ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM FIC] BEASTLY {KHUNDONG}

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAP.3

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 55


    Story: Beastly
    Chapter:03
    Status : Long fiction
    Pairing : Khunwoo
    Type : Drama
     
     
     
     
     
    Chap 03 : Fall in love...
     
     
    ไม่ว่าใครก็มีสิทธิมีความรัก เพียงแค่มีหัวใจเท่านั้นก็รักได้แล้ว
     
     
     
    อูยองน้ำตาไหลพราก อาหารมื้อนี้เขาต้องกินข้าวพร้อมกับน้ำตาอย่างเสียมิได้
     
    “อ๊า...คุนนี่ เผ็ด เผ็ดมากเลยยยยยยย น้ำ ขอน้ำหน่อย”
     
    คุณยื่นขันน้ำสีเงินให้ ร่างเล็กฉวยเอาขันสีเงินไปอย่างรวดเร็วก่อนจะดื่มน้ำในนั้นรวดเดียวหมด แก้มของอูยองแดงปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ เขาเป็นคนไม่ชอบกินเผ็ดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็ลืมว่าอาหารไทยโดยเฉพาะน้ำพริกนั้นเผ็ดมากเพียงใด
    “อูยอง...เป็นอะไรหรือเปล่า อูยองกินเผ็ดไม่ได้ใช่ไหม” คุณมองอูยองด้วยแววตาแสนเศร้า เขารู้สึกผิดที่ทำให้อูยองทรมานจากความเผ็ดของอาหาร เขาน่าจะถามก่อนว่าอูยองกินเผ็ดได้ไหม เขาสะเพร่าจริงๆ
    “คุนนี่ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก อย่าเศร้าไปเลย เฮ้อ...ฉันอิ่มแล้วล่ะ อาหารของนายอร่อยมากจริงๆ ขอบคุณนะ” อูยองส่งยิ้มมาให้คุณอย่างสดใส ก่อนจะหยิบจานข้าวของตัวเองไปเก็บไว้ในครัว ร่างเล็กยืนมองแสงจันทร์ผ่านทางหน้าต่างบานเล็ก แสงจันทร์สาดส่องลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับจะช่วยปลอบโยนความทุกข์ในใจของอูยองให้หมดไป
    “คุณพ่อคุณแม่ผมขอโทษ ที่ผิดสัญญา ผมขอโทษที่ทิ้งพี่ชาย” หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาจากดวงตาคู่สวย ก่อนที่พ่อกับแม่บุญธรรมของเขาจะไปอังกฤษในคืนวันหนึ่ง พี่ชายและเขาได้สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันและจะไม่ทิ้งกันไป อูยองไม่เคยคิดจะใส่ใจและพูดมันไปพล่อยๆจนกระทั่งพ่อบ้านมาบอกเขาในเช้าวันถัดมาว่าพ่อกับแม่เครื่องบินตกกลางทะเล และเสียชีวิต คำสัญญาสุดท้ายในคืนวันนั้น คำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่ เขายึดถือมันมาตลอด แต่ตอนนี้เขากลับผิดสัญญาอย่างไม่น่าให้อภัย
    คุณยืนมองดูอูยองที่ยืนร้องไห้อย่างเงียบๆ ทำไมคนๆนี้ต้องร้องไห้มากมายขนาดนี้กันนะ เขาอยากจะเดินเข้าไปซับน้ำตาให้คนตัวเล็กเหลือเกิน แต่ก็คงจะได้แต่เพียงคิด ความจริงที่ว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่อสูรน่าตาอัปลักษณ์ทำให้เขาต้องพยายามที่จะหยุดตัวเองไว้ พยายามที่จะไม่หลงรักคนตัวเล็ก เขาไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องทิ้งเขาไปเพราะความรักงี่เง่า ความรักที่เป็นไปไม่ได้
     
     
    แต่อย่างน้อย เขาก็อยากทำให้อูยองมีความสุข...ถ้าอย่างนั้นเขาทำได้ใช่ไหม
     
    .
     
     
    .
     
     
    .
     
     
    .
     
     
    .
     
     
    อูยองโบกมือให้คุณที่ออกไปทำงานในสวนตั้งแต่เช้ามืด ร่างเล็กนั่งลงที่เฉลียงหน้าบ้านก่อนอีกฝ่ายจะหายลับไปอูยองครุ่นคิดถึงอสูรหน้าตาน่าเกลียดแต่จิตใจดี คนเราตัดสินจากภายนอกไม่ได้จริงๆสินะ เขานึกย้อนไปถึงนิทานที่พี่ชายเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กๆ เรื่องราวของสาวงามที่ต้องมาอยู่กับเจ้าชายอสูร อสูรที่ต้องคำสาปและคำสาปจะคลายเมื่อเขาได้พบรักแท้ เขาพยายามทุกอย่างที่จะให้สาวงามหลงรัก หากแต่กุหลาบงามที่ค่อยๆร่วงโรยไปตามกาลเวลาก็เกือบที่จะทำให้อสูรนั้นไม่พ้นจากคำสาป สาวงามที่บอกรักอสูรในนาทีสุดท้าย คำบอกรักที่มาจากหัวใจ เธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ อูยองคิดเล่นๆ เขาเพียงแค่คิดเล่นๆแต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นแรงอย่างน่าประหลาด จริงอยู่แม้คนทั่วไปจะมองว่าคุณนั้นหน้าตาอัปลักษณ์แต่เขากลับมองข้ามมันและเห็นเพียงแค่ชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสมอ รอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจ ที่คนในสังคมมักจะฉาบรอยยิ้มนั้นไว้บนหน้าหากแต่เคลือบแฝงสิ่งอื่นไว้ในนั้น แต่สำหรับคุณนั้นมันไม่มีสิ่งใดแฝงอยู่เลย อูยองรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นทำให้เขาตกหลุมรักเจ้าชายอสูรของเขา เขารักอสูรเพราะจิตใจที่ดีงาม เขาคิดว่าถ้าหากเขาบอกรักอสูรไปคำสาปจะคลายเหมือนในนิทานหรือไม่นะ?
    “นายจะเขินทำไมเนี่ยอูยอง” มือเล็กตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ ร่างเล็กลุกจากเฉลียงหน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว จริงสิ คุณไม่ได้เอาอาหารกลางวันไปนี่นา ถ้าอูยองทำไปให้จะดีไหมนะ ร่างเล็กกวาดตามองวัตถุดิบในห้องครัวที่มีเพียงไข่ ปลากระป๋อง และผักกาดขาวดองหนึ่งหัว
    “อืม....ทำอะไรให้คุนนี่กินดีนะ” ร่างเล็กคิดไม่ตก แม้เขาจะเคยเรียนทำอาหารจากแม่บ้านชองมาบ้าง แต่ทั้งหมดที่เขาเคยทำก็เป็นอาหารเกาหลี แต่นี่เขาอยู่เมืองไทยคุนนี่ก็เป็นคนไทย ถ้าเขาทำอาหารเกาหลีประยุกต์ไทย มันจะกินได้ไหมนะ? คุนนี่อาจจะเททิ้ง หรือไม่ก็ฝืนกิน คุนนี่อาจจะท้องเสีย โอ้ยยยยยจางอูยองกลุ้ม
    “ถ้ามีมือถือนะ จะโทรหาแม่บ้านชองแล้วถามสูตรอาหารซะเลย อืม....เอาเป็นว่าทำไข่เจียวแบบที่คุนนี่ทำให้กินเมื่อวานดีกว่า แล้วก็ไข่ผัดกับผักกาดขาวดอง น่าจะเข้าท่า เอาล่ะคุนนี่ฉันจะตั้งใจทำสุดฝีมือเลย”
    อูยองง่วนอยู่กับการเข้าครัวอยู่พักใหญ่ก็จัดแจงเอาอาหารที่เพิ่งทำเสร็จลงปิ่นโตสีเหลืองครีมก่อนจะเดินออกจากบ้านไปที่สวนกุหลาบที่อยู่ไม่ไกลจากกระท่อม คุณเคยเล่าให้อูยองฟังว่ากระท่อมนี้อยู่ในที่ดินของป้าจันทร์ที่เป็นเจ้าของสวนกุหลาบที่มีเมตตาให้เขาอาศัยอยู่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรแถมยังให้เขาทำงานในสวนอีก ไม่นานอูยองก็เดินมาจนถึงสวนกุหลาบที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ดอกกุหลาบหลากสีบานสะพรั่งราวกับจะทักทายอูยองที่เดินเข้ามาในสวน อูยองยิ้มกว้างเขาชอบกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่สุด มันทำให้เขารู้สึกดีและผ่อนคลาย เขาเดินไปอีกนิดก็เจอแผ่นหลังที่แสนคุ้นเคยยืนอยู่และก็ง่วนกับการตัดดอกกุหลาบ
    “คุนนี่” อูยองร้องเรียก คุณหันมาด้วยความประหลาดใจ
    “อูยอง มาได้ยังไง แล้วมาทำอะไรที่นี่”
    “เอาข้าวกลางวันมาให้ คุนนี่มากินข้าวกันเถอะ” ร่างเล็กชูปิ่นโตสีเหลือง ปรากฎรอยยิ้มกว้างบนหน้าของร่างสูง
    ทั้งสองนั่งลงกินข้าวใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมเย็นๆพัดมาเอื่อยๆ คุณแกะปิ่นโตของอูยองออกด้วยความกระตือรือร้น
    “น่ากินจัง ขอบคุณนะอูยอง” อูยองยิ้มกว้าง เขาดีใจที่คุณชอบอาหารที่เขาตั้งใจทำ
    “อร่อยมาก ฉันไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ขอบคุณจริงๆนะอูยอง” คุณตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่อูยองทำมาให้จนหมดในเวลาไม่นาน อูยองรู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายชอบ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของคุณ อูยองหลงรักคุณเข้าให้แล้วล่ะ
     
     
    และเขาจะพูดมันให้อีกฝ่ายได้รับรู้
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    “เธอจะบอกฉันว่าอ๊กแทคยอนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานกับเธองั้นสิ” แทยอนเอ่ยถามเพื่อนรักหลังจากที่เจสสิก้าเล่าเรื่องทุกอย่างให้แทยอนฟัง
    “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ตอนนี้น้องชายเขาก็มาหายตัวไป กำหนดการก็เลยต้องเลื่อนไปนิดหน่อย เด็กบ้าดันมาหายไปในเวลาแบบนี้ซะได้” เจสสิก้าเอ่ยอย่างหัวเสีย เดิมทีแทคยอนนั้นจะจัดงานแต่งของเธอกับเขาในปีนี้ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน แทคยอนเครียดมากบวกกับงานที่ประดังเข้ามาทำให้เขาแทบไม่มีเวลาทำอะไร งานแต่งจึงต้องเลื่อนไปก่อน
    “ฉันน่ะนะ อุตส่าห์ยกเรื่องอาถรรพ์เจ็ดปีมาให้เขากังวล แต่เขากลับไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย” แทยอนวางแก้วกาแฟก่อนจะจับมือเพื่อนรักมากุมไว้ แววตาของเธอดูแน่วแน่จนเจสสิก้าเริ่มจะหวั่นใจถึงสิ่งที่เธอกำลังจะเอ่ยออกมา
    “เจสสิก้า หรือว่านายอ๊กแทคยอนเขาจะมีคนอื่น” เจสสิก้าชักมือเธอกลับก่อนจะเอ่ยอย่างหัวเสีย
    “เธอจะบ้าเหรอ แทครักฉันจะตายเขาจะมีคนอื่นได้ยังไง” แทยอนกระตุกยิ้มให้เพื่อนของเธอก่อนจะเอ่ยกับเจสสิก้า
    “เธอมั่นใจเหรอ จิตใจผู้ชายน่ะนะรวนเรยิ่งกว่าคลื่นลมในทะเลซะอีก เป็นเรื่องยากที่ผู้ชายคนหนึ่งจะหยุดหัวใจไว้ที่คนๆเดียว โดยเฉพาะผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างแทคยอน ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยแทบจะสิโรราบให้เขาเลยทีเดียว” เจสสิก้านิ่งเงียบไป สิ่งที่แทยอนพูดนั้นก็น่าคิดไม่ใช่น้อย แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในหัวใจของผู้ชายคนนี้ เธอเชื่อว่าแทคยอนจะต้องรักแค่เธอ
    “แทยอนอ่า สิ่งที่เธอพูดนั้นก็น่าคิดนะ แต่ฉันกับเขาคบกันมานาน ความเชื่อมั่นความไว้ใจฉันให้เขาเต็มเปี่ยม เธอก็รู้นิสัยฉันดี ว่าฉันไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆถ้าฉันไม่มั่นใจในตัวของคนๆนั้นจริงๆ”
    “เจส...บางที...เธอลองเผื่อใจไว้บ้างก็ดีนะ ใจคนเรามันเปลี่ยนกันได้ ฉันกล้าพนันกับเธอด้วยชีวิตของฉันเลยว่าถ้าเธอเจอคนที่ดีและเพียบพร้อมกว่าแทคยอน เธอก็ต้องเลือกเขา จริงไหม?”
    “มันก็จริง...ฉันก็อยากได้คนที่ดีที่สุดมาเป็นคู่ครอง แต่....”
    “แต่อะไร หรือเธอจะบอกว่าชีวิตของเธอเธอให้เขาแล้ว ไร้สาระน่าความรักแบบนี้มีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น โลกความจริงก็อย่างที่เธอเคยบอกฉันไง เงินตราสำคัญที่สุด” เจสสิก้าฉุกคิด ใช่สิ เธอลืมทฤษฎีข้อนี้ของเธอไปได้ยังไงกันนะ เมื่อ5ปีก่อน เธอยอมคบกับแทคยอนเพราะว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยในเกาหลี ที่เธอหวังให้เขามาพยุงฐานะของครอบครัวเธอได้ เธอต้องไม่ลืมถึงข้อนี้ เธอต้องจำไว้เสมอ...เงินตราสำคัญที่สุด
     
     
     
     
    ใช่แล้ว...ฉันไม่ได้รักแทคยอน ฉันรักเงินของเขา
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    แทคยอนหงุดหงิดจากสภาพการจราจรของเกาหลีใต้ในวันนี้เป็นอย่างมาก วันนี้เป็นนัดสำคัญที่เขาไม่ควรสาย เขาต้องไปรับผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากญี่ปุ่นที่เขาจะร่วมลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล นายแพทย์มัตซึโมโต้ ทาเคชิ แต่สวรรค์ก็ดูไม่ค่อยเป็นใจให้เขาสักเท่าไหร่ ดันเกิดอุบัติเหตุทำให้รถติดยาวเหยียดจนเขาเกือบมารอรับผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ที่สนามบินอินชอนแทบไม่ทัน ร่างสูงเดินก้าวฉับๆท่ามกลางผู้คนที่เดินอย่างวุ่นวายในสนามบิน
    “อิมซึลอง” เขาเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิท
    “ครับท่านประธาน”
    “บอกลูกน้องให้รอฉันอยู่ข้างนอก ฉันไม่อยากให้มันเอิกเกริกจนคุณมัตซึโมโต้ตกใจ”
    “แต่ท่านประธาน...ความปลอดภัย...”
    “ฉันสั่งอะไรก็ให้ไปทำเถอะน่า อีกอย่างคงไม่มีใครมาส่องยิงฉันในนี้หรอกน่า กังวลไปเรื่อย”
    “ครับ” ซึลองรับคำเจ้านายก่อนจะโบกมือไล่ลูกน้องพร้อมกับตัวเขาที่เดินออกไปรอด้านนอกตามคำสั่ง
    แทคยอนมองลูกน้องที่เดินออกไปกันจนหมดก่อนจะเดินต่อโดนมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายที่เขานัดกับผู้ถือหุ้นไว้ ร่างสูงก้มลงมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนทองก่อนจะเร่งฝีเท้าเมื่อใกล้จะถึงเวลานัดเต็มทีโดยไม่ได้ระมัดระวังคนรอบข้างเลย
    ตุ้บ!
    “ขอโทษครับ” เขาเอ่ยกับผู้เสียหายอย่างสุภาพ
    “ไม่เป็นไรครับ” ผู้เสียหายเอ่ยตอบเขามาเช่นกัน แทคยอนยืนจ้องหน้าคู้กรณีอยู่พักใหญ่ แม้คู่กรณีของเขาจะสวมแว่นตาดำเพื่อปกปิดใบหน้า ที่ใบหน้าขาวกับริมฝีปากที่แดงระเรื่อก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นอย่างไม่รู้สาเหตุ
    “มีอะไรหรือเปล่าครับ” คู่กรณีเอ่ยอย่างงงๆเมื่อเห็นแทคยอนจ้องหน้าเขาไม่วางตา
    “ปละ..เปล่าครับ...เอ่อ...ขอโทษอีกครั้งนะครับ” คู่กรณียิ้มให้แทคยอนบางๆก่อนจะเดินจากไป แทคยอนหัวเราะเบาๆให้กับตัวเอง เขาคงทำงานมากจนเกือบเพี้ยนจนเผลอเสียมารยาทไปจ้องหน้าคนอื่นขนาดนั้น แต่ทันทีที่แทคยอนก้าวขาจะเดินต่อ เท้าของเขาก็เหยียบโดนอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ที่พื้น แทคยอนหยิบสมุดปกสีดำขึ้นมาดูอย่างพิจารณา น่าจะเป็นของคนๆนั้นนะ เขาผลิกดูด้านในก็เห็นแต่ตัวโน๊ตเขียนเต็มไปหมด ท่าทางคนๆนั้นจะเป็นนักดนตรีนะเนี่ย แทคอยนตัดสินใจจะเก็บสมุดนั้นไว้และให้อิมซึลองส่งคืนเจ้าของในภายหลัง เจ้าของที่มีชื่อเเปลกๆเขียนอยู่ที่ปกหลังของสมุดเล่มนี้
     
    KIM. JUNKAY
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    TBC
     
    เฮ้ยยยยยยยยยยอะไรอ่ะ เค้าว่าทุกคนคงรู้ว่าคนที่แทคยอนชนเปรี้ยงที่สนามบินเป็นใคร
    และเขาจะมามีบทบาทยังไงกันนะ ติดตามต่อไป
    แต่เจสสิก้า หึหึ นางออกลายเต็มตัว ก็อย่างที่เกริ่นกันไว้แต่แรก ว่านางไม่ได้รักพี่แทคหรอก
    นางรัก”เงิน”ต่างหาก
    ส่วนคุณด้ง น้องยองของเราหลงรักอสูรซะแล้วววววววว และจะสารภาพรักด้วยยยยยย
    ว้าววววววตอนหน้าแหละ ตอนหน้า อสูรจะทำยังไงน้า เขาจะตอบรับรักหรือเปล่า
    รอติดตามกันนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×