คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 | เด็กมันร้าย [rw]
0 3
เด็กมัน ร้ า ย
(แต่พี่มันก็ไม่ได้ดี)
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้รับการติดต่อเรื่องเด็กบ้านค้างคาวตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว
บรู๊ซ เวย์น เลี้ยงเด็กไว้เป็นมันสมอง
ทั้งหมดมีอยู่สี่คน คนที่หลุดวงโคจรออกมาควีนส์คนนี้อดีตเคยเป็นเจ้าของคาสิโน ระดับความฉลาดและความคาดเดาไม่ได้จัดอยู่ในประเภทมหากาฬ
เบนเล่ เวย์น
กระนั้น การพัวพันเป็นสายไฟสองสามเรื่องที่ผ่านมาหลังจากเขารู้ว่าเบนเล่เป็นแค่
คนธรรมดา แล้วจริง ๆ ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ
ปีเตอร์ไม่บาดหมางอะไรกับใครทั้งนั้น การช่วยเหลือผ่านมามันเป็นไปเพราะคนพี่เจอปัญหาจริง
และเพื่อนบ้านที่แสนดีในฐานะเจ้าถิ่นก็ต้องช่วย
นึกไม่ถึงว่าจะ end up ได้บัดซบ
โลกนี้มีแค่เขาคนเดียวแล้วล่ะที่เป็นฮีโร่แต่ถูกพลเมืองที่ตัวเองช่วยฟาดหมัดใส่หน้า
“น้ำแข็งค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ฟังไม่ผิด เบนเล่
ชกหน้า เขา
ชกด้วยหมัดตรงอย่างสมบูรณ์แบบไม่แพ้นักมวยมืออาชีพเลยด้วย
ด้วยเหตุนี้
หลังจากแบกคนขาหักมาส่งที่โรงพยาบาลก่อนกลับปีเตอร์จึงไม่ลืมหันไปขอถุงน้ำแข็งให้ตัวเอง คนอะไรวะมือโคตรหนัก พอทางเบนเล่ถูกเข็นเข้าห้องหมอไปแล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเนียนล้วงมือถือของคนเจ็บติดมือถือมา
เขาหันไปบอกพยาบาลที่เคาท์เตอร์
“ขอผมยืมโพสอิทหน่อยสิครับ
แล้วก็รบกวนฝากให้พี่คนเมื่อกี้ทีนะครับ คงต้องไปแล้ว”
“วางใจเถอะค่ะ
ฉันจะส่งให้ถึงมือ”
จะดีจะเลวเพื่อนบ้านที่แสนดีก็เป็นที่รู้จักของชาวควีนส์
ใช่ว่าไอ้แมงุมมแบกคนมาส่งโรงพยาบาลครั้งสองครั้งเสียเมื่อไหร่ ปีเตอร์เขียนข้อความด้วยลายมือหวัดๆลงบนกระดาษแผ่นจิ๋วแล้วฝากพยาบาลไว้
ส่วนเขามือหนึ่งประคบตา มือหนึ่งยิงไวนิลมุ่งหน้ากลับอพาร์ตเมน
เจ้ากรรมนายเวรของจริง
ต้องศึกษาความสัมพันธ์ของคนในพุทธศาสนาไว้บ้างแล้ว
‘หายไวๆนะป้า
ไว้เจอกัน’
คือสิ่งแรกที่สะท้อนสู่สายตาหลังการตื่นนอนในเช้านี้ของเบนเล่
เวย์น
เธอจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
รู้แค่ไปตื่นอีกทีก็เช้า ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เงยหน้าเจอว่าตัวเองนอนแผ่อยู่ในเพนท์เฮาส์และเจอรังสีสังหารระดับพิฆาตของผู้มาเยือนที่แตกหน่อเสียหลายคนราวกับแฮพพลอยด์สปอร์ของไม้พุ่มจึงรู้สึกหน้าแห้งขึ้นมา
“...ไฮ”
“เก็บไว้ไฮกับหน้านายช่างกุ้งเถอะ”
เบนเล่จิ๊ปาก
“อย่ายุ่งกับพ่อกู”
“ด่าบ้างก็ดีจะได้จำ
หาเรื่องใส่ตัวครั้งแรกในควีนส์ซะคุ้มนะ”
“ก็ไม่ได้ตั้งใจ
มันเป็นอุบัติเหตุ”
ตอบคำของคนนามสกุลเดียวกันไปด้วยแล้วไล่มองใบหน้าของคนหนุ่มสาวที่ให้เกียรติมารวมตัวกันเพื่อรุมประชาทัณฑ์ตัวเอง
ในห้องของตัวเอง เจนนี่ โจนส์ คนนี้ตัวติดกับเบนเล่ตั้งแต่เหยียบควีนส์
ไม่แปลกใจที่พอรู้เรื่องเบนเล่ตกซากตึกขาหักใส่เฝือกอันเท่าบ้านหล่อนจะมา แต่คนหลังไม่รู้ว่าไปติดต่อกันอีท่าไหนถึงมาโผล่เอาที่นี่
เอาเถอะ
เอาเถอะ
เบนเล่ขยี้ตาอย่างงัวเงีย
สลัดผ้าห่มออกแล้วพบว่าขาเรียวๆที่น่าภาคภูมิใจมีเฝือกอันโตหุ้มเป็นเกราะดูตลกอนาถ
พอออกแรงขยับก็เจ็บเสียดจนต้องหยุด มองคนพี่ที่ยืนพับแขนเสื้อเชิ้ตพิงประตูห้องนอนอย่างหล่อ
แต่สีหน้าบ่งบอกว่าคนที่วิ่งโร่จัดการอะไรต่ออะไรให้เมื่อคืน ก็คือเขา
“พี่ตีฉันเหรอ”
“ว่าไปนั่น
ถ้าฉันตีเธอไม่ตื่นหรอก”
ดิค
เกรย์สัน ไนท์วิงผู้โด่งดัง เป็นพี่ใหญ่ของเด็กๆบ้านค้างคาว
ระหว่างที่เบนเล่หลับเป็นตายไปเขาคงพูดคุยกับเจนนี่โจนส์จนรู้จักกันดีแล้ว
เพื่อนสาวตีแขนเบนเล่แล้วเปลี่ยนประเด็นคุย“สรรหาทำนะ ดีแต่คนที่แกแส่ไปตามคือสไปเดอร์แมน
ถ้าไม่ใช่เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เวร”
“...เด็กคนนั้นมันทำอะไรนะ”
“สไปเดอร์แมนพามาส่งโรงพยาบาลเองกับตัว
ถามจริงๆเถอะแม่นางบุ้งไต่ แกไปหาเรื่องอะไรเขาไว้ก่อนหน้านี้งั้นเหรอ เจอกันตลอด
หรือเพราะแกเป็นคนของบรู๊ซที่มาอยู่ในควีนส์เรื่องมันเลยวุ่นวายขนาดนี้กันวะ”
ต่อให้เป็นแฟนคลับสไปเดอร์แมนชนิดถวายหัวได้ก็ทำ
แต่เจนนี่คิดไม่ออกจริงๆว่าเพื่อนบ้านแสนดีเคยมีคดีซ้ำซ้อนกับใคร นอกจากเบนเล่
คนถูกถามไหนเลยจะรู้คำตอบ เบนเล่ทิ้งศีรษะหนุนหมอน
เรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหัวใหม่แม่งทั้งหมด สรุปว่าเธอทำตัวเป็น FBI โรงเกลือจนได้เรื่องโง่ร่วงจากตึกขาหักซะเอง ไม่แน่ว่าหลังจากนั้นหัวอาจจะกระแทกแล้วก็สลบไป
เพียงแต่ว่า...ด้วยไหวพริบและระดับความฉลาดอันเหนือชั้นที่ตกตะกอนมาจากประสบการณ์ไล่กระทืบชาวบ้านครั้งเป็นดาราในเกาะกวง
เบนเล่เจ็บมือแปลกๆเลยแบมือซ้ายขึ้นมอง
“มีใครอยู่เจอเด็กคนนั้นไหม
หรือกว่าโรงพยาบาลจะติดต่อให้มาหิ้วฉันกลับได้เขาก็ไปแล้ว”
มาช่วยเพราะเหตุบังเอิญ
พูดกันไม่กี่คำ แล้วก็แยกย้ายสลายตัว
ค่าตัวแพงนักนะไอ้เด็กกะโปก
ดิคแกว่งแก้วกาแฟในมือ
“ถามทำไมล่ะ”
เบนเล่หันข้อนิ้วทั้งสี่ไปทางเขา
“มือฉันแตก เมื่อคืนน่าจะต่อยหน้าเขาไป”
เจนนี่ไม่ได้เป็นเด็กสังกัดแบทแมนเลยได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตก
เด็กสาวไม่รู้ว่าโลกนี้มีมนุษย์ที่รนหาที่ตายแต่ตื่นมาแล้วทำหน้าตาเหมือนได้ข้อมูล
ดีๆ อะไรอยู่ด้วยเหรอ ดิคเข้าใจความหมายของคนน้อง เขาเลิกคิ้วสูง “เลยเหรอ”
เบนเล่พยักหน้า
“อืม เลยนะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ
ทำไมอยู่ดีๆถึงคิดจะหาตัวสไปเดอร์แมนว่าเป็นใครทั้งที่อยู่ในถิ่นเขา เบนเล่
อย่ารนหาที่ตาย นั่นเด็กปั้นคุณสตาร์คนะ ยังไงต้องไม่ธรรมดาพอจะยอมถูกเธอไล่ต้อน เลิกยุ่งกับเขาเถอะ”
ประโยคนี้หางเสียงดิคเกรย์ไม่เล่นหัวอีกต่อไปแต่เป็นการติให้รู้ว่ากรุณาหยุดสะระแนสร้างเรื่อง
เบนเล่สร้างเรื่องมามากเกินพอแล้ว ทำตัวเงียบๆนิ่งๆสักปีสองปีให้ไอ้ที่เคยก่อไว้มันซาก่อนคือทางออกที่ดีที่สุดของปัญหา
และเธอดันทำไม่ได้
บรรยากาศมาคุเรียกพ่อทำเจนนี่ปั้นสีหน้าลำบาก
อ้างขอแยกตัวไปเข้าครัวหาอะไรมาให้เบนเล่เพื่อหลบสถานการณ์ ส่วนเบนเล่จะดีจะเลวด้วยขาแบบนี้เธอลุกขึ้นวิ่งไปทึ้งดิคเกรย์ไม่ได้อยู่แล้ว
พอเพื่อนสาวหายไปเลยบอกพี่ค้างคาวเสียงดัง
ย้ำแล้วย้ำอีก
ย้ำแทบตายห่าว่าอยากกลับบ้าน ต้องมานั่งเล่นบทเด็กมัธยมกะโปกน่าเบื่อหน่าย เป็นเขาลองถูกไล่ตะเพิดออกจากบ้านดูไหมล่ะแหม
“ถ้าฉันหาเจอว่าเขาเป็นใคร
คุณบรู๊ซจะให้ฉันกลับโตเกียว ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะแลกก็เลยทำเรื่องโง่ๆ พี่เองก็ช่วยพูดให้หน่อยแล้วกัน
ควีนส์มันบ้านนอกขนาดนี้ฉันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว”
“พ่อฉันจะเอาคนที่อยู่ใต้หน้ากากไปทำบ้าอะไรได้กันล่ะ”
“ดึงตัวสิ
เด็กคนนั้นมันอ่อนไหวจนยันอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นตาสีตาสาไม่ใช่ลูกบ้านคนมีอำนาจเราเล่นมันเลยเถอะ
สไปเดอร์แมนเป็นเหยื่อ อเวนเจอร์สและผู้สนับสนุนทางนั้นเป็นคนที่ยังไงก็จะมาช่วย ที่ฉันคิดออกตอนนี้มีแค่นี้ล่ะ”
ขอเป็นใหญ่ในโซนยุโรปโดยอาศัยเงื่อนไขเรื่องสไปเดอร์แมนมันก็...ไม่เลว
เพราะเธอเลวเผื่อไปหมดแล้ว
บุญคุณความแค้นมันแลกแต้มเป็นเงินไม่ได้นี่นะ
ดิคเกรย์ขมวดคิ้ว “คิดจะทำอะไร”
“หาตัวเขา”
เบนเล่ยืนยันคำเดิม “ตอนเด็กที่ไฮสคูลขโมยของฉันไป
เขาช่วยฉัน มาถึงห้องฉัน แถมเมื่อคืนก็แบกฉันไปส่งโรงพยาบาล ไม่แน่ว่าถ้าฉันเรียกเขาออกมาอีกครั้งแล้วเก็บอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ได้
คุณบรู๊ซต้องให้ฉันกลับโตเกียวไม่ก็โอซาก้าซึ่งจะที่ไหนก็คงไม่แย่ทั้งนั้น
ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่”
“อำมหิตได้โล่
แต่ฟังดูเห็นแก่ตัวโคตรๆ”
“พูดอะไรบ้าๆ
ฉันเห็นแก่ตัวมาตลอดชีวิตนะ ไม่งั้นจะรวยได้ขนาดนี้เหรอ”
ดิคเกรย์ถอนหายใจ
เกาหัวแกรกๆแล้วมองคนน้องอย่างเอือมระอา บทจะแทงข้างหลังมันมิดด้ามตลอด โลดแล่นในฐานะเจ้าพ่อมังกรทองฉีกแบงค์ประหนึ่งทิชชู่ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น
ฉลาดหัวใสใช้จุดอ่อนชาวบ้านสร้างผลประโยชน์ เบนเล่ เวย์น เป็นคนแบบนั้น
แต่ความเป็นจริงเบื้องหลังรางวัลตุ๊กตาทองคำก็คือ
ดิคเกรย์เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อการออกคำสั่งของบรู๊ซ เวย์น เรื่องที่บอกว่าอยากไปจากควีนส์ใครมันจะเอามาพูดเล่น
เธอบรรยายไว้เป็นสามสี่หน้ากระดาษในบทที่หนึ่งของนิยายเรื่องนี้ ไปหาอ่าน
หลักฐานตำตาแตก! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหนึ่งเรื่องก็ต้องถูกด่า
เช่นนั้นก็เอาหัวโขกให้คุ้มไปเลยแล้วกัน
ทว่าลึกๆแล้ว
เบนเล่สารภาพว่า ไอ้ที่พ่นออกมานั่นน่ะแค่ข้ออ้างให้พี่ใหญ่ไปปะเหลาะพ่อให้พาเธอกลับถ้ำค้างคาวเร็วขึ้นเท่านั้นล่ะ
ย้ำอีกครั้ง เธอพัวพันกับไอ้แมงมุมจริง
ไม่เถียง แต่การมี relation
แบบนี้มันก็มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ เบนเล่แค่อยากจับเข่าคุยกับสไปเดอร์แมนเพื่อพูดคำสองคำ
ขอบคุณ ขอบใจ ห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ โอกาสนั้นมันไม่เคยมาถึง ไม่ใช่แค่เรื่องซึ้งน้ำตาไหลพรากเรื่องนั้น
เพราะไอ้แมงมุมมันก็เป็นคนที่ประมาทไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง
วันที่ฮีโร่ต่างค่ายเล่นมาถึงห้องเขาสั่งเกราะให้บันทึกที่อยู่
เบนเล่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่คนแปลกหน้าทำแบบนั้นคืออะไร การกระทำสไปเดอร์แมนขัดแย้งในตัวเอง
เหมือนจะลอบทำร้ายก็เหมือนในแง่การบุกรุก เหมือนจะช่วยเหลือมีน้ำใจก็เหมือนกับเคสการเอาของมาคืนและการพามาส่งโรงพยาบาล
ใครมองว่าปกติไม่รู้ เบนเล่เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้
ยังไงซะก็สบายใจกับประโยค ‘บันทึกโลเคชั่นไว้ด้วยนะ’ ไม่ลง นี่ล่ะประเด็นหลักที่ทำให้ต้องยื่นพวงมาลัยขอบคุณและสับนกรอเป่ากลับถ้าคิดจะโจมตีกันขึ้นมาจริงๆ
มองอย่างเป็นกลาง เบนเล่ไม่คิดว่าชื่อเสียงตัวเองจะดังไปไม่ถึงหูพวกอเวนเจอร์ส
ไม่รู้เลยว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไรเธอที่กำลังปีกหัก(และตอนนี้ขาหัก)หรือเปล่า
เถียงกันจนเสียอารมณ์ไปยกหนึ่ง
ดิคเกรย์ถึงได้กลับออกไป
แม่นางเจนนี่ปาหนันไสหัวออกมาพอเห็นศึกสงบ
พยุงเบนเล่ลุกจากเตียง ทำอาหารให้ พอพูดคุยกันถึงเรื่องที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้เสร็จรายนั้นก็กลับไปทำธุระของตัวเองต่อ
พรุ่งนี้ก็เจอกันที่ไฮสคูลอีกอยู่ดี
เบนเล่รวบผม
มือเปิดระบบเซฟตี้ทั้งหมด ฟึดฟัดเรื่องที่ดิคเกรย์ดูไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งที่เรียกมันว่าพี่
ต่อไปจะลองเรียกไอ้เป็นค่าเสียน้ำใจ...เบนเล่เอาเรื่องไร้สาระในหัวโยนทิ้งลงทะเล ต่อให้ทั้งดิคทั้งเจนนี่โจนส์แทบจะกราบกรานว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัวเป็นดีที่สุด
เบนเล่กลับคิดว่าสถานการณ์ของเธอตอนนี้มันคือการนั่งอยู่นิ่งๆแล้วเรื่องก็วิ่งเข้ามาใส่มากกว่า
หาทางกระชากหน้ากากไอ้แมงมุมคนเดียวก็ได้วะ
ระบบปฏิบัติการณ์ก๊อปปี้เปิดการทำงาน
โฮโลแกรมพ่อบ้านหนวดเฟ้อก็ยิงขึ้นมา
“อัลฟ่า
ย้อนดูภาพในกล้องวงจรปิดคืนนั้นหน่อย”
‘คืนนั้นคืนไหน’
“ใจแพ้ตัว”
‘กำลังทำการค้นหาบทเพลง
ศิลปินสัญชาติเอเชียตะวันออกเฉียง...’
“เอไอเดี๋ยวนี้ตบมุกเป็นด้วยเหรอ”
เบนเล่ทุบคอมไปป้าบหนึ่ง อัลฟ่าทำการประเมินอินพุตมหาศาลแล้วฉายภาพที่บันทึกไว้ย้อนหลัง
เด็กสาวท้าวคางมองเทปเพื่อนบ้านที่แสนดีในวันนั้น วิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามทีละอย่าง
เด็กคนนั้นเก็บรายละเอียดเก่งมาก
ฟุตเวิร์กไร้ที่ติ มุมมองที่เบนเล่มองเขาไม่ต่างจากวันแรกที่เจอตัวเป็นๆมากนัก สไปเดอร์แมนมีความยืดหยุ่นและความสามารถการเคลื่อนไหวกลางอากาศอยู่ในระดับสูง
ถ้าเป็นนักยิมนาสติกจะต้องรุ่งแข่งกับรีไวล์เฮย์โจว ตอนที่กำลังคิดอะไรเงียบๆอยู่นั้นเอง อัลฟ่าก็ส่งเสียงออกมา
‘ขออนุญาตทราบเป้าหมายในการเริ่มค้นหาด้วยครับ’
“โอโห เป็นแค่คอมมันก็ขนาดนี้เลยนะ
จำเป็นต้องบอกด้วยว่างั้น” เบนเล่เคาะปากกากับโต๊ะ กรอกลับซ้ำๆตอนที่สไปเดอร์แมนยกมือกดอินเอียร์
แล้วก็เจอสิ่งที่ตัวเองอยากรู้จนได้
ทีมถนัดมือซ้ายจงเจริญ
ความสามารถทางกายภาพเขาไม่ถนัดขวาแบบที่คิดไว้จริงๆ
การบาดเจ็บที่ใบหน้าจากการถูกเธอฟาดหมัด...น้ำเสียง
หางเสียง...ถนัดมือซ้าย
แม่ง ไม่ได้ช่วยให้ผู้ต้องสงสัยที่เดิมทีก็ไม่ได้มีสแปร์ไว้อยู่แล้วชัดเจนขึ้นเลย
จะไประบุตัวซี้ซั้วได้ยังไงกันวะแบบนี้ ถึงตรงนี้อัลฟ่าก็โยนมาม่าออกมาจากลำโพงเสียงประมาณสิบลัง
‘ผมเป็นเอไอชุดที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก
ผมต้องการปรับตัวให้ใกล้เคียงกับมนุษย์และประมวลกระบวนการโดยใช้อารมณ์ของมนุษย์ครับ’
“เป็นเซ็ตติ้งฟังก์ชั่นที่น่ารักดีนะ”
เธอตอบส่งๆไป ใจเอ็นดูไอ้ระบบชุดนี้ขึ้นมาแล้วจริงๆ เบนเล่เม้มริมฝีปากคิดหาความเป็นไปได้และสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ไปด้วยอย่างไม่รีบร้อน
แต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลาย สไปเดอร์แมนที่ใกล้ชิดกับประชาชนระดับเพื่อนบ้านที่จับต้องได้จริงๆแต่ยังสามารถระวังตัวจนไม่มีข้อมูลหลุดมาสักกระผีกขนาดนี้
นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว ส่งเสียงอืมกับตัวเองในลำคอแล้วกดชิฟต์กรอกคำสั่ง
“เหตุผลของฉัน
คือฉันอยากขอบคุณที่เขาเอากระเป๋ามาคืนในวันนั้น หลักๆมีแค่นั้นล่ะ
ส่วนเรื่องอื่นที่ยืนยันจุดประสงค์เขาไม่ได้ ซ่อนเก่งขนาดนี้เป็นฉันเองที่ต้องระวังตัวสินะ”
ขอบคุณที่เอาของอย่างเดียวที่ทำให้รู้สึกว่าพ่อยังไม่ตายมาคืน
แต่เบนเล่ไม่ได้พูดไป
เพราะถ้าอัลฟ่าบันทึกไว้แล้วแจ้งเตือนขึ้นมา เธอไม่แน่ใจว่าสามารถยั้งตัวเองไม่ให้เอาค้อนทุบมันเวลาพูดความจริง
คนเราความจำดีเกินไปนี่ก็มีปัญหานะ
.......
ทว่าผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
เบนเล่กลับพบว่าตัวเองคิดผิดถนัด
สไปเดอร์แมนไม่โผล่หัวมาแม้แต่เงา
ข้อมูลไม่คืบหน้า แผนการค้นหาของเธอต่างหากที่ต้องถูกพับเก็บเข้ากรุในเวลาห้าวันถ้วนชนิดไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย
สุดท้ายก็เป็นเบนเล่เองที่ต้องยอมแพ้
จากทีแรกที่ว่าจะสวมหางเสือไล่จับแมงมุมบ้างก็เลยตัดไปตัดมาเหลือแค่ข้อปฏิบัติในการระวังตัวเองมากขึ้น
ซึ่งมันก็เป็นไปได้ด้วยดีในชีวิตประจำวันจืดชืดตามระเบียบเด็กไฮสคูล จนถึงตอนนี้ เบนเล่
เวย์น ไม่มีปัญญาทำอะไรเลยนอกจากพกฟืน แน่นอนว่าเรื่องแจ้งความที่ไอ้แมงมุมบุกห้องก็ย่อมทำไม่ได้ด้วย
สิ้นสุดการบรรยาย
กลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน
เบนเล่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างอดสู
ก้มลงเก็บขวดน้ำอัดลมที่ตกลงมาในช่องรับดัง กึงๆ ข้างๆ มีเพื่อนสาว A
และ B ในคลาสเอกฟิสิกส์ด้วยกันยืดคออย่างเกียจคร้าน
พวกหล่อนเป็นคนฉลาดในวิชาแขนงเดียวกับเบนเล่จึงคบหากันได้ไม่เลว ในวิชาที่แม่หญิงเจนกับแจ็คเกอร์ไม่ลง
ก็เลยพลอยได้คุยกับเพื่อนในเอกคนอื่นๆแก้ขัดไปพลาง
สถานการณ์ที่ว่าไม่ต้องไปหามาจากไหน
เพราะมันเป็นต้นว่าในวันนี้นี่เอง
นรกขุมที่เก้าแห่งชีวิตเด็กวิทย์คณิต
นรกขุมนั้นมีชื่อว่า
แล็ปกริ๊ง
กล่าวคือ
มันเป็นวิชาไบโอที่มียมบาลอยู่สามสี่คน คนแรกชื่อพืช คนที่สองชื่อเนื้อเยื่อ
คนที่สามชื่อเส้นใยอิลลาสติก และคนที่สี่ขุดฟอสซิลกระดูกมาเรียงเป็นตับให้แยกว่าเซลล์ไหนเป็นเซลล์ไหนราวกับเวลากินไก่ทอดหน้าโรงเรียนจะต้องแทะเอาประวัติศาสตร์แห่งการก่อกำเนิดกระดูกน่องออกมาด้วย
นี่คือบาร์ที่ควีนส์ไฮสคูลวางเอาไว้สำหรับวิชาชีววิทยา ความเป็นจริงถ้ากัดฟันจดจำรูปแบบการเรียงตัวในหนังสือไปตอบคำถามอีกทีตอนสอบเวียนฐานมันก็จะไม่ยาก
แต่เบนเล่เป็นมนุษย์หัวคำนวณ ตอนลงชื่อเรียนเพื่อให้หน่วยกิตมันพอยังแทบจะกรีดเลือดมาเขียนแทนหมึกปากกา
เธอเลยกะเอาผ่านศูนย์พอ กลางภาคซ่อมได้
พอช่วงเวลาแห่งความรันทดจบสิ้นลงในเวลาบ่าย
นักเรียนเกรดสิบสองออกมาหาอะไรกินที่ลานขนาดย่อม ตู้น้ำอัดลม ตู้ขนมทอดกรอบตั้งเรียงราย
เสียงเหรียญและเสียงสินค้าตกใส่ช่องหยอดช่องรับดังติดต่อไม่มีขาดห้วง
สาว A
โยนขวดน้ำอัดลมที่กระดกจนเกลี้ยงลงถังขยะ
“นี่ เธอจำลิซได้ไหม
เด็กผู้หญิงที่ต้องย้ายออกไปเพราะพ่อเป็นอาชญากรน่ะ เห็นว่าถูกบลิ๊บกลับมาแล้วมาเข้าเรียนที่นี่นะ”
สาวA
ส่งเสียงอ้อ “เบนเล่ เธอเพิ่งย้ายมา รู้จักเด็กเกรดสิบคนนั้นไหมล่ะ”
“อืม พอได้ยินมาบ้างว่ามิสเตอร์อัลเลนมีเรื่องคดีค้าอาวุธแล้วความแตก
ชีวิตเลยพังไป”
เบนเล่ตอบเรียบๆ
เพราะเคยได้ยินคดีนั้นจริงๆ ในปีที่เกิดเรื่อง
หรือว่าหกปีก่อนเธอเพิ่งเข้าวงการใหม่ ๆ เรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่างของควีนส์ที่โด่งดังมาก
เหตุผลคือขบวนการค้าอาวุธมักไม่ล้มเหลวเพราะไม่ค่อยมีใครกล้าลูบคมพวกเขา
แต่จนแล้วจนรอดมิสเตอร์อัลเลนก็ซวยเจอพวกไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ต้องอธิบายไหมว่าจุดจบของครอบครัวอัลเลนเป็นเพราะใครลงมือจับกุม
สไปเดอร์แมนเดบิวต์เป็นฮีโร่เต็มตัวด้วยเรื่องนี้นี่ล่ะ
“เด็กเกรดสิบรุ่นนี้ตัวจี๊ด
ไปไหนมีแต่เรื่อง ทั้งทัศนศึกษา ตอบปัญหาวิชาการ ถูกโจมตีเรื่อย
เรื่องสร้างปัญหาน่ะยกให้พวกนั้นเลย”
“จะว่าไปไฮสคูลพวกเราก็ฟาดกับไฮสคูลเขตุอื่นตั้งนาน
ปีนี้จะคงแข่งกันติดมหาวิทยาลัยไอวี่ลีก รุ่นพวกเราต้องทำให้ดี
ไม่งั้นเด็กพวกนั้นมันแซงแน่อีกสามปี”
สาว B
ไหวไหล่ “ฉันว่าจะลองเรียนต่อวิศวะเคมีดู”
สาว A
“ฉันต้องรอผลสอบเอสเอทีออกแล้วค่อยยื่น เบนเล่ล่ะ
เธอจะยื่นที่ไหน อย่างเธอน่ะเข้าลีกท็อปหกได้สบาย”
เบนเล่ส่งเสียงอืมในลำคอ
จะว่าไปเพราะไม่ใช่เด็กไฮสคูลก็เลยไม่เคยคิดเรื่องเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาจริงๆจังๆ
เลยตอบเท่าที่นึกได้สดๆร้อนๆ “ฉันอยากเข้ามหาลัยโตเกียว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้อ่าน
JLPT2 ซักตัว
ว่าจะใช้ฟิสิกส์ในหัวให้เป็นประโยชน์เหมือนกัน ค่อยคิดอีกทีว่าจะเอกไหน”
“ไม่ต้องรีบ เวลาเหลือเฟือ พวกเราอายุแค่สิบแปดเองนะ
มีโอกาสให้พลาดอีกเยอะ”
“ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าพยายามพลาดเลย
ตีนคนรอเหยียบไม่ได้น้อย”
บรรยากาศการพูดคุยเรื่องไร้สาระอย่างสบายๆ
แบบนี้หาไม่ได้จากชีวิตม้วนเดิมของเบนเล่ ประเด็นที่พวกเด็กหนุ่มสาวพูดคุยมักจะเป็นต้นว่าแผนในอนาคตกะจะทำอะไรต่อ
ความสนใจ วิชาที่เรียน พอมายืนในจุดที่เป็นคนคนทั่วไปเธอถึงเพิ่งเห็นด้วยกับคำพูดนั้นของเพื่อน
วัยไหนมันก็เจ็บปวดได้ทั้งนั้น การที่พวกเธออยู่บนโลกนี้มาสิบแปดปีและไม่ได้ประสบความสำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบเห่แค่เพราะมีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่านี่นะ
เด็กสาวเอามือขยี้ศีรษะ... ต้องล้างสมองตัวเองบ้างแล้ว
ถึงตรงนี้เพิ่งนึกขึ้นได้เรื่องสไปเดอร์แมนที่สมองจัดอันดับให้อยู่เบอร์หนึ่งแห่งหมวดหมู่เรื่องน่ากังวลมาหลายวัน
“ถามหน่อยสิ ที่ควีนส์สไปเดอร์แมนเคยมีข่าวไม่ดีบ้างไหม”
“มีก็แย่ ในบรรดาฮีโร่ทั้งหมดฮีโร่บ้านเราน่ะใส่สะอาดที่สุด
บวชได้คงบวช”
“...เป็นงั้นไปนะ” ไม่แน่ว่าบางทีอาจเป็นเบนเล่เองที่คิดไปไกล
ยิ่งพอได้ฟังปากคำของคนที่นี่และดูสถานการณ์ที่พอเป็นไปได้ที่เงียบกริบเป็นป่าสาก ก็ถอนหายใจไปอีกห้ารอบให้ปอดหายเหนื่อย
หางตาเบนเล่เห็นเด็กเกรดสิบเกาะกลุ่มเดินกันอยู่ในไกลๆ
ไม่ทันสังเกตุว่าหนึ่งในนั้นเอาหัวซุกฮุ้ดเสื้อของเพื่อนเป็นที่วุ่นวายเพราะมัวแต่คุยกับสาว
A และ B
อย่างออกรสออกชาติเมื่อประเด็นหัวข้อเปลี่ยนเป็นเรื่องพวกเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นกันอยู่ในสนามบาส
หารู้ไม่ว่าคนที่ บวชได้คงบวช
แท้จริงแล้วเดินตัวลีบอยู่ในรัศมีห้าเมตรนี่เอง
ขณะเดียวกัน เน็ด ลีดส์ เพื่อนตัวโตไม่เข้าใจว่าปีเตอร์เป็นประสาทอะไรถึงต้องเอาหัวตัวเองยัดเข้ามาในเสื้อเขา
ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรจนทั้งกลุ่มเดินไปถึงตึกเรียนคลาสต่อไป ระหว่างคาบ
ปีเตอร์เอามือลูบใบหน้าที่มีพลาสเตอหร์และวู้ดก็อตแปะมุมปากตลอดการเลคเชอร์
เกือบไปแล้วโว้ย
คือสิ่งที่เขียนประเจิดประเจ้อบนสีหน้าของเขา
เบนเล่ เวย์น สมแล้วถูกจัดอยู่ในระดับมหากาฬ
ไม่รู้ล่ะว่าตั้งใจหรือเปล่าแต่คนพี่ไม่ได้ปราณีในการเข้าถึงตัวเขาราวกับมีแค้น หมัดในวันนั้นจนวันนี้แผลยังไม่ค่อยจะหายเลย
ถ้าบังเอิญเบนเล่ได้เห็นใบหน้าเขาจะต้องถูกสงสัยแน่ แบบนั้นน่ะถึงฆาตของแท้ ไม่เสี่ยงเด็ดขาด
เอ็มเจ เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มใช่ว่าจะไม่เห็นอาการสัปดี้สัปดนของปีเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา
ในฐานะแฟนเก่าหล่อนบอกได้เลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้คือพีทไม่ได้กำลังคลั่งรักแต่กำลังหนีตาย
“นายไปทะเลาะอะไรกับพี่ๆเกรดสิบสองมาหรือไงพีท”
เน็ดเก็บของลงเป้แล้วถามไปด้วย
เขารู้เรื่องคนใต้หน้ากากไอ้แมงมุมดี แต่ปีเตอร์เล่าไม่ได้ทั้งหมดเพราะกลัวเพื่อนสนิทหลุดปากแล้วได้เรื่อง
ปีเตอร์หัวเราะแก้เก้อ
“ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”
“ถ้างั้นหน้านายไปโดนอะไรมา เท้าค้างคาวหนักดีไหมล่ะ”
เอ็มเจไหวพริบดีเกินกว่าจะแพ้ไพ่บ่ายเบี่ยงของปีเตอร์
ปาร์คเกอร์ มาแต่ไหนแต่ไร ดักคอได้อย่างฉลาดจนคนถูกเพื่อนซักลอบถอนหายใจ แต่ไม่บอกหรอก
ชื่อเสียงพี่เวย์นไม่ได้ธรรมดา สองสหายจะด่าเขาแน่ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์ประชิดตัวครั้งล่าสุดเป็นยังไงมายังไง
สู้ปล่อยให้งงยังดีกว่า
ในบรรดาลูกค้างคาวตัวน้อยของพ่อแบทแมน
ถ้าแลมโบกับเฟอร์รารีคือคนคู่ที่เรียนรู้ได้รอบด้านมากที่สุด
รถยี่ห้อเบนเล่คันนี้ก็เป็นคนที่ทำเงินเข้าบ้านได้มากที่สุด ปีเตอร์ไม่รู้จักเรื่องผิดกฏหมาย แต่สารจากนิคฟิวรี่ย้ำตัวแดงๆไว้ว่าให้จับตาดู
เขาเลยจับตาดูตามหน้าที่เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชากลับไปว่าค้างคาวตัวนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเป็นพิเศษในการมาควีนส์
เธอไม่สนใจอเวนเจอร์ส ไม่สนใจแม้แต่เขาที่เป็นดาราแห่งยุค ซึ่งกระบวนการตรงนั้นเบนเล่ล้วนไม่รู้ตัว
เอ็มเจหมุนปากกา “หรือเพราะเธอรู้ว่านายคือสไปเดอร์แมนกันนะ
พี่คนนั้นเป็นคนฉลาดนี่”
“ไม่ปล่อยให้จับได้หรอกน่า” ไอ้แมงมุมที่ว่าเดาะลิ้นแล้วเอาสมุดเคาะหัวเพื่อนคนละทีก่อนเดินตัวปลิวออกจากห้องเรียน
อยู่นานกว่านี้เอ็มเจต้อนเขาจนมุมแน่ เน็ดมองตามเพื่อนสนิทแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“โจทย์ยาก”
“ไม่เถียง” เอ็มเจบอก “เอาความเป็นแฟนเก่าหมอนั่นเป็นประกัน
ถึงจะเอ๋อเรื่องแบบนั้นแต่พีทมันก็ฉลาดของมันล่ะ คงไม่ยอมถูกพี่เวย์นไล่บี้ง่ายๆหรอก”
คืนนั้นเป็นอีกคืนที่ฝนตกหนักจนน่ากลัวว่านอนๆอยู่ฝ้าจะถล่มใส่หน้า
เบนเล่ทนหิวไม่ไหว และอานุภาพของกระเพาะอาหารทรงพลังกว่าความรักสบาย
เธอคว้าไม้เท้าเดินกะเผลกๆมาที่มาร์ทใกล้ๆอย่างยากลำบากเพราะมือหนึ่งต้องถือร่มมือหนึ่งต้องถือไม้เท้า
พนักงานคิดเงินที่เคาท์เตอร์ทักทายอย่างอารมณ์ดีเพราะเห็นลูกค้าคนนี้มาสักพัก
“ว่าไงคุณเวย์น คิดยังไงลงมาตอนตีหนึ่งกันเนี่ย”
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
ก็นอนไม่หลับจริง เบนเล่วางใจเรื่องสไปเดอร์แมนไม่ลง
โมโหหิวจนจะบ้าตายอยู่แล้ว เด็กสาวหยิบของประทังชีวิตแล้วเอามือพลิกกระป๋องเบียร์บนฟรีซในมาร์ท
ตั้งแต่มาอยู่เคยยืนอยู่ตรงน้ไม่รู้ตั้งกี่รอบ
บอกเลยว่าข้อดีที่สุดของมินิมาร์ทอเมริกาคือคราฟต์เบียร์ หยิบ Stone Scorpian กับ Budweiser อย่างละขวดติดมือออกมา
พนักงานคิดเงินกระพริบตาปริบๆ
“...568 มิลลิลิตรพรุ่งนี้เดี๋ยวเรียนไม่ได้นะ”
“ฉันซะอย่างค่ะ”
“จ้ะ จ้ะ”
พอเสร็จธุระที่มินิมาร์ทเบนเล่กระชับฮู้ดเสื้อคลุมหัวแล้วกางร่มใสบังฝนอีกครั้ง
เดินย้ำแอ่งน้ำกลับคอนโดอย่างไม่รีบร้อน คิดเรื่องไร้สาระในหัวอยู่ดีๆตอนที่เดินผ่านไฟแดงหนึ่งก็ได้ยินเสียงคุ้นๆจากเหนือศีรษะ
“อา ติดสิวะ
มาดับอะไรตอนนี้...เฮ้ย ฟรายเดย์ ฟรายเดย์?”
เบนเล่ “...”
เธอแหงนหน้าคอตั้งบ่ามองต้นเสียง พบกับร่างตะคุ่มๆร่างหนึ่งนั่งยองๆทุบเกราะข้อมือตัวเองแล้วบ่นสี่บ่นแปด
พรางตัวได้ห่วยแตกมากสมกับได้รับฉายาเพื่อนบ้านที่แสนดี
เป็นคนควีนส์เดินสี่ก้าวก็เจอเขาได้แล้วมั้ง
ทีเวลาดันทุรังจะเจอไม่เจอ
จะต้องมาเจอในเวลาแบบนี้
เบนเล่ เวย์น พ่นลมหายใจออกจากจมูก
จะดีจะเลวไหนๆเขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรเธอแล้วนี่นะ คิดแล้วเลยถามออกไป
“ฉันช่วยเปล่าคุณ”
สไปเดอร์แมนได้ยินเสียงคนเรียกก็หันขวับไปมองข้างล่าง
เห็นคนขาหักหน้าคุ้นๆถือถุงเหล้ามือหนึ่ง อีกมือถือร่มและไม้เท้าก็นิ่งไป หนนี้ก็ไม่ได้เป็นความตั้งใจของเขาที่จะเจอเธอเช่นกันกับหลายครั้งก่อนหน้า
แต่ท่าทางว่าน่าจะได้เจอกันอีกยาวแล้วล่ะ
“อ๋า คุณอีกแล้วเหรอ บังเอิญจังคุณเวย์น”
เบนเล่บอก “ฉันจบเอกฟิสิกส์ ช่วยดูเกราะให้ได้ถ้าคุณต้องการ ดูเหมือนเซอร์กิตบอร์ดจะมีปัญหาไม่ใช่เหรอ
แต่ถ้าเป็นความลับระดับชาติของสตาร์คอินดัสทรีฉันก็จะไม่ยุ่ง คุณจะเอายังไง”
ปีเตอร์ปวดหัวอีกหนึ่งแมทช์ หนนี้เกราะเขาพังกะทันหันจริงจนยิงไวนิลโหนตัวกลับบ้านไม่ได้
ใจหนึ่งก็กลัวเบนเล่ตลบหลังอะไรหรือเปล่า แต่ทางหนึ่งก็รู้นั่นล่ะว่าความรู้ของอีกฝ่ายจัดอยู่ในระดับไหน
ที่บอกว่าซ่อมให้ได้น่ะไม่ใช่แค่ราคาคุย ส่วนเบนเล่ตอนนี้อ่อนเพลียและเหนื่อยเกินกว่าจะไล่ขยี้แมลงแล้ว
ถามเพราะมีราคาที่ต้องจ่ายงวดเก่าอยู่หรอก
“...งั้นคุณอย่าคิดเงินผมก็พอครับ”
เอาล่ะไอ้เด็กนี่
เวลาตีหนึ่ง พนักงานพาร์ทไทม์ในร้านแถวๆนั้นที่เข้ากะในช่วงเวลานี้มักจะเป็นพวกที่เบื่อง่ายและต้องการรายได้สูงกว่าบาร์กลางวัน ทว่าวันนี้
การปรากฏตัวของคนคู่หนึ่งทำให้พวกเขาหัวหูโปร่งตื่นตัว
สไปเดอร์แมนคือเพื่อนบ้านที่แสนดี
ไม่แปลกที่ทุกคนจะคุ้นเคยกับเขา
เบนเล่เป็นคนไม่สนใจมนุษย์
ไหนเลยสายตามากมายที่จ้องมาทางฮีโร่ประจำเมืองจะระคาย
เธอตกลงกับสไปเดอร์แมนว่าจะช่วยซ่อมชุดเกราะก็คือช่วยซ่อมไม่อิดออด
ไม่นานคนที่ประหลาดใจกับสถานการณ์แหวกแนวครั้งนี้ก็กลับมาเป็นปกติได้เอง
ดวงตาใต้กรอบแว่นของคนพี่เพ่งสายไฟจิ๋วพันกันเป็นใยแมงมุมสมชื่อเจ้าของจนหลังแก่ๆตอนนี้ปวดไปหมด
ปีเตอร์ชะเง้อมองผลงานอีกฝ่าย
“ถ้าคุณอึดอัดเราเปลี่ยนร้านได้นะ”
“ไม่
ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณแค่สองคนทั้งนั้น ฉันไม่ไว้ใจคุณ”
คนน้องพ่นลมหายใจออกจากจมูก
“อันนี้เจ็บ...โอ๊!”
“เรียนจบอะไรมากันนะถึงไม่รู้ว่าเวลาคนซ่อมเกราะให้อย่าขยันชวนตี
เพราะเจ็บจริงมันต้องแบบนี้”
หมั่นไส้ที่ขยันเปิดปากชวนคุยดีนักเลยเอาไขควงเบอร์ศูนย์จี้ฟิวส์ชิดอแด็บเตอร์สายดำไปหนึ่งทีกระแสไฟจากแบตเตอร์รี่ก็ช็อตคนสวมเกราะ
สไปเดอร์แมนสะอื้น
ส่วนเบนเล่ต่อให้ก่อนหน้านี้จะคิดไว้ซะดิบดีว่าอยู่ต่อหน้าอีกคนควรพูดอะไรบ้างก็ลืมหมดแล้ว
เธอไม่ได้เงยหน้ามองสไปเดอร์แมน
หรือถึงมองก็ไม่รู้วอยู่ดีว่าสายตาที่คนใต้หน้ากากมันเป็นแบบไหน
เงื่อนไขของเขามันเยอะเกินไป ถึงจะชวนสับสนไปบ้างแต่ทั้งคู่เป็นคนที่สุ่มมาร้อยคนก็เรียกชื่อถูกสักแปดสิบ
เพราะแบบนั้นต่อให้เดทแอร์น่าอึดอัดและทำได้แค่ถามคำตอบคำก็ต้องยอมให้ เบนเล่
เวย์น ไม่ชอบเป็นหนี้ใคร
เพราะไม่มีจ่าย
และไม่มีอันจะแดก
จบคราวนี้ก็หายกัน “ขอโทษที่วันนั้นฉันต่อยคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าตกใจ ผมขอโทษที่พูดไม่ดีเหมือนกัน
วันนั้นคึกเกินไปหน่อยก็เลยลืมตัวพูดอะไรคุกคามใส่คุณไป”
“ดีใจที่รู้ตัวนะ”
ถึงแบบนั้นอีกครั้ง...เบนเล่ว่าจะไม่เสือกก็ต้องขอหน่อยเถอะ
สมองกำลังจำเสียงของเขา เสียงของไอ้แมงมุมมีเอกลักษณ์ไม่แหบพร่าเหมือนวัยรุ่นเอลเดียที่อายุเท่ากัน
ใต้หน้ากากสไปเดอร์แมน ปีเตอร์นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี อาเมน เหลือบเห็นอบายมุขในเคลียร์แบ็กของอีกฝ่ายพอดี
เด็กไฮสคูลปีหนึ่งลืมตัวถามห้วนๆไปหน่อย
“คุณดื่มเหรอ?”
“อือฮึ ทำไมเหรอ” เบนเล่ตอบทั้งที่ยังง่วนกับการซ่อมเกราะของเขา
ไอ้แมงมุมขำแห้งจนถูกคนพี่ตำหนิให้อยู่นิ่งๆ
“ผมเคยอ่านเจอว่าผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์จะแก่ก่อนวัย”
เบนเล่จิ๊ปาก “ไอ้เด็กนี่พูดกับผู้หญิงให้มันดีๆหน่อยสิวะ”
“คุณขึ้นวะกับผมเหรอ งั้นเราสนิทกันแล้วนะ”
“สนิทกับเท้าฉันก่อนแล้วกันสไปเดอร์แมน”
ปากโต้ตอบไปอย่างสบายๆปีเตอร์ก็มองไปด้วย
ภาพตอนนี้ที่คนดูมีความเป็นผู้ใหญ่กำลังก้มหน้าซ่อมเกราะให้เขาอย่างใส่ใจ
มันทำให้นึกถึงคุณสตาร์ค
แต่คำถามของคนตรงหน้าดึงเขาออกจากการเหม่อที่ส่งผลไม่ดีนักต่อจิตใจ
“อายุเท่าไหร่”
“ครับ?”
“ถามว่าอายุเท่าไหร่”
“อา ปีนี้จะสิบเจ็ดแล้วล่ะ”
ปีเตอร์ไม่เครียดกับการบอกข้อมูลส่วนตัวเท่าที่ควรเพราะเธอคงไม่มีปัญญาเฟ้นหาเด็กสิบเจ็ดทั่วควีนส์แล้วมานั่งไล่เรียงตัวว่าใครคือสไปเดอร์แมน
แต่ปฏิกิริยาผิดคาดเพราะเธอทำแค่พยักหน้ารับรู้
แม่ง ใจคอจะไม่ตื่นเต้นอะไรหน่อยเหรอวะ
เขาคือสไปเดอร์แมนนะ ไอ้แมงมุมผู้โด่งดังของย่านนี้
เขินเขาหน่อยสิ เบนเล่ทำแค่พยักหน้ารับรู้ มือหมุนไขควงล็อกเกราะลงกับตำแหน่งเดิม
“เด็กกว่าฉันสามปีแต่ใช้ได้เลยนี่สำหรับหลายๆอย่าง”
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
เบนเล่พ่นลมหายใจออกจากจมูก ต่อจากนี้คงไม่มีเรื่องให้ต้องเจอกันอีก
หวังว่าแบบนั้นนะ เธอเก็บของลงกระเป๋าเป้ ลุงเจ้าของร้านบอกลาสไปเดอร์แมน เด็กปั้นของผู้อาวุโสต่างค่ายทั้งสองเปิดประตูร้านออกมาข้างนอก
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้เหนือบานเลื่อนดังกรุ๊งกริ๊งผสานเสียงสายฝน
เด็กสาวคนพี่กางร่มเตรียมตัวกลับบ้าน
หันมาพูดกับคนแปลกหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ไอ้แมงมุมพอเกราะปกติแล้วลองเทสต์แฮนด์ไวนิลดูพบว่ามันกลับมาใช้ได้ดี
ส่งเสียงโว้ว
“เฮ้ พี่ป้า คุณต่างหากที่ใช้ได้”
ฟังคำที่เขาเลือกใช้แล้วมีหน้าพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะเกราะหายม่องเท่งก็รู้สึกว่าตากระตุกขึ้นมา
ยิ้มเย็นให้คนข้างๆ “ก็ว่าจะไม่ต่อยคนเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”
“พูดเป็นเล่น ถึงแบบนั้นก็เถอะ เราสองคนคุยกันได้ไม่เลวนี่จริงมั้ย
เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้รับความช่วยเหลือจากพลเมือง ขอบคุณครับ”
ปีเตอร์ไม่คิดว่าเบนเล่จะซ่อมอาการเอ๋อติดคนใส่ของเกราะแขนเขาได้เลยขอบคุณซะใหญ่โต
ท่าทางผ่อนคลายเหมือนที่สนิทกับชาวบ้านชาวช่องไปทั่วดูอารมณ์ดี เบนเล่ได้แต่ยิ้มแห้ง
ส่งเสียงจ้ะ จ้ะ ตอบ
“หลังจากนี้คงไม่ได้เรื่องอะไรให้ต้องเจออีก
ฉันไม่ติดค้างคุณแล้ว ลากันตรงนี้นะสไปเดอร์แมน”
“ครับ” ปีเตอร์ทำท่ารับทราบ มองคนตัวเล็กกว่าย่ำแอ่งน้ำเดินห่างออกไปไกล
แต่ว่า...เขาก้มมองเกราะแขนของตัวเองที่จำไม่ได้เลยว่าถูกซ่อมอย่างใส่ใจครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน
เป็นคนแบบไหนกันนะ พี่ค้างคาวคนนั้น
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน ก็น่าจะสามารถหาเรื่องให้เจอกันได้อีกบ่อยๆนั่นล่ะ
เบนเล่ไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วเผลอหลับไปตอนไหน
รู้แค่ตื่นอีกทีตอนเช้ามืด
เธอเป็นคนนอนหลับไม่ค่อยลงสมฉายาค้างคาวแต่ไหนแต่ไรมาก็เลยไม่มีเวลานอนเวลาตื่นที่ตายตัว
ถึงแบบนั้นก็จำไม่ได้จริงๆว่าชีวิตนี้มีสถานการณ์แบบไหนกันที่จะมีคนแขวนถุงพลาสติกใส่ยาแก้ปวดกับชุดทำแผลสำหรับเล็บเท้าที่แตกสลายอย่างน่าเวทนาจากเหตุการณ์ขาหักไว้ให้ตัวเอง
หรือไม่ก็เมื่อวานพ่อเสือสองขวดจะทำพิษจนสมองเกิดการล้างอัตโนมัติเลยลืมยาที่ซื้อมาไว้ตรงลูกบิดประตู
เพราะแบบนี้ เพื่อนบ้านข้างห้องที่กำลังจะออกไปทำงานพอดีในตอนเช้าถึงแปลกใจและแอบสะดุ้งตอนเห็นเบนเล่
เวย์น ยืนชูถุงพลาสติกไร้ที่มาที่ไปด้วยสภาพอยู่ในกางเกงนอนและเสื้อเน่า หนุ่มออฟฟิศกระพริบตาปริบๆไปสามนาทีค่อยทักเด็กสาว
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเวย์น”
“...อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เบนเล่ตอบแบบคนที่สติหายไปแล้วเกินครึ่ง
“พี่คะ ใครเอายามาแขวนไว้ให้ประตูห้องฉันเหรอคะ หรือว่าฉันเป็นคนเอามาแขวนให้ตัวเอง
คือว่าเมื่อคืนฉันดื่มแต่จำไม่ได้ว่าซื้อยามา”
“ไม่น่านะครับ คนรู้จักคุณหรือเปล่า”
จิ้งจกบนผนังไม่น่าเป็นผู้ก่อเหตุ
เบนเล่สมองขาวโพลนไปครู่หนึ่งค่อยนึกออกว่าคุยจากับคนอื่นในสภาพที่กลิ่นเหล้าเข้มข้นขนาดนั้นมันเสียมารยาทเลยขอโทษขอโพยหนุ่มออฟฟิศแล้วปิดประตูห้อง
ยืนพิงแผ่นประตูมองของในมือด้วยความสับสนกับชีวิต จะเพราะยังไม่สร่างก็ดีหรือเพราะมี
‘ใคร’ มีน้ำใจโดยไม่ได้เอ่ยปากขอก็ดี ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อย
เซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์
เซอร์ไพรส์เต็มไปหมดบักห่า!
เบนเล่ยกมือตบหน้าตัวเองให้ตื่น มองของในถุงพลาสติกที่ถูกคัดสรรค์มาอย่างดิ
เช็คจนมั่นใจว่าไม่ได้เป็นบ้า จากนั้นทรุดลงนั่งลงไปทั้งแบบนั้นโดยไม่สนใจอะไรในโลกทั้งสิ้น
เอาเป็นว่าตัดสินใจเลือกแบบไหนมันก็ชัดเจนแล้วว่าที่ว่าไม่จำเป็นต้องเจอกันอีกนั้นนนนนนนนน
ท่าทางจะพูดกันไม่รู้เรื่องเสียแล้ว
‘ผมกะว่าคุณตื่นมาจะต้องยับและไม่ได้ทำแผล
เลยวกกลับมาอีกรอบพร้อมของขวัญแทนคำขอบคุณครับ!
ไว้เจอกันอีกครับ คุณเพื่อนบ้านคนใหม่’
เบนเล่แค่นหัวเราะพออ่านลายมือหวัดๆที่เขียนไว้หลังใบเสร็จจบ
เพื่อนบ้านที่แสนดีเป็นฉายาน่าขำให้ปอดลีบติดกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงตาย
ไอ้เด็กนี่การกระทำมันจงใจชวนตีแล้วล่ะ ยังไงซะก็ซึ้งไม่ลง เด็กสาวจะว่าตกใจก็ตกใจที่มีไอ้แมงมุมแห่งสหประชาชาติวนเวียนรอบตัว
แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสบายใจและมองว่าเขารักษาระยะห่างได้เป็นครั้งที่สอง
เพื่อนบ้านพ่อง
“ไอ้...เด็กแมงหวี่ยิงไยกะโปก—”
นางฟ้าแม่ทูนหัว
หรือผัวนิรนาม 10 คะแนน
---------------
สวัสดีชาวเมเวลเลี่ยนในรอบหนึ่งปี ฉันกลับมาแล้วค่ะT-T ออกแบบคาร์แร็กเตอร์เบนเล่ไว้ให้ขี้บ่นเวลาเขียนแล้วเครื่องติดเลยล่อไปบ่นทุกเรื่อง บ่นไปหมด แต่มั่ยเพนไรเพราะหลานพีทจะสงบปากสงบคำป้าเล่เอง เอง เอง เอง เอง…
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราเห็น Personal background ของเบนเล่แล้วค่ะ จบช่วงเบสตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
/ตัดรับบิ้น
ความคิดเห็น