ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic INFINITE]Who are you คุณคือใคร

    ลำดับตอนที่ #3 : กฎการอยู่ร่วมกัน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 56


    3.กฎการอยู่ร่วมกัน

     

    Sungyeol’s Part

                เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน

                    วันนี้ทั้งวันผมแทบจะไม่ได้นั่งนั่งพักเลย เพราะวันนี้ผมได้แต่เที่ยวไปสมัครงานบริษัทนั้นบริษัทนี้

                ขณะนี้ผมกำลังเดินกลับบ้านอยู่ ก็เหลือบไปมองเห็นตาแอลบ้าอะไรนั่นยังคงเดินตามผมอย่างไม่หยุดหย่อน

                    “นี่นายยังไม่เลิกตามฉันอีกหรือไง” ผมหันหน้าไปถามตานั้น

                    “ช่ายยยย J” ตานั่นตอบแถมยังยิ้มกวนติงอีก

                    “ชิ ตามใจถ้าทนไอ้แสบแดยอลได้ก็เชิญ” ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมองคนที่กำลังเดินตามต้อยๆ

     

    .

    .

    .

    .

    .

     ณ บ้านของผม

                    บ้านของผมก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากเพราะบ้านขอผมเป็นหมู่บ้านจัดสรรสองชั้น บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อเอาไว้ให้ผมกับแดยอล สรุปแล้วบ้านผมอยู่กันแค่สองคน ส่วนพ่อกับแม่นานๆทีจะมาเยี่ยมเยียนผมกับน้องบ้าง ผมเปิดประตูบ้านออกก็ผมไอ้น้องชายตัวแสบยืนจ้องหน้าผมด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะผมเหนื่อยอยากขึ้นห้องไปนอนเต็มที่ ขนาดที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นบันได ก็ต้องชะงักเพราะไอ้น้องชายตัวแสบพูดขึ้น

    “พี่ไปไหนมา”

    “ยุ่งหน่า ” ผมตอบแดยอลอย่างรำคาญใจ

    “แล้วไม่กินข้าวเหรอ”

    “ไม่ล่ะ แกกินไปเหอะ” ขณะที่ผมกำลังจะก้าวบันไดก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ผมจึงหันไปข้างหลังก็พบว่าตาแอลนั่นเดินตามผมขึ้นบันไดอยู่

    “นี่นายน่ะ ไม่ต้องมานอนห้องเดียวกับฉันนะ” ผมหันไปพูดกับแอล

     “ใครเขาอยากจะนอนห้องเดียวกับพี่ล่ะ ขนลุก” แทนที่จะได้คำตอบของแอลแต่ไอ้แสบแดยอลกลับพูดขึ้นแทน แถมยังทำท่าเอามือลูบแขนตัวเองไปมา

    “ฉันไม่ได้พูดกับแก”ผมหันไปแว้ดใส่ไอ้แดยอล แล้วหันหน้าไปทางแอลต่อ

    “นายน่ะ นอนห้องนู้น” ผมชี้ไปที่ห้องตรงข้ามกับห้องนอนของผม แอลพยักหน้าหงึกๆ

    “พี่ไหวป่ะเนี่ย” แดยอลที่เห็นพฤติกรรมแปลกๆของพี่ชายทักขึ้น

    “อะไรของแก แกนั้นแหละไหวหรือเปล่า” แดยอลเตรียมจะพูดสวนกลับแต่ซองยอลก็ขัดซะก่อน

    “ฉันไม่อยากจะเสวนากับแกแระ ฉันไปนอนดีกว่า ฝันดี” เมื่อพูดเสร็จสรรพก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ปล่อยให้น้องชายยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น

    “สงสัยพี่แกจะเครียด” พูดพร้อมส่ายหัวอย่างเอื้อมๆ

    เมื่อซองยอลเปิดประตูเข้ามาถึงห้องก็ล้มตัวนอนแผ่หลาลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ในหัวก็พรางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นของวันนี้ เฮ้อ~วันนี้มันเป็นวันอะไรว่ะเนี่ย ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีที่ไหนรับ ชิ กล้ามากนะที่ปฏิเสธนักศึกษาจบใหม่ป้ายแดงอย่างอีซองยอลคนนี้ เฮ้อ~ซองยอลถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆปิดเปลือกตาลง บ้างทีได้พักสักนิดอาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่อยู่ๆซองยอลก็รับรู้ได้ถึงลมเย็นๆกำลังพัดผ่านบริเวณใบหน้าของตนอยู่ ทั้งที่ไม่ได้เปิดกระจกบานหน้าต่างแท้ๆแต่กับมีลมเย็นๆพัดโชยมา จะว่าเป็นลมจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่ใช่ เพราะเขาไม่ได้เปิดแรงขนาดนั้น เขาจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาสีไข่ขึ้น ก็พบว่าแอลกำลังก้มหน้ามาใกล้ๆกับหน้าของตนอยู่ นั้นจึงทำให้ซองยอลตกใจมากจึงต้องถอยหน้าหนีมาพิงกับหัวเตียง

    “นายมาตอนไหนเนี่ย”

    “ก็ตั้งแต่เห็นนายนอนหมดสภาพบนเตียงนี่แหละ” แอลพูดหน้านิ่ง

    ชิ ซองยอลทำปากเบะ

    “แล้วนายเข้ามาทำไม”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะมาขอบคุณ”

     เหอะ ซองยอลแสร้งหันหน้าไปทางอื่นแล้วพูดขึ้น แต่ก็ยังหันหน้าไปทางอื่นอยู่

    “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันให้นายอยู่แค่ชั่ว... อ้าวหายไปไหนแล้วเนี่ย” เมื่อซองยอลหันหน้ามาก็ไม่เห็นแอลแล้ว

    “ชิ คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป คอยดูนะฉันจะไล่นายออกจากบ้านฉันให้ดู”

     

     

    เช้าวันใหม่

                    “ซองยอล ซองยอล ซองยอลๆๆๆๆ” ซองจงตระโกนเรียกซองยอที่หน้าบ้านจนแดยอลต้องออกมาดู(?) ขนาดแดยอลออกมาดูแล้วซองจงก็ยังไม่หยุดตระโกนเรียกพี่ชายของตน ซองจงยังคงเอามือป้องปากตระโกนเรียกซองยอลไม่หยุด

                    “โอ๊ย จะตระโกนอะไรหนักหนาเนี่ย” แดยอลพูดพร้อมกับเอามืออุดหูทั้งสองข้าง

                    “ซองยอลล่ะ”

                    “เห็นป่ะล่ะ” แดยอลตอบอย่างกวนประสาท

                    “นี่ อย่ามากวนนะ ไปเรียกพี่นายมาเลย”ซองจงพูดขึ้นเสียง พร้อมกับออกคำสั่ง

                    “แล้วทำไมผมต้องทำตามที่นายสั่งด้วย” แดยอลพูดหน้าตายตอบกลับอย่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่นั้นกลับทำให้ซองจงหน้าเริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธ

                    “นี่ ฉันอายุเยอะกว่านายนะ!!

                    “แล้วทำตัวน่าเคารพไหมล่ะ” แดยอลยังคงพูดกวนประสาทซองจงไม่หยุด

                    “มีอะไรกันน่ะ เสียงดังเชียว” เมื่อทั้งสองเห็นซองยอลเดินออกมาพวกเขาจึงจำเป็นต้องหยุดสงครามประสาทครั้งนี้ก่อน แต่ก่อนที่ซองจงจะหันไปพูดกับซองยอลซองจงก็ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้แดยอลหนึ่งที ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติแล้วพูดกับซองยอล

    “วันนี้ฉันมีข่าวดีจะบอก”

    “อะไรเหรอ” ซองยอลมีสีหน้าที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้ยินคำว่าข่าวดี เพราะมันต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ๆ

    “คือลูกพี่ลูกน้องของฉันน่ะ พึ่งเปิดร้านกาแฟใหม่กำลังจะหาพนักงานเสิร์ฟอ่ะสนใจป่ะ”

                    “จิงดิ สนๆ” ซองยอลรีบพยักหน้าตอบทันที นาทีนี้มีงานอะไรขอทำหมดแหละ

                    “งั้นไปสมัครกันเถอะ” ซองจงก่อนไปก็ไม่วายหันไปชี้หน้าแดยอลอย่างคาดโทษ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กบ้า 

                    เหอะ ป่านนี้นายแอลหน้ามึนนั่นยังคงจะนอนกินบ้านกินเมืองอยู่สินะ สงสัยเราคงจะต้องตั้งกฎการอยู่ร่วมกันซะแล้วสิ

     

    .

    .

    .

    .

    .

    กลับมาที่แอล       

                    แอลนอนเอามือประสาทกันไหหว้ที่ต้นคอนอนพิงกับหัวเตียงแล้ว พรางคิดอะไรบางอย่างอย่างเหม่อลอย แต่อยู่ๆก็มีแสงสีแดงสว่างจ้าเข้ามาในห้องของเขา ทำให้เขาต้องเอามือมาปิดตาตัวเองไว้ เพียงไม่นานแสงสีแดงสว่างจ้าก็หายหวับไป ทำให้ร่างหนาที่นอนบนเตียงมองเห็นยมทูตตัวเล็กถือหอกสามแฉกปรากฏอยู่ตรงหน้า

                    “ว่าไง เจ้าวิญญาณขี้เกียจ” ยมทูตตัวจิ๋วเอ่ยทักแอลอย่างหยอกล้อ

                    “คุณตัวจิ๋ว” แอลดีใจมากที่ได้เห็นคุณยมทูตทูตตัวจิ๋วอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคำที่แอลใช้เรียกโฮย่านั้นจะไม่ค่อยเข้าหูเขาเท่าไร

                    “เลิกเรียกว่าฉันตัวจิ๋วได้แล้ว” โฮย่าทำตัวเขียวปั๊ดใส่แอล

                    “ก็คุณตัวเล็กจริงนี่น่า” แอลยังคงเถียงอยู่

                    “งั้นคอยดู” เมื่อสิ้นคำพูดของยมทูตตัวจิ๋วอย่าโฮย่าแล้ว อยู่ๆก็มีเหมือนพลังงานบางอย่างก่อตัวขึ้น เป็นแสงสีสว่างสีแดงจ้าเหมือนครั้งแรกเปล่งประกายไปทั่วทุกอณูห้อง เมื่อแสงสว่างหมดไปก็ปรากฏเห็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัดอยู่ตรงหน้าเขา ผู้ชายคนนี้เหมือนกับคุณยมทูตตัวจิ๋วทุกอย่างแต่ที่ไม่เหมือนก็คือรูปร่างที่ใหญ่ขึ้นเหมือนรูปร่างของมนุษย์ปกติทั่วไป

                    “คุณทำได้ไง” แอลตกใจบวกกับอึ้งมากๆ

                    “555 เพราะว่าฉันเก่งไง” แอลถึงกับไปเอื้อมเมื่อได้ยินประโยคหลงตัวเองของโฮย่า

                    “เฮ้อ~ ไหนๆก็อยู่บนโลกมนุษย์ทั้งที เห็นทีควรจะปรับตัวให้เข้ากับโลกมนุษย์ซะแล้วสิ” และแล้วก็เกิดแสงสีแดงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆจางหายไปทีละนิดๆจนกลายเป็นว่าโฮย่าตอนนี้กำลังใส่เสื้อผ้าแบบที่มนุษย์ทั่วไปใส่กัน เมื่อจัดการกับร่างกายเสร็จแล้ว โฮย่าก็ขึ้นมานั่งบนเตียงใกล้ๆกับแอล

                    “นายไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือไง”

                    “วิญญาณความจำเสื่อมอย่างผมจะทำอะไรได้” แอลพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

                    “เออคุณยมทูต ผมมีเรื่องสงสัยน่ะครับ”

                    “อะไรล่ะ”

                    “ทั้งๆที่คนอื่นมองไม่เห็นผม แต่ทำไมซองยอลเค้าถึงมองเห็นผมล่ะครับ”

                    “บางทีแอลกับหนุ่มหน้าสวยนั้นอาจจะชะตาตรงกันก็ได้” แต่ถึงโฮย่าจะพูดขนาดนี้แล้ว แต่แอลก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

                    “แต่เอาเถอะ ที่ฉันมาหานายเนี่ย ฉันมีอะไรจะบอก”

                    “อะไรเหรอครับ คุณกำลังจะบอกว่าผมจะกลับไปสู่สภาพปกติใช่ไหมครับ” โฮย่าส่ายหัวหน่ายๆ มีสีหน้าที่จริงจัง ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นอย่างก่อน

                    “นายอาจจะต้องอยู่ในสภาพนี้นานกว่าเดิม” แอลตกใจมากถึงกระทันเข้าไปเขย่าแขนของโฮย่าเพื่อหวังหาคำตอบ

                    “ทำไมล่ะครับ คุณช่วยอะไรผมไม่ได้เลยหรือครับ” แอลพูดเคล้าน้ำตา เพราะการที่ได้อยู่ในสภาพอย่างนี้มันเป็นอะไรที่ทรมานสำหรับเขามาก

                    “แต่บ้างทีบนความโชคร้าย อาจจะไม่ได้โชคร้ายเสมอไป”

                    “คุณหมายความว่าไง”

                    “เฮ้อ~ เบื่อแล้วสิ ฉันไปก่อนนะ” แล้วโฮย่าก็หายตัวไป

                    “อ้าวเดี๋ยวก่อน คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่ามันคืออะไร” โธ่ เป็นอบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    ร้านกาแฟเปิดใหม่

                    “ขอบคุณนะซองจง ถ้าไม่ได้แกฉันแย่แน่ๆ”

                    “ไม่เป็นไร เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว” ซองจงพูดพรางยิ้มให้ซองยอล

                    “แล้วจะเริ่มงานวันไหนครับ” ซองยอลหันไปถามเจ้าของร้าน

                    “พรุ่งนี้เลยไหม”

                    “ได้ครับ ^^ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ซองยอลโค้งตัวเคารพเล็กน้อย แล้วเดินออกจากร้านไป โชคดีที่ร้านกาแฟของลูกพี่ลูกน้องของซองจงนั้นอยู่ไม่ไกลบ้านนัก ทำให้เขาสามารถเดินกลับบ้านได้ ประหยัดเงินดีด้วย ซักพักซองยอลก็เดินมาถึงบ้านแล้วเดินขึ้นห้องตัวเองพรางคิดอะไรได้บ้างอย่าง จึงมองหาแผ่นกระดาษกับปากกาจากนั้นก็บรรจงเขียนอะไรบางอย่างลงไป ตรวจดูให้เรียบร้อยอีกครั้งจังวางปากกาลงพร้อมกับถือแผ่นกระดาษที่ตนพึ่งเขียนเสร็จตรงไปที่ห้องของแอล เมื่อเขามาก็พบว่าแอลกำลังนอนบนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ ซองยอลไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไร แต่นำกระดาษที่ตนถือไว้นั้นมาติดกับผนังห้องของแอล

                    “นายทำอะไรน่ะ” แอลถามด้วยความสงสัย

                    “นี่คือกฎของการอยู่บ้านหลังนี้” เมื่อซองยอลพูดอย่างนั้นปุ๊บทำให้แอลจากที่นอนเล่นอยู่บนเตียงต้องเดินมาดูกฎที่ซองยอลแปะไว้ เมื่อมาถึงแอลก็ค่อยๆกวาดสายตาดูกฎที่ซองยอลตั้งไว้

                    “อะไรเนี่ย ข้อ 1 ห้ามอยู่บ้านเฉยๆ ตามสำนวนอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้น้อง(ลูก)ท่านเล่น ข้อ2 ต้องหางานทำ  ข้อ3 หมั่นเก็บกวาดเช็ดถูบ้านให้เรียบร้อย  ข้อ4 ทำตัวให้มีประโยชนต่อบ้านและเจ้าของบ้าน  ข้อ5 ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของบ้านทุกอย่างห้ามขัด  ข้อ6 ถ้าไม่ทำตามกฎก็เชิญออกจากบ้านได้เลย  ข้อ 7 ถ้าไม่เข้าใจให้ย้อนกลับไปอ่านใหม่   นี่มันอะไรเนี่ยห้ะซองยอล ”

                    “นายยังไมเข้าใจอีกเหรอ”

                    “แต่มัน...”

                    “ไม่มีแต่ เพราะฉะนั้นช่วยปฏิบัติตามกฎด้วย เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย”

     

     

     

     

    จบไปอีกหนึ่งจบ ขอโทษที่หายไปนานเน้อ ช่วงนั้นคิดอะไรยังไม่ค่อยออกเท่าไร โฮย่ามาทีนี่ก็จจัดเต็มเลยเนอะ 555 แต่อย่างไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ อย่าลืมคอมเม้นกันด้วยนะ

     

                     

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×