ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM FIC] BEASTLY {KHUNDONG}

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAP.7

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 55


    Story: Beastly
    Chapter:07
    Status : Long fiction
    Pairing : Khunwoo
    Type : Drama
     
     
     
     
    Chapter 7 Still....
     
     
     
     
    5 ปีผ่านไป....
     
    “พี่!!!” เสียงเรียกของน้องชายดังขึ้น ชานซองประหลาดใจมากที่พี่ชายของเขามาร่วมงานรับปริญญาของเขา ทั้งๆที่งานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาพักผ่อน
     

    “เรียกซะเสียงดังพี่ตกใจหมด” นิชคุณเอ่ยพลางยิ้มให้แก่น้องชาย คนตรงหน้ายังไงก็ยังเป็นน้องที่ติดพี่อยู่วันยังค่ำ ต่อให้มีคำนำหน้าว่านายแพทย์ก็เถอะเวลาอยู่กับเขาชานซองก็เด็กน้อยดีๆนี่เอง
     


    “ก็ผมไม่คิดว่าพี่จะมางานรับปริญญาผมนี่ เห็นออกไปแต่เช้าก็นึกว่าไปทำงานซะอีก”
     


    “พี่ออกไปเอาอันนี้ต่างหาก” พูดจบนิชคุณก็ยื่นกล่องกำมะหยี่สีดำกล่องใหญ่ให้น้องชาย ชานซองรับมางงๆก่อนจะเปิดดู ข้างในกล่องนั้นมีสเทสโทสโคบสีเงินมันวาวนอนนิ่งอยู่ข้างใน
     



    “พี่...ผมรักพี่ที่สุดในโลกเลย” ชานซองโผเข้ากอดพี่ชายด้วยความรัก ตั้งแต่พี่ชายคนนี้มาอยู่กับเขาเมื่อห้าปีก่อน ชานซองรู้สึกว่าสิ่งที่ขาดหายในชีวิตได้รับการเติมเต็มอีกครั้งหนึ่ง พี่ชายคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเขาเมื่อเขาท้อใจ คอยปลอบใจเสมอเมื่อเขาร้องไห้ นมอุ่นยามดึกที่พี่ชายคนนี้ทำให้เขาดื่มตอนอ่านหนังสือ สิ่งที่พี่ชายเขาทำให้มากมายเหลือล้นจนเขารู้สึกว่าคำขอบคุณกี่พันครั้งก็คงไม่พอ
     



    “พอได้แล้วชานซอง พี่เขาจะล้มอยู่แล้ว” ผู้เป็นลุงเอ่ยปรามหลานชายทันทีเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนนั้นจะล้มลงไปกองที่พื้นเพราะความสูงใหญ่และร่างกายที่ใหญ่โตตามวัยของหลานชาย
     



    “คุณพ่อครับ ผมจองร้านอาหารฝรั่งเศสไว้ จวนจะได้เวลาแล้วเราควรจะรีบไปนะครับ”
     



    “พี่ พี่จองร้านอาหารฝรั่งเศสไว้เหรอ?” ชานซองตาโตเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะพาไปกินอาหารที่เขาโปรดปราน
     



    “ใช่แล้ว น้องชายคนเก่งของพี่เรียนจบทั้งที่เราก็ควรจะฉลองใช่ไหม?” รอยยิ้มเทพบุตรปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา เขารักน้องชายคนนี้เหลือเกิน เขารักครอบครัวของเขา คุณพ่อที่แสนดี น้องชายที่แสนดี....แต่ครอบครัวของเขายังขาดใครคนหนึ่งไป ใครคนนั้นที่ยังอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ
     
     




    อูยอง...ยังรอฉันอยู่ใช่ไหม
     
    .


     
    .
     



    .
     



    .




     
    .
     



    “เดี๋ยวคุณคังช่วยบอกฝ่ายสถานที่ด้วยว่าเราต้องการดอกกุหลาบสีแดงแซมเหลือง ใส่แจกันใบใหญ่ให้ครบทุกใบด้วยนะครับ แล้วผ้าที่จะใช้ปูโต๊ะผมอยากได้สีครีมนะครับ”
     



    “ค่ะ” พนักงานสาวโค้งให้ผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกไปจัดการตามคำสั่ง ร่างเล็กนั่งลงตรงเก้าอี้มุมห้องอย่างหมดแรง
     



    “น้องรักของพี่ไม่เห็นต้องลงมาจัดการเองเลย ให้เลขาพี่ทำก็ได้”
     



    “พี่ชาย ผมอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างนี่ครับ” อูยองเบะปากทำแก้มป่อง เมื่อพี่ชายมองเขาด้วยสายตาดุๆ
     


    “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่หมายถึงงานเลี้ยงนี่คืองานเลี้ยงต้อนรับหุ้นส่วนคนใหม่ของพี่ เป็นงานของพี่ พี่ก็ไม่อยากให้น้องของพี่ต้องมาเหนื่อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” มือหนาโอบบ่าผู้เป็นน้องชาย
     



    “แต่พี่ชาย...”
     



    “ไม่มีแต่ ใกล้จะได้เวลาไปเรียนดนตรีแล้วนะ น้องคงไม่อยากให้คุณครูของน้องรอใช่ไหม”
     



    “แต่พี่ชาย...ผมอยากจัดงานนี้จริงๆนะ ผมอยากทำ”
     


    “ทำไมอูยองถึงอยากทำล่ะ? หืม?” ดวงตาคมจ้องตาน้องชายคาดคั้นเอาคำตอบ จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจากประเทศไทยเมื่อห้าปีก่อนอูยองก็ทำตัวแปลกๆไป เขาถามก็ไม่ตอบ เสียงร้องไห้ที่ดังลอดผ่านประตูห้องนอนยามค่ำคืนทำให้แทคยอนใจไม่ดี เขาไม่รู้ว่าที่ประเทศไทยน้องชายของเขาไปพบเจออะไรบ้าง แม้ว่าจะพยายามหลอกถามเท่าไหร่ก็ยังคงไร้คำตอบเรื่อยมา แทคยอนจึงตัดสินใจส่งน้องไปเรียนดนตรีกับญาติของเพื่อนที่เป็นนักดนตรี เขาหวังว่าเสียงเพลงจะทำให้น้องของเขารู้สึกดีได้บ้าง
     



    “ไม่รู้สิครับ...แค่อยากทำ” อูยองตอบเสียงอ่อย เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากทำงานนี้ เขาไม่มีคำตอบหรือเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกลึกๆบอกเขาว่าเขาควรจะเป็นคนจัดงานนี้
     


    “น้องคนนี้นี่ ไปเรียนดนตรีได้แล้ว เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”
     



    “ครับ คุณครูคงงอนผมแน่ถ้าผมไปสาย” อูยองเอ่ยยิ้มๆเมื่อนึกถึงหน้าครูสอนดนตรีแสนใจดีที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งเวลาที่เขาไปสาย
     



    “รู้ก็ไปได้แล้ว เอ่อ..อูยองครูสอนดนตรีคนนี้สอนดีไหม”
     



    “สอนดีครับ พี่จุนซูใจดีที่สุดเลย”
     



    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตั้งใจเรียนแล้วกันนะ อย่าดื้อกับคุณครูล่ะ”
     



    “พี่ชายครับ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ” อูยองเอ่ยงอนๆก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเป้สีดำแล้วเดินออกไปจากห้องบอลลูม
     


    .



     
    .
     


    .
     


    .



     
    .
     


    แทคยอนมานั่งที่สนามบินได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทางนั้นแจ้งมาว่าเครื่องจะลงตอนบ่ายสองแต่นี่จะบ่ายสามอยู่แล้ว ก็ยังคงไร้วี่แววหุ้นส่วนคนใหม่ของเขา ร่างสูงจิบกาแฟบนโต๊ะก่อนจะกวาดตามองไปยังผู้คนที่เดินอย่างเร่งรีบในสนามบิน เหมือนเมื่อห้าปีก่อนเลยที่เขาพบคนๆนั้น มันคงไม่ใช่พรหมลิขิตหรืออะไรทั้งนั้น แม้ว่าความรู้สึกเมื่อตอนนั้นจะยังไม่หายไป แต่ตอนนี้แทคยอนหมั้นกับเจสสิก้าแล้วและทั้งคู่จะแต่งงานกันปลายปีนี้ แหวนสีเงินประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา แทคยอนยิ้มออกมาจางๆเมื่อนึกถึงว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคต ที่ป่านนี้คงแต่งหน้าทำผมเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้อยู่
     


    “ท่านประธานครับ ทางสายการบินบอกว่าเกิดเหตุนิดหน่อยทำให้เครื่องดีเลย์แต่ตอนนี้เครื่องแลนดิ้งแล้วครับคาดว่าไม่นานพวกเขาน่าจะออกมากันแล้ว”
     



    “ขอบใจอิมซึลอง” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินอย่างเร่งรีบไปยังหน้าประตู สูทสีดำมันของแทคยอนทำให้คนรอบข้างหันมามอง ใครจะไม่รู้จักอ๊กแทคยอนนักธุรกิจคนเก่งคู่หมั้นของนางแบบชื่อดังเจสสิก้า จอง กันล่ะ งานหมั้นถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อสองเดือนก่อน จึงไม่แปลกที่ผู้คนจะจดจำเขาได้ ไม่นานผู้คนก็พากันหลั่งไหลออกมาจากประตูทางเข้า ดวงตาคมกวาดตามองเพื่อมองหาหุ้นส่วนของเขา ข้างๆลูกน้องคนสนิทถือป้ายที่มีชื่อของคนๆนั้นอยู่  
     


    “คุณอ๊กแทคยอนใช่ไหมครับ” แทคยอนหันไปตามตนเสียง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร เสื้อโค้ตกำมะหยี่สีดำดูดีเมื่อยู่บนตัวของเขา ข้างๆกันนั้นมีชายหนุ่มหน้าลูกครึ่งยืนอยู่เคียงข้างกัน
     


    “ใช่ครับ คุณคือ...”
     


    “ผมนิชคุณ หรเวชกุลครับ เป็นลูกชายของนายแพทย์มัตซึโมโตะ ทาเคชิ ส่วนนี่ก็ฮวังชานซองน้องชายของผม” นิชคุณแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง ผู้ชายตรงหน้าเขาจัดว่าหล่อเอาการเลยทีเดียว เขาเคยได้ยินจากอูยองว่าพี่ชายของเขาทั้งหล่อและเก่ง เห็นทีอูยองคงจะไม่ได้พูดเกินจริง
     



    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชคุณ เป็นเกียรติที่ได้พบลูกชายของศัลยแพทย์ชื่อดัง กับหลานชายคนเก่ง”
     


    “ขอบคุณครับแต่คุณแทคยอนไม่ต้องพูดทางการกับผมก็ได้ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรหรอกครับ”
     


    “ตกลงครับ แต่คุณนิชคุณเรียกผมว่าแทคยอนเฉยๆก็ได้ ดูท่าว่าเราสองคนคงอายุเท่าๆกัน” แทคยอนยื่นมือไปก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
     


    “คุณก็เรียกผมว่านิชคุณเฉยๆก็ได้” นิชคุณยื่นมือไปจับมือของแทคยอน
     



    “ท่านประธานครับจวนได้เวลางานเลี้ยงเริ่มแล้วครับ” อิมซึลองกล่าว แทคยอนหันไปยิ้มให้นิชคุณที่เลิกคิ้วมองเขาเป็นเชิงถาม
     



    “งานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆน้อยๆน่ะครับ น้องชายของผมเป็นคนจัด”
     


    น้องชาย...จางอูยอง
     
     

    “ผมชักอยากไปงานเลี้ยงซะแล้วสิ ว่าไงชานซองจะไปงานเลี้ยงกับพี่ไหม?”  ใบหน้าหล่อหันไปถามน้องชายที่ยืนมองพี่ชายคุยกับคนอื่นอย่างเซ็งๆ ทันทีที่น้องชายได้ยินคำถามจากพี่ชายตาก็โตขึ้นมาก่อนจะตอบตกลงโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
     


    “ไปครับ พี่ก็รู้เรื่องกินผมไม่พลาดหรอก”
     


    “งั้น เราสองคนยินดีที่จะไปงานเลี้ยงของคุณครับ”
     


    .





     
    .
     


    .
     
    .


     
    .
     
    .
     


    นิชคุณกับชานซองอยู่ในชุดสูทสุดหรู แทคยอนส่งรถลิมูซีนมารับทั้งสองถึงเพนเฮ้าส์ ลูกน้องของแทคยอนโค้งให้ทั้งสองอย่างสุภาพก่อนที่รถยนต์คันหรูจะเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน เป็นเวลาที่ตะวันตกดินแต่สองข้างทางก็ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและแสงไฟจากร้านค้าข้างทางก็ทำให้ที่นี่ดูครึกครื้นไม่น้อย หากแต่ในห้วงความคิดของนิชคุณกลับไม่มีเรื่องเหล่านี้อยู่เลย เขากลับคิดถึงบุคคลที่กำลังจะได้เจอในไม่ช้านี้ บุคคลที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกเวลาที่หายใจ ทุกนาทีที่เขามองเจ้าสำลีที่นอนหลับสนิทอยู่ในกรงมักจะมีภาพทับซ้อนของใครอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาเสมอ บางทีนิชคุณก็อยากจะโกรธเจ้าสำลีที่ทำให้เขาต้องพลัดพรากจากอูยอง แต่บางทีเขาก็อยากขอบคุณมันเหลือเกินที่ทำให้อสูรร้ายตนนั้นได้พบชีวิตใหม่ที่ดี พร้อมที่จะดูแลอูยองได้โดยไม่ต้องให้คนตัวเล็กต้องลำบากอย่างที่เคยเป็นมา รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของนิชคุณเมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงโรงแรมหรูใจกลางเมือง ผู้คนรวมทั้งพนักงานยืนเรียงแถวต้อนรับทั้งสองฝั่ง ทันทีที่นิชคุณกับชานซองก้าวลงจากรถเหล่าพนักงานก็โค้งให้อย่างสุภาพ นิชคุณคิดว่าการต้อนรับครั้งนี้อาจจะยิ่งใหญ่เกินจริงไปสักหน่อยแต่ความจริงที่ว่าเขาจะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ก็ทำให้เขารู้สึกดีกับมันขึ้นมาบ้าง
     



    “ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ผมอีชางมินจะมาทำงานเป็นผู้ช่วยของคุณครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวโค้งให้เจ้านายคนใหม่
     


    “สวัสดีครับคุณชางมิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” รอยยิ้มบนใบหน้าเทพบุตรทำให้สาวๆแถวนั้นหลุดกรี๊ดออกมา หากแต่ในใจของนิชคุณนั้นไม่สนใจเลย เขาแค่อยากพบอูยอง แค่นั้นเอง
     


    “เชิญทางด้านในเลยครับ ท่านประธานรออยู่” นิชุณเดินตามหลังชางมินไป ทุกๆที่ที่เขาเดินผ่านมักจะมีพนักงานหยุดเดินและโค้งให้เขาเสมอ จนเมื่อมาถึงที่หน้าห้องบอลลูมเหล่านักข่าวต่างก็กรูกันเข้ามาเก็บภาพว่าที่กรรมการบริหารคนใหม่เพื่อจะไปลงข่าวหน้าหนึ่งในวันรุ่งขึ้น นิชคุณเดินตามชางมินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง นิชคุณยิ้มออกมาจนกว้าง ถึงแทคยอนไม่บอกเขาว่าอูยองเป็นคนจัดงาน เขาก็คงเดาได้ไม่อยาก แจกันดอกไม้ที่จัดด้วยดอกกุหลาบสีแดงแซมเหลืองคือสิ่งที่อูยองโปรดปรานเป็นที่สุด
     


    “สวัสดีนิชคุณ ขอต้อนรับสู่งานเลี้ยงต้อนรับว่าที่กรรมการบริหารคนใหม่” แทคยอนเดินมาทักทายนิชคุณ โดยที่ข้างกายมีหญิงสาวแสนสวนคนหนึ่งคล้องแขนอยู่
     


    “สวัสดีอีกครั้งแทคยอน ว่าแต่สาวสวยข้างกายคุณเป็นใครกันครับ”
     


    “เจสสิก้า จอง เป็นคู่หมั้นของผมเอง”
     


    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเจสสิก้า” นิชคุณยิ้มให้หล่อนอย่างเป็นมิตร
     


    “เช่นกันค่ะ คุณนิชคุณ” เธอส่งยิ้มให้นิชคุณ ในใจต่างก็รู้สึกดีที่ได้พบคนตรงหน้า เธอเคยได้ยินว่านายแพทย์มัตซึโมโตะ มีหลานชายและลูกชายที่ได้ชื่อว่าหน้าตาหล่อทั้งสองคน แต่ในความคิดของเธอคนพี่ดูน่าสนใจกว่า ใบหน้าที่หล่อราวกับเทพบุตร รอยยิ้มที่อบอุ่นจริงใจ ความเก่งกาจ และที่สำคัญมรดกที่เขาจะได้รับจากพ่อบุญธรรมที่เธอคิดว่าคงคำนวนตัวเลขไม่ไหวเพราะธุรกิจของนายแพทย์มัตซึโมโตะนั้นมีทั่วทั้งเอเชีย น่าสนใจ...น่าสนใจจริงๆ
     


    “แล้วน้องชายของแทคยอนล่ะครับ ไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ” นิชคุณเอ่ยถามเสียงเรียบหากแต่ในใจรอนรนจนแทบระเบิดออกมาเมื่อไม่เห็นอูยองยืนอยู่ข้างกายของพี่ชาย
     


    “อูยองกำลังมาครับ รถติดนิดหน่อย อ้าวนั่นไงมาพอดีเลย” นิชคุณมองตามสายตาของแทคยอนไปทางด้านหลังของตนเอง ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในงาน อีกคนหนึ่งนิชคุณเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนของอูยอง แต่อูยองนี่สิยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนดวงตากลมสุกไส ริมฝีปากแดงระเรื่อ ต่างไปจากเดิมก็เพียงแค่ทรงผมและสีผมที่ไม่ได้ดำสนิทเช่นเดิม
     


    “ขอโทษครับพี่ชาย จุนโฮแต่งตัวนานเลยพาลให้ผมสายไปด้วย” อูยองหันไปมุ่ยหน้าใส่เพื่อนของตัวเอง ก่อนที่จุนโฮจะยิ้มออกมาแกนๆเมื่อถูกป้ายความผิด
     


    “ไม่เป็นไร คุณนิชคุณก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน คุณนิชคุณครับนี่จางอูยองน้องชายของผม” นิชคุณหันไปยิ้มให้อูยอง หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อได้สบตากับอูยองอีกครั้ง รอยยิ้มของอูยองยังเป็นเช่นเดิม สดใสไม่เคยเปลี่ยน เขาหวังจะให้อูยองจำได้ว่าเขาเป็นใครโดยไม่ต้องบอก เขารู้ว่าอูยองต้องจำเขาได้ ต้องจำได้สิ...
     


    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชคุณ” เหมือนความหวังของนิชคุณถูกพังทลายลงด้วยน้ำมือของอูยอง อูยองจำเขาไม่ได้ แน่ล่ะหน้าตาเขาเปลี่ยนไปมากถ้าจะให้จำได้เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เขาต้องใช้เวลา
     


    “อาหารพร้อมแล้วครับ เชิญทุกท่านทางด้านนี้” หัวหน้าบริกรเชื้อเชิญให้ทุกคนไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีทางด้านหน้า ที่มีอาหารถูกจัดวางอยู่เต็มโต๊ะ เจสสิก้าควงแขนแทคยอนเดินไปแล้วเหลือเพียงพวกเขาทั้งสี่คนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
     


    “คุณอูยองถ้าไม่รังเกียจ...” นิชคุณยื่นมือไปหาอูยอง อีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตางุนงง เขาเป็นผู้ชายนะถ้าจะให้มาคล้องแขนเหมือนที่พี่เจสสิก้าทำคงจะดุแปลกไปซะหน่อย แต่นี่เป็นแขกคนสำคัญของพี่ชายยังไงเขาก็ต้องรักษาหน้าพี่ชายไว้ก่อน มือเล็กยื่นไปจับมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นคล้องแขนแทน นิชคุณหันมายิ้มให้กับคนข้างกายก่อนจะพาคนตัวเล็กเดินไปยังที่นั่ง
     
     






     
    รอยยิ้มของเขาคุ้นจังเลยนะ....
     
     
     
     
     
     
     
    TBC
     
     
    เขาเจอกันแล้ว แต่น้องยองจำไม่ได้ (แหงล่ะจะไปจำได้ยังไง)
    ตอนหน้าเปิดตัวอีกคู่หนึ่ง นายแพทย์หนุ่มกับอาจารย์มหาวิทยาลัย (ใครกันน้า)
    ตอนนี้พี่คิมมาแต่ชื่อจริงๆ แต่แทคยอนเขาไม่รู้หรอกว่าครูสอนดนตรีน้องชายจะเป็นคนเดียวกันกับเจ้าของสมุด แต่จะรู้ตอนไหน
    นะเหรอค่ะ ไม่บอกหรอ ให้ลู้นเอาเอง คิคิ
     
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเม้นด้วยนะคะ ดีใจจริงๆที่มีคนชอบฟิคเรื่องนี้แม้ว่าตอนแรกจะเดินเรื่องเนิบๆไปหน่อยแต่หลัง
    จากนี้จะสนุกและเข้มข้นกว่าเดิมเยอะ เพราะนางคนนั้น...
     
    รอติดตามกันด้วยนะคะ
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×