี่เรื่องหรอกที่มยองซูจะโทรหาเขานอกจากเรื่องเพื่อนหน้าสวยอย่างซองยอล

                    “ครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันเหรอครับ”

                    [ฉันอยู่ที่ร้านเนื้อย่างแถวxxx]

                    “ขอบคุณครับ”

     

     

     



     

    กลับมาที่ร้านเนื้อ

                    ตอนนี้พนักงานต่างก็ทยอยกันกลับบ้านแต่ซองยอลกับกงชานก็ยังคงนั่งอยู่ในร้านขนาดอูฮยอนยังกลับบ้านไปแล้วเลย สภาพของซองยอลในตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ตัวจากที่นั่งตรงๆก็เริ่มเลื้อย ก็บอกแล้วว่าซองยอลดื่มแค่แก้วเดียวเอิ๊กกกก (ไรท์ : เริ่มเมาตามพี่ยอลแระ)

                    “พอเถอะครับผมว่าซองยอลเมาแล้วนะครับ” กงชานพยายามยกแก้วเหล่าออกจากมือซองยอล

                    “เมาที่หน๊าย ฉ๊านนม่ายเมาซะหน่อย” ซองยอลยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายพร้อมกับหน้า ดวงตาปรือๆคล้ายคนง่วงนอน แล้วรีบฉวยหยิบแก้วออกจากมือกงชานไปดื่ม

                    “พอเถอะครับคุณเมามากแล้วนะ”

                    “ฉ๊านยางไหวน่า ขออีกแก้วสิ^^” ซองยอลพูดกับกงชานก่อนที่ยื่นแก้วให้เพื่อนร่วมงานที่นั่งฝั่งตรงข้ามรินให้ เมื่อรินให้เสร็จก็ยื่นแก้วให้ซองยอล แต่กงชานพยุงตัวซองยอลให้ลุกขึ้นจากที่นนั่ง ขื่นปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังได้อยู่ยันร้านปิด

                    “ผมกับซองยอลขอตัวกลับก่อนะครับ” เมื่อบอกลาเสร็จเขาก็ค่อยๆเดินประครองตัวซองยอลให้เดินออกจากร้าน

                    “ค่อยๆเดินนะครับ บ้านคุณอยู่ไหน” ซองยอลเดินเสขนาดนี่คงกลับบ้านเองไม่ได้แน่ เราคงต้องไปส่งแล้วล่ะ

                    “อยู่AAA

                    “คุณดื่มมากเลยนะครับ”

                    “นิดเดียวเอง” ซองยอลยิ้ม ซองยอลมัวแต่มองกงชานจนไม่ได้ดูทางเดินไปสะดุดก้อนหินก้อนใหญ่เข้า

                    “ซองยอลระวังครับ”

                    “เหวอๆๆ” ตัวของซองยอลเซไปข้างหน้า กงชานรีบคว้าเอวซองยอลก่อนที่จะล้มหน้าคว่ำ ตอนนี้กลายเป็นว่าตัวของซองยอลอยู่ในอ้อมกอดของกงชาน

                    “กงชาน” ซองยอลจ้องหน้ากงชาน

                    “ครับ”

                    “นายนี่หล่อจริงๆเลย” ซองยอลพูดแล้วไล่มือตามโครงหน้าของกงชาน เล่นเอากงชานหน้าแดงลามไปถึงหูเลยที่เดียว

                    “เอ่อ...”

                    “ดูสิจมูกนายโด๊งโด่ง”  ซองยอลบีบจมูกของกงชานอย่างแรงด้วยความหมั้นเขี้ยว

                    “เบาๆสิครับ” กงชานค่อยๆปล่อยมือออกจากเอวซองยอล

                    “นี่กงชาน นายมีแฟนยัง แต่ฉันว่าหน้าตาอย่างนายมีแล้วใช่ไหมล๊า” ซองยอลยื่นหน้าถามอย่างหยอกล้อ

                    “ยังครับยังไม่มี”

                    “เฮ้ อย่ามีหลอกกันให้ยากฉันไม่เชื่อหรอก” ถึงแม้เขาจะเมาแต่สติสัมปชัญญะครบนะเว้ย(หรา)

                    “แล้วซองยอลมีแฟนหรือยัง”

                    “ฉันน่ะเหรอ” ซองยอลทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

                    “ฉันน่ะเหรอ อืม จะว่าไม่มีก็เหมือนมี จะว่ามีก็เหมือนไม่มี” (ซองยอลนายพูดอะไรของนายน่ะงงแทน : ไรท์)

                    “จะมีก็แต่เจ้าเด็กนั่นที่ตามตื้อฉันไม่เลิก”

                    “หมายถึงมยองซูเหรอครับ” กงชานพอจะนึกถึงเด็กที่มาหาซองยอลเมื่อตอนเย็นได้ ถึงว่าทำไมถึงได้มองหน้าเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

                    “ช่ายยย”

                    “แล้วซองยอลคิดอย่างไงกับมยองซูเหรอครับ”

                    “ไม่รู้สิออกจะรำคาญด้วยซ้ำ แต่พอไม่มีเจ้าเด็กนั่น...” ซองยอลลากเสียงยาว เรียกความสนใจให้กงชานอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

                    “ไม่รู้สิ มันแปลกๆ แต่พอเจอ... ไม่รู้อ่ะ มันสับสนไปหมด” ซองยอลได้แต่เอามือกุมหัวของตัวเองที่เต็มไปด้วยความสับสนนับวันยิ่งไม่เข้าใจตัวเองขึ้นทุกที กงชานจับใบหน้าของซองยอลขึ้น

                    “ผมจะให้คำตอบคุณเอง” ซองยอลมองหน้ากงชานอย่างไม่เข้าใจ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ตัวซองยอลไม่คาดคิดคือกงชานจูบเขา เป็นจูบที่ไร้ซึ่งการรุกล้ำใดๆแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนซองยอลค่อยๆคล้อยตามไปกับจูบครั้งนี้ กงชานผละริมฝีปากออกก่อนจะเอ่ยคำพูดอออกมา

                    “ผมชอบคุณนะครับ”



     

    อีกด้านหนึ่ง

                    หลังจากที่เขาได้ที่อยู่ของร้านที่ฮยองของเขามาฉลองกัน เขาก็รีบเพื่อมาป้องกันฮยองของเขาจากไอ้หน้าหล่อกงชาน เขาจึงรีบลงจากแท็กซี่มุ่งมาที่ร้านเนื้อย่างด้วยหัวใจที่เต้นรั่วเขาอยากจะเจอฮยองจะแย่ แย่เสียจนตัวเขาทำอะไรไม่ได้เลย ใครจะมองว่าเขาบ้าอย่างไงเขาไม่สนเขาสนแค่ฮยองตัวสูงของเขาคนเดียว ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ร้านเมื่อไรหัวใจของเขาก็ยิ่งสูบฉีด แต่เมื่อมาถึงขาของเขากับหยุดที่จะก้าวเดินสายตาจ้องมองสองคนตรงหน้าที่กำลังจูบกันกันด้วยความโกรธเคือง เคืองและก็เคืองมากๆมากจนได้ยินเสียงฝันที่กระทบเข้าหากันดังกรอดๆฝ่ามือทั้งสองข้างที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้น มันมากเกินไปแล้วทนไม่ไหวแล้วเขาจึงรีบตรงเข้าไปหาสองคนตรงหน้า ยิ่งสองคนตรงหน้าเป็นฮยองคนที่เขารักเขายิ่งโกรธเลยเข้าไปกระชากกงชานออกจากตัวซองยอลแล้วชกไปที่หน้าของกงชานอย่างเต็มแรง

                    “แกทำอะไรฮยองของฉัน!!” มยองซูถามทั้งที่มือยังกำปกเสื้อของกงชานไว้แน่นส่วนมืออีกข้างก็ง้างพร้อมที่จะชกหน้าของกงชาน

                    “ฉันทำอะไร” แต่กงชานกับตอบด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาซะเลย เขารู้ว่ามยองซูกำลังโกรธแต่เรื่องอะไรเขาต้องสนใจด้วยล่ะ

                    “ก็ที่แก...” ดวงตาเรียวคมแดงขึ้นด้วยความโกรธ เขาไม่สามารถพูดถึงเหตุการณ์ที่กงชานทำกับซองยอลได้ มันทำให้เขาเจ็บเหมือนโดนจี้ที่หัวใจ เขาง้างมือสูงขึ้นกว่าเดิมเตรียมจะต่อยหน้ากงชานพร้อมกับมือที่กระชากคอเสื้อของกงชานแน่นจนยับยู่ยี่

                    “อะไร” กงชานพูดด้วยสีหน้ายียวนยั่วโมโหมยองซู มยองซูหันไปมองซองยอลที่ยังยืนเหม่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นผลักตัวกงชานจนกงชานตัวเซไปข้างหลัง

                    “ฮึ่ย!!” มยองซูมองหน้ากงชานอย่างหัวเสียแล้วก็เจ็บใจที่ทำอะไรกงชานไม่ได้ แล้วรีบไปหาซองยอล

                    “ฮยองผมจะพาฮยองกลับบ้าน” มยองซูเดินประคองตัวซองยอลแล้วเรียกรถแท็กซี่พาฮยองกลับบ้าน

     



     

                    เมื่อมาถึงบ้านซองยอลมยองซูก็รีบพาซองยอลนอนลงบนเตียง แล้วหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ซองยอล มยองซูเดินมาพร้อมกับกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะลงบนเตียงข้างซองยอล  เขามองใบหน้าของซองยอลที่แดงก่ำไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เขาไม่เคยเห็นฮยองดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน เขาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของซองยอลสองเม็ดแล้วเลิกแขนเสื้อของซองยอลทั้งสองข้างขึ้น ก่อนที่จะบรรจงเช็ดที่ใบหน้าของซองยอลอย่างเบามือ ยิ่งเห็นริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเขาก็ยิ่งเจ็บใจ ทำไมฮยองถึงไม่รู้จักป้องกันตัวเองทำไมถึงปล่อยให้หมอนั่นจูบได้ เขาเปลี่ยนจากเช็คหน้าเป็นเช็ดที่ลำคอและแขน

                    “มยองซู” ซองยอลเรียกมยองซูอย่างแผ่วเบา ทำให้มยองซูที่ง้วนอยู่กับการเช็ดตัวเงยหน้ามอง

                    “ครับ” มยองซูขานตอบ

                    “เมื่อกี้ฉันฝันหรือเปล่า ฝันเหมือนได้จูบกับเจ้าชาย” ซองยอลพูดพร้อมกับค่อยๆเอามือแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม มยองซูหน้าบึ้งทันทีที่ได้ยินซองยอลเรียกกงชานว่าเจ้าชาย

     

                    เจ้าชายเหรอ? ปีศาจมากกว่า เขาจึงรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดปากของซองยอลให้ลืมเรื่องจูบนั่น

     

                    “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นล่ะครับ ฮยองเมามากควรจะนอนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้านะครับ” มยองซูพูดร่ายยาวแล้ววางผ้าเช็ดตัวไว้ข้างกะละมังเตรียมจะเอาไปเก็บ

                    “แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นเป็นจูบแรกของฉันเลยนะ”  ซองยอลก็ยังคงพูดถึงเรื่องจูบของกงชานทำให้มยองซูวางกะละมังลงบนโต๊ะ แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของซองยอล ซองยอลตาเบิกกว้างขึ้นเพราะตกใจที่อยู่ๆมยองซูก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวเขา มยองซูเท้าแขนทั้งสองข้างกักไว้ข้างหัวซองยอลเพื่อไม่ให้ซองยอลหนีไปไหน แล้วจึงกดจูบไปที่ริมฝีปากแดงช่ำของซองยอลอย่างรุนแรงมยองซูพยายามเบียดขยี้ให้ริมฝีปากของซองยอลเผยอขึ้น ซองยอลพยายามดันหน้าอกของมยองซุให้ออกแต่ก็สู้แรงของมยองซูไม่ได้ เมื่อริมฝีปากของซองยอลเผยอขึ้นมยองซูจึงรีบสอดลิ้นชื้นเอาไปในโพรงปากของซองยอลที่เต็มไปด้วยรสชาติของแอลกอฮอล์ ลิ้นเล็กของซองยอลพยายามดันลิ้นชื้นออก แต่เขากับดูดดุนลิ้นเล็กอย่างสนุกใจ เขาโกรธที่ได้ยินว่าฮยองของเขาเสียจูบแรกให้กับกงชานแทนที่จะเป็นเขา  ซองยอลเริ่มส่งเสียงอื้ออึงเพราะเริ่มจะไม่มีอากาศหายใจ

                    “แฮกๆ นายทำบ้าอะไรของนายห๊ะ”  ซองยอลรีบสูบอากาศเพื่อหายใจ มยองซูมองริมฝีปากของซองยอลที่แดงเจ๋อด้วยความพอใจ

                    “ผมก็จะจูบฮยองจูบจนกว่าฮยองจะลืมจูบบ้าๆนั่น”

                    “อื้อออ”ไม่รอช้ามยองซูกดจูบบนริมฝีปากของซองยอลอีกครั้ง มยองซูดูดดึงริมฝีปากของซองยอลอย่างพอใจ แล้วค่อยๆผละออก

     

    เพี๊ยะ

     

                    ซองยอลตบหน้ามยองซูจนหน้าหันพร้อมมองหน้าด้วยความเกลียดชัง มยองซูจะจูบซองยอลอีกครั้ง แต่ซองยอลขู่ไว้

                    “ถ้านายเข้ามาอีก ฉันกับนายก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” นี่เป็นครั้งแรกที่ซองยอลยื่นคำขาดกับเขาทำให้เขาจำเป็นต้องลุกออกจากตัวของซองยอลอย่างช่วยไม่ได้ เขานั่งสงบสติอารมณ์ข้างๆซองยอลที่นอนหันหลังให้ เขามองแผ่นหลังของซองยอลที่หันหลังใส่อย่างไม่ไยดี นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย

                    “ฮยองผม...”

                    “นายกลับไปได้แระ ฉันอยากพักผ่อน” ซองยอลพูดโดยไม่หันหน้ามามองเขา คงโกรธสินะ

                    “แต่ว่าผม...” ซองยอลไม่รอให้มยองซูพูดจบก็หันหน้ามาเปิดปากไล่

                    “ฉันบอกให้ออกไปไง!!” มยองซูมองหน้าซองยอลด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย แววตาที่ไม่มีแม้แต่ความหวัง

    ฮยองคงไม่อยากเจอหน้าเราแล้วสินะ


                    “ครับ ผมเข้าใจแล้ว พักผ่อนเยอะๆนะครับ”  มยองซูเดินออกจาห้องนอนของซองยอลอย่างช้าๆ เมื่อออกจากบ้านเขาหันหลังมองบ้านของซองยอล

    ผมขอโทษ... 







    ยังไม่จบนะติดตามกันต่อไปจร๊าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×