ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #5 : SF ฮยองของผม 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 57


    SF ฮยองของผม

     

     

    คุณเคยมีความรู้สึกรำคาญใครบางคนไหม?

    รำคาญถึงขนาดที่ว่าอยากจะเอาคนคนนั้นยัดใส่ถุงแล้วโยนใส่กระส่วยอวกาศไปปล่อยบนดาวแคระน้อย(?)ให้รู้แล้วรู้รอด

    โดยเฉพาะไอ้มนุษย์ที่ชื่อ คิมมยองซู  ซองยอลไม่รู้จะนิยามคนที่ชื่อมยองซูว่าอย่างไร  นอกจากคำว่า “ช่างตื้อ” ก็ไอ้เด็กนี่มันตามตื้อจีบเขาตั้งแต่เรียนมหาลัยปี 4 จนตอนนี้เรียนจบมีงานทำแล้ว แต่ไอ้เด็กนี่มันก็ไม่เลิกมาตอแยเขาเสียที

                    “ฮยองงงงงง” พูดถึงก็มาและ ตายยากชะมัด มยองซูน่ะเด็กกว่าเขาตั้งหลายปี เด็กนี่เพิ่งจะอยู่ม.ปลายปีสุดท้าย ส่วนเขาเรียนจบมีงานทำเรียบร้อยแล้ว เขาน่ะไม่กินเด็กหรอกนะถึงแม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะหล่อก็ตาม ถ้าใครรู้เข้ามีหวังเอาไปล้อยันลูกบวชแน่

                    “มีอะไรไอ้เตี้ย”

                    “โห้ ฮยองใจร้ายอ่ะผมไม่ได้เตี้ยซะหน่อย”  เด็กนี่ทำหน้าบิดหน้างอใส่ น่าสงสารตายแหละ!!! หน้าเตะมากกว่า

                    “มาหาฉันแต่เช้ามีอะไร” แถมมาที่ออฟฟิศทำงานเขาซะด้วย ออฟฟิศทำงานของเขาเป็นห้องรวมที่มีโต๊ะทำงานของพนักงานติดกันเพียงแต่มีคล้ายผนังบางๆกั้นโต๊ะใครโต๊ะมัน โชคดีที่ตอนนี้เพื่อนรวมงานในออฟฟิศยังไม่มา ถ้ามานะ เหอะๆป่านนี้คงโดนแซวกันยกใหญ่

                    “ผมซื้อของมาฝาก ผมคิดว่าฮยองน่าจะยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาแน่ๆ” มยองซูชูน้ำเต้าหู้กับปาท่องโกให้ซองยอลดู

                    “ว่างไว้ตรงนั้นแหละ” ร่างบางพูดโดยไม่หันมามองก่อนที่จะเปิดแฟ้มเอกสารบนตรงทำงานมาดูแล้วขีดๆเขียนๆอะไรบางอย่าง มยองซูจึงวางน้ำเต้าหู้กับปาท่องโกบนโต๊ะทำงานของซองยอล มยองซูยืนเกาะผนังที่กั้นโต๊ะทำงานของซองยอลตรงหน้าแล้วจ้องมองดวงหน้าสวยของซองยอล จนซองยอลที่กำลังนั่งอ่านแฟ้มเอกสารต่างๆบนโต๊ะต้องเงยหน้ามองคนตรงหน้า

                    “มองอะไร ไม่รีบไปโรงเรียนไง”

                    “ฮยองเป็นห่วงผมเหรออออ” มยองซูพูดน้ำเสียงหยอกย้อ

                    “ใครเป็นห่วง” ร่างบางที่เห็นเด็กตรงหน้าทำหน้าทำตาเหมือนจงใจแกล้งก็รีบก้มหน้ามาสนใจเอกสารบนโต๊ะต่อ

                    “ก็ฮยองเป็นห่วงผมใช่ไหมล่ะครับ” มยองซูยื่นหน้าไปใกล้ซองยอล ซองยอลเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดไล่มยองซู

                    “หลงตัวเอง ไปๆไปโรงเรียนได้แล้ว ถ้าไปสายอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

                    “คร๊าบบบบ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมจะมาหาใหม่นะครับ” แล้วมยองซูก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของซองยอลไป ซองยอลส่ายหัวหน่ายๆเล็กน้อยก่อนจะทำงานของตัวเองต่อ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย ร่างบางกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

                    “อ่ะแฮม สวีทกันแต่เช้าเลยน่าาาา” แล้วแขกผู้มาใหม่ก็มาถึงพร้อมกับนั่งโต๊ะทำงานข้างๆซองยอล ไม่ใช่ใครที่ไหน นัมอูฮยอนเพื่อนซี้ของเขานั่นเอง เขากับอูฮยอนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแถมยังเคยเป็นรูมเมทกันด้วย จนมาถึงตอนทำงานก็ได้ทำงานที่เดียวกันเพียงแต่ตอนนี้ต่างคนต่างมีที่อยู่เป็นของตนเอง จึงไม่แปลกอะไรที่อูฮยอนจะรู้จักมยองซู

                    “สวีทบ้าอะไร เด็กนั่นมากวนประสาทฉันแต่เช้าต่างหาก”

                    “นี่ถามจริง แกจะใจแข็งกับมยองซูไปถึงไหนว่ะ” อูฮยอนเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ๆซองยอล บอกตามตรงนะอูฮยอนเห็นใจมยองซูสุดๆ ที่คอยตามตื้อซองยอล ตื้ออย่างเดียวไม่พอ เจ้าเด็กนั่นเวลาที่ไม่เจอซองยอลมันก็คอยมาแค่นถามถึงซองยอลกับเขาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับซองยอล แต่เขาก็ไม่ได้ตัวติดกับซองยอลป่ะ?

                    “ไม่รู้สิ เดี๋ยวเด็กนั่นมันก็เลิกตามตื้อฉันเองแหละ” ซองยอลพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

                    “แต่ฉันว่าไม่หรอก มยองซูตามจีบแกเป็นปีๆเลยนะ”

                    “เวลามันวัดหรือพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”

                    “เหรออออ ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน” อูฮยอนพูดลากเสียงยาวพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งมาที่เดิมก่อนที่จะเปิดคอมพิวเตอร์พิมพ์งาน ส่วนซองยอลไหวไหล่เล็กน้อยแล้วนั่งทำงานต่อ ไม่มีทางที่เขาจะชอบเด็กเตี้ยนั่นหรอก ไม่มีทาง!!!

     

     



     

     

                    ตกเย็นตอนนี้เวลาก็ร่วงเลยเป็นห้าโมงเย็นแล้ว เหล่าหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศต่างเร่งรีบทำงานของวันนี้ให้เสร็จ ในห้องทำงานมีแต่เสียงกดของแป้นพิมพ์ดีดบวกกับเสียงเปิดเอกสารไปมา ผ่านมาซักพักเสียงเหล่านั่นเริ่มส่าลง พนักงานเริ่มหอบหิ้วข้าวของกลับบ้านแม้กระทั้งอูฮยอนเพื่อนที่นั่งทำงานข้างๆก็กลับบ้านไปแล้ว จะมีก็แต่ซองยอลนี่แหละที่ไม่ยอมลุกออกไปไหน นั่งหลังแข็งทำงานให้เสร็จ ทำไงได้ก็เขาไม่อยากหอบงานไปทำต่อที่บ้านนิ ทำที่นี่ให้มันเสร็จๆเลยดีกว่า

                    “ฮยองงงงง” แล้วเด็กจอมตื้ออย่างมยองซูก็บุกเข้ามาที่สำนักงานออฟฟิศของซองยอล ซองยอลสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทำงานต่อไป

                    “ว่าแล้วเชียวว่าฮยองยังไม่กลับบ้าน นี่ขนาดวันนี้โรงเรียนผมเลิกช้าแล้วนะเนี่ย” มยองซูพูดอย่างอารมณ์ดี

                    “มาทำไม”

                    “ก็ผมบอกฮยองตอนเช้าแล้วไง ว่าตอนเย็นผมจะมาหา”

                    “เหอะ ไม่ได้ต้องการซะหน่อย” ซองยอลแยกเขี้ยวใส่แล้วก้มหน้าทำงานต่อ

                    “มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

                    “เด็กอย่างนายจะไปช่วยอะไรฉันได้”

                    “เห็นอย่างนี้ ผมสอบได้ที่ 1 ทุกปีนะคร๊าบบ ให้ผมช่วยม่ะ”

                    “ไม่ต้องหรอก เดียวก็เสร็จแล้ว” ซองยอลจากที่จับปากกาแล้วเขียนๆอะไรบางอย่างอยู่ก็เงยหน้ามองมยองซูที่ส่งยิ้มแป้นให้

                    “แล้วนายมาหาฉันทำไม”

                    “ผมมารับฮยองกลับบ้าน” ซองยอลที่ได้ยินอย่างนั้นก็กลั้วหัวเราะขึ้น

                    “นายเนี่ยนะมารับฉันกลับบ้าน ถามจริงนายมีรถขับเหรอ” ซองยอลถามพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้มยองซู แต่แทนที่มยองซูจะย่นหน้าถอยหลังหนี แต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซองยอลอีกจนจมูกของทั้งสองแทบจะชนกันอยู่ลอมล่อ

                    “รถผมน่ะไม่มีหรอกนะครับ แต่ผมน่ะสามารถนั่งรถกลับเป็นเพื่อนฮยองได้นะ”ซองยอลตกใจที่อยู่มยองซูก็ยื่นหน้ามาใกล้ตน จึงเบิกตากว้างก่อนจะรีบย่นหน้าท้ายหลังหนี

                    “เหอะๆ นายกลับไปเถอะฉันกลับเองได้”

                    “ไม่เอาอ่ะ ผมจะรอฮยอง”

                    “จะรอทำไมกลับไปเถอะ”

                    “ก็ผมอยากกลับพร้อมฮยอง”หน๋อยไอ้เด็กนี่ ยังจะมีหน้ามาทำตาวิบๆหวับๆใส่อีก ถ้าเป็นคนอีกเห็นคงจะกระโจนตัวเข้าไปกอดไอ้เด็กนี่แน่ แต่สำหรับเขามันดูกวนทีนเขามากกว่า ผ่านไปได้สักพักซองยอลก็ปิดแฟ้มเอกสารลงพร้อมกับเก็บข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะหันไปมยองซูที่นั่งรอเขาตรงโซฟารับแขกที่สำหรับให้คนมานั่งรอก่อนเข้าไปหาประธานบริษัท

                    “ปะฉันเสร็จแล้ว” มยองซูจึงรีบเดินไปประกบคู่คนตัวสูงกว่าอย่างซองยอลพลางยื่นมือหวังจะถือกระเป๋าให้

                    “ให้ผมช่วยนะ”

                    “ไม่เป็นไรฉันถือเองได้” แต่ซองยอลกับเอากระเป๋าหลบมือมยองซูแล้วเดินต่อไป ทั้งสองเดินออกจากบริษัทตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็ใกล้ได้เวลาลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ทั้งสองยังคงเดินด้วยกันต่อไปไม่มีใครเอยคำพูดใดๆออก ซองยอลปล่อยให้ตัวเองจมกับความคิดของตัวเอง เขาเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างๆเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำถามออกไป

                    “ฉันถามจริงๆเถอะ นายว่างนักหรือไง มาหาฉันทั้งเช้าเย็นแบบนี้” เมื่อมยองซูได้ยินก็ยกยิ้มขึ้นแล้วหยุดเดินพลางเอื้อมมือทั้งสองข้างจับมือเรียวของร่างบางไว้ในอุ้งมือ ร่างสูงเพรียวมองมือที่ถูกกอบกุมทั้งสองข้างแล้วสบตาเข้ากับคนตัวเตี้ยกว่า  แววตาที่มยองซูมอบให้เขานั้นมันช่างดูอบอุ่นอย่างที่เขาไมเคยเห็นมาก่อนยิ่งแสงจากดวงอาทิตย์กระทบเข้ากับแววตาคู่นั้น มันทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าไปได้เลยย ราวกับต้องมนต์สะกด

                    “สำหรับฮยองผมพร้อมที่จะว่างเสมอล่ะครับ” ซองยอลจ้องมองใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า ทำไมเขาถึงรู้สึกเคลิ้มกับคำพูดของเด็กนี่นะ แววตาแบบนั้นมันทำให้หัวใจของเขาทำงานไม่ปกติแบบที่ควรจะเป็น ในเวลาแบบนี้เขาควรจะด่าไล่ตะเพิบเด็กนี่สิ แต่ทำไมเขาถึงไม่ทำแต่กับยอมให้เด็กเตี้ยนี่ฉวยโอกาสจับไม้จับมือ หรือว่าเขาจะใจอ่อนกับเด็กนี่แล้ว....

                    ไม่น่าาาา เขาจะไม่มีทางใจอ่อนให้เด็กช่างตื้ออย่างมยองซูเด็ดขาด เขาจึงรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของมยองซู แล้วตีสีหน้าแบบปกติที่สุด

                    “พูดเป็นเล่น ไปๆฉันจะกลับบ้านแล้ว นายก็กลับบ้านได้แล้ว”ซองยอลใช้จังหวะที่รถแท็กซี่มาแล้วรีบกระโดดขึ้นรถ แต่อยู่ๆมยองซูก็เปิดประตูรถแล้วเข้ามานั่งข้างๆซองยอล

                    “เฮ้ยย เข้ามาทำไมเนี่ย”

                    “ก็ไปส่งฮยองกลับบ้านไง” มยองซูพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ซองยอล

                    “ฉันไม่ออกค่าแท็กซี่ให้หรอกนะ”

                    “คร๊าบบบ” แล้วรถแท็กซี่ก็มาจอดที่บ้านของซองยอล ซองยอลเปิดประตูลงจากรถแล้วมยองซูก็ลงจากรถเช่นกัน ซองยอลมองมยองซูที่เดินตามออกมา

                    “อะไร”

                    “ผมมาดูให้แน่ใจว่าฮยองเข้าบ้านอย่างปลอดภัย”

                    “นายนี่นะ เสียค่ารถโดยใช่เหตุ”

                    “ถ้าฮยองไม่อยากให้ผมเปลืองค่ารถ ฮยองก็ให้ผมอยู่ด้วยสิครับ” มยองซูทำหน้าทะเล้นใส่

                    “งั้นกินทีนพี่ก่อนไหมน้อง” ซองยอลยกขาเตรียมจะเตะก้นมยองซู แต่ติดตรงที่มยองซูวิ่งไปเปิดประตูรถแท็กซี่ซะก่อน

                    “ไม่ล่ะครับ อย่าลืมคิดถึงผมนะ” แล้วไอ้เด็กจอมตื้อก็ทำปากจู๋เหมือนส่งจูบให้ก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง

                    “ไอ้เด็กบ้า” รอยยิ้มจางๆถูกยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

     

     

     

     



     

                    วันนี้เป็นวันหยุดหลังจากที่ต้องนั่งทำงานหลังคดหลังงแข็งมาเกือบสัปดาห์ ก็ถึงวันที่เขาต้องการซะที ร่างสูงเพรียวยังคงนอนซุกตัวในผ้าห่มผืนหนา เนี่ยแหละสวรรค์ชั้นดี เขาจะนอนให้เต็มที่เลย แต่แล้วเสียงที่เขาไม่ต้องการได้ยินในตอนนี้ก็บังเกิดขึ้น

     กริ๊งงง กริ๊งง (เสียงออดประตูบ้าน)

                    “ใครแมร่งมากดออดอะไรตอนนี้ว่ะ” ร่างบางพูดขึ้นอย่างหัวเสีย นี่ยังไม่ 10 โมงเลยเหอะ!มันต้องเป็นเวลานอนของเขา แล้วใครมากดออดทำยากิโซบะอะไรตอนนี้ไม่ทราบ ถึงในใจจะด่าทอไอ้คนที่มารบกวนเวลานอนไปต่างๆนาๆ แต่สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพผมยุ่งๆกระเซ่อะกระเซิง หน้าไม่ล้างแถมใส่ชุดนอนลายกระต่ายสุดแบ๋วสีชมพูเดินมาเปิดประตูบ้าน ทันทีที่เปิดขึ้นก็พบว่า

                    “อรุณสวัสดิ์” มยองซูฉีกยิ้มอย่างร่าส่งไปให้แล้วกล่าวทักทาย ซองยอลที่เห็นว่าเป็นมยองซูก็เบิกตาโตยืนค้างไว้ทั้งๆที่มือยังจับลูกบิดประตูอยู่  ก่อนจะรีบเปิดประตูบ้านใส่หน้ามยองซู

                    “ตาฝาดป่ะว่ะ” ซองยอลขยิ้ตาอยู่สองสามทีแล้วตัดสินใจค่อยๆแง้มประตูเปิดออก  เขาโผล่หน้าดูเล็กน้อย แต่เขาไม่คิดว่ามยองซูเจ้าเด็กบ้าหน้ามันจะยื่นหน้าโผล่มาใกล้ๆเขา พร้อมกับส่งยิ้มหน้าแมวๆฉบับมยองซูมาให้ แล้วถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านของซองยอล

                    “เห้ยยย นายเขามาทำไมเนี่ย” ซองยอลร้องเสียงหลงที่อยู่ๆมยองซูก็เข้ามาอยู่ในบ้านของตัวเอง แต่มยองซูไม่สนใจเขากลับสำรวจรอบบ้านของซองยอลอีกต่างหาก

                    “ว้าว บ้านฮยองนี่น่าอยู่จังเลย” พูดไปก็หยิบของนี่นั่นมาดูอย่างกับเป็นของของตัวเอง

                    “ใครอนุญาตให้เข้ามาห๊ะ” ซองยอลยืนเท้าเอวตรงหน้ามยองซูด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่มยองซูก็ยังไม่สนใจเขาอีกเช่นเคยแต่เดินไปเปิดห้องนู่นนี่นั่นดู นี่เห็นเขาเป็นแค่ธาตุอากาศใช่ไหม?

                    “คิมมยองซู!!!” ซองยอลยืนจ้องหน้ามยองซูอย่างเหลืออด ทำให้มยองซูต้องทำการหยุดสำรวจบ้านแล้วเปลี่ยนมาจ้องตัวของซองยอลแทน เขาไล่สายตามองคนตัวสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ จะไม่ให้ยิ้มได้อย่างไงก็ดูสภาพพของคนตรงหน้าสิ ยังอยู่ในชุดนอนแถมหน้ายังไม่ล้างอีก แต่ก็ดูน่ารักดีนะ  

                    “ยิ้มอะไรไอ้เตี้ย” ซองยอลถามถลึงตาใส่

                    “ชุดนอนน่ารักดีนะครับ^^” 

                    “ย่าห์ ไอ้เด็กบ้า” ซองยอลง้างฝ่ามือขึ้นหวังจะตีไอ้เด็กกวนประสาทนี่ แต่มยองซูก็รีบขัดขึ้นมาซะก่อน

                    “ผมไม่กวนฮยองแระ”

                    “เออดี แล้วมาทำไมที่บ้านฉันเนี่ย” ซองยอลยืนท้าวเอวพูดเสียงห้วนอย่างไม่สบอารมณ์นัก

                    “คิดถึงมั้ง” มยองซูก็แค่ตอบเล่นๆแต่พอเห็นสายตาอำมหิตของฮยองสุดที่รักอย่างนี้คงเล่นไม่ได้แล้วล่ะ

                    “พอดีผมเห็นมีร้านไอศกรีมเปิดใหม่ก็เลยอยากชวนฮยองไปกิน”

                    “ไร้สาระ” ซองยอลตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเดินหนีมยองซู

                    “หวา น่าเสียจัง อุตส่าห์ได้บัตรกินฟรีซะด้วยสิ สงสัยคงต้องให้คนอื่นให้มั้ง” มยองซูที่ตอนแรกชูบัตรกินฟรีสองใบขึ้นทำท่าจะยัดบัตรเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แต่ก็ถูกมือเรียวของซองยอลรีบคว้าไปซะก่อน

                    “เรื่องอะไรจะต้องไปให้คนอื่นเขาเล่า” มยองซูยกยิ้มกับความน่ารักของฮยองตัวสูงที่ถึงแม้ว่าจะอายุเยอะกว่าเขาแต่ก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อย น่ารักจริงๆ

                    “นี่ ตอนนี้ร้านมันยังไม่เปิดไม่ใช่เหรอ” ซองยอลพลิกดูบัตรในมือดูไปมา

                    “ครับ” มยองซูตอบกลับอย่างมึนๆ

                    “แล้วนายจะรีบมาทำไม ร้านมันเปิดตอนบ่ายๆโน้น”

                    “ก็มาบอกให้ฮยองเตรียมตัวไง”

                    “คนบ้าอะไรเตรียมตัวเป็นชั่วโมงๆ”

                    “ว่าแต่ฮยองเพิ่งตื่นเหรอครับ”

                    “ก็ใช่นะเส่ะ มีเด็กหน้ามึนที่ไหนไม่รู้มาก่อกวนแต่เช้า” ซองยอลเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำแก้วยื่นให้มยองซู

                    “อ่ะ ฉันเป็นเจ้าของบ้านที่ดีพอ นั่งรอฉันก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน”

                    “ครับ” มยองซูส่งยิ้มรับแก้วน้ำจากมือซองยอล ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาสายตาก็พรางมองรอบบ้าน

     

     

     

                    หลังจากที่ซองยอลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมยองซูก็รีบเดินเข้ามาหาซองยอล แล้วทำท่าทำทางเหมือนจะร้องไห้

                    “ฮยองงง”

                    “เฮ้ยเป็นไร” ทำไมอยู่ๆไอ้เด็กนี่มันจะร้องไห้อ่ะ เขายังไม่ได้ต่อว่าหรือทำอะไรเจ้าเด็กนี่เลยซักนิด เขาแค่ไปอาบน้ำก็แค่นั้นเอง

                    “ผมหิวอ่ะ”

                    “นี่แน่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบของมยองซูซองยอลก็จัดมะเขกให้ลูกนึงที่หน้าผาก

                    “โอ๊ย ผมเจ็บนะครับ” มยองซูพูดสีหน้าอิดโอยลูบหน้าผากตัวเองไปมา

                    “ใครเขาให้เล่นอย่างนี้ล่ะ ฉันตกใจหมด”

                    “ฮยองเป็นห่วงผมเหรออออ”

                    “ถ้าพูดอีกนะฉันจะปล่อยให้นายหิวตายเลยคอยดู” เพียงเท่านั้นมยองซูก็รีบสงบปากสงบคำ ทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทของฮยองสุดสวยแต่จะโหดไปไหน

                    หลังจากที่ซองยอลหายเข้าไปได้ครัวได้ซักพัก มยองซูก็ได้กลิ่นของอาหารลอยฟุ้งมาจากห้องครัว ในใจเขาก็ได้แต่คิดว่าฮยองทำอะไรให้เขากินนะ กลิ่นหอมมากๆแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องเดาแล้วล่ะ ก็ซองยอลเดินออกมาจากหัวครัวพร้อมจานข้าวผัดสองจานมาวาดบนโต๊ะทานอาหาร มยองซูทำตัวเหมือนรู้หน้าที่จึงรีบไปนั่งบนโต๊ะรับประทานอาหารแล้วมองข้าวผัดที่ซองยอลทำให้อย่างตาละห้อยอยากกินเหลือเกิน

                    “กินสิหรือว่าจะไม่กิน” ซองยอลที่เห็นมยองซูมั่วแต่จ้องข้าวผัดในจานอยู่อย่างนั้นไม่กินซักทีถามขึ้น มยองซูจึงพยยักหน้ารั่วๆแล้วจัดการตักอาหารกิน ซองยอลที่เห็นมยองซูกินข้าวก็เลือกเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมยองซู แล้วมองเด็กน้อยกินข้าว เพียงแค่ข้าวผัดสัมผัสโดนเข้าที่ลิ้น มยองซูบอกได้เลยว่าน้ำตาจะไหล(?) ก็มันตื้นตันนิเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสชิมฝีมือการทำอาหารของฮยอง ยิ่งเป็นคนที่เขารักทำให้ด้วยนี่โคตรฟินอ่ะ

                    เด็กนี่ท่าทางจะชอบนะ กินไปยิ้มไป  ซองยอลลอบคิดในใจและเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะตักข้าวกินบ้าง

                    จนมยองซูที่ง้วนอยู่กับการกินเงยหน้ามอง

                    “ยิ้มอะไรครับฮยอง”

                    “เปล่าซะหน่อย” ซองยอลที่ถูกจับได้ก็รีบตักข้าวเข้าปากทำตัวปกติที่สุด แต่มันยิ่งดูมีพิรุธมากกว่า

                    “แต่เมื่อกี้ผมเห็นนะครับ”

                    “นิ จะกินไม่กินไม่กินจะเก็บ” เมื่อโดนต้อนจนมุมแก้ตัวต่อไปไม่ได้ก็ใช้วิธีนี้แหละ

                    “กินครับๆ” เด็กน้อยจึงจำได้ต้องหยุดซักถาม

     

     




     

                    หลังจากที่ทานข้าวเสร็จทั้งสองก็นั่งดูโทรทัศน์ในบ้านฆ่าเวลา จนตอนนี้เวลาบ่ายโมงกว่าๆ เขาทั้งสองก็ตัดสินใจออกจากบ้าน ด้วยความที่ร้านไอศกรีมเปิดใหม่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก พวกเขาจึงเลือกที่จะเดินไป แต่เดินมาได้ซักพักซองยอลก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของไอ้เด็กหน้ามึนที่เดินอยู่ข้างๆ

                    “อะไรเนี่ย” ร่างเพรียงสูงถามขึ้นเมื่อมองมยองซูตั้งแต่หัวจรวดเท้า ก็จะไม่ให้ถามได้ไง ก็ดูไอ้เด็กนี่สิทำไมมันถึงได้ตัวสูงเท่าๆเขา ทั้งๆที่เขาตัวสูงกว่าไอ้เด็กนี่ แต่วันนี้ไอ้เด็กบ้าดูสูงผิดปกติ มยองซูที่พอจะเดาคำถามของฮยองตัวสูงออก ก็หัวเราะแก้เขิน

                    “อ่อ แหะๆ วันนี้ผมใส่ไอ้นี่เพื่อฮยองเลยนะ” พูดไปก็ชี้ที่มาที่ต้นตอของความผิดปกติ จะอะไรล่ะก็รองเท้าที่มีส้นหนาๆนี่สิ

                    “นี่ใส่แล้วเหรอ”  ซองยอลพูดจบมยองซูก็ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวเหมือนตูดลิงทันที

                    “ฮยองงงง ผมเตี้ยกว่าฮยองไม่กี่เซนเองเหอะ”

                    “อย่างไงก็เตี้ยกว่าอยู่ดี” ถึงมยองซูจะทำหน้างอนใส่แต่ซองยอลก็ยังแกล้งว่ามยองซูเตี้ยอยู่นั้นแหละ

                    “ชิ” ฮยองตัวสูงที่เห็นเด็กน้อยอย่างมยองซูงอนก็เลิกล้อ แล้วจูงมือเด็กน้อยไปร้านไอศกรีมที่คนตัวเตี้ยชวนไปตั้งแต่แรก ฮยองตัวสูงเดินจูงมือเด็กขี้งอนไปแต่ก็ต้องหยุดเดินเพราะมยองซูไม่ยอมเดินตามตน ทำให้ซองยอลต้องหันหันไปดูว่าทำไมมยองซูถึงไม่ยอมเดิน เพียงหันหลังเท่านั้นแหละก็พบว่ามยองซูมองไปที่มือของตัวเองที่ถูกเขาจับไว้แล้วยิ้ม เขาจึงรีบปล่อยมือของมยองซูออกพร้อมกับใบหน้าที่เกิดริ้วแดงๆขึ้นข้างแก้มเนียนทั้งสอง

                    “ไปสิ เดินนำไปสิ” ซองยอลพูดอย่างเคอะเขินโดยไม่มองหน้ามยองซู

                    “คร๊าบบบ” มยองซูฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินนำซองยอลไป

                   






                    เพียงไม่นานทั้งสองก็มาถึงร้านไอศกรีม ร้านนี้เป็นร้านขนาดเล็ก ภายในตกแต่งด้วยสไตล์น่ารักๆ ผนังด้านในสีส้มอ่อนดูอบอุ่น ผู้คนในร้านดูแน่นเพราะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่โชคดีที่ยังมีโต๊ะที่ว่างสำหรับเขาสองคน แล้วทั้งสองก็สั่งไอศกรีมกิน การทานไอศกรีมแสนอร่อยจะดำเนินการไปด้วยดีถ้าไอ้เด็กหน้ามึนไม่ก่อกวน ก่อกวนอย่างไงอ่ะเหรอ หึ ก็ดูที่ปากของเจ้าเด็กนี่สิเต็มไปด้วยคราบไอศกรีม คนบ้าอะไรจะกินไอศกรีมแล้วปากเลอะขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าจงใจชัดๆ หวังจะใช้วิธีเรียกร้องความสนใจจากอีซองยอลงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!! แล้วซองยอลก็ตักไอศกรีมกินต่อไปโดยไม่สนใจมยองซู

    ฮยองงง ฮยองจะไม่สนใจผมหน่อยเหรอ ปากผมเหนียวจนเปื่อยหมดแล้วนะครับบบ T^T

                    แต่ถึงอย่างนั้นมยองซูก็ยังคงตักไอศกรีมกิน โดยแสร้งหันหน้าไปทางอื่นแล้วตักไอศกรีมกินเน้นให้ปากเปื้อนกว่าเดิม

                    “มยองซู” ซองยอลเรียกคนตรงหน้าให้หันมามองตน

                    “ครับ” มยองซูตอบทั้งๆที่ช้อนไอศกรีมอยู่ที่ปากแล้วมองตาแป๋ว

                    “ฉันควรทำแบบในฉากเรื่องsecret gardenใช่ไหม” ฉากจูบฟองนมในซีรี่ย์เรื่องsecret garden เขาควรทำอย่างนั้นงั้นสิ แต่อยู่ๆก็มีผู้หญิงตัวๆเล็กหน้าตาน่ารักที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆลุกขึ้น แล้วเดินมาที่โต๊ะของพวกเขา เธอเดินมาหหยุดตรงหน้ามยองซูมยองซูตกใจเล็กน้อย                

                    “โอปป้าค่ะ”

                    “ครับ” แล้วเธอก็ยื่นกระดาษเช็ดปากให้มยองซู

                    “อย่าลืมเช็ดคราบไอศกรีมด้วยนะคะ” เธอพูดอย่างเขินอายส่งยิ้มให้มยองซูน้อยๆแล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ซองยอลยังคงงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่แต่ก็ถูกมยองซูเรียกสติกลับมา

                    “ฮยองงง เช็ดให้ผมหน่อย” มยองซูยื่นผ้าเช็ดปากไปตรงหน้าซองยอล ซองยอลเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้จึงตอบรับ

                    “ได้” พร้อมกับส่งยิ้มร้าย จึงหยิบผ้าเช็ดปากจากมือมยองซู แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ส่วนมยองซูก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ซองยอลเช่นกัน จากนั้นซองยอลค่อยๆบรรจงเช็ดปากของเด็กน้อยอย่างช้าๆ มยองซูหลับตาพริ้มรับสัมผัสนุ่มนวลของฮยองคนสวย ซองยอลที่เห็นมยองซูเคลิ้มจึงใช้จังหวะเช็ดปากของมยองซูอย่างแรง จนมยองซูต้องรีบถอยหน้าหนีออกจากน้ำมือของฮยอง

                    “โอ๊ยย ฮยองผมเจ็บนะครับ ปากผมแดงแน่เลย” มยองซูพูดพร้อมกับลูบปากตัวเอง

                    “สมน้ำหน้า” ซองยอลแลบลิ้นใส่มยองซู ก่อนจะตักไอศกรีมกินอย่างสบายใจ

                    








    ยังไม่จบน่าาาา ว่างๆจะมาต่อให้เน้ออออ เม้นกันด้วยนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×