ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM FIC] BEASTLY {KHUNDONG}

    ลำดับตอนที่ #7 : CHAP.6

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 55


    Story: Beastly
    Chapter:06
    Status : Long fiction
    Pairing : Khunwoo
    Type : Drama
     
     


     
     
     
     
    Chapter 6 Transform
     
     
     




    คุณเดินไปตามทางเดินเลียบหุบเขาอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่รู้ว่าจะไปตามหาคนตัวเล็กที่ไหน ไม่รู้จะว่าจะทำอย่างไรที่จะได้ไปเกาหลี ที่มีตอนนี้ก็มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะตามหาครอบครัวที่มีเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองให้เจอ เขามั่นใจว่าอูยองจะไม่มีวันทิ้งเขาไป หรือว่าเขาควรจะกลับไปหาพ่อกับแม่ อ้อนวอนขอให้เขาพาไปที่เกาหลี บอกเขาว่าตนคือนิชคุณลูกชายที่พวกท่านเอามาทิ้งเมื่อ 21 ปีก่อน เขาจะยอมก้มหัวให้เขาด่าทอดูถูก ขอเพียงแค่ได้อูยองกลับมา ให้ทำอะไรก็ยอม
     





    “ชะ...ช่วยด้วย” เสียงพูดดังขึ้นที่พุ่มไม้ข้างทาง เป็นภาษาเกาหลี คุณค่อยๆหันไปก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งเลือดอาบไปทั่วใบหน้าค่อยๆคลานออกมาจากพุ่มไม้
     




    “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” คุณถามกลับเป็นภาษาเกาหลี



    “คุณพูดเกาหลีได้เหรอ?”
     



    “ผมพูดได้ เดี๋ยวผมพาคุณไปโรงพยาบาลนะ มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่” คุณพยุงชายคนนั้นขึ้นมาก่อนจะพาเขาเดินไปตามถนน โชคดีที่มีรถของชาวบ้านผ่านมา เขาและชายนิรนามจึงได้รับการช่วยเหลือจนไปถึงโรงพยาบาลในอำเภอ




    “ขอบคุณที่ช่วยผมไว้” เมื่อหมอจัดการทำแผลให้เรียบร้อย เขาก็กล่าวขอบคุณอย่างไม่นึกรังเกียจ



    “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ทำไมคุณถึงโดนทำร้ายล่ะ”



    “รถผมยางแตกเพราะตะปูเรือใบที่พวกโจรเอามาโรยไว้ พอผมลงจากรถเพื่อจะไปดูก็เลยโดนทำร้ายเข้า โชคดีที่คุณผ่านมาเจอไม่งั้นผมคงตายไปแล้ว” ชายคนนั้นยิ้มให้คุณอย่างเป็นมิตรแม้ว่าคุณจะไม่ได้คลุมหน้าอยู่ แต่ชายคนนั้นกลับไม่หวาดกลัวหรือรังเกียจเขาเลยแม้แต่นิด



    “ชานซอง ชานซอง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชายชราคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาคนป่วยอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วงก่อนจะโผเข้ากอด



    “ไม่เป็นอะไรครับคุณลุง แผลนิดหน่อยเอง ต้องขอบคุณคุณคนนี้” ชานซองชี้ไปที่คุณที่ยืนอยู่เงียบๆที่มุมห้อง พลันเมื่อสายตาของชายชราเห็นใบหน้าของคุณชัดๆก็อดที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆไม่ได้



    “พ่อหนุ่มใบหน้าและร่างกายของเธอไปโดนอะไรมา”



    “ผม...เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดแล้วครับ” คุณตอบอย่างงุนงง ชายคนนี้เป็นคนแรกที่ถามเขาว่าเขาไปโดนอะไรมา



    “สิ่งที่เธอเป็นรักษาให้หายได้นะพ่อหนุ่ม ฉันชื่อมัตสิโมโต้ ทาเคชิ เป็นศัลยแพทย์มือดีของญี่ปุ่น” คุณมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ศัลยแพทย์งั้นเหรอ? รักษาให้หายได้งั้นเหรอ?




    “แต่ผม...ไม่มีเงินหรอกนะครับ”  จริงอยู่ แม้ว่าเขาอยากจะรักษาไอ้โรคบ้าๆนี่ให้หายไปแต่ติดตรงที่เขายากจนเกินกว่าจะหาเงินไปรักษาได้ ชายชรามองเด็กหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้ เด็กคนนี้เป็นคนดีเขารู้สึกได้ และเขาก็อยากจะเปลี่ยนชีวิตเด็กคนนี้ให้ดีขึ้น




    “ให้ฉันเดา เธอคงเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งมาสินะ ไม่มีใครยอมรับลูกที่เป็นโรคนี้ได้หรอกใช่ไหม เอาล่ะอย่ากังวลไปเลย ฉันจะอุปการะเธอให้มาเป็นลุกชายของฉัน แล้วฉันจะรักษาเธอเอง”
     


    “คุณจะรักษาผมเหรอ คุณจะรักษาให้จริงๆเหรอ” คุณมองอีกฝ่ายด้วยความหวัง เขากำลังจะหายจากโรคนี้ เขาจะเป็นเหมือนคนปกติ เขาจะไปตามหาอูยอง อูยองจะได้ไม่อายที่เขาเป็นอสูร
     



    “เธอจะกลายเป็นคนใหม่ ฉันรับรอง ว่าแต่เธอชื่ออะไร” ชายชราถาม เป็นคนใหม่งั้นเหรอ ถ้าเขาต้องกลายเป็นคนใหม่เขาก็ไม่ควรจะใช้ชื่อเดิม จะไม่มีอีกแล้วคุณ อสูรอัปลักษณ์ที่แสนยากจน จะมีเพียงแต่...
     





    “ผมชื่อ นิชคุณ หรเวชกุล ฝากตัวด้วยนะครับ คุณพ่อ”
     
    .



     
    .
     


    .
     


    .
     


    .
     



    หลังจากวันนั้น คุณพ่อก็พานิชคุณไปที่ญี่ปุ่นพร้อมกับชานซองที่เป็นหลานชาย ทั้งนิชคุณและชานซองต่างก็สนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะคุณพ่อให้ชานซองคอยสอนภาษาญี่ปุ่นและวิชาการต่างๆให้นิชคุณ ชานซองเองก็ปรารถนาที่จะมีพี่ชายมานานแล้วประกอบกับเขาเองก็เป็นนักศึกษาแพทย์จึงไม่ได้รังเกียจนิชคุณแต่อย่างใด จนวันที่นิชคุณรอคอยก็มาถึงคุณพ่อนัดเพื่อนที่เป็นศัลยแพทย์อีกสองสามคนมาเพื่อจะรักษานิชคุณให้หาย ใช้เวลาผ่าตัดทั้งหมดเกือบยี่สิบชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย
     



    “คุณลุงครับแล้วพี่เขาจะตื่นเมื่อไหร่ครับ” ชานซองเอ่ยถามคุณลุงพลางมองพี่ชายนอนหลับไหลอยู่บนเตียง




     
    “ก็สักพักใหญ่นั่นล่ะ ว่าแต่ชานซองเถอะ ไม่ไปเรียนหรือไง มีสอบแล็บกริ๊งไม่ใช่เหรอ”
     



    “ผมอยากดูพี่เขาเปิดผ้าพันแผลนี่ครับ พี่เขาต้องหล่อแน่ๆ”
     




    “ยังไม่เปิดวันนี้พรุ่งนี้หรอก ต้องรอให้แผลเข้าที่ถึงจะเปิดได้ ไปเรียนก่อนไปเดี๋ยวลุงจะบอกเขาให้ว่าน้องชายมาเยี่ยม”
     



    “ครับผม” พูดจบชานซองก็หอบหนังสือเล่มโตวิ่งออกไปจากห้อง ผู้เป็นลุงส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ชานซองดีใจที่ได้มีพี่ชายแถมเห่อเสียด้วยสิ เขามองชายหนุ่มคนหนึ่งที่หลับไหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วย เด็กคนนี้คงมีชีวิตที่น่าสงสารมากเลยสินะ โรคแบบนี้มักไม่ได้การยอมรับในสังคมเท่าไหร่ คนมักจะรังเกียจและเข้าใจผิดว่าเป็นโรคติดต่อทั้งที่ไม่ใช่ เขาทำอย่างเต็มที่เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคืนชีวิตให้เด็กคนนี้ เขาเองก็ไม่มีลูกแม้ว่าจะแต่งงานมานานมากแล้ว เมื่อภรรยาของเขาป่วยตายไปเมื่อสิบปีก่อน เขาจึงขอชานซองมาเลี้ยงเพราะน้องสาวของเขาหย่าร้างกับสามีชาวเกาหลีและก็ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกเพราะทำงาน เขาจึงดูแลและอบรมชานซองมาเป็นอย่างดี รักเหมือนเป็นลูก มีชานซองเขาก็ไม่เหงาและเศร้าใจเพราะคิดถึงภรรยาอีกแล้ว แต่ทันทีที่เขาได้เห็นนิชคุณเขาก็เอ็นดูและถูกชะตาเด็กคนนี้มาก เด็กคนนี้เป็นคนจิตใจงดงาม เขามองคนไม่ผิดหรอก แต่เขากลัวว่าสิ่งที่เด็กคนนี้เป็นและคนรอบข้างตัดสินให้เป็นจะหล่อหลอมจิตใจที่ดีงามนี้ให้กลายเป็นสีดำ เขาจึงรับเด็กคนนี้มาเป็นลูกและตั้งใจจะให้สืบทอดกิจการของเขาต่อไปในภายภาคหน้าด้วย
     





    “อ่ะ...อูยอง...อูยอง” เสียงเรียกดังขึ้นจากเตียงทำให้ชายชราต้องลุกขึ้นไปดูอย่างเสียมิได้ ตั้งแต่ที่นิชคุณมาอยู่กับเขาทุกคืนเมื่อเด็กคนนี้หลับไหล เขามักจะเรียกชื่อๆหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา เขาไม่รู้หรอกว่าคนๆนั้นเป็นใคร แต่ท่าทางว่าจะมีความสำคัญกับนิชคุณมาก
     








    มากเสียจน...ลืมไม่ได้
     
    .
     




    .
     




    .
     




    .
     




    .
     




    “พี่ ผมซื้อแอ็ปเปิ้ลมากฝากพี่ด้วยล่ะ แล้วก็มีเมล่อน มีกล้วย แล้วก็มะม่วงด้วยนะ พี่อยากกินอันไหนก่อน” ชานซองชูถุงข้าวของที่หอบมาเต็มกำมือให้พี่ชายของตนดู เด็กหนุ่มวางของเหล่านั้นไว้ที่เค้าเตอร์ก่อนจะมายืนข้างเตียงของพี่ชาย
     




    “อันไหนก็ได้แล้วแต่ชานซองเถอะ” นิชคุณตอบอย่างนิ่งๆ จนน้องชายตัวดีอดสงสัยไม่ได้
     



    “พี่ดูไม่ร่าเริงเลย พี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
     



    “พี่กลัว...”
     



    “พี่กลัวอะไรเหรอ พี่ไม่ต้องกลัวหรอกผมกับคุณลุงจะดูแลพี่อย่างดี พี่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของผมนะ”
     



    “คุนนี่เป็นครอบครัวของฉันนะ”
     




    พลันน้ำตาก็พากันหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคม นิชคุณนึกถึงอูยองอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดจะทำอะไร จะต้องพาเขาวกกลับไปในความทรงจำของเขาเสมอ ความทรงจำที่มีแต่อูยอง ความทรงจำที่ฝังรากลึกในหัวใจของเขายากที่จะลบเลือน
     



    “พี่...เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ร้องไห้ทำไม” ชานซองอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ เมื่อเห็นพี่ชายของตนร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
     


    “พี่คิดถึงเขาอีกแล้วชานซอง คิดถึงอีกแล้ว...”
     



    “คิดถึง? พี่คิดถึงใครกัน?”
     



    นิชคุณตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องชายของตนฟัง ชานซองนั่งฟังเรื่องราวจากปากของพี่ชายอย่างตั้งใจ ไม่น่าเชื่อว่าคนสองคนเจอกันเพียงไม่นานแต่กลับรักกันมาก มากเสียจนชานซองก็อดคิดไม่ได้ว่าความรักนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้นได้ด้วยหรือ ชานซองไม่เคยมีความรัก เขาไม่เคยมีแฟน หรือแม้แต่จูบแรกเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นเด็กเรียนสมัยเรียนมัธยมเขาก็เอาแต่เรียน  อ่านหนังสือ ไม่สนใจคนรอบข้างบวกกับลุคของเขาที่ดูเนิร์ดเลยทำให้ไม่มีใครสนใจในตัวเขามากนัก แม้ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขาจะเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ แต่งตัวให้ดีขึ้น มีคนมาสนใจมากมาย แต่เขาก็ยังไม่สนใจคนรอบข้างอยู่ดี ราวกับว่าหัวใจของเขากำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
     



    “พี่...ถ้าพี่อยากเจอคุณอูยอง ผมก็พอมีหนทางอยู่บ้างนะ” ผมเอ่ยบอกพี่ชาย แววตาสุกไสที่ซ่อนอยู่ในผ้าพันแผลสีขาวสะอาดจ้องมองผมอย่างมีความหวัง
     




    “ยังไงชานซอง พี่ต้องทำยังไง”
     



    “คุณลุงมีธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ที่โซล ลำพังตอนนี้ก็จ้างนักบริหารให้คอยดูแลอยู่ บวกกับได้คุณอ๊กแทคยอนมาคอยดูแลด้วย กิจการก็เลยเฟื่องฟูมาก แต่คุณลุงเองก็เคยพูดว่าอยากให้ลูกหลานคอยดูแลมากกว่าจะได้ไว้ใจได้” ชื่อของบุคคลในประโยคทำให้นิชคุณชะงัก
     



    “พี่ชายของอูยองเป็นใครเหรอ”


    “พี่ชายของฉันชื่ออ๊กแทคยอน ตอนนี้เขาดูแลบริษัทของคุณพ่อคุณแม่แล้วก็ธุรกิจอีกมากมาย พี่ชายฉันเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กๆเลยนะ จนฉันลืมไปเลยว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า”
     



    อ๊กแทคยอน อ๊กแทคยอนงั้นเหรอ?
     



    “ชานซองแล้วถ้าพี่อยากจะขอคุณพ่อไปช่วยดูแลโรงพยาบาลให้ล่ะ คุณพ่อเขาจะอนุญาตไหม?”
     



    “ก็น่าจะได้นะพี่ อีกอย่างผมก็ใกล้จะจบแล้ว คุณลุงก็คงอยากให้ผมกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย ถึงตอนนั้นพี่เองก็คงเรียนจบบริหารแล้ว คุณลุงต้องยอมอยู่แล้ว”
     






    อย่างงั้นเหรอ เท่าที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือคอย คอยให้ชานซองและตัวเขานั้นเรียนจบ รอคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม สักวันหนึ่งเขาจะต้องได้ไปเหยียบแผ่นดินเกาหลี เขาจะต้องได้เจออูยองอีกครั้ง เจ้าสำลีคงคิดถึงเจ้าของมันจะแย่แล้ว
     
    .
     



    .
     



    .




     
    .
     




    .
     



    “เอาล่ะ พ่อจะเปิดผ้าพันแผลแล้วนะ ลูกเตรียมใจไว้หรือยัง”
     




     
    “ครับคุณพ่อ” พูดจบชายชราก็ส่งยิ้มมาให้นิชคุณอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆบรรจงถอดผ้าพันแผลสีขาวสะอาดออกอย่างช้าๆ ตอนนี้นิชคุณใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ใบหน้าของเขาจะเป็นยังไงนะ เขาจะหล่อไหมนะ ไม่หรอกน่า อย่างน้อยก็ขอแค่รอยแผลบ้าๆนั่นหายไปจากหน้าของเขาเสียที เท่านี้ก็พอแล้ว
     





    “เอาล่ะ ลืมตาได้” นิชคุณลืมตาตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะค่อยๆเดินไปยังกระจกเงาที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าตัวเองในนั้น เขาถึงกับตะลึงงัน คนในนั้นเป็นใครกันนะ ใช่ตัวเขาจริงๆเหรอ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตากลมโตแววตาดูสุกไสสะท้อนตอบกลับมา ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูป รอยแผลเป็นหายไปจนหมดสิ้นทั้งบนใบหน้าและตามร่างกาย เขายิ้มออกมาและเทพบุตรในกระจกเงาก็ยิ้มตอบกลับเขามาเช่นกัน
     




    “พี่ พี่หล่อเป็นบ้าเลย หล่อกว่าผมอีกนะ” ชานซองเอ่ยอย่างดีใจ พี่ของเขาหล่อมากเหมือนเทวดาเลย หล่อจนเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นคนเดียวกับเมื่อหลายวันก่อน
     




    “นี่พี่จริงๆเหรอชานซอง ใช่พี่จริงๆเหรอ” นิชคุณยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเอง




     
    “ใช่สิ นี่พี่ล่ะ เจ้าชายนิชคุณ พี่หล่อเหมือนเจ้าชายเลย”
     




    นิชคุณหันกลับไปจ้องเงาสะท้อนของตัวเองอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เขาส่องกระจกคือตอนที่อูยองขยั้นขะยอให้เขาส่องดูใบหน้าของตัวเอง แต่มาวันนี้เงาสะท้อนในนั้นเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปจนน่าตกใจ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีใบหน้าที่ดูดีราวกับเทพบุตรอย่างนี้ มาถึงตอนนี้เขาก็ต้องรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาพร้อมที่จะไปพบอูยองอีกครั้ง เมื่อวันก่อนเขาตัดสินใจขอพ่อของเขาไปดูแลธุรกิจโรงพยาบาลที่โซลและพ่อของเขาก็ตอบตกลงโดยไม่เอ่ยถามเหตุผลเลยแม้แต่นิด นิชคุณยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความหวัง อูยองต้องยิ้มออกมาจนกว้างแน่นอนถ้าเห็นว่าเขาหล่อขนาดนี้
     







     
    เขาอยากเห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้งนึง...
     
     
     
     
     
     
     
     






     
     
    TBC
     
    ตอนนี้มาเต็มมากกกกกกกก แอบกรี๊ดคาแรกเตอร์ของฮวังชานซองเรื่องนี้บ้าง
    อร๊ายยยยยยคุณหมอรูปหล่อ (อินี่เพ้อ) พี่คุณก็หล่อแว้วววววววว
    น้องยองจะอึ้งไหมนะ หรือจะจำคุนนี่ไม่ได้ คิคิ โปรดติดตามตอนต่อไป
    รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองไฟแรงนั่งพิมยิกๆเลย แรงบันดาลใจมาเต็ม
    โมเม้นเขาแรงอ่ะ แรงใจเราเลยมาแรงบ้าง
    อาจจะมาถี่ๆเพราะไม่ได้ไปไหนแล้ว ไม่ได้เที่ยว งืดๆ เศร้า
    คงจะว่างไปจนถึงช่วงเดือนพฤษภาโน่นแน่ะ รอผลแอ็ดออกก็คงจะได้ยุ่งอีกเที่ยว
    รีดเดอร์จะรำคาญว่าอินี่มันบ่นอะไรของมัน ก็เขาเหงาอ่ะ เพื่อนทิ้ง ฮือๆ
    55555 ไม่มีอะไรจะบ่นแล้วล่ะคะ
     
    เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบาย^3^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×