ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #1 : SF บทเรียนของคิมมยองซู

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 57


    SF บทเรียนของคิมมยองซู

     

                 “อูฮยอน วันนี้ค้างที่นี่เป็นเพื่อนฉันนร้าซองยอลส่งสายตาออดอ้อนให้อูฮยอนเพื่อนของเขา  ไม่วายยังเอาหัวไปถูๆกับไหล่ของอูฮยอนอย่างออดอ้อน เหมือนลูกแมวกำลังออดอ้อนเจ้าของอย่างไงอย่างงั้น ทำไงได้เขาไม่ชอบอยู่คอนโดคนเดียวนี่น่า ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอีซองยอลกลัวผี

     

     

     

                    “นร้า อูฮยอนนะซองยอลทำตาปริบๆใส่อูฮยอน ทำเอาอูฮยอนหมั่นไส้กับลูกเล่นขี้อ้อนของซองยอลเหลือเกิน มยองซูมันทนได้ไงว่ะ เจออย่างนี้ทุกวันมีหวังหัวใจวายกันพอดี

     

     

     

                    “แล้วไอ้มยองซูอ่ะ”  อูฮยอนเอ่ยถามถึงแฟนของร่างบางที่กำลังอ้อนตนอยู่

     

     

     

                    “มยองซูบอกว่า วันนี้จะไปกินข้าวที่บ้าน พร้อมหน้าครอบครัวน่ะซองยอลพูดแล้วยู่ปากอย่างน้อยใจ อ๋อ ที่แท้มยองซูมันไม่อยู่นี่เอง ถึงว่าสิร้อยวันพันปีไม่เคยชวนเราอยู่ค้างเลยซักครั้ง

     

     

     

                    “นร้า อูฮยอนนะ นะๆๆๆซองยอลยังคงอ้อนผมอยู่เหมือนเดิม แถมยังทำหน้าทำตาน่าสงสารใส่ผมอีก

     

     

     

                    “เออๆ ก็ได้ๆผมล่ะเบื่อลูกอ้อนของอีซองยอลที่สุดเลย = =

     

     

     

                    “ขอบคุณนะ ^____^”  ซองยอลฉีกยิ้มจนเหงือกบาน(ซองยอล: เมื่อกี้ว่าไงนะ= * =  ไรท์: เอ่อ หมายถึงยิ้มจนแก้มปริน่ะ - - ^   ซองยอล: แล้วไป) แล้วซองยอลก็โผล่เข้าไปกอดอูฮยอน

     

    Rr rr r

     

     

     

                    แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของอูฮยอนสั่นขึ้น ทำให้เข้าต้องผละตัวออกจากซองยอล ลุกขึ้นยืนเพื่อมารับโทรศัพท์ เขาล้วงมือเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วดูว่าใครโทรมา

     

     

     

                    ซองจงงี่

     

     

     

                    “ว่าไงซองจงเข้ากรอกเสียงเรียบๆใส่โทรศัพท์

     

     

     

                    “อูฮยอน ตอนนี้แกอยู่กับซองยอลป่ะปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

     

     

     

                    “อยู่ ทำไมเหรอ?”

     

     

     

                    “คือฉันเห็นมยองซูกำลังนั่งนัวเนียกับผู้หญิงที่ผับอ่ะ

     

     

     

                    “จะบ้าเหรอ ดูคนผิดเปล่า”  จะเป็นไปได้อย่างไงในเมื่อซองยอลบอกกว่า มยองซูไปกินข้าวกับครอบครัว แล้วจะไปนั่งนัวเนียกับผู้หญิงในผับได้อย่างไง

     

     

     

                    “จริงๆ นะเว้ยซองจงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

     

     

                    “เลิกเล่นได้แล้ว ซองจง แค่นี้นะขนาดที่อูฮยอนกำลังจะกดวางสาย เขาก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงซองจงพูดแทรกขึ้นมาก่อน

     

     

     

                    “เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวฉันส่งรูปไปให้ดูพอซองจงพูดเสร็จซองจงก็กดวางสายไป ทำให้อูฮยอนส่ายหัวหน่ายๆให้กับซองจง ที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง  เพียงแค่ซองจงวางสายได้ไม่นานก็มีข้อความจากซองจงส่งเข้าในโทรศัพท์ของฮูฮยอน อูฮยอนค่อยๆกดเปิดดูข้อความที่ซองจงส่งมาให้ เพียงแค่เห็นข้อความที่ซองจงส่งมาให้ตนก็ต้องตกใจเพราะมันเป็นรูปที่มยองซูกำลังจูบกับผู้หญิงอย่างดูดดื่ม อูฮยอนค่อยๆเลื่อนสายตาดูหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นข้อความคำพูดที่ซองจงส่งมาพร้อมกับรูป

     

     

     

                    ‘เป็นไงเชื่อยัง? แล้วจะทำไงดี

     

     

     

                    จะให้ทำอย่างไงล่ะก็อย่าให้ซองยอลรู้สิถามมาได้ ถ้าซองยอลรู้มีหวังบ้านแตก ตู้ม!!! เป็นโกโก้ครั้นซ์กันพอดี ขนาดที่อูฮยอนพยายามจะปกปิดเรื่องนี้และทำตัวให้ตัวปกติที่สุด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่พ้นสายตาอันเฉียบแหลมของซองยอล

     

     

     

                    “มีอะไรเหรออูฮยอนซองยอลเอ่ยถามขึ้นเพราะเห็นพฤติกรรมแปลกๆของอูฮยอน

     

     

     

                    “ปะ เปล่า ไม่มีอะไรอูฮยอนตอบอย่างติดๆขัดๆแล้วซ้อนโทรศัพท์ไว้ข้างหลังตัวเอง แต่นั้นยิ่งทำให้ซองยอลสงสัย ซองยอลเลยลุกขึ้นเดินไปหาอูฮยอน เดินเข้าไปใกล้ๆแล้วยื่นหน้าไปใกล้ๆอูฮยอน

     

     

     

                    “จริง?” ซองยอลเอ่ยถามอูฮยอนอีกครั้ง

     

     

     

                    “จะ จริงสิอูฮยอนตอบอย่างกล้าๆกลัวๆตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ ทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนเลย ออกจะเย็นสบายด้วยซ้ำ แต่อูฮยอนกลับเหงื่อตกซะงั้น

     

     

     

                    “แล้วทำไมต้องซ่อนโทรศัพท์ไว้ข้างหลังด้วยซองยอลยังถามด้วยความสงสัย

     

     

     

                    “ไม่มีอะไรหรอกน่าอูฮยอนพยายามพูดให้น้ำเสียงดูปกติที่สุด

     

     

     

                    “ไม่เชื่อ เอาโทรศัพท์มานี่เลยซองยอลเอื้อมมือไปที่ด้านหลังของอูฮยอนเพื่อจะคว้าโทรศัพท์ แต่อูฮยอนกลับหลบหนีมือของซองยอล

     

     

     

                    “ไม่ มันไม่มีอะไรแต่ซองยอลก็ยังคงฉุดยื้อ โทรศัพท์ของอูฮยอน แต่ด้วยความที่ซองยอลไวกว่า จึงทำให้โทรศัพท์ตกไปอยู่ในมือของซองยอล ซองยอลเลยดูข้อความล่าสุดที่โชว์เด่นหราบนหน้าจอ ทันทีที่รูปภาพปรากฏซองยอลก็เบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจ นี่มยองซูโกหกเขางั้นเหรอ อูฮยอนเมื่อเห็นว่าซองยอลได้เปิดดูรูปแล้ว ก็รีบเดินเข้าไปหาซองยอล แล้วลูบหลังซองยอลเบาๆ

     

     

     

                    “ซองยอลใจเย็นๆนะอูฮยอนปลอบซองยอลเพราะเขาคิดว่าซองยอลคงต้องโกรธมยองซูมากๆแน่ แต่ดูเหมือนว่าอูฮยอนจะคิดผิดเพราะซองยอลไม่ได้มีท่าทีว่ากำลังโกรธหรือโมโหใดๆเลย ซองยอลกลับยิ้มซะงั้น แต่ว่านะรอยยิ้มนั่นมันดูแปลกๆอย่างไงชอบกลแฮะ แล้วซองยอลก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้อูฮยอน

     

     

     

                    “อูฮยอนเราไปผับกันนะซองยอลเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้อูฮยอน

     

     

     

                    “O _ O”

     

     

     

                    “เห้ย ทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะ

     

     

     

                    “แกจะไปจริงๆเหรออูฮยอนถามซองยอลอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

     

     

     

                    “ก็ใช่น่ะสิ เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดแปบ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

                    เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงทั้งซองยอลกับอูฮยอนก็แต่งดูเสร็จ ซองยอลใส่เสื้อคอวีแขนยาวสีขาว ที่คอเสื้อทั้งกว้างทั้งลึกแถมเนื้อผ้ายังเป็นเนื้อผ้าบางๆอีกๆ พร้อมกับใส่กางเกงยีนขายาวสีดำที่แนบกับเรียวขายาว ส่วนอูฮยอนไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากก็แค่เสื่อเชิ้ตธรรมดาๆกับกางเกงยีนธรรมดาๆ ซองยอลหมุนตัวดูตัวเองที่หน้ากระจก พลางเอ่ยถามความคิดเห็นของอูฮยอนว่าตนเป็นอย่างไงบ้าง

     

     

     

                    “ฉันเป็นอย่างไงบ้างอูฮยอนพูดพร้อมกับหมุนตัวเองให้อูฮยอนดู

     

                    “แกไม่เห็นต้องแต่งตัวขนาดนี้เลย คอเสื้อก็ลึกแถมเสื้อยังบางอีก

     

     

     

                    “ฉันถามว่ามันโอเคหรือเปล่า ไม่ใช่ให้แกว่าวิจารณ์ชุดฉัน บ่นเหมือนพี่ซองกยูยอดรักแกไปได้ซอยอลเบ้ปากใส่อูฮยอน อูฮยอนเห็นอย่างนั้นก็ได้ได้เหนื่อยใจกับซองยอล

     

     

     

     

     

     

     

                    เพียงไม่นานพวกเขาทั้ง 2 คนก็มายืนอยู่หน้าผับที่มยองซูมา ทันทีที่เข้ามาผับซองยอลก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกน่ารำคาญ เพราะผู้คนทั้งหญิงและชายที่มากันอย่างเนืองแน่นบวกกับเสียงเพลงบรรเลงนั้น มันเป็นอะไรที่ซองยอลไม่ชอบเอาเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้จะมาสั่งสอนคนขี้โกหกให้รู้จักสำนึกนะซองยอลจะไม่มาเด็ดขาด!! ขนาดที่ซองยอลกกำลังกวาดสายตามองหาคนขี้โกหก อูฮยอนก็กระตุกแขนเสื้อแขนพร้อมกับพาเขาไปที่โต๊ะของซองจง  เพียงแค่ซองยอลมาถึงโต๊ะเหล่าบรรดาเพื่อนที่นั่งอยู่ต่างตกใจกับการปรากฏตัวของซองยอล ก็มันแปลกนี่น่าปกติซองยอลเคยมาในที่แบบนี้ที่ไหนกันเล่า ชวนกี่ครั้งก็ได้แต่คำปฏิเสธกลับมา

     

     

     

                    “O_O” ซองจงทำตาโตอย่างตกใจ ปกติที่ตาโตอยู่แล้วตอนนี้กลับโตกว่าเดิมเป็น 10 เท่า ดงอูที่นั่งอยู่ข้างๆซองจงก็ทำหน้าเหวอไม่แพ้กัน ส่วนโฮย่าคงจะตกใจมากถึงขั้นเอามือทั้ง 2 ข้างมาปิดปากตัวเองแล้วทำหน้าเหวอไปตามๆกัน

     

     

     

                    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไง แต่ว่าโฮย่ามันทำหน้าแอคติ้งโอเวอร์ไปหรือเปล่าเนี่ย  เฮ้อ อีซองยอลล่ะเซ็ง แล้วผู้มาใหม่ทั้ง 2 ก็ย่นก้นลงนั่งกับเหล่าเพื่อนทั้ง 3 พร้อมกับส่งเครื่องดื่ม แล้วก็คุยกันอย่างสนุกสนาน แต่จะมีแค่ซองยอลคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มเม้าส์มอยด้วย เพราะเอาแต่ชะเง้อหน้ามองหาใครบางคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่  ซองยอลลองกวาดสายตามองให้ทั่วอีกสักครั้ง จนทำให้ตาสวยคู่นั้นไปสะดุดตรงที่มุม มุมหนึ่งของผับตรงๆนั้นมีคนนั่งกันอยู่ 2 คน คนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก แล้วอยู่ๆซองยลก็ลุกขึ้นยืน ทำเอาพวกที่กำลังนั่งคุยกันอย่างเมามันมองที่ซองยอลอย่างอึนๆ

     

     

     

                    “ฉันไปจัดการธุระก่อนนะซองยอลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเดินออกไปจากโต๊ะที่ตนนั่ง แต่ก็ไม่ลืมยกแก้วเครื่องดื่มของตนไปด้วย พอซองยอลเดินออกไปเหล่าบรรดาเพื่อนทั้ง 4 ที่นั่งกันอยู่ต่างมองหน้ากันไปมา  แล้วนั่งสุ่มหัวกัน

     

     

     

                    “แกว่าจะเกิดอะไรขึ้นว่ะอูฮยอนเป็นคนเปิดประเด็นขึ้น แล้วมองหน้าเพื่อนเพื่อขอความคิดเห็น เพียงไม่นานโฮย่าก็สะดุ้งตัวออกจากการสุ่มหัว แล้วทำท่าครุ่นคิด

     

     

     

                    “กู...” โฮย่าเอ่ยปากเสียงยาว ทำให้เราเพื่อนที่นั่งอยู่ต่างพากันจ้องหน้าโฮย่าอย่างลุ้นคำตอบ

     

     

     

                    “กู...” โฮย่าเปล่งเสียงพูดอีกครั้ง ทำให้เพื่อนที่กำลังรอลุ้นคำตอบนั่งรอกันตัวโก่งพร้อมกับทำปากพูดคำว่ากูตามโฮย่า

     

     

     

                    “กูไม่รู้อ่ะ กูเมาเพียงเคยโฮย่าพูดจบพวกเพื่อนที่นั่งฟังกันอยู่ก็มองหน้าโฮย่าอย่างเอื้อมระอา

     

     

     

                    “เออ ขอบคุณว่ะซองจงกล่าวขอบคุณความคิดของโฮย่าอย่างประชด

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

                    แล้วร่างบางของซองยอลก็มาหยุดอยู่ตรงโต๊ะที่มยองซูนั่ง มยองซูยังคงคลอเคลียกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ ซองยอลเลยเอ่ยออกเสียงเรียกเจ้าของโต๊ะ

     

     

     

                    “หวัดดี มยองซูซองยอลเอ่ยเสียงเรียกมยองซู ทำให้มยองซูที่กำลังเอาหน้าซุกไซร้คอผู้หญิงหยุดการกระทำ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เรียกตนแล้วมยองซูถึงกับหน้าเหวอไปไม่เป็น ส่วนซองยอลก็ส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้มยองซู พร้อมเอ่ยอนุญาตขอนั่งด้วยคน

     

     

     

                    “ขอนั่งด้วยคนสิมยองซูไม่ได้พูดอะไรได้แต่เขยิบให้ซองยอลนั่งด้วย ซองยอลที่เห็นร่างหนาเขยิบที่ให้ตนนั่งก็ย่นก้มลงนั่งข้างๆมยองซู แต่ก็ไม่วายเหลือบไปมองผู้หญิงที่นั่งเกาะแขนข้างมยองซู

     

     

     

                    “นั่นใครเหรอ?”ซองยอลเอ่ยถามพร้อมทำตาแป๋วใสมยองซู ร่างหนาที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบแกะมือของผู้หญิงที่นั่งข้างตนออก

     

     

     

                    “ไม่รู้สิช่างเหอะร่างหนาพูดด้ยน้ำเสียงเย็นชา ผู้หญิงที่โดยมยองซูแกะมือออกนั้นหัวเสียไม่ใช่น้อย จึงสะบัดก้นเดินออกไป

     

     

     

                    “เอ่อ ทำไมนายถึง...” มยองซูยังถามไม่ทันจบ ซองยอลก็ยกนิ้วชี้ข้างขวามาแตะที่ริมฝีปากของมยองซูเบาๆ

     

     

     

                    “จุๆๆ ไม่เอาน่ามยองซู เรามาดื่มกันเถอะซองยอลส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้มยองซู ก่อนที่จะค่อยๆยกแก้วเครื่องดื่มไปจิบเล็กน้อยพองาม แต่ไม่วายสายตาคู่สวยก็ยังคงจับจองมยองซูอยู่เหมือนเดิม ส่วนมยองซูก็ได้แต่อึ้งกับท่าทางแปลกๆของซองยอลแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พร้อมยกเครื่องดื่มกรอกเข้าปากตามปกติ  ความเงียบปกคลุมพวกเขาทั้ง 2 อยู่ครู่หนึ่ง ซักพักซองยอลก็เอาหน้าไปซุกกับแผ่นอกกว้างของมยองซู แถมยังเอามือลูบไล้ที่หน้าอกของร่างหนาอย่าแผ่วเบา แต่มือซนๆของซองยอลไม่ได้หยุดแค่นั้นกลับลูบลงมาต่ำเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกง

     

     

     

                    “ซองยอล

     

     

     

                    “หือเพียงแค่ร่างหนาเอ่ยเรียกร่างบางก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับมยองซู พร้อมทำตาปรือๆใส่มยองซู

     

     

     

                    “ยั่วกันหรือไงมยองซูส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ซองยอล

     

     

     

                    “เปล่าซะหน่อยดูเหมือนคำพูดของซองยอลมันจะไม่ตรงกับการกระทำเอาซะเลยเพราะร่างบางส่งสายตายั่วยวนมยองซูอยู่อย่างนั้น แล้วก็กลับไปซุกที่หน้าอกกว้างของร่างหนาอยู่เหมือนเดิม ซักพักมือของซองยอลก็กลับมาทำหน้าที่เดิมคือปลุกเร้าร่างหนา แต่ร่างหนาก็ยกมือขึ้นมาจับมือซนๆของร่างบางให้หยุดการกระทำ แล้วกระซิบที่ข้างหูร่างบางด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

     

     

     

                    “กลับบ้านกันเถอะ ฉันไม่ไหวแล้วร่างบางที่ได้ยิ่งดังนั้น ก็ส่งเสียงอื้อในลำคอ แล้วทั้ง 2 ก็ลุกเดินออกไปจากผับ

     

     

     

     

     

    อีกฝั่งหนึ่งในผับ

     

                    เหล่าเพื่อนของซองยอลยังคงนั่งอยู่นั่งผับอยู่ ทั้ง 4 คนต่างพากันจ้องไปที่มยองซูกับซองยอลที่เดินจูงมือกันออกจากผับ แล้วนั้นก็ได้ทิ้งความข้องใจให้กับอูฮยอนไว้

     

     

     

                    “พวกมึงว่า กูยังต้องไปค้างกับซองยอลป่ะว่ะอูฮยอนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย

     

     

     

                    “ไม่ต้องแล้วม๊างงงเหล่าเพื่อนที่เหลือต่างพูดประสานเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

                    หลังจากที่เดินออกจากผับไปแล้ว มยองซูและซองยอลต่างขึ้นมานั่งอยู่ในรถเป็นที่เรียบร้อย มยองซูรีบขับรถมุ่งหน้ายังคอนโดของพวกเขาทั้ง 2 อย่างเร่งรีบ มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง เพราะตอนนี้ความต้องการของเขามันพุ่งพรวดจริงๆ เพียงไม่นานรถของมยองซูก็มาจอดที่หน้าคอนโด แล้วพวกเขาทั้ง 2 ก็พากันมาที่ห้องของพวกเขา แล้วมยองซูก็ปิดประตูลงกลอนเป็นอย่างดี หลังจากสิ้นเสียงประตูมยองซูก็เดินเข้าไปหาซองยอลแล้วผลักตัวซองยอลให้นอนลงบนโซฟา จากนั้นร่างหนาก็ก้มลงไปจูบร่างบางทันที ร่างบางไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดจึงเปิดช่องทางให้ลิ้นร้อนของร่างหนารุกล้ำเข้ามาในโพล่งปากของร่างบาง ลิ้นร้อนของร่างหนากวาดชิมน้ำหวานของร่างบางอย่างสุขสมพร้อมกับดูดดุนลิ้นเล็กของร่างบางอย่างเอาแต่ใจ จนร่างบางต้องท้วงขึ้นเพราะเริ่มจะหายใจไม่ออก ร่างหนาที่เห็นอย่างนั้นจึงละริมฝีปากออกอย่างเสียดาย แล้วเปลี่ยนมาเป็นซุกไซร้ที่ซอกคอขาวของร่างบางแทน

     

     

     

                    “มยองซูร่างบางเอ่ยขึ้น

     

     

     

                    “หือร่างหนาเปล่งเสียงในลำคอโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับร่างบาง เพราะเขายังคงยุ่งอยู่กับซอกคอขาวนั่นของร่างบางอยู่

     

     

     

                    “นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันไม่ชอบคนโกหกซองยอลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ

     

     

     

                    “อื้อ ฉันรู้แต่ร่างหนาก็ยังคงมั่วแต่ฝากรอยรักไว้ที่ซอกคอของร่างบาง โดยไม่ได้เงยหน้ามามองร่างบางที่ตอนนี้อารมณ์กำลังเดือดอยู่                 จึงใช้มือทั้ง 2 ข้างผลักร่างหนาให้เลิกยุ่งกับคอของตน

     

     

     

                    “แต่นายก็ทำเมื่อร่างบางออกแรงผลักร่างหนา ทำให้ร่างหนาเงยขึ้นมาสบตากับซองยอล ร่างบางส่งสายตาไม่พอใจให้ร่างหนา

     

     

     

                    “ฉันขอโทษร่างหนาพูดด้วยโทนเสียงต่ำ เขาคงทำได้แค่ขอโทษเพราะแก้ตัวอย่างไงมันก็ไม่ขึ้นอยู่ดี ซองยอลพยายามควบคุมอารมณ์เดือดที่พร้อมที่จะปะทุออกเอาไว้ แล้วใช้มือเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของร่างหนา ร่างหนาที่เห็นว่าร่างบางอารมณ์เย็นลงก็กลับซุกไซร้ที่คอขาวระหงส์ของร่างบางเหมือนเดิม ร่างบางคอยๆปลดกระดุมเสื้อของร่างหนาทีละเม็ดสองเม็ด แล้วลูบแผ่นอกกว้างของร่างหนาอย่างอ้อยอิ่งลูบไล้ลงมาเรื่อยๆยังถึงหน้าท้องแกร่งแล้วก็ลงมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่ขอบกางเกงของร่างหนา ร่างบางรู้สึกได้ถึงสิ่งที่กำลังดุนดันผ่านเนื้อผ้า ร่างบางก็ยิ้มแฉ่งแล้วค่อยยื่นมือไปปลดกางเกงของร่างหนา ร่างหนาที่รู้สึกว่าร่างบางกำลังจะปลดกางเกงตนออกก็เงยหน้าขึ้นมามองร่างบางอย่างแปลกใจที่วันนี้ร่างบางทั้งยั่วและปลุกเร้าอารมณ์เขาอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วกลับไปคลอเคลียอยู่ที่ข้างใบหูของร่างบาง เมื่อร่างบางปลดกางเกงของร่างหนาเสร็จก็หยุดการปลุกเร้าใดๆทั้งสิ้น แล้วออกร่างผลักร่างหนาให้เลิกคลอเคลียตน ทำให้ร่างหนามองร่างบางอย่างไม่เข้าใจ

     

     

     

                    “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่มีอารมณ์แล้วอ่ะร่างบางฉีกยิ้มให้ร่างหนาแล้วออกแรงผลักร่างหนาอีกครั้งจนตนเป็นอิสระแล้วรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตนไป ร่างหนาที่ยืนนิ่งอยู่ก็เพิ่งคิดได้จึงเดินตรงไปยังห้องนอนที่ร่างบางพึ่งเข้าไปเมื่อครู่ แล้วไปเปิดประตูห้องแต่ก็เปิดไม่ได้เพราะร่างบางล็อคประตูห้องไว้

     

     

     

                    “ซองยอลเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะร่างหนาออกแรงทุบประตูพร้อมกับเอ่ยเรียกร่างบาง

     

     

     

                    “ไม่!!” ร่างบางไม่ได้เปิดประตูออกแต่อย่างใด

     

     

     

                    “ซองยอลอ่า เปิดประตูเถอะนะร่างหนาเอ่ยเรียกร่างบางอย่าอ้อนวอน

     

     

     

                    “ไม่แต่ร่างบางก็ยังคงตอบออกมาคำเดิม

     

     

     

                    “ซองยอลนายจะมาทำให้ฉันเกิดอารมณ์ แล้วหนีไปไม่ได้นะ!!” ร่างหนายังคงทุบประตูอยู่อย่างนั้น

     

     

     

                    “นายก็ช่วยตัวเองไปสิ

     

     

     

                    “ซองยอลอ่า เปิดเถอะนะร่างบางไม่ได้สนใจเสียงของร่างหนากลับเดินไปหยิบหูฟังเสียบเข้ากับโทรศัพท์แล้วนอนฟังเพลงอย่างสบายใจเฉิบ ร่างหนาเมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ได้สนใจตนแล้วจึงเดินคอตกกลับที่โซฟาด้วยอารมณ์ที่ค้างคา ส่วนร่างบางที่นอนฟังเพลงอย่างมีความสุขก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยิบหมอนมาหนึ่งใบกับผ้าห่มมาหนึ่งผืนแล้วเดินประตูห้องออก เพียงแค่มยองซูเห็นซองยอลเปิดประตูออกมาตนก็อยากจะรีบวิ่งเข้าห้องไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะซองยอลโยนหมอนกับผ้าห่มออกมานอกห้องแล้วรีบปิดประตูไป

     

     

     

                    “ฝันดีซองยอลตระโกนผ่านประตูให้มยองซูได้ยิน มยองซูจึงได้แต่เดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่ซองยอลเพิ่งโยนออกมาให้อย่างเชื่องช้า ร่างหนาวางหมอนลงบนโซฟามุมหนึ่งแล้วค่อยๆล้มตัวนอนห่มผ้าบนโซฟาอย่างซึมๆ ฮอลลลล แล้วจะนอนหลับไหมเนี่ยยยยยย YoY

     

     

     

     

     

    จบ

     

     

     

    แถมให้อีกนิ๊ดนึง

     

                    เช้าวันใหม่มาถึงเหล่าบรรดานักศึกษาต่างพากันมานั่งจับกลุ่มคุยกันก่อนเข้าเรียน วันนี้ซองยอลดูมีความสุขมากเพราะเดิมยิ้มมาแต่ไกลผิดกับคนที่เดินข้างๆอย่างมยองซูที่หน้าดูโทรมๆ เมื่อทั้งสองมาถึงพวกเพื่อนก็ชวนซองยอลคุยกันอย่าสนุกสนานผิดกับมยองซูที่เอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จากับใคร จนโฮย่าต้องเอ่ยทักมยองซู

     

     

     

                    “เฮ้ย มยองซูทำไมขอบตามึงดำๆว่ะ หรือว่าเมื่อคืนพวกมึงจัดหนักกันโฮย่าพูดปุ๊บก็ขำอย่างคิกคัก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

     

     

     

                    “จัดหนักพ่องดิ เมื่อคืนซองยอลให้กูนอนนอกห้อง กูนอนไม่หลับทั้งคืนเลย T_T ” มยองซูตระคอกใส่โฮย่า เมื่อโฮย่าได้อย่างนั้นก็ขำอย่างสะใจ ไม่ใช่แค่โฮย่าที่ขำคนเดียว แต่พวกเพื่อนที่เหลือก็ต่างพอกันหัวเราะกันหมด จะมีแต่มยองซูที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่คนเดียว

     

     

     

    บทเรียนครั้งนี้มยองซูคงเข็ดไปอีกนาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×